เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 1068 ทำให้ยุ่งเหยิง
บทที่ 1068 ทำให้ยุ่งเหยิง
สิ่งสำคัญในชีวิตทั้งสองอย่างของหลี่เชินไม่ได้อยู่ข้างกายเขาแล้ว สำหรับคนอายุอย่างเขาแล้ว
มันเป็นความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา
ถังเทียนจื๋อได้เห็น ในใจก็รู้สึกแย่ เขารู้สึกว่าในเวลานี้ ควรจะทำอะไรดีๆ ให้เจ้านาย
เขาลุกขึ้นยืนจากโซฟา: “เจ้านาย ผมออกไปทำธุระนิดนึงนะครับ”
ไม่ได้รอให้หลี่เชินพูดอะไร เขาก็เดินออกไปอย่างเร็ว
บรรยากาศงานเทศกาลตามท้องถนน มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหดหู่ แต่มันทำให้เขาคิดอะไรบางอย่างออกขึ้นมา
คนโสดไม่เหมาะกับบรรยากาศแบบนี้
ตอนเดินทางมันมักจะมีอย่างนึงที่เขาคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ
[1]
นั่นก็คือเป่หมิงโม่มีสิทธิ์อะไร ที่มีทั้งลูกชายและลูกสาว แต่ตัวเขาเองงนั้นไม่มี
เขาอยากจะทำอะไรบางอย่างแก้แค้นเป่หมิงโม่
ตัวเขาเองก็ได้แย่งบริษัทเป่หมิงมาแล้ว แต่แบบนี้ก็ยังรู้สึกว่าไม่พอที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น
ยังทำอะไรได้อีกบ้าง ที่จะสามารถแก้แค้นได้อีก?
ผู้หญิง? ลูก?
ความคิดทั้งหมดนี้ไม่ถูกตัดไป
ทำไม ผู้หญิงของเขาต้องเป็นกู้ฮอนด้วย
ขณะที่ไม่รู้ตัวนั้น เขาก็ได้ขับรถมาถึงหน้าประตู ‘ปิ่นฮอนเป่หยวน’
ที่นี่ก็คือที่ที่ลูกๆ ของเธออยู่
ถังเทียนจื๋อไม่ได้ลืม ครั้งนี้ที่ตนมา เพื่อทำตามความต้องการของอาจารย์
จากนั้น เขาจอดรถลงข้างทางและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหากู้ฮอน
*
บนโต๊ะถูกวางเต็มไปด้วยอาหารที่น่าทาน และหอมกรุ่น
“โอ๊ะโอ๋ กินข้าวแล้ว……” หยางหยางไม่รู้สึกตัวเลยว่ากำลังใส่หมวกพ่อครัวสีขาวตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่ว่าก็พอดูออกว่ามันทำมาจากกระดาษ
แต่ว่าพอมารวมกับผ้ากันเปื้อนและทัพพีในมือ มันก็ดูเหมือนเชฟตัวน้อยจริงๆ นั่นแหละ
ได้ยินเสียงร้องเรียกของหยางหยาง พวกผู้ใหญ่ถึงได้หยุดการสนทนาลง แล้วก็เดินไปทางห้องอาหารตามๆ กัน
“อาหารทั้งโต๊ะนี้หนูทำทั้งหมดเลยเหรอ?” หวีหรูเจี๋ยหัวเราะแล้วถามหยางหยาง
“อาหารในนี้ผมทำแค่อย่างเดียวฮะ ลองทายดูว่าอันไหน”
“ทายถูกแล้วมีรางวัลมั้ย?” ทันใดนั้นลั่วเฉียวก็พูดขึ้นมา
“อืม……” หยางหยางขมวดคิ้วคิดอยู่ครู่: “แน่นอนว่ามี ถึงเวลานั้นจะให้รูปผมพร้อมลายเซ็นก็ใช้ได้แล้ว”
“ชิ……” ลั่วเฉียวเบะปากอย่างไม่ชอบ: “พูดถึงรูปพร้อมลายเซ็น รูปพร้อมลายเซ็นของฉันกับอาสามของเธอ ไม่รู้ว่ามีคนต้องการฝันที่อยากจะได้มันขนาดไหน ของนายน่ะเหรอ ให้ฉันฟรี ฉันยังต้องคิดเลยว่าจะมีที่วางมั้ย”
“เฉียวเฉียว……” แอนนิส่งสีหน้าใส่เธอ
