เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 1106 พูดความในใจออกมา
บทที่ 1106 พูดความในใจออกมา
นี่ทำให้หยินปู้ฝันตกใจจนสะดุ้ง หดคอกลับมาทันที จากนั้นก็ยื่นมือไปเกาหลังหัวตัวเองไม่หยุดอย่างทำตัวไม่ถูก “ คุณลุงละก็ ดูคุณพูดเข้าซิ ทำอย่างกับผมเป็นเฉินชื่อเหม่ย์ยังไงอย่างงั้น คุณวางใจเถอะ สถานะนี้ผมจะต้องให้เธออย่างแน่นอนครับ ‘ไทเฮา’ที่บ้านผมนั้นใจร้อนกับเรื่องนี้ยิ่งกว่าท่านทั้งสองอีก เพียงแต่ว่า ถ้าจะพูดถึงเรื่องสถานะแล้ว ผมรู้สึกว่าที่นี่ยังมีอีกคนหนึ่งที่ยิ่งต้องแสดงออกมากกว่า เอาเปรียบเขาแล้วไม่ว่า ยังถึงขั้นให้คนเขาคลอดลูกให้ตัวเองไปสามคนแล้ว……”
ไม้นี้ของหยินปู้ฝันถือได้ว่าโหดพอจริง ๆ อยู่ ๆ ก็มาใช้วิธี‘กลยุทธ์ล้อมเว่ยช่วยจ้าว’
เรื่องที่เขาพูดนั้นมีเหตุผล และแน่นอนก็สามารถหันเหความสนใจของผู้อาวุโสทั้งสองไปที่ตัวเป่หมิงโม่ได้สำเร็จ
“หืม……” เป่หมิงโม่ถลึงตามองหยินปู้ฝัน และพ่นลมแรง ๆ ออกจากจมูกยาว ๆ ทีหนึ่ง
เขาแสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมากกับลูกพี่ลูกน้องคนนี้ที่ ‘กะล่อน’เป็นอย่างมาก
นี้แทงข้างหลังตัวเองชัด ๆ เรื่องระหว่างตัวเองกับกู้ฮอน จะจัดการได้ง่ายเหมือนอย่างเรื่องของเขากับแอนนิซะที่ไหน
โดนผู้ปกครอง ‘บังคับให้แต่งงาน’ ดูเป็นเรื่องธรรมดาในสังคมสมัยนี้ ยิ่งเป็นบทเรียนที่จำเป็นจะต้องลงเรียนโดยเฉพาะคนที่ล่องลอยไม่แต่งงานอยู่ข้างนอก
พูดตามหลักแล้ว สำหรับเป่หมิงโม่และหยินปู้ฝัน ถือได้ว่าต่างก็มีตัวเลือกที่เหมาะสมแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องมาเผชิญกับปัญหาแบบนี้เลย
แต่ว่าที่ไม่จำเป็นจะต้องเผชิญหน้ากลับมาวางอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว
โดยเฉพาะในเวลาต่อมา เจ้าหยินปู้ฝันนี่เพื่อไม่ให้ตัวเองตกเป็นเป้าหมาย กลับ‘ผลัก’เป่หมิงโม่ออกไปได้อย่างสำเร็จมากจริง ๆ
ถึงแม้ว่าจะช้าหรือเร็วยังไงเขาก็หนีไม่พ้น โดยเฉพาะทั้งสองคนต่างก็โดนเรียกมาอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่แล้ว
แต่ว่าหัวข้อสนทนาอยู่ ๆ ก็โดนผลัดเปลี่ยนแบบนี้ ก็ยังทำให้เป่หมิงโม่รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองและไม่พอใจอยู่บ้างเล็กน้อย
เขานั้นไม่สามารถเป็นเหมือนอย่างหยินปู้ฝันที่พูดไปอย่างหน้าชื่นตาบานได้
โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรื่องราวแบบนี้ ดูแล้วค่อนข้างเข้มงวดมาก
เขาจะต้องรับผิดชอบต่อตัวเอง และยิ่งต้องรับผิดชอบต่อกู้ฮอนรวมทั้งลูก ๆ ทั้งสามคนอีกด้วย
ทุกคนต่างก็รู้ว่า วิธีที่ดีที่สุดที่จะรับผิดชอบต่อพวกเขาก็คือให้บ้านที่สมบูรณ์แบบกับพวกเขา
ผู้หญิงอย่างกู้ฮอนนี้ ถึงแม้จะพูดไม่ได้ว่าเป่หมิงโม่เข้าใจเธอทุกอย่าง แต่ว่าจากที่ผ่านการคบหากันและกระทบกระทั่งกันมาหลายปีขนาดนี้
นิสัยใจคอของเธอนั้นถือได้ว่าเขาสามารถเอาอยู่หมัดได้ประมาณแปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เป่หมิงโม่รู้สึกว่าเอาอยู่หมัดได้นั้นคือ :
อย่างที่หนึ่ง แหวงวงนั้นที่เขาเป็นคนตัดสินใจใส่ให้เธอภายใต้สถานการณ์ที่เธอขัดขืนนั้น จนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยโดนถอดออกมา
อย่างที่สอง วันนั้น หลังจากที่พวกเขาดูละครเพลงจบแล้ว และกลับมาดึกมาก ๆ ในช่วงเวลานั้น พวกเขาก็เหมือนกับว่าโดยรวมแล้วได้ทำความเข้าใจร่วมกันแล้ว หรืออย่างน้อยเขาก็คิดว่าเป็นแบบนั้น หน้าต่างกระดาษบานนี้เกือบจะอยู่ในสภาพที่ใกล้จะโดนทะลุแล้ว
เห็นดวงตาที่คาดหวังอย่างลึกซึ้งทั้งสองคู่ของมารดาและโม้จิ่งเฉิง เขาก็ยังคงดูสงบนิ่งเช่นเดิม “เรื่องของผมกับกู้ฮอนนั้น ได้มีการการจัดการที่ดีมาก ๆ แล้วอย่างหนึ่ง ขอให้ทั้งสองท่านได้โปรดวางใจก็พอแล้ว”
คำพูดของเขาง่ายมาก
อะไรคือ ‘การจัดการที่ดีมาก ๆ’ คำที่ครอบคลุมตามแบบฉบับแบบนี้ ยังคาดหวังที่จะให้ผู้อาวุโสทั้งสองคนยอมรามือไปง่าย ๆ แบบนี้เหรอ?
แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
เพียงแต่ว่า หวีหรูเจี๋ยไม่ได้ติดตามถามลูกชายต่อแล้วเท่านั้น
แต่ว่า งานที่ถือได้ว่าขัดใจคนแบบนี้ ก็มีแต่ให้โม้จิ่งเฉิงมาแบบรับไว้คนเดียวแล้ว
“โม่ พวกเรารู้ว่าในใจเธอน่าจะมีความคิดไว้บ้างแล้ว เพียงแต่ว่าพวกเราที่เป็นผู้ชายนี้ ก็ควรเลือกใช้วิธีที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อนให้มาก ๆ อย่างความรู้สึกแบบของเธอและลูกสาวบุญธรรมของฉันนั้น คิดว่าพวกเธอก็คงจะไม่มีความสุขกันสักเท่าไหร่ แต่ว่าคนที่อยู่คั่นกลางระหว่างพวกเธอมีเราคนแก่สองคน และรวมถึงเด็ก ๆ อีกสามคน……”
เป่หมิงโม่พยักหน้า “คุณพูดได้ไม่ผิด สำหรับปัญหาทางด้านนี้ ผมจะจัดการให้เป็นไปในทางดีที่สุด”
ยังเป็นคำนั้น คำว่า ‘จัดการ’ อยู่อีก
เป่หมิงโม่เหมือนว่าจะค่อนข้างคุ้นเคยกับการเอาคนอื่นมาควบคุมอยู่ในมือตัวเอง
เพียงแต่ว่าความรู้สึกถูกควบคุมแบบนี้ ตัวเขาเองไม่เคยได้สัมผัสสักเท่าไหร่ ก็เลยไม่รู้ว่าในใจของคนพวกนี้นั้นรู้สึกเจ็บปวดมากแค่ไหน
“นี่ เป่หมิงเอ้อ นายเอาแต่พูดว่าจัดการ อย่างงั้นก็เหมือนราวกับว่านายให้กระดาษเปล่ากับคนอื่นยังไงอย่างงั้น บนกระดาษเขียนจำนวนยอดที่ทำให้คนอื่นหวั่นไหว แต่กลับไม่มีทางเป็นจริงได้ นี่มันก็กำลังเล่น……”
พอหยินปู้ฝันฟังมาถึงตรงนี้ ก็เหมือนกับว่าอยากจะช่วยกู้ฮอนและลูก ๆ ร้องขอความเป็นธรรมขึ้นมาบ้าง
“หุบปาก!” คำตะคอกเสียงดังของเป่หมิงโม่คำเดียว ก็ทำให้คำพูดของหยินปู้ฝันหยุดค้างไปทั้งอย่างนั้น
เป่หมิงโม่ถลึงตามองเขาทีหนึ่ง จากนั้นก็มองไปทางผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน
ทำไมพวกเขาถึงชอบบีบบังคับให้ตัวเองทำการตัดสินใจเลือกล่ะ? เพราะว่าไม่วางใจในตัวเองหรือว่าเพราะว่าอย่างอื่นกันแน่?
นี่ก็ถือว่าเป็นการให้แรงกดดันที่ไม่มีรูปร่างกับเป่หมิงโม่อย่างหนึ่ง
ทางนี้ ชายชาตรีทั้งสองคนเป่หมิงโม่และหยินปู้ฝันกำลังเผชิญหน้ากับการ‘เร่งให้แต่งงาน’ของผู้ใหญ่ ในเวลาเดียวกันก็ทำให้รู้สึกว่าแรงกดดันใหญ่เท่าภูเขาเลย
แต่ทางด้านนี้ พวกหญิงสาวสองคนที่นั่งกดเปลี่ยนช่องหน้าจอโทรทัศน์ไม่หยุดอยู่บนโซฟานี้ ก็เหมือนกับว่าจะรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยขึ้นมาบ้างแล้ว
ในเมื่อพวกเธอต่างก็เป็นคนฉลาด เรื่องราวมากมายเพียงแค่คิดวิเคราะห์สักครู่ ก็จะสามารถคิดได้แล้วว่าเรื่องมันน่าจะเป็นมายังไง
“แม่ แม่สามารถเปิดช่องไหนช่องเดียวแล้วตั้งใจดูดี ๆ สักพักได้ไหม”
หยางหยางที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นพรหมตรงหน้าโต๊ะน้ำชาบ่นขึ้นอย่างเหลืออดคำหนึ่ง
“หยางหยาง ใครให้เธอนั่งใกล้โทรทัศน์ขนาดนั้นกัน สายตาไม่เอาแล้วใช่ไหม บ้านเรายังไม่เคยมีใครต้องใส่แว่นมาก่อนเลยนะ” กู้ฮอนถลึงตาใส่ลูกชายทีหนึ่ง
เอาเถอะ หยางหยางก็ทำได้แค่ลุกขึ้นจากพื้นพรหมขึ้นมา
“แม่ ถ้าแม่ไม่วางใจขนาดนี้ ทำไมไม่ไปแอบฟังที่ทางโน้นสักหน่อยล่ะ” เหมือนว่าหยางหยางจะมองความในใจของเธอออก
แต่ว่าสำหรับข้อเสนอแบบนี้นั้น กู้ฮอนกลับไม่เห็นด้วย
อย่างที่หนึ่ง การกระทำแบบนี้มันไม่มีเกียรติ โดยเฉพาะถ้าหากโดนจับได้แล้วละก็ ก็จะต้องอับอายขายขี้หน้ามากเลย
อย่างที่สอง ที่จริงตัวเองก็ไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนี้ ทำไมจะต้องทำเหมือนว่าตัวเองอยากจะรู้มากอย่างงั้นด้วย
หรือว่าที่ตัวเองไม่ได้ถอดแหวนออก วิธีแสดงออกแบบนี้ เจ้าเป่หมิงเอ้อนั่นยังจะไม่เข้าใจอีกเหรอ?
สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งมาพูดแล้ว แหวนที่ใส่อยู่บนนิ้ว ถ้าหากว่าเป็นคนที่ชอบมอบให้แล้วละก็ เธอจะต้องคอยใส่ไว้อยู่ตลอดเวลาแน่ ๆ แล้วถ้าไม่ใช่ เธอก็จะต้องคิดหาทุกวิถีทางถอดมันออกมาจากนิ้วให้ได้แน่ ๆ
และแน่นอนว่า ความคิดที่จะถอดวงนี้ที่อยู่บนนิ้วนี้ออกนั้น ความคิดแบบนี้ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยคิดมาก่อน เพียงแต่ว่าพอคิดมาถึงช่วงหลายปีมานี้ แล้วถ้าจะพูดว่าผู้ชายคนนั้นดีกับตัวเองละก็ แต่ก็มีหลายช่วงเวลาที่การกระทำกลับทำให้ตัวเองรังเกียจ
แล้วถ้าจะพูดว่าไม่ดี แต่ก็กลับทำเรื่องราวมากมายที่ทำให้ตัวเองซาบซึ้ง โดยเฉพาะช่วงสองปีมานี้
ตัวเองนั้นเห็นเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างกับว่าเกิดใหม่เลยก็ว่าได้
สำหรับการปฏิบัติต่อพวกลูก ๆ ถึงแม้เขาจะแสดงเป็นบทบาทพ่อที่เข้มงวด แต่ว่าก็มีด้านที่อบอุ่นอีกด้านอยู่
ถึงแม้ว่ามีหนทางหรือวิธีบางอย่างที่จำเป็นจะต้องแก้ไข แต่ว่าโดยรวมแล้วก็ถือว่าดีมาตลอด
เธอมองลูกชายทีหนึ่ง “มีแต่เธอคนเดียวที่วัน ๆ เอาแต่เฝ้าอยู่หน้าจอโทรทัศน์ดูอยู่นั่นแหละ เธอดูอย่างพี่ชายกับน้องสาวซะบ้างซิ มีใครที่เหมือนเธอบ้าง ยังไม่รีบกลับไปอ่านหนังสือในห้องอีก ช่วงหลายวันที่ออกมาเที่ยวนี้ แม่ว่าหนูเล่นเยอะเกินไปแล้วนะ ไว้ถึงเวลาผลการเรียนตกละก็ ไม่ต้องถึงมือแม่หรอก พ่อของลูกก็จะมาจัดการลูกแน่”
หยางหยางหดหัวลง “แม่ พอแล้ว ผมไปอ่านหนังสือก็ได้ แม่นี่ก็จริง ๆ เลย หาคนระบายอารมณ์ด้วยไม่ได้ ก็มาเอาผมแทน ทำไงได้ละ ใครใช้ให้ผมเป็นกระบอกระบายอารมณ์ของแม่ล่ะ”
พอพูดจบแล้วก็ไม่รอกู้ฮอนรู้สึกตัว ก็เผ่นแนบกลับห้องไปเลย จากนั้นก็ปิดประตูลงให้สนิทเลย
“เจ้าเด็กตัวเหม็นนี่ นี่มันยิ่งอยู่ยิ่งเหมือนพ่อเขาที่ชอบทำให้คนโมโหเข้าทุกวัน”กู้ฮอนมองประตูที่ปิดไว้แล้วด่าไปประโยคหนึ่ง
“เหอ เหอ……”
เสียงหัวเราะของแอนนิทำให้กู้ฮอนรู้สึกงุนงง
“เธอหัวเราะอะไร?”
