เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 868 มีทั้งความสุขและความเศร้า
บทที่ 868 มีทั้งความสุขและความเศร้า
“พอแล้ว!” เป่หมิงโม่รู้สึกโกรธมากที่ลูกชายยังคงปกป้องกู้ฮอนอยู่ในตอนนี้ หลังจากที่ดุเฉิงเฉิงไปก็ได้วางสายโทรศัพท์ลง
“พ่อ พ่อ…….” เฉิงเฉิงก็ไม่ได้ยินเสียงของเป่หมิงโม่อีก
ในใจของเฉิงเฉิงก็รู้สึกอึดอัดมากขึ้นมาทันที
เขานั่งลงบนโซฟาพลางขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด และเอามือทั้งสองมาปิดหน้า
“พี่เฉิงเฉิง เป็นอะไรไปเหรอ” เมื่อจิ่วจิ่วเห็นว่าอารมณ์ของเขาเริ่มไม่ปกติ จึงเดินไปข้างๆเขาและยื่นมือไปเขย่าที่แขนของเฉิงเฉิง
“ไม่ได้เป็นอะไร ไม่ได้เป็นอะไร ดึกมากแล้ว เดี๋ยวฉันจะให้หยางหยางพาเธอขึ้นไปนอนข้างบนนะ” เฉิงเฉิงพูดจบ พลางหันหน้าไปพูดกับหยางหยาง “ตอนนี้ที่บ้านก็ยุ่งมากพอแล้ว นายยังจะดูทีวีอะไรอีก คนอื่นๆจะต้องมาช่วยนายจัดการเรื่องยุ่งๆที่เกิดขึ้น รีบพาน้องขึ้นไปนอน”
จริงๆแล้วคำพูดระหว่างเฉิงเฉิงและพ่อ หยางหยางก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน
เขายังรู้สึกได้อย่างคลุมเครือว่า พ่อที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์จะต้องโกรธจัดแล้ว
ตอนนี้เมื่อได้เห็นแรงปะทุของเฉิงเฉิงแบบนั้น ตนเองก็ไม่อยากที่จะทำมากเกินไปในเวลานี้
“โอเค ฉันจะปิดทีวีแล้ว”
หลังจากที่เป่หมิงโม่วางสายโทรศัพท์ และได้ปิดทีวีลง เขาไม่ต้องการเห็นหน้าหยางหยางบนจอที่ทำให้เขารู้สึกปวดหัว และยิ่งไม่ต้องการเห็นจิ่วจิ่วที่ทำให้เขารู้สึกโกรธ
แม้ว่าเธอดูน่าสนใจมาก แต่เธอก็ดูเหมือนหน้าตากู้ฮอนตอนยังเป็นเด็ก
ตอนนี้เป่หมิงโม่ ก็ได้ถูกครอบงำด้วยความโกรธแล้ว
ในปีนั้น กู้ฮอนเคยโกหกว่าตัวเองซ่อนลูกชายเอาไว้คนหนึ่ง แต่สิ่งที่ไม่เคยคาดคิดคือ หลังจากเหตุการณ์นี้ เธอก็ได้ซ่อนลูกสาวเอาไว้อีกหนึ่งคน!
