เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 878 ไร้จุดมุ่งหมาย
บทที่ 878 ไร้จุดมุ่งหมาย
“ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ที่ศาล พวกเด็กๆ ไปทานอาหารด้วยกันกับคุณย่าของเขา คาดว่าเดี๋ยวก็คงกลับ”
เมื่อฉิงฮัวได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย: “คุณผู้หญิง วันนี้คุณไม่ได้ไปที่ศาลเหรอ?”
“ฉันไปแล้ว แต่บริษัทเป่หมิงเกิดปัณหาขึ้นนิดหน่อย ฉันกำลังจัดการ อาจต้องใช้เวลาสักพัก”
“เช่นนั้น คุณผู้หญิงอย่าทำงานจนดึกเกินไป กลับบ้านเช้า”
“ตกลง เฉียวเฉียวและเด็กๆ สบายดีใช่ไหม?” แม้ว่าทางนี้จะทำให้กู้ฮอนหัวแทบระเบิด แต่ก็ยังมิวายเป็นห่วงสองแม่ลูกคู่นั้น
“พวกเธอสบายดี แต่เจ้าตัวเล็กน้อยไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อม ร้องไห้อยู่นาน แต่ตอนนี้หลับไปแล้ว”
กู้ฮอนพยักหน้า: “งั้นพวกนายก็หาเวลาพักผ่อนเถอะ เด็กแรกเกิดค่อนข้างทำให้เหนื่อย พวกนายต้องเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ เอาล่ะ ฉันทำงานก่อน ฉันจะรีบจัดการงานให้เสร็จแล้วจะกลับไป” พูดจบเธอก็วางสาย
ท้ายที่สุดเธอก็ไม่ได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับบริษัทเป่หมิงให้ฉิงฮัว เธอฟังออกถึงน้ำเสียงของฉิงฮัวที่เผยความเหนื่อยล้าออกมา
และน้ำเสียงแบบนี้ไม่เคยปรากฏออกมา ในตอนที่ทำงานยุ่งๆ ให้กับเป่หมิงโม่
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ กู้ฮอนก็ไม่อยากสร้างความเดือดร้อน ให้กับคนอื่นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้
หลังจากเก็บมือถือแล้ว เธอนั่งประจำที่ของตัวเองเพียงลำพัง มองดูห้องทำงานที่ว่างเปล่า โดยเฉพาะตรงกลางโต๊ะทำงานของเป่หมิงโม่ เธอถอนหายใจเบาๆ
จากนั้นก็รู้สึกปวดหัวกับปัญหาตรงหน้าที่ควรหาวิธีจัดการสิ่งที่อยู่ในมือ
แต่ หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงทุกอย่างได้พลิกผัน ตอนแรกได้รับสายจากแผนกรับผิดชอบนัดหยุดงาน เนื้อหาทั่วไปคือพวกเขาจะกลับไปทำงานตามลำดับ
ซึ่งทำให้กู้ฮอนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ท่าทางเย่อหยิ่งที่มีปัญหาก่อนหน้า ทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนไปเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จากนั้น เธอก็ได้รับสายจากฉิงฮัวอีกครั้ง: “คุณผู้หญิง เรื่องของทางด้านของบริษัทเป่หมิงผมช่วยคุณจัดการให้เรียบร้อยแล้ว”
***
กู้ฮอนรู้สึกผิดเล็กน้อย: “ฉิงฮัว ต้องขอโทษจริงๆ ตอนที่นายยุ่งมากที่สุดก็ต้องมารบกวนนาย”
“คุณผู้หญิง ไม่ต้องเกรงใจ ผมเป็นคนของเจ้านาย เรื่องของบริษัทเป่หมิงก็เป็นเรื่องของผม ผมรู้ว่าคุณไม่อยากจะมารบกวนผมในเวลานี้ แบบนี้ไม่ใช่เกรงใจกันเหรอ ต่อไปหากมีเรื่องอะไร ก็บอกกับผมตรงดีกว่า”
*
เป่หมิงโม่และชูหยุนเฟิงและป่ายมู่ซีดื่มเบียร์กันในห้องส่วนตัวขวดแล้วขวดเล่า แน่นอนว่าพูดคุยกันไปเยอะมากเช่นกัน
แน่นอน หลักๆ คือชูเอ้อและป่ายมู่ซีปากจะพูดไม่หยุด เป็นคนนำ ส่วนเป่หมิงโม่ยังคงรักษาท่าทางเงียบสงบ ปล่อยให้พวกเขาสองคนจัดการตัวเองทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ
หากเป็นเมื่อก่อน บางทีเขาอาจจะจัดการพวกเขาทั้งสองไปตั้งนานแล้ว แต่วันนี้ไม่คาดคิดไม่มีการตอบสนองใดๆ เลย
เป่หมิงโม่ตกอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง
เวลาต่อมา เวลาไม่เช้าแล้ว เบียร์ก็ดื่มได้พอสมควรแล้ว
เป่หมิงโม่ลุกขึ้นจากโซฟาด้วยอาการเมาเล็กน้อย หมุนตัวแล้วออกไปจากห้องส่วนตัว
ด้านหลังเหลือแต่ขวดเปล่าหลายสิบขวดที่วางนอนอยู่บนโต๊ะน้ำชา และมีป่ายมู่ซีและชูหยุนเฟิงที่นอนอยู่บนโซฟา
สองคนนี้ดื่มจนเมามาก สำหรับเป่หมิงโม่ลุกขึ้นเดินออกไป ทั้งคู่ไม่มีการตอบสนองใดๆ
หลังจากเป่หมิงโม่เดินออกมาจากบาร์ โบกมือเรียกแท็กซี่หนึ่งคัน
“คุณผู้ชาย ไม่ทราบว่าต้องการไปที่ไหน?”