ไม่ดูเลยว่าตอนนี้มันเวลาอะไร มาเล่นตลกแบบนี้ หรือว่าจะหยอกล้อให้เขาดีใจไม่เป็นเหรอ ถึงต้องต่อปากต่อคำแบบนี้
แต่ว่าหยางหยางจิตใจเข้มแข็งมาก เขายิ้ม: “ป้าเฉียวเฉียว ป้าผิดแล้ว ผ่านไปอีกสักสองสามปีก็คงไม่มีใครรู้จักป้าแล้ว แต่ว่าผมกำลังขึ้นเป็นดาวดวงใหม่ หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลฮะ”
“ฮ่าๆ เจ้าหนูน้อยหยางหยางเมื่อกี้ไปหลบอยู่ที่ไหนมา มาให้อาสามดูหน้าดูตาหน่อยเร็ว……หนูโลภอีกแล้วเหรอ? อยากจะเข้ามาคลุกคลีในวงการบันเทิง ถ้ารูปร่างไม่ดีก็ทำงานไม่ได้นะ แต่ว่าที่หนูพูดเมื่อกี้ ไม่เสียแรงที่เป็นคนตระกูลเป่หมิง ความกล้านี่เต็มสิบไปเลย”
เป่หมิงยันก้มลงแล้วอุ้มหยางหยางขึ้นมา แล้วก็หอมแก้มเขาไปทีนึงอย่างอดไม่ได้
***
“อุ๊ย อาสามปล่อยผม ผมไม่อยากเปลี่ยนเป็นชอบเพศเดียวกัน!” ในที่สุดหยางหยางก็ใช้แรงดิ้นออกจากเป่หมิงยัน และก็หลบออกไปไกลสองเมตรทันที
จากนั้นก็ใช้แขนเสื้อเช็ดตรงแก้มที่โดนหอมไปเมื่อครู่ด้วยสีหน้าขยะแขยง
ครั้งนี้ก็ถึงคราวที่เป่หมิงยันหน้าบึ้ง เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้
“ชอบเพศเดียวกัน……เจ้าเด็กนี่ นายดูดีๆ ว่าฉันเหมือนตรงไหน!อย่าคิดว่าเด็กแล้วฉันจะไม่เอาเรื่องนะ ฉันสามารถฟ้องนายได้เหมือนกัน แม้แต่พ่อนายก็ห้ามฉันไม่อยู่” เป่หมิงยันพูดพลางทำท่าจะไล่จับเขา
แต่หยางหยางเป็นคนฉลาด: “เสียแรงที่อาอยู่ในวงการบันเทิงมานาน ไม่รู้เหรอว่าตอนนี้ผู้ชายหน้าตาดีๆ ก็เป็นกันเกือบหมดแล้ว ใครนะ ยังมีบางรายที่เรื่องแดงออกมาแล้ว”
ไม่ต้องพูดถึง ที่หยางหยางพูดออกมา นั้นเป็นความจริง แม้แต่เป่หมิงยันยังอึ้งว่าทำไมหยางหยางถึงได้รู้
ลั่วเฉียวทำหน้าช็อก และพูดอย่างไม่รู้ตัว: “คนๆ นั้นที่นายพูดเป็นใครกัน หรือว่าเขาคือ……คนที่เคยถ่ายรายการด้วยกันกับฉันและเขา พอมาคิดๆ ดูตอนนี้ก็เหมือนว่าจะจริง แต่ว่าตอนนั้นฉันไม่ได้เอามาใส่ใจ ฉันคิดว่าถ้าฉันมีโอกาสก็จะพัฒนาความสัมพันธ์กับเขาซะหน่อย”
ตอนนี้ กลายเป็นฉิงฮัวที่หน้าบูด สีหน้าเขาดูอึดอัดขึ้นมาทันที
เมื่อพูดออกมา ลั่วเฉียวก็เหมือนจะรู้ตัวว่าพลั้งปากแล้ว จึงแอบมองไปทางฉิงฮัว
“เอาละเอาละ ฉิงฮัวเขาไม่ดีตรงไหน วัดกันที่ความสามารถก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร วัดกันที่รูปร่างหน้าตา นอกจากเป่หมิงโม่ของกู้ฮอน ก็ต้องเป็นเขาแล้ว” แอนนิเป็นสีหน้าของฉิงฮัวแปลกๆ ไป
เธอรู้สึกว่าฉิงฮัวเป็นคนใสซื่อ และค่อนข้างหัวโบราณ เธอกังวลว่าลั่วเฉียวพูดแบบนี้ ราวกับเอามีดไปแทงใจของเขา วันเทศกาลดีๆ ทำไมต้องทำให้ไม่มีความสุขกันด้วยนะ
“อารายอาราย……แอนนิ พูดแบบนี้ฉันรับไม่ได้นะ”
มันเป็นคลื่นของความไม่สงบจริงๆ ยังไม่รู้ว่าฝั่งของฉิงฮัวสงบลงหรือยัง แต่หยินปู้ฝันทางนี้ก็ร้อนรนขึ้นมา
“เอ่อ……” ครั้งนี้กลายเป็นแอนนิที่มีท่าทีอึดอัด
“พอแล้ว พอแล้ว ปู้ฝันนายมาโวยวายอะไรตรงนี้ นายก็อย่ามาทำให้แอนนิเขาลำบากใจเลย” ในที่สุด ‘ไทเฮา’ ก็เอ่ยปากพูด
แน่นอนว่า ‘ไทเฮา’ ท่านนี้ไม่ใช่คนอื่นคนไกล นั่นก็คือแม่ของหยนปู้ฝันนั่นเอง เธอมองไปทางลูกชายของตน ถ้าสังเกตสีหน้าเหมือนจะโกรธเล็กน้อย: “รีบขอโทษแอนนิเร็ว”
“ครับ” เขาเกือบจะคุกเข่าให้เจ้านายเหมือนคนรับใช้
เขามองแอนนิ และพูดอย่างน้อยใจ: “เห็นหรือยัง ตอนนี้ ‘ไทเฮา’ ของฉันไม่ต้องการลูกชายแท้ๆ แล้ว เอนเอียงไปทางเธอหมดแล้ว ชีวิตฉันนี่……ถึงแม้จะไม่ได้หล่อเหลาเหมือนแพนอัน แต่ก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเขาสักเท่าไหร่ ทำไมมันถึงไม่มีค่าอะไรเลยในสายตาของใครบางคน”
“สมน้ำหน้า เป็นนาที่หาเรื่องเอง” เห็นท่าทางของหยินปู้ฝัน แอนนิก็อยากหัวเราะแต่ก็กลั้นไว้ ต้องชักสีหน้าให้เขาดู
ขณะนั้น เป่หมิงโม่ก็เดินมาตบที่ไหล่ของหยินปู้ฝัน จากนั้นก็พูดสั้นๆ : “กินข้าว”
จากนั้นก็เดินนำไปที่ห้องอาหาร
ลั่วเฉียวรู้ตัวว่าเมื่อกี้พูดไม่ดีไป จึงทำท่าทางยอมๆ แล้วค่อยๆ เดินไปข้างๆ ฉิงฮัว แล้วใช้ข้อศอกสะกิดเขาเบาๆ : “พ่อของลูก นายไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
***
ฉิงฮัวหันไปหาลั่วเฉียว
ลั่วเฉียวกำลังอุ้มลูกของพวกเขา แถมยังพยายามามทำท่าทีที่ดูเป็นผู้หญิง ทำแก้มป่อง แล้วมองเขาตาปริบๆ
จริงๆ แล้วฉิงฮัวไม่ได้เป็นคนคิดเล็กคิดน้อย แต่ที่มีอาการเมื่อกี้ก็เพราะว่าพูดต่อหน้าทุกคน ขายหน้าไปขนาดไหน
ผู้ชายก็นะ ไม่ว่าจะยังไง ก็ต้องไว้หน้ากันบ้าง
ดีที่หลังจากนั้นแอนนิช่วยพูดให้ ดูเหมือนจะได้ผล
ที่จริง ก็เป็นคนกันเอง คงไม่มีใครล้อใครหรอก
เขาโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว แล้วทิ้งรอยจูบไว้ที่หน้าลั่วเฉียวหนึ่งรอย แต่ว่ามันก็เป็นจูบที่รวดเร็ว เร็วจนที่คนอื่นไม่ทันได้สังเกตเห็น
“ที่รัก ฉันพูดได้แค่ว่าไอ้คนนั้นมันคงไม่มีความสุขแบบที่ฉันมีหรอก” พูดจบ เขาก็จับมือลั่วเฉียวแล้วก็เดินเข้าห้องอาหารไป
“ว้าว ป้าเฉียวเฉียวทำไมหน้าแดงเป็นตูดลิงเลย ไม่สบายหยอ?” คำพูดของจิ่วจิ่วครั้งนี้ทำเอาเอาสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ลั่วเฉียว
แต่พอเห็นว่าลั่วเฉียวเขินอาย ดูก็รู้ว่าฉิงฮัวคงพูดอะไรกับเธอเข้า
ฝั่งของฉิงฮัวกับลั่วเฉียวนั้นสงบลงแล้ว ก็เหลือแค่หยินปู้ฝันที่รอการลงโทษ
เขามองแอนนิด้วยสายตาหงอยๆ
แต่แอนนิจงใจทำเป็นมองไม่เห็นเขา
กู้ฮอนที่มองทั้งสองคนก็ขำอย่างอดไม่ได้: “พวกเธอสองคน ฉันว่าหมาะสมกันจริงๆ อย่าคิดว่าปู้ฝันที่ปกติแล้วเย่อหยิ่ง ต่อหน้าแอนนิแล้วก็หยิ่งไม่ออก…..”
