เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 900 เดินอยู่บนถนนเล็กๆ
บทที่ 900 เดินอยู่บนถนนเล็กๆ
เป่หมิงโม่ส่ายหน้าแบบจนปัญญา เอากาแฟวางไว้บนโต๊ะ น้ำเสียงของเมื่อสักครู่เปลี่ยนไปทันที เย็นชาเหมือนอย่างปกติ:” ผมพูดแค่ครั้งเดียว ถ้าหากไม่ได้ยิน ก็ถือว่าไม่ได้พูด” พูดจบ เขาหันหลังกำลังจะเดินไปที่ข้างนอกห้องรับประทานอาหาร
“คุณรอแป๊บนึง ใครบอกว่าฉันได้ยินอย่างไม่ชัดเจน ที่ต้องถามแบบนี้ ก็เพราะว่าต้องการยืนยันอีกสักหน่อย คุณเคยพูดว่าถ้าไม่ยืนยันให้ดีๆแล้วก็ ถึงเวลานั้นใครจะไปรู้ว่าคุณจะกลับคำรึเปล่า”
***
เป่หมิงโม่หยุดชะงัก หันหน้ากลับมา:” คำพูดที่ผมพูดออกไปไม่เคยกลับคำ ถึงแม้คุณจะเป็นทนายความ แต่ก็พูดมั่วๆไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นผมจะฟ้องคุณในข้อหาหมิ่นประมาท”
” คุณแน่จริงก็ไปฟ้องเลยสิ ทำเหมือนกับว่ากลัวคุณอยู่ได้ ที่สำคัญคุณมีหลักฐานรึเปล่า” หัวใจที่ตื่นตระหนกของกู้ฮอนได้ปลอดโปร่งขึ้นมาทันทีทันใดแล้ว เธอได้รู้แล้วว่าเป่หมิงโม่เตรียมตัวมอบลูกๆทั้งสามคนให้กับตัวเองดูแลเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว
ถึงแม้ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้และหมายความว่ายังไงกันแน่ แต่ว่ายังคงดีใจอย่างยิ่ง
เป่หมิงโม่มองนัยน์ตาของกู้ฮอนมีแสงผ่านเข้ามาในทันทีทันใด:”ถ้ามีความจำเป็นผมจะทำแบบนี้” ฟังขึ้นไปเหมือนไม่ได้โกรธ
การสนทนาระหว่างพวกเขาเหมือนสามีภรรยาที่กำลังหยอกล้อกันซะมากกว่า
“เฮ้ยเฮ้ย คุณอย่าเพิ่งออกไป ฉันยังมีคำถามอยากจะถามคุณ” กู้ฮอนเรียกเป่หมิงโม่ที่เตรียมตัวจะออกไป
“สมกับเป็นทนายความ ปัญหาเยอะจริงๆ เมื่อสักครู่ผมได้จัดการธุระให้เรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรือ ควรพูดว่าสมใจคุณแล้ว หรือว่ายังมีธุระอย่างอื่นอีก คุณอย่าทำตัวได้คืบจะเอาศอกนะ”
” ฉัน ฉันแค่อยากจะถามคุณสักหน่อยว่าทำไมคุณให้ลูกทั้งสามคนอยู่กับฉัน……… เฮ้ย คุณอย่าใช้สายตาที่ดูถูกดูแคลนมามองฉันได้ไหม ฉันไม่ใช่ไส้พุงในท้องของคุณ จะไปรู้ความคิดของคุณได้ยังไง ที่สำคัญ ความคิดของคุณคนธรรมดาล้วนแต่คิดไม่ถึงกันทั้งนั้นแหละ”
กู้ฮอนตั้งใจขมวดคิ้วและทำปากจู๋ให้กับเป่หมิงโม่
เธอกำลังออดอ้อนตัวเองอยู่ใช่มั้ย? มองดูหน้าตาของเธอ เป่หมิงโม่แอบถามตัวเอง แต่ว่า ไม่ว่ายังไงซะ วิธีแบบนี้รู้สึกว่าสบายใจมาก และมีผลมากเลยทีเดียว
” พูดว่าคุณซื่อบื้อ คุณก็ร้องไห้ขี้มูกโป่งทันที คดีจบสิ้นแล้ว ความจริงในทุกสิ่งทุกอย่างก็ได้กระจ่างใสแล้ว คนร้ายตัวจริงถูกลงโทษไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าคุณละเอียดอ่อนพอ มีรายละเอียดเยอะมากที่สามารถตอบแทนผมในข้อสงสัยของคุณเมื่อสักครู่ เอาหล่ะ ผมไม่มีเวลามาเหลวไหลกับคุณแล้ว ผมยังมีธุระต้องจัดการ ถ้าหากคุณหาคำตอบไม่เจอ ถ้าอย่างนั้นก็ขอความช่วยเหลือจากลูกชายสุดที่รักทั้งสองคนที่เป็นนักสืบด้วยเถ๊อะ”
หลังจากเป่หมิงโม่พูดคำนี้จบ เดินออกไปจากห้องรับประทานอาหารแบบไม่หันหน้ากลับไปอีกเลย
” พ่อครับ” ขณะที่เฉิงเฉิงและหยางหยางกำลังนั่งเดาว่าพ่อกับแม่พูดอะไรกันอยู่นั้น เห็นเป่หมิงโม่ออกมา เฉิงเฉิงจึงเรียกออกมาคำนึง
ต่อมา หยางหยางก็เรียกไปคำนึงว่า:”พ่อครับ”
หลังเป่หมิงโม่ตอบรับไปคำนึง หยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าของพวกเขา
เขาก้มหน้ามองดูลูกๆทั้งสองคน ยื่นมือไปจับหัวของพวกเขาเบาๆ:” ช่วงนี้พวกนายอยู่กับน้องสาวและคุณแม่อยู่ที่นี่สบายดีกันรึเปล่า?”
“สบายดีครับ สบายดีแน่นอนอยู่แล้วครับ พ่อครับ พูดอะไรคำนึงที่พ่อไม่ชอบฟังได้ไหม?” หยางหยางถามไปคำนึงอย่างเสียงเบา เพราะว่าเขารู้สึกว่า ร่างกายของคุณพ่อไม่มีกลิ่นไอความเข้มงวดเหมือนอย่างปกติแล้ว ดูเหมือนสงบนิ่งมาก
” พูดเถอะ เห็นแก่ที่นายให้’เบลล่า’เลียพ่อจนตื่นขึ้นมา”
” คนที่ยืนอยู่ตรงหน้ายังเป็นคุณพ่อที่หน้าบึ้งอยู่ทั้งวันคนนั้นรึเปล่า เริ่มพูดจาล้อเล่นตั้งแต่เมื่อไหร่
เฉิงเฉิงและหยางหยางมองหน้าซึ่งกันและกัน และแลกสายตาให้กันและกันอีกด้วย
“พ่อครับ พูดจริงๆนะครับ เราอยู่ร่วมกันกับคุณแม่ มีความสุขกว่าตอนที่อยู่บ้านคุณปู่เยอะเลยครับ ถึงแม้อยู่บ้านคุณปู่ มีของอร่อยให้กินตั้งมากมาย แต่ว่ารู้สึกว่าเหมือนติดอยู่ในคุกไม่มีความเป็นอิสระเลยอ่ะ ต้องรักษามารยาททุกอย่าง ทรมานจริงๆนะครับ………”
หลังจากเป่หมิงโม่ฟังจบขมวดคิ้วเล็กน้อย
” พ่อครับ ความหมายจริงๆของหยางหยางคือ…….” เห็นสีหน้าของคุณพ่อ เฉิงเฉิงกลัวคำพูดของหยางหยางทำให้พ่อเกิดโมโหขึ้นมา จึงรีบแก้ตัวแทนเขา
***
เป่หมิงโม่แค่ขมวดคิ้ว ตามคำพูดของหยางหยาง เขาคิดถึงตอนเด็กๆของตัวเอง ตัวเองในตอนนั้นก็เหมือนเฉิงและหยางในตอนนี้ เห็นบ้านหลังนั้นเป็นกรงนกที่ตัวเองไม่สามารถบินออกไปไหนได้เลย
เพียงแต่ว่าเทียบกับพวกเขาแล้ว ตัวเองในตอนนั้นน่าจะอยากออกไปจากที่นั่นมากกว่าอีกนะ ที่สำคัญ ตอนนั้นเขาไม่ได้มีความสุขเหมือนกับพวกเขาในตอนนี้
พวกเขายังมีแม่ที่คอยรักคอยแอนดูพวกเขาอยู่ ยังมีน้องสาวอยู่กับพวกเขาอีกด้วย ยังมีลั่วเฉียวและแอนนิ……..