หลังจากเป่หมิงโม่ขึ้นรถแล้ว คนขับก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ บนตัวเขา คิ้วก็ขมวดเล็กน้อย
อันที่จริงเขาไม่อยากรับลูกค้าแถวบาร์ เพราะเขาได้เห็นและได้ยินเรื่องราวที่ไม่ดีเกี่ยวกับคนขี้เหล้ากับรถแท็กซี่หรือกับคนขับมานักต่อนัก
สาเหตุที่เขาให้เป่หมิงโม่ขึ้นรถมา เพราะตอนนั้นเขาเห็นว่าชายที่ยืนอยู่ตรงนั้นท่าทางไม่เหมือนคนเมา
แต่หลังจากขึ้นรถมาดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างที่ตัวเองได้เห็นเมื่อครู่ แต่คนๆนี้ได้ขึ้นรถมาแล้ว คงไม่ไล่เขาลงจากรถหรอกนะ
ยิ่งไปกว่านั้น เขาเห็นเป่หมิงโม่ที่นั่งอยู่เบาะหลังนั้นร่างกายกำยำ เมื่อพิจารณาจากหน้าตาแล้ว แม้ว่าจะหล่อเหลาแต่ความออร่านั้น แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่คนที่จะสามารถทำให้โกรธได้
ช่างเถอะ ถือว่าตัวเองทำไปเปล่าประโยชน์ เมื่อคิดถึงตรงนี้ คนขับกระซิบถามไปว่า
เป่หมิงโม่ที่เพิ่งออกมาจากบาร์ ลมเย็นพัดเบาๆ ตอนแรกตัวเองควบคุมการดื่มแอลกอฮอล์ได้ แต่ก็ค่อยๆ ควบคุมไม่อยู่
หลังจากเข้ามาในรถแล้ว เขาเริ่มรู้สึกเวียนหัว
ถึงกระนั้น เขาก็ค่อนข้างชัดเจน
แท็กซี่ต่างกัน คนขับก็ต่างกัน ถามคำถามเดียวกันกับตัวเอง ขณะเดียวกันก็ทำให้เขาต้องลำบากใจในการเลือกอีกครั้ง
กลับบ้านเก่าตระกูลเป่หมิง หรือกลับโรงแรมแมนดาริน หรือว่าเย่หยิงอีพิน…
และในเวลานี้ ก็มีภาพของกู้ฮอนปรากฏขึ้นมาในหัวสมองของเขา เป็นภาพ ที่ทำให้เขาตัดสินใจในทันที: “คุณช่วยพาผมไปที่นี่…”
แท็กซี่แล่นผ่านบนถนนที่มีแสงสีเสียงในยามค่ำคืนของเมืองAอย่างรวดเร็ว คนเดินสองข้างทางและรถผ่านไปข้างหน้าต่างไปอย่างรวดเร็ว
เป่หมิงโม่เมาแล้ว แต่ก็ยังคงรักษาท่านั่งที่ตรงไว้ เขาหลับตาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเงียบมาก
ทำให้คนขับแท็กซี่ต้องถอนหายใจออกมายาวๆ คนเมาคนนี้ถือว่าควบคุมตัวเองได้ดีกว่าลูกค้าคนอื่นๆ ที่ดื่มเหล้ามาก
แท็กซี่แล่นผ่านถนนเส้นหลักของเมืองAอย่างรวดเร็ว ขับไปตามท้องถนนปานซาน จนถึงหน้าประตูทางเข้าของวิลล่าที่ตั้งอยู่กลางภูเขา
“คุณผู้ชาย ถึงแล้ว”
***
เป่กมิงโม่ยกมือขึ้น เตรียมหยิบเงินออกมาจากในกระเป๋าให้คนขับ
แต่ทันใดนั้นใบหน้าเดิมที่เย็นชาของเขา จากนั้นตามมาด้วยใบหน้าที่ยุ่งเหยิง เพราะเขาเอามือล้วงในกระเป๋าอยู่นานสุดท้ายกลับพบความว่างเปล่า
ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ว่า ช่วงเวลาที่อยู่สถานีตำรวจ ฉิงฮัวเคยเห็นตัวเอง และในช่วงนั้น เขาได้นำทรัพย์สินทั้งหมดของตัวเองให้ฉิงฮัวนำกลับไปหมดแล้ว
สาเหตุที่เขาทำเช่นนี้ เหตุผลง่ายนิดเดียว เพราะอยู่ที่นี่มีกินมีใช้ ไม่มีอะไรต้องใช้จ่าย