เขาอยากจะรีบออกจากสถานีตำรวจ เพื่อตามหาเธอ และถามเธอว่าตกลงยังมีอีกกี่เรื่องที่ตัวเองเอาไว้ข้างหลัง
คืนนี้ ก็ไม่มีใครหยุดได้จริงๆ
พวกของกู้ฮอน ฉิงฮัว และแอนนิต่างเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูห้องคลอดอย่างใจจดใจจ่อ
เป็นเวลากว่าสิบนาทีแล้วที่ลั่วเฉียวได้ถูกส่งเข้าไป
นอกจากกู้ฮอนที่ต้องสงบสติอารมณ์แล้ว อีกสองคนก็ได้แสดงความวิตกกังวลไม่ต่างกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉิงฮัว เขาขมวดคิ้วและเดินกลับไปกลับมาอย่างไม่หยุดอยู่หน้าห้องคลอด
“ฉิงฮัว คุณไม่ต้องกังวลมากขนาดนี้ นั่งลงก่อน” แม้ว่าแอนนิก็เริ่มกังวลเล็กน้อย แต่ในตอนนี้ก็ต้องปลอบโยนเขา”
เมื่อกู้ฮอนเห็นท่าทีแบบนี้ของฉิงฮัว ยิ้มเล็กน้อยและพูดกับแอนนิว่า “ตอนนี้คำพูดของใครเขาก็ไม่ฟังหรอก จิตใจกังวลอยู่กับเฉียวเฉียวและลูกของเขาในท้องที่ไม่เคยได้เจอหน้ากันมาก่อน”
เมื่อพูดถึงฉิวฮัวแบบนี้ ก็ได้หยุดฝีเท้าลง ใบหน้าของเขาก็แดงขึ้น และยังเอามือขึ้นมาเกาหัวอย่างเก้อเขิน
จู่ๆแอนนิก็ถอนหายใจ “ฉันรู้สึกได้ว่าเฉียวเฉียวมีความสุขมากจริงๆ ที่หาผู้ชายที่ดีอย่างฉิงฮัวมาได้”
เมื่อกู้ฮอนได้ยินเธอพูดแบบนี้ เข้าใจขึ้นมาได้ทันที “แอนนิ เธออย่าเพิ่งหมดกำลังใจ อีกทั้งเธอเองก็ไม่ได้แย่ ถ้าเอาข้อมูลของเธอเสนอออกไป จะต้องมีผู้ชายจำนวนมากแย่งกันขอเธอแต่งงานแน่นอนเชียวล่ะ”
ทันทีที่พูดถึงตรงนี้ เธอก็นึกถึงเรื่องไร้เหตุผลที่หยางหยางได้ทำขึ้นทันที รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปในทันที
แอนนิได้ใช้ประโยชน์จากคำพูดที่ได้พูดไป และรีบพูดสิ่งๆดีขึ้นมาแทนหยางหยาง “กู้ฮอน เธอดีกับฉัน เห็นฉันใช้ชีวิตผ่านไปแต่ละวันมันก็ยาก อีกทั้งให้ฉันไปประกาศหาคู่ แล้วทำไมเธอถึงไม่อยากให้หยางหยางทำแบบนั้นบ้างล่ะ ถึงแม้ว่าปกติแล้วเขาจะดูซุกซนมากจนเกินไป แต่เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ฉันก็เห็นด้วยว่าสิ่งที่เขาทำมันอาจจะดูไร้เหตุผลไปหน่อยจริงๆ แล้วยังทำให้เธอรับมือไม่ทันอีกด้วย แต่ความตั้งใจเดิมของเขาจริงๆแล้วก็ทำไปเพื่อเธอ”
กู้ฮอนเลิกคิ้วขึ้น แอนนิพูดไม่ผิด อีกทั้งหยางหยางก็ถูกตัวเองเลี้ยงดูมากับมือ ดังนั้นจะมีใครรู้จักลูกได้ดีกว่าแม่ล่ะ
