เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 1124 พระสงฆ์ที่ไม่รักษาศีล
บทที่ 1124 พระสงฆ์ที่ไม่รักษาศีล
สักพักหนึ่งก็มีรถยี่ห้อปอร์เช่อีกคันหนึ่งมาอยู่ที่ประตู
ประตูร้านเปิดออก หยินปู้ฝันก็เดินเข้ามา “ผมจะบอกให้นะ ไม่กลับบ้านให้ตรงเวลา จะต้องมีเรื่องอะไรแน่นอน ฮอน เธอเป็นแขกที่ไม่ได้มาบ่อย”
กู้ฮอนหันไปมองหยินปู้ฝัน ยิ้มเล็กน้อย “สมกับที่เป็นสามีภรรยากันเลย พอเห็นฉันถือได้ว่าเหมือนกันไม่มีผิด วันนี้ต้องขอโทษด้วยจริง ๆนะ ต้องให้ภรรยาของคุณมาอยู่ที่นี่ ทำให้คุณต้องเงียบเหงาอยู่ที่บ้านเลย”
“ฮอน เธอพูดอะไร หรือจะบอกว่าแต่งงานแล้วจะต้องคอยเฝ้าล้อมเขาอยู่ทั้งวัน ฉันก็เป็นผู้หญิงที่มีการมีงานนะ” แอนนิ พูดยั่วยุแล้วชำเลืองมองไปยังหยินปู้ฝัน
อย่างไรก็ตามหยินปู้ฝันก็ไม่ได้ถือสากับเรื่องพวกนี้ เขาพูดอะไรแบบนี้ก็เพียงแค่การพูดเล่นกัน เขานั่งลงข้างกายของแอนนิ มือข้างหนึ่งวางอยู่บนไหล่ของเธออย่างเป็นธรรมชาติ
แอนนิยังได้ผลักแขนของเขาออกไปด้านข้างอย่างรังเกียจ “ใครให้คุณเอามาวาง”
“ฮอนคุณกับภรรยาของผมรู้จักกันมานานแล้ว คุณเคยเห็นเธอใช้ชีวิตแบบนี้หรือเปล่า ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเป็นคนเงียบมากหรือ ทำไมแต่งงานแล้วถึงได้เปลี่ยนไปได้นะ” หยินปู้ฝันพลางพูดไป พลางแสดงสีหน้าท่าทางที่ไร้เดียงสาไปด้วย
แอนนิไม่อยากฟังแล้ว มองไปหาเขาด้วยใบหน้าที่บึ้ง “ทำไมหรือ เสียใจภายหลังหรือไง จะบอกคุณให้นะ ตอนนี้อนุญาตให้โอกาสคุณเสียใจภายหลังได้หนึ่งครั้ง”
หยินปู้ฝันโบกมือ “ช่างมันเถอะนะ มันไม่ง่ายเลยที่ผมจะได้พบกับภรรยาที่ดีขนาดนี้สักคน จะทิ้งไปให้คนอื่นได้อย่างไรกัน”
“จุ๊ๆ ……พวกคุณสองคนอย่าทำอะไรที่เลี่ยนต่อหน้าฉันได้ไหม ดูฉันสิ ขนลุกไปหมดทั้งตัว” กู้ฮอนตั้งใจจะทำให้เพื่อนมีความสุขจากใจจริง เมื่อได้เห็นเพื่อนมีความสุข ความเหนื่อยล้าของเธอที่มีอยู่ก็บรรเทาลงไปไม่น้อย”
เรื่องที่ควรจะเอามาล้อเล่น ก็ได้เล่นไปหมดแล้ว ทั้งร้านอาหารก็กลับสู้ความสงบอีกครั้ง
“ฮอน เธออย่าใช้ชีวิตทั้งวันให้เหนื่อยเกินไป หาเรื่องกลุ้มใจไปทำไม แม้ว่าเรื่องอาชีพการงานสำหรับผู้หญิงแล้วจะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ แต่รครอบครัวก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้นะ ฉันดูแล้วเป่หมิงโม่คนนี้แม้ว่าจะดูเย็นชาไปหน่อย แต่จิตใจก็ดีมาก ไม่ต้องพูดเลยว่าเขาทำได้ไม่เลวเลยกับคุณกับลูกทั้งสามคน……”