อันที่จริง ไม่เพียงแค่นั้น ในเวลาปกติ ในกระเป๋าของเขาน้อยมากที่จะพกเงินสด เพราะตอนนั้นฉิงฮัวคอยอยู่ข้างกายเขา ส่วนใหญ่ตัวเองจึงไม่จำเป็นต้องไปจัดการเรื่องจิปาถะ
“เอ่อ..คุณผู้ชาย หากคุณประมาทไม่ได้พกเงินออกมากะทันหัน งั้นก็ไม่ต้องหาแล้ว ออกไปไหนมาไหน ไม่มีใครไม่ลืมของ” คนขับมองพฤติกรรมของเป่หมิงโม่ผ่านกระจกหลัง แล้วพูดอย่างรวดเร็ว
เป่หมิงโม่หยุดการเคลื่อนไหวในมือ แล้วมองไปยังคนขับ จากนั้นก็จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เปิดประตูแล้วลงจากรถ
ที่นี่ห่างจากปิ่นฮอนเป่หยวนไม่ค่อยไกล เขาหยิบมือถือออกมาเตรียมโทรหาฉิงฮัว ให้เขาส่งเงินมาให้
เมื่อคนขับเห็นเขาลงจากรถ ก็ถอนหายใจออกมายาวๆ แต่เมื่อเห็นเขาหยิบมือถือออกมา ก็รู้สึกกังวล
คิดไปคิดมา ดึกๆ ดื่นๆ มาสถานที่แบบนี้ ตรงหน้ามีวิลล่าดังกล่าว แต่กลับไม่มีแสงไฟ
นั่นหมายความว่าที่นี่ไม่มีคนอยู่อาศัยหรือน้อยมากที่จะอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีบ้านหลังอื่นอยู่รอบๆ วิลล่านี้เลย ที่ใกล้ที่สุด ก็ต้องนั่งลงไปที่ปิ่นฮอนเป่หยวนเป็นหมู่บ้านที่หรูที่เพิ่งสร้างใหม่ซึ่งอยู่ตีนเขา แม้ว่าที่นั่นจะมีแสงไฟสว่างไสว แต่สมมุติหากบนเขานี้เกิดอะไรขึ้นกะทันหัน หากขอความช่วยเหลือก็ช่วยอะไรไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น เขาดูออก ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ว่าจะรูปร่างไปถึงออร่าที่ทำให้คนกลัว ซึ่งจะไม่ใช่คู่ปรับของตัวเองแน่นอน
และผู้ชายคนนี้มาถึงสถานที่แห่งนี้ ไม่รู้จุดประสงค์คืออะไร หากมาที่นี่เพราะวิลล่าหลังนี้ ตัวเองไปจากที่นี่ก่อนน่าจะดีกว่า เกิดที่นี่เกิดอะไรขึ้นกะทันหัน คงหนีไม่พ้นที่จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเอง
นับว่าโชคไม่ดี แม้ว่าครั้งนี้จะวิ่งรถเปล่าประโยชน์
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาก็มองผู้ชายที่อยู่ข้างนอกไม่รู้ทำไม หลังจากมองมือถือ จากนั้นก็ใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าเหมือนเดิม
คนขับแท็กซี่ใช้โอกาสนี้เตรียมกลับรถแล้วเหยียบคันเร่งเพื่อจะรถขับออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด สถานที่ที่สามารถเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ทุกเมื่อ
“ก๊อกก๊อก..” ขณะที่เขากำลังเปลี่ยนเป็นเกียร์สองก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังมาจากกระจกหน้าต่างข้างๆ ตัวเอง
