เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 1067 ทั้งแม่และลูกอยู่ที่ครัว
บทที่ 1067 ทั้งแม่และลูกอยู่ที่ครัว
ตลอดจนตอนนี้ หลังจากที่เฉิงเฉิงได้รู้เรื่องราวระหว่างเป่หมิงยี่เฟิงและแม่ของตัวเอง รวมถึงเหตุผลต่างๆ นานา ของคุณพ่อ ถึงได้ค่อยๆ ตีตัวออกห่างมา
แต่ในใจก็ยังคงอยากเจอเขามากๆ
***
ไม่นาน บ้านที่ปานซานก็ได้ต้อนรับแขกจำนวนนึง นั่นก็คือฉิงฮัวที่ขับรถพาลั่วเฉียวและลูกมา
พวกเขายืนอยู่ตรงหน้าประตูและกดกริ่ง
“คิดไม่ถึงจริงๆ เฉียวเฉียวเป็นเธอที่มาถึงคนแรก” คนที่เปิดประตูรับแขกคือกู้ฮอน
“ทำไม ฉันมาก่อนไม่ได้เหรอ หลังจากที่พวกฉันได้รับโทรศัพท์จากเธอก็รีบหยุดทุกอย่างและลายเซ็นมาเลยนะ โอ๊ะ คุณป้ากับคุณลุงมาถึงแล้ว” ลั่วเฉียวอุ้มลูกเดินเข้าไปในห้องรับแขก ก็เห็นหวีหรูเจี๋ยกับโม้จิ่งเฉิงทันที
หลังจากทักทายกับพวกเขาเธอก็มองไปรอบๆ : “ทำไม แอนนิยังไม่มาเหรอ?”
กู้ฮอนพยักหน้า: “ใช่แล้ว เธอก็รู้ว่าแอนนิเพิ่งเปิดร้านเมื่อวาน วันนี้แขกก็ไม่น่าจะน้อย เป็นเจ้าของร้านจะให้ทิ้งร้านแล้วออกมาก่อนได้ยังไง แอนนิคงจะมาช้าหน่อยและ”
ฉิงฮัวเห็นว่าวันนี้อารมณ์ของเป่หมิงโม่ดูดี ตอนแรกก็เป็นกังวลเขาอยู่ ตอนนี้ดูแล้วเขาสามารถวางใจลงได้บ้างแล้วแหละ
เขารีบเดินตรงเข้าไปทักทายเป่หมิงโม่
ในบ้านไม่มีคนนอก แถมยังสนิทกันด้วย เพราะงั้นเวลาที่พวกเขานั่งด้วยกันจึงไม่รู้สึกอึดอัดหรือว่าเบื่อ ไม่นานก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
กู้ฮอนกลับเข้าไปในครัวเตรียมอาหารค่ำต่อ ขณะนั้นเฉิงเฉิงกับหยางหยางก็เข้ามาในห้องครัว
“ลูกรัก ทำไมพวกหนูถึงไม่อยู่ข้างนอกเล่นกับพวกป้าเฉียวเฉียวล่ะ?”
“เฉิงเฉิงบอกว่าให้พวกเรามาที่นี่ช่วยงานคุณแม่ฮะ”
เธอมองไปที่เด็กน้อยทั้งสองแล้วยิ้มเบาๆ : “พวกหนูโตขึ้นแล้วจริงๆ แต่ว่าตอนนี้ที่นี่ไม่มีเรื่องอะไรที่พวกหนูช่วยได้ แม่ว่าพวกหนูออกไปเล่นกับน้องสาวดีกว่านะ”
“แบบนั้นไม่ได้ฮะ ถ้าต้องออกไปก็ให้เฉิงเฉิงออกไปก็พอแล้วฮะ ผมจะอยู่ที่นี่กับแม่” หยางหยางทำเอากู้ฮอนแปลกใจ
“ทำไมเหรอลูก หนูมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” เธอวางงานในมือลง
“ผมจะปล่อยให้โดนเฉิงเฉิงยืดตำแหน่งดาวเด่นวันนี้ไปหมดได้ไงล่ะฮะ อีกอย่างผมเตรียมจะทำอาหารอย่างหนึ่งด้วย อาหารเช้าเฉิงเฉิงทำแล้ว งั้นอาหารเย็นผมก็จะทำ” หยางหยางมั่นใจเต็มเปี่ยม
กู้ฮอนยิ้มอ่อน: “งั้นโอเค หนูอยู่ที่นี่ช่วยแม่แล้วกัน เฉิงเฉิง ลูกออกไปเล่นกับน้องก่อนนะ”
เฉิงเฉิงพยักหน้า จากนั้นก็หันหลังเดินออกไป
ที่หยางหยางพูดเมื่อกี้ เฉิงเฉิงไม่ได้รู้สึกมีปัญหาอะไร ยากนะที่หยางหยางจะอยากทำงาน
“ลูกรัก หนูคิดว่าจะทำกับข้าวอะไรเหรอ?” กู้ฮอนถถามพลางมองไปที่เขา