“แอนนิ ฉันก็เห็นด้วยกับวิธีของเธอ แต่เธอมองเห็นเรื่องนี้แค่เพียงด้านเดียว ถ้าหากจิ่วจิ่วไม่อยู่ด้วย แล้วพาฉันไปออกทีวีด้วย ฉันก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่ความผิดของเขาอยู่ตรงที่พาจิ่วจิ่วไปด้วย แอนนิเธอน่าจะรู้ดีที่สุด ว่าทำไมฉันถึงให้จิ่วจิ่วไปอยู่กับเธอที่เมืองซาบาห์ แทนที่จะพาเขามาอยู่กับฉัน”
แอนนิพยักหน้า “กู้ฮอน ฉันเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร ฉันต้องขอโทษเธอด้วยสำหรับเรื่องนี้ ฉันแค่คิดว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นผลดีกับชีวิตเธอ แต่เรื่องมันก็เลยเถิดออกมาแล้ว ตอนนี้ชีวิตของเธอบางทีก็อาจจะได้รับผลกระทบ อีกทั้งดูเหมือนว่า ผลกระทบนี้มันออกมาแล้ว”
กู้ฮอนพูดทุกอย่างที่อยู่ในใจออกมา ความอัดอั้นในอกก็คลายลงเช่นกัน “แอนนิเธออย่าโทษตัวเองไปเลย เหมือนอย่างที่เธอบอก ในเมื่อเรื่องมันได้เกิดขึ้นแล้ว อย่างนั้นก็หาวิธีเผชิญหน้าดีกว่า”
ขณะนี้ ประตูห้องคลอดก็เปิดออก หมอคนหนึ่งเดินออกมา เธอมองไปยังทั้งสามคนที่อยู่หน้าประตู “พวกคุณใครเป็นคนในครอบครัวของคุณลั่วเฉียว”
“ผมเอง ผมเป็นสามีของเธอ คุณหมอ ลั่วเฉียวเธอเป็นอย่างไรบ้าง” ฉิงฮัวรีบถามออกไปด้วยความกังวล
“คุณวางใจเถอะ สภาพการณ์ของผู้คลอดดีมาก เธอคลอดแล้ว ทั้งแม่ทั้งลูกปลอดภัยดี คุณตามฉันมา”
“ฉิงฮัว นายจะมัวยืนอยู่ตรงนี้ทำไม ยังไม่รีบเข้าไปดูอีก ตอนนี้นายก็ได้เป็นพ่อคนแล้ว”
ลั่วเฉียวคลอดลูกอย่างปลอดภัย ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูก สิ่งนี้เลยทำให้ทุกคนคลายความตึงเครียดลง
หลังจากที่กู้ฮอนยิ้มพลางมองฉิงฮัวที่เดินเข้าไป และหันไปพูดกับแอนนิ “แอนนิ ลั่วเฉียวทางนี้อาจจะยังมีบางเรื่อง ซึ่งไม่แน่ว่าฉิงฮัวจะทำได้โดยลำพัง เธออยู่นี่เป็นเพื่อนพวกเขาอีกสักหน่อย ตอนนี้เวลาก็ผ่านไปเยอะแล้ว ฉันอยากจะกลับไปเตรียมสิ่งของบางอย่าง พรุ่งนี้ศาลจะเริ่มพิจารณาคดีแล้ว”
แอนนี่พยักหน้า “อื้ม เธอเดินทางปลอดภัยนะ กลับไปแล้วก็อย่าพักผ่อนดึกมาก แล้วเรื่องของ
หยางหยาง หลังจากเรื่องได้เจอกับเหตุการณ์นี้แล้ว เขาคงสำนึกผิดแล้ว ไม่ต้องไปดุไปตีเขาแล้ว ส่วนด้านของ เป่หมิงโม่นั้น ฉันคิดว่าตอนนี้พวกเราคงจะทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็ได้แต่รอดูผลสรุปในวันพรุ่งนี้ จริงสิ ทำไมตอนนี้แม่ของเธอยังไม่ฝังอีกล่ะ”
สำหรับกู้ฮอน แน่นอนว่าเรื่องของมาต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง เพียงผ่านมาแค่ไม่กี่วัน ก็ยุ่งกับเรื่องอื่นจนไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้