ซึ่งทำให้คนขับแท็กซี่ตัวสั่น หรือว่าผู้ชายที่อยู่ข้างนอกคนนี้ต้องทำอะไรสักอย่างก่อน เพื่อทำสำเร็จแล้วจะได้ถอยกลับได้สะดวก และเพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมา ดังนั้นจึงใช้ตัวเองเป็นตัวทดลอง?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้น
แต่เพื่อทำให้ผู้ชายคนนี้มีสติ ก่อนอื่นต้องใจเย็นๆ มองดูการเคลื่อนไหวของเขาค่อยตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไร
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาแอบล็อกประตูทั้งหมดไว้ อย่างน้อยแบบนี้ก็จะสามารถมั่นใจได้ว่าคนข้างนอกจะไม่เปิดประตู จากนั้นก็เลื่อนหน้าต่างลงเล็กน้อย เหลือเพียงช่องว่างเล็กน้อย เพื่อให้แน่ใจว่าคนข้างนอกจะเอามือเข้ามาบังคับเปิดประตู
สำหรับการกระทำเล็กน้อยของคนขับ เป่หมิงโม่ที่ยืนอยู่ข้างนอกทำไมจะสังเกตไม่ได้ เขาอาจจะรู้ด้วยซ้ำว่าคนขับกำลังกังวลอะไรอยู่
***
หลังจากรอให้กระจกหน้าต่างเลื่อนลงมาเล็กน้อย เขาพูดกับคนขับที่นั่งอยู่ในรถว่า: “ให้ข้อมูลการติดต่อของคุณกับผม พรุ่งนี้ผมจะจ่ายค่ารถให้คุณ”
“คุณผู้ชาย ไม่จำเป็นแล้ว เมื่อกี้ผมก็พูดไปแล้ว: ออกมาใครไม่มีความยากลำบาก ผมส่งคุณมาเป็นเรื่องเล็กน้อย คุณไม่ต้องกังวลไป ต้องขอโทษด้วย ผมยังมีธุระด่วนต้องไปทำ ไปก่อนล่ะ”
คนขับแท็กซี่พูดเสร็จ เหยียบคันเร่ง รถก็พุ่งตัวออกไปราวกับกระต่ายที่พุ่งตัวออกไป
แม้ว่าที่นี่จะเป็นปานซาน แต่ถนนเส้นนี้เดินไม่สะดวกเหมือนถนนในเมือง ยังไงก็มีความเสี่ยงไม่มากก็น้อย
โชคดีที่คนขับแท็กซี่คนนี้มีประสบการณ์ในการขับแท็กซี่ สามารถตัดสินใจจากเสียงเบรกได้
เป่หมิงโม่มองรถแท็กซี่ที่ขับหายไปกับควัน แสยะยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าในชนชั้นสูง ไม่ว่าจะไปที่ไหนจะถูกมองว่าเป็นแขกผู้มีเกียรติของตัวเอง แต่ในสายตาของผู้คนชนชั้นกลางและชนชั้นล่าง กลับกลายเป็นมิจฉาชีพที่น่าหวาดกลัว
ช่างน่าสนใจ
เขาหมุนตัวเดินไปที่ประตูเหล็กที่ปิดสนิทอยู่ ยื่นนิ้วมือออกไป ค่อยๆ สแกนนิ้วของประตูที่มีแสงสีแดง
ผ่านไปไม่กี่วินาที ก็ได้ยินเสียง ‘ค๊าๆ’ ตามมาด้วยประตูปลดล็อกอัตโนมัติเปิดออกอย่างช้าๆ
เขาเดินเข้าไปในประตู เดินไปทางวิลล่าอย่างช้าๆ
เงยหน้าขึ้นมอง ดวงดาวบนท้องฟ้าสะท้อนกับแสงไฟของ ‘ปิ่นฮอนเป่หยวน’ ที่อยู่ด้านล่าง
ขณะนี้ ในวิลล่าหลังหนึ่งของ ‘ปิ่นฮอนเป่หยวน’ แสงไฟอ่อนๆ เป็นสัญลักษณ์ของความอบอุ่นและความสุข
บนชั้นสองที่หันหน้าไปทางในห้องห้องหนึ่งที่อยู่ปานซาน ม่านหน้าต่างไม่ได้เปิดไว้
ฉิงฮัวอยู่ข้างกายของลั่วเฉียว มีเด็กทารก ที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงไม้เล็กๆ ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา