เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 1089 ปมในใจ
บทที่ 1089 ปมในใจ
“ลั่วเฉียว ปากเธอนี้น่ะ อยากให้ฉันบาดเจ็บอีกครั้งรึไง?” กู้ฮอนเข้าใจและไม่ได้คิดอะไรมาก เธอไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ เพราะเคยชินกับวิธีพูดของเธอไปแล้ว
ลั่วเฉียวรู้ว่าตัวเองพูดผิดไปแล้ว จึงรีบปฏิเสธ : “ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น แค่โกรธนิดหน่อย คุณลุงคุณป้าลองคิดดู คุณจะเข้าใจความหวังดีของเราผิดอีกหรือ”
“เอาล่ะ เอาล่ะ พวกเธอสองคนนี้เด็กไม่ยอมโตจริงๆ เลย เรื่องแค่นี้ยังเถียงกันได้ เอาล่ะ อย่างไรก็ตามวันนี้สำคัญกับฮอน ไหนว่าสิ ตอนนี้ขยับได้แล้วเธออยากทำอะไร?”
หลังสิ้นเสียง ทุกคนมองไปที่ฮอน
กู้ฮอนหุบยิ้มและลองขยับไหล่ตัวเองอีกครั้ง เธอคิดแล้วคิดอีกและพูดกับเป่หมิงโม่ว่า : “พาฉันไปที่หนึ่งได้ไหม?”
***
กู้ฮอนบอกสถานที่ที่อยากไปกับเป่หมิงโม่
“ใช่ โม่ควรจะพาเธอไปเดินเล่นสักหน่อย อยู่แต่ในบ้านทั้งวันน่าเบื่อ” ไม่รอให้เขาตอบกลับ หวีหรูเจี๋ยจัดการตอบกลับแทนลูกชาย
เธอไม่อยากพลาดโอกาสที่พวกเขาจะสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ได้
ในเมื่อแม่ตอบตกลงแทนไปแล้ว เป่หมิงโม่ก็ไม่มีอะไรจะพูด เดิมที่เขาไม่อยากพาเธอที่เพิ่งหายดีได้ไม่นาน ตระเวนออกไปไหนมาไหน
พวกเขาขึ้นมานั่งบนรถ เป่หมิงโม่คาดเข็มขัดให้เธอ และยังตรวจเช็คอย่างละเอียดระวังไม่ให้เข็มขัดรัดไปโดนบริเวณที่เธอเพิ่งจะหายดี
หลังจากตรวจเช็คทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาหันไปมองเธอ : “คุณกู้ อยากไปที่ไหนครับ?”
“พาฉันไปที่ศูนย์วิชาชีพแรงงานหน่อยได้ไหม?”
ที่ที่กู้ฮอนจะไป เป็นสถานที่ที่เป่หมิงโม่ไม่คาดคิด
“ฉันเห็นคนอื่นชอบไปสถานที่ชมนกชมไม้มีดอกไม้หอมๆ ทำไมคุณถึงอยากไปสถานที่แบบนั้น อีกอย่างสถานที่แบบนั้นคุณจะไปรู้จักใคร”
เขามองเธออย่างไม่เข้าใจ
ความจริงแล้วเขาเข้าใจแต่แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ เพราะเขารู้ดีว่าหลี่เชินและถังเทียนจื๋อถูกขังไว้ที่นั่น
ถึงแม้ว่าหลี่เชินจะไม่เหมือนนักโทษคนอื่นๆ ที่นั่น เขาเข้าไปที่นั่นเพราะเรื่องเงินและผู้หญิง แต่การใช้อำนาจจนเกือบจะเกิดหายนะ และที่ทำหมดนั้นเพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ดังนั้นจึงถูกไล่ออกและย้ายไปขังที่ศาลยุติธรรม สุดท้ายตัดสินให้จำคุก 5 ปี
แต่โทษของถังเทียนจื๋อนั่นหนัก เขาเจตนาฆ่าเป่หมิงเจิ้งเทียน แม้ว่าการวางแผนฆ่าเสี่ยวเฉินจะล้มเหลว แต่เขาวางแผนอย่างร้ายแรง นอกจากนี้เขายังพูดถึงเรื่องหลี่เชินไม่น้อย นี่ถือได้ว่าสมคบคิด เขาได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตหลังจากคดีอาชญากรรมหลายๆ คดี
ชีวิตหลังจากนี้ของเขาต้องถูกขังอยู่ห้องขังไปตลอด