ยิ่งไปกว่านั้นแม่ยังมาถูกทำให้เสียชีวิต ก่อนที่ตำรวจจะสืบสวนเสร็จสิ้นก็ยังไม่สามารถประกอบพิธีฝังศพได้
“เรื่องแม่ของฉันต้องรอดูไปก่อน พรุ่งนี้คงจะได้ข้อสรุป เมื่อปิดคดีนี้แล้ว ฉันจะฝังศพเธอทันที เอาล่ะ ฉันกลับแล้วนะ ที่นี่คงจะต้องลำบากเธอแล้ว”
กู้ฮอนพูดจบแล้วหันหลังเดินออกไปจากห้องคลอด
หลังจากกู้ฮอนออกมาก็ได้โบกแท็กซี่ เธอนั่งที่แถวหลัง พิงศีรษะเบาๆบนกระจก มองดูแสงกะพริบของแสงไฟนีออนที่นอกหน้าต่างรถ และผู้คนที่เดินอยู่บนถนน
เธอไม่ได้รู้สึกถึงความรู้สึกแบบนี้มานาน ทุกวันมีเรื่องยุ่งมากมาย ทำให้ตัวเองไม่เคยมีอารมณ์แบบนี้
“คุณผู้หญิง ไม่ทราบจะไปไหน” คนขับรถแท็กซี่ขับไปพลางถามไปพลาง
กู้ฮอนยังไม่อยากจะรีบกลับบ้าน เพราะหากว่าตัวเองกลับไป แล้วพบกับหยางหยางก็ไม่อาจรับรองได้ว่าเธอจะปะทุความโกรธที่เพิ่งสงบลงได้ และไม่แน่อาจจะจับเขามาตี
“คุณคนขับ คุณช่วยขับวนในเมืองสักสองสามรอบเถอะ คุณไม่ต้องห่วง เรื่องค่าโดยสารจ่ายให้แน่”
คนขับรถเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบกว่าปี เขามองไปยังกู้ฮอนผ่านกระจกมองหลัง พร้อมยิ้มมุมปาก
“คุณผู้หญิง ดูจากคุณตอนนี้แล้ว โกรธอะไรจากที่บ้านมาใช่ไหม สามีหรือว่าลูกล่ะ”
สำหรับคำถามของคนแปลกหน้านั้น กู้ฮอนเงยหน้าขึ้นอย่างระมัดระวังแล้วมองไปข้างหน้า ไม่นานความกังวลของเธอก็หายไป เห็นได้ว่าคนขับเป็นคนที่ซื่อสัตย์คนหนึ่ง เขาคงถามตนเองด้วยความหวังดี
คนขับรถเห็นในกระจกว่าท่าทางของกู้ฮอนเปลี่ยนไป เขาปล่อยมือออกข้างหนึ่ง หยิบรูปถ่ายใบหนึ่งจากบนคอนโซลคนขับแล้วยื่นให้กับกู้ฮอน “คุณดูสิ นี่คือลูกชายของผม”
กู้ฮอนยื่นมือออกไปเพื่อรับรูปถ่าย อาศัยแสงจากนอกหน้าต่าง ทำให้เห็นภาพเด็กอายุเพียงสิบขวบที่อยู่บนนั้นได้อย่างชัดเจน
คนขับรถพูดต่อ “ปกติแล้วลูกชายของผมซนมาก ผมและแม่ของเขาโกรธเขาอยู่หลายครั้งกับเรื่องที่เขาทำ แต่ถ้าจะพูดไปแล้ว สุดท้ายก็เป็นลูกของตัวเอง ก็เหมือนกับต้นไม้ต้นเล็ก ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเติบโตมาที่มีกิ่งก้านสาขา แค่เพียงได้ช่วยพวกเขาตัดแต่งกิ่งก้านที่ไม่ต้องการออกไป เขาก็สามารถมีประโยชน์ได้”
หลังจากที่กู้ฮอนได้ฟังคำพูดของคนขับ ก็พยักหน้าอย่างจริงจัง ตอนนี้เธอนึกถึงคำพูดของแอนนิขึ้นมาได้ในทันที แม้ว่าหยางหยางจะทำอะไรไม่ถูกต้อง แต่นั่นก็ยังเป็นจิตใจที่ดี