กู้ฮอน มองไปแอนนิที่มีท่าทางคอยตักเตือนด้วยความหวังดี “ผู้หญิงที่แต่งงานออกไปก็คือน้ำที่สาดออกไปจริง ๆ ตอนนี้ก็เริ่มจะเข้าข้างครอบครัวพวกเขาแล้ว คุณถูกเป่หมิงเอ้อ คนนั้นล้างสมองไปแล้วใช่ไหม” พูดจบ ก็ยื่นมือออกไปลูบหน้าผากของเธอ “ก็ไม่ได้เป็นไข้นะ”
หยินปู้ฝันหัวเราะขึ้นสองสามหนหลังจากได้ยิน “เป่หมิงโม่ แม้ว่าจะรวยกว่าพวกเรา รวมถึงงานแต่งงานของพวกเราก็ล้วนแต่ได้รับความช่วยเหลือจากเขา แต่พวกเราก็ไม่ได้ขัดสนจนถูกเขาซื้อไป หรือเอาอกเอาใจเขานะ”
“ฮอน คนในมักจะมองไม่ออก แต่คนนอกมักจะมองเห็นได้นะ พวกเราล้วนแต่คิดว่าคุณน่าจะคิดได้นะ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ กู้ฮอนก็แสดงออกถึงการถอนหายใจอย่างช่วยอะไรไม่ได้ “แอนนิ ปู้ฝัน เรื่องพวกนี้ที่พวกคุณพูดถึงทำไมฉันถึงไม่เข้าใจ ฉันเองก็อยากจะมีครอบครัวที่มั่นคง เพียงแต่สำหรับเป่หมิงโม่ ฉันรู้สึกว่าเขาดูจะเอาแน่เอานอนไม่ได้อยู่บ้าง อีกอย่าง เขาเป็นพวกคนประเภทที่คิดว่าตนเองเก่งมาก ฉันไม่ชอบมากเลย ตอนนี้ทั้งหมดก็เป็นแบบนี้ จะอย่างไรฉันกับเขาก็เดินร่วมกันมาแล้ว และก็ยังไม่แน่ว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไรอีก”
แอนนิปกปิดปากแล้วยิ้ม “ฮ่า ยังอยู่ที่นี่ยังแสร้งทำเป็นสงบอยู่ได้ ที่แท้เธอก็คิดมันมาตั้งนานแล้ว”
ประโยคนี้ทำให้กู้ฮอนหน้าแดง
หยินปู้ฝันตบหน้าอกของตนเอง “คุณไม่กล้าที่จะยืนยันใช่ไหม ผมอาสาจะไปคุยกับเป่หมิงโม่ ดูสิว่าเจ้าผู้ชายคนนี้สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ สองวันนี้ผมว่าคุณอยู่ที่บ้านของพวกเราก่อนดีกว่า ให้ผ่านไปสักสองสามวัน ดูว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร”
กู้ฮอนโบกมือ “ช่างเถอะ พวกคุณเป็นผู้ชายนอกจากอะไรที่เรียบง่ายและหยาบแล้วยังจะทำอะไรได้อีก ฉันไม่สามารถปล่อยลูกสามคนไว้ได้ เป่หมิงโม่ผู้ชายคนนั้นเป็นคนประเภทได้แต่ชี้นิ้วสั่ง ไม่สนใจอะไรเลย ถ้าหากฉันไม่อยู่ พวกเขาคงจะต้องปล่อยแกะ”
“ช่างมันเถอะ พูดมามากมายก็คือไม่อาจปล่อยวางเรื่องลูกได้ เห็นชัดว่าอยากจะได้เจอกับพ่อของลูกทุกวันสินะ”
*
จนกระทั่งกู้ฮอนกลับไป ก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว
เธอยืนอยู่ที่ประตูและมองไปยังนาฬิกา คาดว่าทุกคนในครอบครัวคงจะหลับไปหมดแล้ว
หลังจากที่เธอจอดรถเสร็จเรียบร้อย ก็เปิดประตูอย่างเงียบๆ และเดินเข้าไปในบ้าน
นึกไม่ถึงว่าไฟในห้องโถงยังคงสว่างอยู่ แต่ไม่มีใครสักคน รู้สึกได้ถึงความเงียบสงบ
แต่ ตอนที่เธอหันกลับไปปิดประตู ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากโซฟา “ทำไมวันนี้ถึงกลับดึกขนาดนี้”
กู้ฮอนก็เหมือนกับเด็กที่กลับบ้านเกินเวลาในตอนกลางคืน แล้วต้องตกใจเพราะถูกพ่อแม่จับได้
ตามเสียงฉันเห็นเป่ยหมิงโม่นอนอยู่บนโซฟาโดยมีหนังสือบังหน้า
กู้ฮอนมองไปยังท่าทางของเขาก็รู้สึกได้ทันทีว่าต้องมีความหมายอะไร
เป่หมิงโม่จะมองยังไงก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนกับประธานที่แสนจะเย็นชาก่อนหน้านี้เลย
“ฉันจะกลับบ้านดึกหรือไม่ดึกก็เหมือนจะไม่ต้องรายงานคุณนะ” กู้ฮอนพูดจบก็เดินไปหาเขา “อ่านหนังสือก็อ่านจนหลับ มันแสดงให้เห็นว่าปกติแล้วน่าเบื่อขนาดไหน”
“โอ๊ย!”
หลังจากกู้ฮอนอุทานขึ้นด้วยความตกใจ ในระยะเวลาเพียงสั้นๆหลังจากเสียงดังเห็นได้ว่าเป่หมิงโม่ ก็ได้เอาหนังสือออกจากใบหน้า จากนั้นก็ดึงเธอเอาไว้ในอ้อมแขนและเอนตัวลงบนโซฟาอีกครั้ง
และนอกจากกู้ฮอนจะรู้สึกโหวงเหวงแล้ว ก็ไม่รู้สึกถึงอะไรอื่นอีก
เป่หมิงโม่เหมือนกับเสือดาวตัวหนึ่งคอยเฝ้ามองล่าตัวเองเป็นอาหาร มือข้างหนึ่งวางไว้แน่นบนไหล่ของเธอ ทำให้เธอไม่สามารถจะขยับได้
ค่อยๆแนบชิดเข้าไปข้างหูของเธอ ใช้น้ำเสียงต่ำตามปกติ “เพียงแค่คุณอยู่ที่นี่วันเดียว คุณก็จะเป็นของผม ถึงแม้ว่าคุณต้องการจะหนี แต่ก็ไม่สามารถจะหลีกหนีฝ่ามือของผมได้” พูดจบ ก็เอียงศีรษะเล็กน้อย และจูบลงเบาๆที่แก้มของเธอ
เมื่อริมฝีปากได้สัมผัสกับผิวที่ขาวบอบบางของเธอ รู้สึกได้ว่าเธอกำลังสั่นเล็กน้อย ความถี่ของการหายใจของเธอแสดงให้เห็นถึงความตื่นตระหนก
ดูเหมือนว่าเขาจะพอใจกับความรู้สึกที่สัมผัสได้ มุมปากโค้งงอเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ปล่อยมือออกจากเธอ
กู้ฮอนตกตะลึงกับจูบนั้นของเขา อันที่จริงในขณะนั้นเธอก็ต้องการที่จะแยกตัวเองออกจากการถูกเขาจองจำ
มันเป็นเพียงความรู้สึกเพียงชั่วขณะ
เธอต่อสู้อยู่ในใจตลอดเวลา เธอมีเจตนาที่จะแยกตัวออกจากเขาจริงหรือ หรือดูเหมือนจะกลายเป็นการต่อต้านที่เคยชินแบบหนึ่ง แต่ความจริงมันก็ไม่เป็นเช่นนั้น
คนเราก็มีความขัดแย้งกันกับร่างกายไม่ใช่หรือ บ่อยครั้งที่ความคิดภายในใจกับคำพูดจากปาก ทำออกมาตรงกันข้าม
เธอก็เป็นประเภทคุ้นชินกับการต่อต้าน เพียงแต่หลังจากที่พยายามหาทางหลุดพ้นออกมาอยู่สองสามครั้ง ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จึงยิ่งมีความโกรธขึ้นเล็กน้อย
ตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่เกี้ยวพาราสีกับเขาเร็วขนาดนี้ “เอากรงเล็บของคุณออกไปแล้ว ก็ยังหนีไม่พ้นอุ้งมือของคุณ คุณคิดว่าตัวเองเป็นพระยูไลหรือไง แต่ต่อให้คุณจะเป็น ก็เป็นแค่พระสงฆ์ที่ไม่รักษาศีล”
“น่าเสียดายที่คุณก็ไม่ใช่เจ้าลิงซุน ไม่จำเป็นต้องเป็นพระยูไล ผมก็เพียงพอแล้ว” เป่หมิงโม่ยังคงกอดเธอเอาไว้แน่น ความรู้สึกแบบนี้หายไปนานแล้ว ตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นสมบัติอันล้ำค่ามาก
……
เป็นเวลาดึกแล้ว ทั่วทั้งรีสอร์ตก็เงียบสงัดลง ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาและสม่ำเสมอ
*
วันรุ่งขึ้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ จากนั้นใบหน้าของกู้ฮอน ก็รู้สึกได้ถึงอากาศที่มากระทบกับใบหน้าของเธอ
ในขณะที่กำลังลืมตาขึ้น เธอก็เกือบจะต้องตกใจ
ก็ได้เห็นดวงตากลมโตสามคู่ที่แวววาวสดใสกำลังจ้องมองมาที่ตนเอง และใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ทันใดนั้นเธอก็เบิกตากว้าง “ทำไมพวกเธอถึง……” เธอยังไม่ทันพูดจบ ก็รู้สึกได้ถึงมือใหญ่มือหนึ่งกำลังกดลงบนร่างกายของตนเองอย่างหนัก
หรืออาจจะเป็น……
ทันใดนั้นกู้ฮอน ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ยังคิดว่าตัวเองอาจจะกำลังนอนอยู่บนเตียงนอนอันใหญ่โตและอบอุ่น แต่ไม่คิดว่าเป่หมิงเอ้อเจ้าหมาตัวนี้ ยังอยู่บนโซฟาด้วยกัน
เเธอยังคงได้ยินเสียงหายใจลุ่มลึกและสงบนิ่งอยู่ที่ข้างหลัง ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ตื่น
เพียงแค่รู้ได้ว่าความรู้สึกเหมือนถูกจองจำเมื่อวานนี้ได้หายไปแล้ว เธอรีบเอามือของเขาออกจากตัวของตนเอง แล้วรีบลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว
ในฐานะพ่อแม่ แม้ว่าจะทำอะไรก็ล้วนแต่ถูกทำนองคลองธรรม แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าลูกก็ยังรู้สึกอายอยู่เล็กน้อย
ยิ่งกว่านั้น ระหว่างเธอและเป่หมิงโม่ ยังไม่มีสถานะระดับนี้
การถูกเด็กทั้งสามคนเฝ้าดู ทำให้กู้ฮอนรู้สึกอึดอัดอยู่เล็กน้อย ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีการตำหนิเป่หมมิงโม่เล็กน้อย
ครู่หนึ่ง เธอก็ผลักความผิดทั้งหมดให้กับเป่หมิงโม่ เธอหันกลับมาตบไหล่ของเขาอย่างแรง
“อื้ม……”
การกระทำนี้ทำให้เป่หมิงโม่ตื่นขึ้นจากความฝัน
แม้ว่าในคืนนี้พวกเขาไม่ได้ทำอะไรกันเลย แต่เขาก็ถือว่าเป็นค่ำคืนที่นอนหลับได้ดีที่สุด นับตั้งแต่ระยะเวลายาวนานมา มีความรู้สึกหนึ่งเกิดขึ้นคือความรู้สึกของความพึงพอใจ