“ฉันอยากไปเยี่ยมพวกเขา ไม่ว่าจะพูดยังไง ที่พวกเขาเข้าไปในนั้นเป็นความรับผิดชอบของฉัน” น้ำเสียงของกู้ฮอนฟังดูสงบ ดูเหมือนว่าเธอตัดสินใจมานานแล้ว
“คุณต้องรับผิดชอบอะไร อย่าเอาความผิดของคนอื่นมายัดเยียดให้ตัวเอง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพวกเขาเอง ฉันรู้ว่าคุณได้พยายามหยุดพวกเขาแล้ว นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ”
กู้ฮอนส่ายหน้าน้อยๆ : “ได้โปรดพาฉันไปเยี่ยมเขาหน่อย”
ท่าทีของเธอหนักแน่น จนเป่หมิงโม่ไม่รู้จะพูดยังไงให้เธอยอม
“ก็ได้ ฉันจะพาไป ฉันรู้ว่านี้คือปมที่เธอซ่อนไว้ในใจลึกๆ ถ้าไม่คลายปมนี้หลังจากนี้เธอก็จะไม่มีความสุข” พูดจบเป่หมิงโม่จึงขับรถออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่
*
“หลี่เชิน มีคนมาเยี่ยม”
เสียงเรียกของเจ้าหน้าที่ควบคุมปลุกเขาที่นั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียงแข็งๆ
อยู่ในห้องผนังเรียบสี่ด้านกับเตียงเหล็กหนึ่งเตียง เขาเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ประมาณ 3 เดือนแล้ว
จากตอนแรกที่ไม่ชิน จนตอนนี้ค่อยๆ คุ้นเคย
ความเคยชินแบบนี้ถูกสร้างขึ้นในอดีตที่เขาเคยเป็นอิสระ นอกจากการที่ได้เจอถังเทียนจื๋อบ่อย เช่นเดียวกันกับที่นี่ที่ไม่ค่อยจะใกล้ชิดกับคนนอกนัก
ความโดดเดี่ยวนี้ทำให้เขาเข้ากับชีวิตในห้องขังได้อย่างรวดเร็ว
เพียงแค่ตอนนี้เขามีเวลาที่จะคิดถึงเรื่องเก่าๆ มากขึ้น
ก่อนหน้านี้เขาถูกรบกวนจากเรื่องราวภายนอกมากมาย แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องเหล่านั้นอีก
เขาสามารถคิดถึงความทรงจำในอดีตของตัวเองกับลู่ลู่ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น จนกระทั่งได้ยินบทสนทนาระหว่างพวกเขาทุกประโยคที่ข้างหู
***
“โอเค”
ได้ยินคำพูดของผู้ควบคุม หลี่เชินลุกออกจากเตียงและเดินออกไปที่ประตูอย่างช้าๆ
เขากำลังคิดว่า ตกเองตกอยู่ในสภาพนี้แล้วจะมีใครอยากมาเยี่ยมเขาอีก?
ในงานราชการ เมื่อใดก็ตามที่มีคนพ้นจากตำแหน่ง คนอื่นจะวุ่นวายกับการตรวจสอบและกำจัดคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
กลัวว่าถ้าตัวเองเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็จะได้รับผลเช่นเดียวกัน
นี้เป็นการเยาะเย้ยที่ช่างน่าตลก ตอนมีอำนาจสิ่งของมากมายถูกส่งมาให้ พอไม่มีประโยชน์กลับเปลี่ยนเป็นตรงกันข้าม
ในเมื่อไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์พวกนี้ แล้วยังมีใครอีกที่จะมาเยี่ยมเขา?
เป็นพวกคณะกรรมการตรวจสอบมาตรวจสอบหรือไง?
ตอนที่ตัวเองถูกพาตัวมาก็รู้ความสำเร็จและความล้มเหลวไปแล้ว ในเมื่อตอนที่โดนตรวจสอบก็บอกรายละเอียดและคำอธิบายทั้งหมดไปแล้ว
เข้าใจว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องมีอะไรจะส่งมอบหรือบอกพวกเขาอีกแล้ว
ถ้านอกจากคนสองกลุ่มนี้ จะมีใครอีกที่อยากมาเยี่ยมเขา?
ญาติหรือเพื่อนรึเปล่า?
ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ช่างน่าหัวเราะเสียจริง
มีคำโบราณกล่าวไว้ว่า : “คนอยากจนจะถูกละเลยในเมืองที่วุ่นวาย ร่ำรวยในชนบทญาติมิตรมากมาย”
ยิ่งไปกว่านั้นช่วงที่เขามีอำนาจในมือ ก็ถอยห่างจากพวกเขามาไกลมากแล้ว
สำหรับคนอย่างเขาที่ได้เห็นโลกนี้มาอย่างหลากหลายแล้ว เส้นทางนี้ได้เปลี่ยนที่เป็นไปได้ให้กลายเป็นไปไม่ได้หมดแล้ว
เมื่อเขาเดินไปถึงห้องเยี่ยม ขณะที่เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านนอกกระจกหนา
แววตาของเขาดูตกใจ ไม่อยากกล้าคาดหวัง
คิดไม่ถึงว่าคือเธอที่มาเยี่ยมเขา
หลี่เชินค่อยๆ นั่งลงตรงข้ามกับกู้ฮอน เขาพยายามระงับความสงบภายในใจ
เงยหน้ามองผู้ชายที่อยู่ด้านหลังเธอและพูดอย่างเย็นชาว่า : “เธอมาเพื่อหัวเราะเยาะฉัน หรือว่ามาดูว่าฉันตายรึยัง?”
เป่หมิงโม่สอดมือทั้งข้างไว้ในกางเกง : “ฉันไม่สนจุดจบหรือชะตากรรมอะไรของคุณ ที่คุณเดินมาถึงจุดนี้ทั้งเพราะคุณเลือกเอง”
“เพราะตัวเอง…” หลี่เชินยิ้มจางๆ : “การประเมินฉันของคุณน่าสนใจมาก ผู้ชนะและผู้พ่ายแพ้ คุณยืนอยู่ด้านนอก แต่ฉันกลับอยู่ในนี้ เป็นเพราะฉันเลือกเอง”
เขาพูดพลางมองกู้ฮอนที่นั่งไม่พูดอะไรอยู่ตรงข้าม แววตานั้นดูอบอุ่นขึ้นมาไม่น้อย : “บาดแผลคุณตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? วันนั้นเขากลับมาบอกเรื่องทั้งหมดกับฉัน เดิมทีฉันอยากจะไปเยี่ยม แต่…ฉันเข้าใจดี ภายใต้สถานการณ์แบบนั้นคุณก็คงไม่อยากเจอฉัน”
ขณะที่เดินทางมา กู้ฮอนยังจินตนาการว่าการเจอกันของเธอกับหลี่เชินจะเป็นยังไง
ทั้งสองคนประมาณ ตะโกนด่าทอเสียงดังผ่านกระจก
หรือจะก้มหน้าก้มตาไม่มองฝ่ายตรงข้าม เงียบจนเวลาในการเยี่ยมเดินผ่านไปทุกวินาทีอย่างเงียบสงบ
ไม่คาดคิดว่าจะมีการสนทนาที่อบอุ่นแบบนี้
“ขอบคุณที่เป็นห่วง อาการบาดเจ็บของฉันหายเป็นปกติแล้ว ตอนนี้อยู่ในช่วงพักฟื้น” กู้ฮอนยื่นมือไปวางไวตรงขอบกระจก
บทสนทนาระหว่างเธอกับพ่อไม่เคยสงบเท่าครั้งนี้มาก่อน แต่ก็ยังไม่คุ้นนิดหน่อย
“ดีแล้ว ต้องดูแลสุขภาพ ถึงแม้ว่ากำลังเข้าฤดูใบไม้ผลิ แต่อากาศยังหนาวอยู่”
“ฉันจะระมัดระวัง”
……
จากนั้นความเงียบเกิดขึ้นระหว่างคนสองคน
เป่หมิงโม่ยืนอยู่ด้านหลังกู้ฮอน เขามองสองพ่อลูก ในใจรู้สึกปลงไม่น้อย
ดูเหมือนว่าตัวเองก็เคยเจอกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน
เขาและพ่อของเขาเคยผ่านสถานการณ์แบบนี้ แต่ระหว่างพวกเขาไม่มีกระจกกั้นหนาๆ แบบนี้
***
เวลาค่อยๆ ผ่านไปเรื่อยๆ กู้ฮอนและหลี่เชินต่างก็ไม่มีใครพูดอะไรสักประโยค
เป่หมิงโม่มองนาฬิกาแล้วมองอีก เขาไม่อยากเห็นสถานการณ์แบบนี้
“เอายังไง พวกคุณสองจะปล่อยให้เวลาหมดไปแบบนี้รึไงกัน ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ฉันพาเธอไปตกปลาที่ริมทะเลจะดีกว่าเสียอีก”
ประโยคนี้เหมือนประโยคเริ่มต้น บรรยากาศไม่น่าอึดอัดอีกต่อไป
“หลี่เชิน ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกนานแค่ไหนคุณถึงจะเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับกู้ฮอน สำหรับคุณมันเป็นเรื่องเข้าใจผิดในช่วง20ปีมานี้ ฉันบอกได้แค่ว่า สักวันหนึ่งหลังจากที่คุณเข้าใจแล้ว คุณจะเสียใจกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น”
หลี่เชินเงยหน้ามองเป่หมิงโม่ : “ฉันรู้ คุณหวังว่าจะเห็นสถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่รึไง?”
เป่หมิงโม่ยักไหล่แสดงท่าทีไม่ใส่ใจ : “ขอพูดอะไรไม่น่าฟังหน่อย ฉันไม่สนใจเรื่องพวกนี้แม้แต่นิด คุณจงใจทำเรื่องต่างๆ มากมายลับหลังพวกเรา แต่ผลสุดท้ายตระกูลเป่หมิงของเราก็ไม่ล้มลง แต่คุณเองกลับต้องมานั่งอยู่ในนี้ หรือว่านี้ยังยืนยันไม่พอว่าสิ่งที่คุณยึดมั่นมันผิด? และความผิดพลาดครั้งนี้ของคุณ ยังทำให้ลูกสาวคุณเองได้รับบาดเจ็บครั้งใหญ่ที่สุด ฉันรู้ว่าโทษของคุณไม่ได้หนักขนาดนั้น แค่ไม่กี่ปีก็จะได้รับอิสระอีกครั้ง แต่ควรจะในช่วงระยะเวลานี้ไปคิดว่าจะทำไงให้เป็นพ่อดี”
เพิ่งพูดจบ กู้ฮอนลุกขึ้นยืนและหันไปหาเป่หมิงโม่ : “พวกเราไปกันเถอะ บรรยากาศในนี้ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด”
พูดจบเธอไม่มองที่หลี่เชินอีก และทิ้งท้ายไว้ว่า : “อยู่ในนั้นดูแลสุขภาพด้วย” จากนั้นเธอเดินตรงไปที่ประตูห้องเยี่ยมและเดินออกไป
ในใจของหลี่เชินรู้สึกถึงความอบอุ่นขึ้นมาชั่วขณะ
เขารู้ดีว่าลูกสาวเป็นห่วงเขา ไม่ว่าจริงใจหรือแค่การแสดงแต่มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
มองห้องเยี่ยมที่ว่างเปล่า เขานั่งอยู่ในห้องนั้นจนหมดเวลาเยี่ยม
*
เป่หมิงโม่และกู้ฮอนกลับขึ้นรถอีกครั้ง
“ถึงแม้คุณจะแสดงออกให้เห็นว่าเป็นปกติตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ฉันรู้ได้ว่าคุณยังเป็นห่วงเขามาก”
กู้ฮอนหันหน้าไปทางหน้าต่างรถ : “กรุณาอย่าแสดงความคิดว่าเข้าใจฉันออกมา สำหรับเขาแล้วฉันไม่สนใจ”
“โอ้ว? นี้คือความจริงใจไหม? ถ้าอย่างนั้นทำไมครั้งที่โล่ฮานไปหาคุณเพื่อทำความเข้าใจเหตุการณ์ คุณถึงไม่บอกเขาไปตามตรง แต่กลับไปหาเขาเองในภายหลัง อีกอย่าง หลังจากที่รู้ว่าเขาโดนตรวจสอบ คุณขังตัวเองไว้ในห้อง3วันไม่ยอมกินข้าวกินปลา แน่นอน ยังมีวันนี้ที่…”
“นั้นเป็นเพราะฉันอยากใช้วิธีการดีกว่ามาจัดการแก้ปัญหาแค่นั้นเอง วันนี้เพราะฉันแค่รู้สึกว่าที่เขาเข้าไปอยู่ในนั่นเป็นความรับผิดชอบของฉันแค่นั้น ก็เลยมาเยี่ยมเพื่อความสบายใจ”
“เพื่อความสบายใจ เป็นข้ออ้างที่ดีมาก” เป่หมิงโม่เข้าใจดี เป็นเพียงแค่การซ่อนตัวเองของเธอ
สำหรับเรื่องเหล่านี้ไม่ง่ายเลยที่เขาจะเปิดเผยความจริง
บางครั้งไม่มีความจริงใดที่จะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น