แอนนิส่ายหน้าแล้วมองเธอ “ตั้งแต่ที่ฉันรู้จักเธอมาจนถึงตอนนี้ ไม่ว่าจะเวลาไหนก็เห็นเธอเลี้ยงลูกแบบปากร้ายแต่ใจดี บทบาทคนร้ายอยากจะให้เขาเป็น แต่พอถึงสุดท้ายกลับพบว่านางฟ้าก็เธอได้เป็น นางมารก็เธอได้เป็นเช่นกัน”
กู้ฮอนถอนหายใจ “เฮ้ย……แล้วจะทำยังไงได้ล่ะ”พูดแล้ว เธอก็มองไปที่แอนนิทีหนึ่ง “ใช่แล้ว เธอกับปู้ฝันมากันถึงขั้นนี้แล้ว ควรจะคิดถึงเรื่องสำคัญของชีวิตสักหน่อยแล้วมั้ง ปู้ฝันนั้นคงจะเป็นสามีที่หาได้ยากมากเลยนะ เธออย่าให้พลาดไปเลย ไม่งั้นจะต้องเสียดายแน่ ๆ”
กู้ฮอนอยู่ฝั่งนี้ก็คอยช่วยพูดคำพูดดี ๆ กับแอนนิอย่างสุดแรงแทนหยินปู้ฝัน
พอฟังดูแล้วก็เหมือนกับคนที่เร่งรีบจะขายแชร์ลูกโซ่เป็นอย่างมาก ที่กำลังเดินหน้าเสนอขายให้ลูกค้าที่เป็นเป้าหมาย
ถ้าหากหยินปู้ฝันรู้เข้าแล้วล่ะก็ คาดว่าก่อนที่เขาจะเอาสัญญาณเร่งแต่งงานที่ผู้ใหญ่มีต่อตัวเองในตอนแรก ผลัดเปลี่ยนไปให้เป่หมิงโม่นั้น เขาคงจะหยุดคิดวิเคราะห์ก่อน
แต่ว่าสิ่งที่เป็นไปได้ที่สุดสำหรับเขาก็คือ หลังจากที่คิดวิเคราะห์แล้วนั้น ก็ยังคงจะเอาสัญญาณนั้นเปลี่ยนไปอยู่ดี
เพราะว่าตัวเป่หมิงโม่เองสามารถรับมือได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
*
หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง ในที่สุดชายชาตรีทั้งสองคนก็โดนผู้ใหญ่ทั้งสองท่านปล่อยตัวกลับมา
หลังจากที่พวกเขากลับมาถึงห้องชุดของตัวเองแล้ว นี่ถึงถือได้ว่าสามารถหายใจได้อย่างโล่งอกทีหนึ่ง
“พวกคุณยังโอเคอยู่ใช่ไหม พวกท่านเรียกพวกคุณไปทำไมกัน?” ถึงแม้กู้ฮอนจะพอรู้คร่าว ๆ แล้ว แต่ก็ยังถามออกมาคำหนึ่ง และแน่นอน เพราะว่าเธอมีจุดประสงค์อย่างอื่น ที่สำคัญคืออยากจะพูดให้แอนนิฟัง
“ถ้าหากว่าไม่ให้คนที่เป็นทนายคนนี้ได้เปิดปากพูดแล้วละก็ ก็คงจะทำให้เขารู้สึกว่าไม่ได้แสดงความสามารถแน่ ๆ”เป่หมิงโม่พูดขึ้น แล้วมองหยินปู้ฝันตาขาวทีหนึ่ง
จากนั้นก็เดินไปถึงหน้าโต๊ะน้ำชา แล้วหยิบผลไม้ขึ้นมาหนึ่งลูกและไปนั่งลงตรงข้าง ๆ กู้ฮอน
ถ้าหากคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว จะต้องคิดว่าพวกเขาเป็นคู่สามีภรรยากันมานานแล้ว
ในตอนที่เขานั่งลงไปที่ข้างกายตัวเธอนั้น เธอกลับไม่ได้ตั้งใจถอยห่างจากเขาเลย
“แค่ก แค่ก……” ในเมื่อเป่หมิงเอ้อเอาสิทธิ์ในการพูดมอบให้กับตัวเองแล้ว หยินปู้ฝันก็ไม่เกรงใจอีกต่อไป เขากระแอมเบา ๆ ให้คอโล่ง “ที่จริงแล้วเรื่องมันก็ค่อนข้างง่าย ถึงแม้คุณป้าอายุขนาดนี้จะได้ลูกชายกลับมาอยู่ข้างกาย และหลานก็มีแล้ว แต่ว่าท่านกลับยังรู้สึกไม่พอใจ ยังมีความหวังที่ใหญ่กว่าจะต้องทำให้สมหวังให้ได้อีกอย่าง นั่นก็คือถึงเป่หมิงเอ้อจะมีลูกชาย ลูกสาวแล้ว แต่ก็ยังคงล่องลอยตัวคนเดียวอยู่ข้างนอก เพราะฉะนั้นผมในฐานะญาติของฝ่ายหญิง ก็เลยเสนอความคิดเห็นต่อเรื่องสำคัญในชีวิตของพวกคุณไป ก็อย่ามัวแต่โอ้เอ้ไปเลยใช่ไหม พวกคุณก็อายุไม่น้อยกันแล้ว หาฤกษ์งามยามดีสักวันแล้วแต่งกันไปเลยดีกว่า”
“ผลั๊ว……”
เพิ่งจะพูดจบพอดี เป่หมิงโม่ก็เอาผลไม้ที่กินไปครึ่งหนึ่งโยนไปทางหยินปู้ฝันเลย
“เป่หมิงเอ้อ นี่ฉันแค่ช่วยนายพูดความในใจออกไปก็เท่านั้น นายนี่อย่าสวดมนต์เสร็จแล้วตีนักพรตซิ” หยินปู้ฝันเบี่ยงตัวหลบได้อย่างว่องไว
พอกู้ฮอนฟังแล้ว หน้าก็แดงขึ้นมาทันที จากปฏิกิริยาของเป่หมิงโม่ก็ทำให้รู้แล้วว่า หยินปู้ฝันจะต้องใส่นมใส่ไข่แน่ ๆ “นายพูดไปเรื่อย จะต้องเป็นนายที่เอาเขามาใช้เป็นโล่กำบังแน่ ๆ เลยใช่ไหม”
“แฮะ แฮะ……” คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า จะโดนเปิดโปงเร็วขนาดนี้ หยินปู้ฝันใบหน้ายิ้มแย้ม “นี่ผมก็ทำไปเพราะว่าหวังดีกับพวกคุณเลยนะ”
“พอเถอะนะ อย่ามาหลีกเลี่ยงความลำบากเลือกแต่สิ่งง่าย ๆ อยู่เลย พูดมาตามความจริงให้หมด ตกลงพ่อบุญธรรมฉันเรียกพวกนายไปทำไมกัน?”
“ที่จริงก็……”
อย่าดูว่าหยินปู้ฝันตอนที่พูดไปเรื่อยจะไหลลื่นขนาดนี้ แต่ว่าตอนที่จะต้องพูดเรื่องจริงจังนั้น ก็เริ่มติด ๆ ขัด ๆ แล้ว เขาแอบชำเลืองมองไปที่แอนนิทีหนึ่ง
และก็เห็นแอนนิกำลังมองมาที่ตัวเองพอดีเลย
“คุณป้ารู้สึกว่า ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับแอนนิก็เป็นแบบนี้แล้ว ก็เลยบอกให้ผมอย่าทำให้เสียเวลาคนอื่นอีกเลย เรื่องมันก็เป็นแบบนี้”