เพียงแต่ว่า ความรู้สึกที่มีความสุขพร้อมแบบนี้ ก็ถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย และขยี้ตาอย่างสะลึมสะลือ “เช้าตรู่ขนาดนี้จะมาตีผมทำไม”
กู้ฮอนได้ยิน ผู้ชายคนนี้เป็นคนตรงไปตรงมา และก็ไม่รู้ว่าเขาไปเอาความรู้สึกแบบนี้มาจากไหน ก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด “คุณยังจะเสพติดการนอนอยู่ได้ ดูเรื่องที่คุณทำไว้สิ”
เป่หมิงโม่เขาช่างเอาตัวเองเป็นใหญ่จริง ๆ เขาไม่ได้ฟังความหมายที่อยู่ในคำพูดของเธอ อันที่จริงพื้นที่เพียงเล็กน้อยของตนเอง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่พึงจะเป็นอย่างไม่ต้องสงสัย
เขาลุกขึ้นนั่ง มองดูเด็ก ๆทั้งสามคนที่ยังคงมองพวกเขาอยู่ด้วยรอยยิ้ม “พวกเธอสามคนทำไมถึงได้ตื่นเช้าขนาดนี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” พูดจบ เขาก็มองดูกู้ฮอนอีกครั้ง ยื่นนิ้วมือออกไปชี้ไปยังจุดที่เธอเพิ่งจะตีเขาเมื่อกี้ “นวดให้ผมเลย ทำรุนแรงกันตั้งแต่เช้าตรู่”
มันก่อให้เกิดความรู้สึกเหมือนคุณลุงกำลังสั่งสาวน้อย
“นวดกับผีอะไรล่ะ!” กู้ฮอนพูดพร้อมกับมองไปยังเด็กทั้งสามคน เธอทำหน้าทำตา “ยังจะดูอะไรกันอยู่อีก ไปล้างหน้าแปรงฟันกันได้แล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะตีให้นะ” พูดจบ ยังยกมือขึ้นทำท่าทางเหมือนกำลังจะตี
เด็กทั้งสามคนตกใจกลัวเรื่องนี้ จนตอนนี้แม่กำลังขู่พวกเขา แต่ด้วยเหตุนี้ จึงยอมหลีกให้
“ฮ่า ๆ ๆ……” เสียงหัวเราะของเด็กทั้งสามคนดังขึ้น พวกเขาก็แยกย้ายกันไป
“เห้อ พวกเด็ก ๆ อย่าให้หกล้มนะ วิ่งช้า ๆหน่อย” บังเอิญว่าโม้จิ่งเฉิงและหวีหรูเจี๋ยก็ตื่นจากพักผ่อนลงมาชั้นล่างเช่นกัน
พวกเขาไม่ได้รู้อะไรชัดเจน เมื่อได้เห็นเด็กทั้งสามคนแบบนี้ ในฐานะผู้ใหญ่จึงสมควรที่จะต้องเตือนพวกเขา
โม้จิ่งเฉิงได้สวมกอดจิ่วจิ่ว ที่วิ่งผ่านไปอยู่หลังสุด อุ้มเธอขึ้นมาตรงหน้าอก และถามอย่างผ่อนคลาย “พวกเธอสามคนวันนี้ไปเจอเรื่องอะไรที่ทำให้มีความสุขล่ะ บอกให้คุณปู่กับคุณย่าฟังได้ไหมเอ่ย”
จิ่วจิ่วหัวเราะคิกคักไม่หยุด เพียงแต่ชี้นิ้วกลับไปยังทิศทางของห้องนั่งเล่น
เมื่อกู้ฮอนเห็นว่าผู้ใหญ่ก็มาแล้วเช่นกัน จึงยิ่งรู้สึกเขินอายมากขึ้น หน้าของเธอเป็นสีแดง รีบเดินก้มหน้าลงไปห้องน้ำชั้นล่าง
เธอไม่อาจจะมีเวลาว่างได้ เธอยังต้องเตรียมอาหารให้กับคนในครอบครัว
รายละเอียดเล็กน้อยพวกนี้ ไม่ว่าจะเป็นหวีหรูเจี๋ยและโม้จิ่งเฉิงทำไมจะจับไม่ได้ เพียงแค่เห็นสีหน้าท่าทางของกู้ฮอน แล้วหันไปมองเป่หมิงโม่ที่เพิ่งจะตื่น ยังไม่ทันจะตื่นเต็มตาก็สามารถเข้าใจได้เกือบจะชัดเจน