“ปีกไก่ย่างฮะ แต่ว่าต้องให้แม่ช่วยเตรียมส่วนผสมบางอย่าง เอาปีกไก่ พริกป่น พริกไทยดำ น้ำผึ้ง……” หยางหยางใช้มือเล็กๆ ชี้ไปชี้มา ไม่นานก็ชี้วัตถุดิบและเครื่องออกมาสิบกว่าอย่าง
ดีที่ห้องครัวของเป่หมิงโม่นี้ ราวกับห้องครัวของโรงแรมห้าดาวมีของครบถ้วน
รวบรวมของจึงไม่ยุ่งยากเลย ไม่นานก็เตรียมเสร็จแล้ว
กู้ฮอนสวมผ้ากันเปื้อนให้หยางหยาง
“แม่ แม่ทำส่วนของแม่ไปนะฮะ กับข้าวของผมเดี๋ยวผมทำเอง” หยางหยางพูด พลางถือเขียงเล็กไว้ในมือแล้วเดินไปที่ตรงอื่น
“ทำไม กลัวว่าแม่จะแอบดูสูตรทำอาหารเหรอ” กู้ฮอนรู้สึกว่าหยางหยางทำแบบนี้สนุกดี
หยางหยางพูดอย่าจริงจัง: “เป็นแบบนั้นได้ไง แค่คิดว่าพวกเราจะเกะกะกันเอง”
ขณะที่เชฟทั้งสองกำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหารค่ำวันคริสต์มาส ที่หน้าประตูก็มีเสียงกริ่งดังขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้เป็นเฉิงเฉิงที่วิ่งไปเปิดประตู
***
ก็เห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูเป็นครอบครัวของเป่หมิงเฟยหย่วนรวมไปถึงเป่หมิงยันสี่คน
“คุณลุง คุณน้า อาสาม พี่ยี่เฟิงยินดีต้อนรับสู่บ้านของผมครับ” เฉิงเฉิงเชิญพวกเขาเข้ามาอย่างมีมารยาท
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเป่หมิงเฟยหย่วนมาหาเป่หมิงโม่ที่นี่ ถึงแม้ระยะทางจะไกลไปสักหน่อย แต่ว่าเป่หมิงโม่ได้บอกเส้นทางให้ฟังอย่างชัดเจน เพราะงั้นนอกจากใช้เวลาไปกับทางเดินทาง ก็ไม่มีหลงทางใดๆ ทั้งสิ้น
พี่น้องตระกูลเป่หมิงมาแล้ว ทันใดนั้นในห้องรับแขกก็เปลี่ยนเป็นครึกครื้นมากขึ้นไปอีก แม้แต่เป่หมิงเฟยหย่วนพอเห็นหวีหรูเจี๋ยก็พยักหน้าให้อย่างมีมารยาท: “สวัสดีครับแม่เล็ก”
ต่อมาหลันเนี่ยน เป่หมิงยี่เฟิงและเป่หมิงยันก็ถามสารทุกข์สุกดิบหวีหรูเจี๋ยกับโม้จิ่งเฉิงไปตามๆ กัน
ระหว่างหวีหรูเจี๋ยกับเป่หมิงเจิ้งเทียนในตอนนั้นมีปัญหาอะไรกัน เธอก็จะไม่เอาความโกรธมาลงที่เป่หมิงเฟยหย่วน ไม่ใช่แค่นั้นเธอยังดีกับเป่หมิงเฟยหย่วนมากๆ แม้กระทั่งดีกว่าที่เธอดีต่อเป่หมิงโม่ซะอีก
นี่มันทำให้เป่หมิงเฟยหย่วนยากที่จะลืม และก็เพราะเหตุนั้น เป่หมิงเฟยหย่วนต่อจากนี้ ไม่ว่าเป่หมิงโม่จะทำเรื่องอะไรที่มันเกินไป เขาก็จะโอนอ่อนให้เป่หมิงโม่
ส่วนเป่หมิงยัน เขากับหวีหรูเจี๋ยนับได้ว่าไม่ค่อยรู้จักกันมากเท่าไหร่ ก็เพราะหลังจากที่เขาเกิดก็ไม่เคยเห็นหน้าเธอ แม้แต่ชื่อเธอก็ไม่เคยได้ยิน
แน่นอน นี่ก็เป็นแผนของแม่แท้ๆ ของเขาเจียงฮุ่ยซิน
นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้ไม่นาน เจียงฮุ่ยซินอยากจะทำร้ายหวีหรูเจี๋ยแต่กลับทำให้แม่ของกู้ฮอนต้องตาย
ที่จริงเขาไม่อยากมา นั่นก็เพราะเขารู้สึกว่าตัวเขาไม่มีหน้าจะเจอกับพวกเขา
แต่ก็โดนเป่หมิงโม่บังคับลากมาแล้ว
เพราะว่าเป่หมิงโม่ไม่ได้ติดตามเรื่องนี้แล้ว และคิดว่าคนอื่นจะให้อภัยเขา
เป็นไปตามคาด หลังจากที่เป่หมิงยันมา หวีหรูเจี๋ยก็ดีกับเป่หมิงยันเหมือนกับที่ทำดีกับเป่หมิงเฟยหย่วน ไม่ได้โกรธพวกเขาเลย
สำหรับกู้ฮอนยิ่งไม่ต้องพูด
ความแค้นของคนรุ่นก่อน หลังจากที่รุ่นหลังแยกถูกแยกผิดออก ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องถามหาความรับผิดชอบจากคนรุ่นนี้
เฉิงเฉิงเห็นว่าเป่หมิงยี่เฟิงมาแล้ว ในที่สุดเขาก็ไม่ต้องรับบทบาทพี่ใหญ่แล้ว ในที่นี้เขาสามารถกลายเป็นน้องชายได้สักที
ทันใดนั้นก็รู้สึกสบายใจไม่น้อย เขาก็เหมือนแต่ก่อน ตามติดอยู่ข้างๆ เป่หมิงยี่เฟิงถามนู่นถามนี่ แน่นอนว่าคำถามส่วนมากจะเป็นปัญหาที่ตัวเองไม่เข้าใจ
จะว่ายังไงดีคำถามพวกนี้ ถามคนในบ้าน คุณแม่ คุณพ่อต่างก็ยุ่งกัน และก็ไม่ค่อยมีพลังจะดูแลพวกเขา นอกจากนั้นก็เป็นหยางหยางกับจิ่วจิ่วนั้นเด็กเกินไป คิดเองดีกว่าแบบนั้น
ที่เหลือป้าแอนนิ ลั่วเฉียวรวมถึงฉิงฮัว……พวกเขาต่างก็มีเรื่องของตนเอง
เฉิงเฉิงเป็นเด็กที่ไม่ค่อยอยากรบกวนใคร เพราะว่ามีอะไรดูตำราก็โอเคแล้ว มีบางเรื่องที่แก้ไขได้ แต่บางเรื่องหนังสือก็ช่วยไม่ได้
ตอนนี้ดีแล้ว ที่เป่หมิงยี่เฟิงมา เขาสามารถพูดในสิ่งที่สงสัยได้แล้ว
น้องชายสำหรับเป่หมิงยี่เฟิงแล้ว แน่นอนว่าพอได้พูดก็พูดจนหมดเปลือก ดีที่ในด้านของความรู้เขาสูงกว่าเฉิงเฉิงหลายระดับ
ไม่นานก็สามารถแก้ปัญหาไปได้หลายข้อ
สุดท้าย ในที่สุดแขกกลุ่มสุดท้ายก็มา
ไม่ต่างจากที่คิด หยินปู้ฝันขับรถพาแอนนิและแม่ของตนมาถึงบ้านของเป่หมิงโม่
ตอนนี้ในใจคุณแม่ของหยินปู้ฝันนั้นแฮปปี้มากๆ ในที่สุดลูกชายก็หาคนในดวงใจเจอ ถึงแม้แอนนิจะยังกระโตกกระตากไปหน่อย แต่ว่าพวกเขาก็ได้ผ่านขั้นตอนแรกไปแล้ว
***
ทุกคนมาครบแล้ว ตอนนี้กับข้าวที่กู้ฮอนทำอยู่ในครัวก็ใกล้จะเตรียมเสร็จแล้ว โดยเฉพาะมีหยางหยางช่วยอยู่ข้างๆ
ที่จริงแล้วเขาใช้เวลาเตรียมประมาณหนึ่งชั่วโมงก็โอเคแล้ว เพราะว่าอาหารที่หยางหยางทำนั้นง่ายมาก แต่มันต้องใช้เวลาหมัก
ตอนนี้หยางหยางจัดวางอาหารลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ในเวลาที่อยู่ในห้องครัวช่วยกู้ฮอน หยางหยางนั้นเชื่อฟังมาก เทียบกับตอนดื้อๆ อยู่ที่โรงเรียนนั้นกลับกันเลย
กลุ่มผู้ชายและกลุ่มผู้หญิงในห้องนั่งเล่นแบ่งออกโดยธรรมชาติ
ประเด็นที่พวกผู้หญิงพูดถึง คงไม่พ้นเรื่องชีวิตที่เจออะไรมาบ้าง แน่นอนว่า ตอนนี้ทั้งหมดไปกองรวมอยู่ที่แอนนิ
ตอนนี้เธอถูกหยินปู้ฝันตามจีบ ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ หวีหรูเจี๋ยจึงรีบคว้าโอกาสนี้ “แนะนำ” หลานชายให้เธอ
แน่นอนว่าแม่ของหยินปู้ฝันก็พูดแทนลูกชายของตัวเองอย่างไม่น้อยหน้า
แน่นอนว่าแอนนิเข้าใจที่ผู้ใหญ่เขาหวังดี อีกอย่างหลังจากที่ได้รู้จักกับหยินปู้ฝันมากขึ้น ก็ยิ่งแน่ใจได้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่มั่นคงและคุ้มค่าที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วย
อีกอย่าง แบบนี้ก็ถือว่าชินกับวิธี “แนะนำ” แบบของจีนแล้ว
หัวข้อที่ผู้ชายพูดถึงดูเหมือนจะเครียดกว่าผู้หญิง ตอนนี้สายตาของพวกเขามองไปทางเดียวกันนั่นก็คือปัญหาของบริษัทเป่หมิง
แม้แต่ทนายอย่างหยินปู้ฝันก็เอากับเขาด้วย เขาลองใช้มุมมองของกฏหมายมาอธิบายเรื่องนี้ แต่น่าเสียดายที่พวกถังเทียนจื๋อนั้นยากที่จะหากช่องโหว่ได้
มันทำให้ทุกคนถึงทางตัน ควรจะทำยังไงต่อไปกับหัวข้อที่พูดถึงดี
ครอบครัวจะไม่มีวันได้เห็นเขาถูกควบคุมโดยบุคคลภายนอก
สำหรับเฉิงเฉิงและจิ่วจิ่ว เด็กน้อยสองคนนี้พอเห็นพวกผู้ใหญ่มีปัญหาของตัวเอง ตัวเองจึงพูดแทรกได้ยาก แม้แต่ตอนนี้ที่พวกเขาหายใจอยู่ที่นี่ยังเหมือนเป็นส่วนเกินเลย
เพราะงั้นเขาจึงพาน้องสาวเดินตรงเข้าห้องครัวไป มาช่วยแม่กับหยางหยาง
มองดูหนุ่มๆ ถกประเด็นกัน โม้จิ่งเฉิงก็ได้แต่นั่งดูอยู่เงียบๆ ไม่ใช่เพราะว่าเขาหาช่องว่างที่จะพูดไม่ได้ แต่เขากำลังใช้สมอง
การถกประเด็นสามารถรวบรวมความคิด หาคำตอบที่จำเป็นในเวลาอันสั้น แต่ก็ไม่ใช่ทางเดียวที่สามารถหาคำตอบได้
อีกอย่างนึงก็คือการใช้สมองคิดวิเคราะห์ แน่นอน ว่าความคิดของเขาไม่สอดคล้องกับการสนทนาของพวกเขา
เขากำลังคิดว่าเจ้าของบริษัทเป่หมิงในอนาคตควรจะเป็นคนแบบไหน
ปกติทำธุรกิจจะไม่มีการนึกถึงความรู้สึกเห็นแต่ผลประโยชน์ ความคิดนี้ไม่มีอะไรผิด ถึงยังไงบริษัทGTของเขาก็ยังคงจะเป็นพันธมิตรกับบริษัทเป่หมิง
ไม่ว่าประธานบริษัทเป่หมิงจะเป็นใคร เรื่องสัญญาก็ยังคงต้องมีต่อไป อย่างน้อยก็เป็นความสัมพันธ์ชั่วคราว
*
ขณะนั้น ยังมีอีกสองคน ที่กำลังเป็นห่วงอนาคตของบริษัทเป่หมิงเหมือนกับคนตระกูลเป่หมิง
นั่นก็คือหลี่เชินกับถังเทียนจื๋อ
อย่าคิดว่าแค่เอาบริษัทเป่หมิงมาไว้ในมือได้ก็จะวางใจ ความจริงแล้วปัญหาที่ตามมาก็มีไม่น้อย
หลังจากจบเรื่องนี้ หลี่เชินรู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกู้ฮอนลูกสาวยิ่งห่างออกไปไกล
มันเกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหันหลังกลับ
คนแก่แล้ว อารมณ์ก็ยิ่งอ่อนไหวมากขึ้น ลู่ลู่ไม่อยู่แล้ว ตอนนี้ลูกสาวก็ไม่เข้าใจตนอีก ต่อไปไหนวันข้างหน้ามันควรจะเป็นยังไงกัน?
***
โลกภายนอกเต็มไปด้วยบรรยากาศรื่นเริง แต่ในห้องที่ดูเหมือนอบอุ่น แต่กลับไม่ได้รู้สึกถึงความอบอุ่น