นึกถึงสิ่งนี้ เธอก็ส่งรูปถ่ายกลับไปให้คนขับรถ “ขอบคุณนะ ช่วยพาฉันไปส่งที่บ้าน”
จนกระทั่งตอนที่กู้ฮอนกลับถึงบ้าน ดวงไฟชั้นล่างถูกปิดหมดแล้ว มีเพียงแค่ห้องใต้หลังคาที่พวกเด็กอยู่ยังคงเปิดไฟไว้
สิ่งนี้ทำให้เธอขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ทำไมตอนนี้เด็กๆถึงยังไม่นอน พวกเขามีเรื่องอะไรรึเปล่า
ในบ้านไม่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย เด็กทั้งสามคนไม่สนใจกฎเกณฑ์แล้วเหรอ
ทำให้เธอเข้าไปในวิลล่าด้วยความกังวลเล็กน้อย
ในเวลานี้ เฉิงเฉิงไม่ปล่อยให้หยางหยางงีบหลับ ศาลกำลังจะเริ่มพิจารณาคดีแล้ว เฉิงเฉิงกำลังยุ่งอยู่กับการคัดแยกหลักฐานจำพวกวิดีโอที่รวบรวมไว้เพื่อตัดสินโทษเป่หมิงโม่
เขาแค่ขอให้หยางหยางทบทวนดูคลิปวิดีโอของไม่กี่วันนั้นใหม่อีกรอบ ดูว่ามีอะไรที่ตกหล่นไปหรือไม่
“เด็กๆ ดึกขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่นอนกันอีก” ตอนนี้กู้ฮอนขึ้นมาถึงแล้ว ก็เห็นว่าเฉิงเฉิงกำลังยุ่งอยู่
เมื่อเฉิงเฉิงเห็นแม่กลับมาแล้ว ก็รีบวางเรื่องในมือลง “แม่ ทำไมแม่กลับมาแล้วล่ะ น้าเฉียวเฉียวเป็นยังไงบ้าง”
กู้ฮอนยิ้มแล้วมองไปที่เฉิงเฉิง “เธอสบายดี ฉิงฮัวกับแอนนิคอยดูแลเธออยู่ ศาลจะเริ่มพิจารณาคดีพรุ่งนี้แล้วไม่ใช่เหรอ ฉันกลับมาเพื่อจะเตรียมของบางอย่าง รอให้คดีพรุ่งนี้จบสิ้นก่อน ฉันก็จะได้พาคุณยายไปฝังไว้อย่างดี”
เมื่อกู้ฮอนพูดถึงตรงนี้ ก็หันกลับไปมองหยางหยาง เห็นแค่เขาทำท่าทางเหมือนกับมะเขือที่เหี่ยวเฉาและยังรักษาระยะห่างกับตนเอง คงจะเป็นเพราะกลัวถูกตี
เธอยิ้มขึ้นและเงยหน้าพูดกับหยางหยาง “ยังปิดบังอะไรอีก กลัวว่าฉันจะตีนายเหรอ ถ้าหากว่ากลัวจริงๆ ฉันคิดว่านายคงไม่กล้าจะทำเรื่องแบบวันนี้ แบบนี้ก็ดี รอให้พ่อนายออกมาก่อน เดาได้เลยว่าจิ่วจิ่วก็คงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันกับพวกเราแล้ว”
หลังจากได้ยินคำพูดของกู้ฮอน เฉิงเฉิงและหยางหยางก็ได้นิ่งขรึม
ก็เพราะเหตุผลนี้ไม่ใช่เหรอ ที่ตอนนั้นหยางหยางถูกแยกออกจากแม่
*
“โธ่โธ่ หยางหยางนายจะทำอะไร” เฉิงเฉิงยื่นมือออกไปคว้าหยางหยางที่เดินเข้ามาหน้าคอมพิวเตอร์ของเขา
“เพื่อไม่ให้จิ่วจิ่วต้องห่างจากแม่ ฉัน ฉันต้องทำลายสิ่งที่ค้นพบทั้งหมดพวกนี้” ดูเหมือนว่าหยางหยางจะมีความตั้งใจอย่างมาก ในเรื่องนี้แล้ว เขาแค่เลือกที่จะเสียสละพ่อเพื่อปกป้องแม่และน้องสาว”