ส่วนตัวเองในตอนนั้นกลับไม่ใช่แบบนี้ คุณแม่ได้เสียแล้ว พ่อของตัวเองก็ดุมากเหลือเกิน ถึงแม้มีพี่น้องเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะระหว่างกับเป่หมิงเฟยหยวน ความสนิทสนมในความเป็นพี่น้องมีน้อยมาก สิ่งที่มีมากขึ้นกลับเป็นความเกลียดชัง
ถึงแม้ดูจากผิวเผินแล้วแม่เลี้ยงเจียงฮุ่ยซินจะดีกับตัวเอง แต่ว่าก็แค่ทำให้พ่อดูเท่านั้น ตอนนี้ธาตุแท้ของเธอก็ได้เผยออกมาแล้ว ที่สำคัญยังเกือบทำให้แม่ของตัวเองตาย…….
“พ่อครับ ท่านเป็นอะไรไปครับ?” เฉิงเฉิงเงยหน้าไว้ มองดูคุณพ่อที่กำลังมองหน้าพวกเขาสองคนพี่น้องอย่างใจลอย
เป่หมิงโม่ยิ้มแย้มให้กับพวกเขา:”ไม่มีอะไร เมื่อสักครู่พ่อคิดถึงอะไรบางเรื่อง เฉิง หยาง ช่วงนี้พ่องานยุ่ง เพราะฉะนั้นดูแลพวกนายไม่ได้แล้ว พวกนายและน้องสาวก็อยู่กับแม่ที่นี่เถอะ จำไว้ อย่าคิดว่าอยู่ที่นี่พวกนายก็จะไม่กลัวฟ้าดิน ถ้าหากให้พ่อรู้ว่าพวกนายทำอะไรผิดแล้วก็ พ่อก็จะกลับมาจัดการพวกนายเอง”
” เฮเฮ พ่อวางใจเถอะครับ พวกเราจะเชื่อฟังแน่นอนครับ”หยางหยางรีบพูดขึ้นมา
” อืม เป่หมิงโม่พยักหน้า”
พูดจบ เป่หมิงโม่เดินออกไปที่บ้านเดี่ยวข้างนอกแบบไม่หันหน้ากลับมาอีกเลย
มองดูข้างหลังของคุณพ่อที่จากไป เฉิงเฉิงและหยางหยางดูหน้าซึ่งกันและกันอีกครั้ง:” คุณพ่อหมายความว่าไง? ให้พวกเราและน้องสาวอยู่ข้างกายคุณแม่ใช่รึเปล่า”
เฉิงเฉิงพยักหน้า:”ดูท่าเป็นแบบนี้”
“ถ้าอย่างนั้น ผมก็ไม่ต้องกลับไปที่บ้านคุณปู่ที่นั่นอีกแล้วและไม่ได้อยู่กับคุณพ่ออีกแล้วด้วย? เว้า งั้นก็เยี่ยมมากเลยทีเดียว” หยางหยางดีใจจนเกือบจะกระโดดขึ้นมา
*
เดินทางช้าๆระหว่างลงเขา เป่หมิงโม่เดินไปตามทางภูเขาที่เขียวขจี
ลมเบาๆได้พัดกิ่งไม้และทำให้เกิดเสียงดังออกมา’ซือซือ’ เย็นๆและสบายๆ
ร่องระหว่างต้นไม้แต่ละต้น สามารถมองเห็น’บ้านเดี่ยวชั้นเยี่ยม’หลังนั้นที่อยู่ข้างล่างเขา หันหน้าอีกครั้ง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ บ้านเดี่ยวที่อยู่กลางภูเขาก็มองไม่เห็นยอดชายคาของบ้านเดี่ยวแล้ว มีแต่ท้องฟ้า ต้นไม้และถนนลาดยาง
ถึงแม้ไม่ได้เป็นไข้แล้ว ร่างกายก็ปลอดโปร่งไม่น้อย แต่ว่าก็ยังรู้สึกว่าร่างกายไม่ค่อยสบายสักเท่าไหร่ แต่ว่าไม่ได้หนักหนาใดๆแล้ว
ถนนที่อยู่ตรงหน้า คดเคี้ยวไปมามองไม่เห็นสุดทาง
นี่เป็นสัญลักษณ์ที่เหมือนกับหนทางข้างหน้าของชีวิตตัวเองไม่ใช่หรือ
ตอนนี้เรื่องก็บานปลายจนถึงขั้นนี้แล้ว พ่อก็เสียไปแล้ว ป้าก็เสียไปแล้ว ป้าซินก็ได้รับผลกรรมที่สมควรได้รับเรียบร้อยแล้ว
แม่ของตัวเองอยู่กับโม้จิ่งเฉิง ถึงแม้พวกเขาไม่มีลูกด้วยกันสักคน แต่ว่าดูออกว่าพวกเขามีความสุขมาก
สำหรับฉิงฮัว ผู้ช่วยที่เต็มไปด้วยความสามารถของเขา ตอนนี้ได้มีครอบครัวที่มีความสุข และที่สำคัญยังมีลูกที่น่ารักคนนึงอีกด้วย
กู้ฮอน เฉิงเฉิง หยางหยางและยังมีจิ่วจิ่ว……
คิดถึงพวกเขาปุ๊บ หัวใจของเป่หมิงหมิงก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที
พบว่าตัวเองเหมือนจะไม่ใช่ตัวคนเดียวที่โดดเดี่ยวเดียวดายแล้ว อย่างน้อยยังมีพวกเขาอยู่ เพียงแต่ว่า เขารู้สึกว่าติดค้างกู้ฮอนเยอะมากจริงๆ เยอะซะจนต่อให้เอาบริษัทเป่หมิงทั้งบริษัทชดใช้ให้กับเธอก็ชดใช้ไม่หมด
***
กู้ฮอนมองดูเป่หมิงโม่ออกไปจากห้องรับประทานอาหาร เธอไม่ได้วิ่งตามออกไป เพราะว่าตอนนี้เธอยังจมอยู่กับความดีอกดีใจ ไม่ว่ายังไงซะ นี่ก็ถือว่าเธอได้สมหวังดั่งใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว:” ใช้ชีวิตอยู่กับลูกๆทั้งสามคน
ใบหน้าของเธอแต่มีรอยยิ้ม:” ได้พึ่งบุญบารมีของไอ้เป่หมิงเอ้อที่เป็นไข้คนนี้จริงๆ”
ผ่านไปสักพักเธอเดินออกมาจากห้องรับประทานอาหาร เดิมทีคิดว่าเป่หมิงโม่จะนั่งอยู่ในห้องล๊อบบี้
แต่ว่านอกจากเธอได้เห็นแค่ลูกสองคนแล้ว ก็ไม่เห็นเงาของเป่หมิงโม่เลย:”พ่อของพวกนายหล่ะ?”
” พ่อออกไปแล้วครับ”หยางหยางชี้ไปที่ข้างนอก
” พ่อพูดอะไรกับพวกนายรึเปล่า?” กู้ฮอนรีบถาม
หรือว่าไอ้คนคนนี้ไม่พูดอะไรกับลูกๆก็ออกไปเลย? ”
” พ่อบอกว่าช่วงนี้พ่องานยุ่ง ให้ผมและหยางหยางยังมีน้องสาวอีกด้วยให้อยู่ข้างกายคุณแม่ครับ”
กู้ฮอนพยักหน้า:”รู้แล้ว พ่อไม่ได้พูดอย่างอื่นกับพวกนายหรือ?”
เฉิงเฉิงและหยางหยางต่างส่ายหน้า:” แม่ครับ เมื่อสักครู่แม่กับพ่อปรึกษาหารือกันที่ห้องรับประทานอาหารก็คือเรื่องนี้เองเหรอครับ? ”
“ใช่แล้ว ทีแรกแม่คิดว่าเขาแค่พูดเล่น” กู้ฮอนไม่มีอะไรต้องปิดบังลูกๆ เอาคำพูดระหว่างตัวเองกับเขาที่อยู่ในห้องรับประทานอาหารพูดคร่าวๆไปนึงรอบ
แน่นอน เธอลบบางส่วนออกไปอย่างเหมาะสม
สุดท้ายพูดว่า:” แม่ยังรู้สึกสงสัย การกระทำของพ่อแตกต่างจากครั้งก่อนโดยสิ้นเชิง ไม่รู้จริงๆว่าเขาคิดยังไง”
ข้อสงสัยก็ได้เกิดขึ้นที่สมองน้อยๆของเฉิงเฉิงและหยางหยางเช่นกัน
แต่ว่า อาจจะเป็นเพราะว่าความคิดของเด็กๆไม่ได้ซับซ้อนเหมือนกับผู้ใหญ่ หลังจากคิดไปได้สักพักหยางหยางเอ่ยปากขึ้นมาก่อน:” ตอนที่ผมอยู่บ้านคุณปู่ ไม่ได้เห็นหน้าคุณพ่ออยู่บ่อยๆ มีแต่คุณย่าเลี้ยงที่เข้ามาดูแลผม ตอนนี้คุณย่าเลี้ยงถูกจับไปเรียบร้อยแล้ว……….”
“เพราะฉะนั้น อยู่ที่บ้านคุณปู่ก็เลยไม่มีคนดูแลแล้ว เพราะฉะนั้นจึงให้เราอยู่กับแม่ครับ”
หยางหยางมองหน้าของเฉิงเฉิงแบบรังเกียจ:” เฮ้ย ใครให้นายพูดแทรก ให้ผมได้แสดงต่อหน้าคุณแม่บ้างไม่ได้เลยรึไง”
” ตอนที่พี่พูดนายก็พูดแทรกขึ้นมาบ่อยๆไม่ใช่หรือ” คำพูดเดียวของเฉิงเฉิงทำให้หยางหยางหยุดบ่นจนได้
ผ่านการเตือนของลูกๆ กู้ฮอนถือว่าเข้าใจความหมายของเป่หมิงโม่แล้ว
เธอรีบจูงมือลูกทั้งสองคนออกไปจากประตู
แม่ครับ เราจะไปไหนกันครับ?”
” เราต้องไปที่คุณป้าลั่วเฉียวแน่นอนอยู่แล้ว”
*
ความในใจของเป่หมิงโม่ยังคงมีอีกมาก แต่ว่าการเดินทางยังคงแบบชิวๆและสบายๆ
ใช้ถนนเส้นนี้เดินทาง เหมือนไม่มีที่สิ้นสุด เดินทางยังไงก็ไม่จบไม่สิ้น ที่สำคัญ ถนนเส้นนี้ไม่ค่อยมีรถยนต์ผ่านสักเท่าไหร่ ขึ้นเขาหรือลงเขาถ้าไม่มีรถยนต์แล้วก็ งั้นก็ต้องพึ่งถนน11แล้ว
ใช้ระยะเวลาในการเดินทางสั้นหน่อยยังพอว่า แต่ว่าพอเวลานานไปนิดเดียว เขาก็รู้สึกว่าเหนื่อยๆ ยังไงซะร่างกายถือว่าเพิ่งฟื้นฟู ร่างกายยังไม่ค่อยมีแรงมากนัก
ขณะที่เขาเดินทางอยู่ริมถนนและอยากหาที่พักผ่อนสักหน่อย ก็ได้ยินเสียงของรถยนต์ดังออกมาจากข้างหลังของเขา เขาใช้สติและใช้แรงฝืนเดินกลับมาที่ถนน
ความหยิ่งยโสในตัวที่มีมาตั้งแต่เกิดของเขา ไม่อนุญาตให้คนนอกเห็นด้านที่อ่อนแอของตัวเอง ที่สำคัญเขาจะไม่หันกลับไปดูว่ารถที่มาคือรถอะไร
เพียงแต่ว่าเขาก็กำลังคิด ที่นี่นอกจากตัวเองและกู้ฮอน ยังมีใครจะมาที่ละแวกนี้ได้อีก
ตามเสียงรถยนต์ที่ยิ่งอยู่ยิ่งดัง เร็วมากรถยนต์คันนึงก็ได้ปรากฏขึ้นมาอยู่ข้างกายของเขาเรียบร้อยแล้ว