ขณะที่พูดถึงตรงนี้ เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“พวกเธอกินกันไปก่อนนะ ฉันก็ไปรับโทรศัพท์ก่อน” เธอพูดพลาง หันหลังเดินออกมารับโทรศัพท์
พอเห็นชื่อที่หน้าจอแสดง เธอก็กดตัดสายในทันที
เพราะว่าบนหน้าจอแสดงชื่อเบอร์ที่บันทึกไว้ว่าถังเทียนจื๋อ
เธอไม่อยากเอาความหงุดหงิดมากลบความสุขของเธอ
แต่ว่า ขณะที่เธอกำลังจะวางโทรศัพท์กลับลงไปบนโต๊ะ เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ยังคงเป็นถังเทียนจื๋อที่โทรเข้ามา
ยังมองไม่ออก ว่าเขานั้นมีความพยายามามหรือเปล่า
กดตัดสายไป มันก็ดังขึ้นอีกครั้ง ……
เป็นแบบนี้วนไปสี่ห้ารอบ คนอื่นที่นั่งอยู่ที่ห้องอาหารได้ยินก็รู้สึกผิดปกติ
“พวกเธอกินกันไปก่อน ฉันไปดูแป๊บนึง” หลังจากที่เป่หมิงโม่พูดจบ ก็วางตะเกียบในมือลงแล้วเดินออกมาจากห้องอาหาร
ขณะนั้น พอดีกับที่กู้ฮอนกำลังจะงัดเอาแบตเตอรี่โทรศัพท์ออกมา
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่รับโทรศัพท์?”
กู้ฮอนยื่นโทรศัพท์ให้เขา: “นายดูสิ”
เป่หมิงโม่รับมาดู รายชื่อที่โทรเข้ามาคือถังเทียนจื๋อ แถมยังโทรมาติดๆ กันอีก
พอดี กับที่ถังเทียนจื๋อโทรเข้ามาอีกครั้ง
กู้ฮอนอยากจะเอาโทรศัพท์มาปิดเครื่อง แต่ว่าเป่หมิงโม่ห้ามไว้ก่อน เขากดรับสาย
“กู้ฮอนเหรอ คิดไม่ถึงว่าเธอจะรับโทรศัพท์ฉัน ขอโทษจริงๆ ที่รบกวน ที่ฉันโทรมาแค่อยากจะบอกเธอ ว่าเจ้านายคิดถึงเธอมาก ฉันรู้ว่าสิ่งที่ต้องการมันมากไป เธอไม่จำเป็นต้องตอบรับ แต่ไม่ว่ายังไง เขาก็ยังเป็นพ่อแท้ๆ ของเธอนะ อีกอย่างอายุเขาก็ไม่น้อยแล้ว……”
กู้ฮอนที่อยู่ข้างๆ ได้ยินอย่างชัดเจน เธอไม่โดนคำพูดพวกนี้ทำให้ใจอ่อนหรอก: “นายบอกให้เขาตัดใจเถอะ สิ่งที่เขาทำทั้งหมดในช่วงนี้ฉันไม่มีทางให้อภัยเขาหรอก!”
“กู้ฮอน ฟังฉันพูด ที่เจ้านายทำแบบนี้ทั้งหมดก็เป็นเพราะ……”
“เพราะอะไร ก็เป็นเพราะว่าเขาเห็นแก่ตัว อะไรก็ปล่อยวางไม่ได้ ก็เพราะว่าเขาเป็นแบบนี้ เขาจึงรักษาสิ่งข้างกายเขาไว้ได้ไม่นาน”
***
ก็จริง ที่กู้ฮอนพูดมา ทำให้ถังเทียนจื๋อปฏิเสธไม่ได้ แต่ถึงยังไงเขาก็อยู่ฝ่ายหลี่เชิน
คนที่ใกล้ชิดกับเขาที่สุด ถึงจะรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาดี
เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์บางอย่าง ก็คงจะต้องยอมผ่อนตามเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย