เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 904 ต้นไม้หวังอยู่นิ่ง แต่ลมกลับไม่หยุดพัก
- Home
- เดิมพันรักยัยตัวแสบ
- เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 904 ต้นไม้หวังอยู่นิ่ง แต่ลมกลับไม่หยุดพัก
บทที่ 904 ต้นไม้หวังอยู่นิ่ง แต่ลมกลับไม่หยุดพัก
ตั้งแต่ตอนที่กู้ฮอนออกมาจากตรงนั้น ใบหน้าเล็กๆ ของเขาก็ตึงแน่น ตอนที่กลับมาถึงห้องทำงาน ก็มีคนๆ หนึ่งนั่งรอเขาอยู่ในนั้นแล้ว
“ทำไมนายถึงพึ่งกลับมาตอนนี้ เห็นเลขาบอกว่านายไปหาเป่หมิงโม่ ดูท่าทางนายตอนนี้ น่าจะโดนเขาทำให้เสียหน้ากลับมาล่ะสิ”
เป่หมิงยี่เฟิงเงยหน้ามอง ถังเทียนจื๋อนั่งอยู่ตรงข้ามตำแหน่งของเขา เขากำลังนั่งไขว่ห้างแล้วก็ถือปากกาของเขาอยู่ด้ามหนึ่ง ดูเหมือนว่ากำลังเล่นอย่างสบายอกสบายใจมาก
ในตระกูลเป่หมิงนั้น คนแรกที่เขาไม่อยากจะเจอก็คือเป่หมิงโม่ ส่วนคนที่สองของคือเขา ตอนนี้ยังดี ที่เป่หมิงโม่ได้ถูกถอดไปทำหน้าที่อื่นแล้ว แต่ว่าในสายตาเขายังมีอีกคนที่น่ารำคาญมากยิ่งกว่า ก็คือเขานั่นแหละ
ถึงแม้ว่าจะเป็นเป่หมิงโม่ หากว่าไม่เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ ก็อาจจะโต้ตอบแค่ไม่กี่ประโยคแล้วก็กลับไป หรือว่าอาจจะต่อสู้กันสักหน่อย แต่ว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับถังเทียนจื๋อ สิ่งเดียวที่สามารถทำได้ก็คือ——ยอมเชื่อฟัง
นี่มันทำให้เป่หมิงยี่เฟิงรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นหุ่นเชิดที่ถูกเขาควบคุม แม้ว่าในอนาคตจะสามารถแย่งตระกูลเป่หมิงมาจากมือของกู้ฮอนได้ ดูท่าทางตัวเองคงเป็นได้แค่หุ่นเชิดตัวหนึ่งเท่านั้น คนที่คอยปกครองอยู่เบื้องหลังที่แท้จริงคือถังเทียนจื๋อมากกว่า
เฮ้อ ใครให้ตัวเองไร้ความสามารถตั้งแต่แรกกัน ตอนนี้สามารถเรียกได้ว่า “การเชิญเทพเจ้าเข้าบ้านเป็นเรื่องไหว้ แต่การจะไล่ออกไปนั้นเป็นเรื่องยาก” โดยแท้จริง
“ถูกแล้ว ฉันไปหาเป่หมิงโม่ แต่ว่านายเดาผิดแล้ว เขาไม่ได้มาทำงาน แถมฉันยังรู้มาอีกว่าเป่หมิงโม่ได้วางแผนระยะยาวให้กู้ฮอนมาเป็นประธานของตระกูลเป่หมิงแล้ว”เป่หมิงยี่เฟิงพูดพลางเดินอ้อมโต๊ะทำงาน แล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ ยกมือขึ้นถูใบหน้าของตัวเองไม่หยุด
ถังเทียนจื๋อได้ยินข่าวนี้แล้ว สิ่งที่แปลกใจมากกว่าก็คือปฏิกิริยาโต้ตอบของเป่หมิงยี่เฟิง เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากัน แล้วก็วางปากกาในมือลง
ตอนแรกเขาคิดว่า หลังจากเป่หมิงโม่ออกมาแล้ว เขาก็แค่เข้าควบคุมตระกูลเป่หมิง แล้วตัวเขาเองก็จะได้แข่งขันกับเขาอย่างครึกโครม และก็จะได้ใช้วิธีที่หลากหลายมาเพื่อแย่งตระกูลเป่หมิงมา
เขาได้วางแผนอย่างรอบคอบและละเอียดถี่ถ้วนมาเรียบร้อยแล้วด้วย
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแผนตอนนี้ต้องถูกดองเอาไว้ก่อน กู้ฮอนจะได้รับผิดชอบทำหน้าที่ประธานของตระกูลเป่หมิงในระยะยาว ยังไงเขาก็ไม่สามารถสู้กับลูกสาวแท้ๆ ของอาจารย์ได้หรอก แม้ว่าอาจารย์จะอนุญาตก็ตาม แต่ว่าเขาเองก็รู้สึกทำไม่ลงอยู่เหมือนกัน
ดูเหมือนว่าต้องดูตามแผนระยะยาวซะแล้ว ดูว่าจะยังมีวิธีอื่นอีกไหม ต้องไม่ทำร้ายกู้ฮอนด้วย และก็ต้องแย่งตระกูลเป่หมิงมาให้ได้ด้วย
เขาหันหน้าไปมองหน้าที่เป็นทุกข์ของเป่หมิงยี่เฟิง เดิมทีจะเตะเขาออกไปก็ได้อยู่แล้ว แต่ว่าตอนนี้ดูเหมือนว่า ถ้าเกิดว่าเก็บเขาไว้ก็น่าจะมีประโยชน์อยู่มากมายเหมือนกัน อย่างน้อยก็สามารถยืมมือของเขามาจัดการกับกู้ฮอนได้ แบบนี้อย่างน้อยตัวเขาเองก็ไม่ต้องลงมือด้วยตัวเอง จะได้หลีกเลี่ยงความอึดอัดใจ
***
“ดูสถานการณ์ในตอนนี้ นายเตรียมแผนจะจัดการกับกู้ฮอนยังไง? ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนที่มาขวางทางที่น่าจะแย่งตระกูลเป่หมิงกลับมาแล้ว”ถังเทียนจื๋อนั่งหลังตรง จงใจพูดแบบนี้กับเป่หมิงยี่เฟิง
ตอนนี้เป่หมิงยี่เฟิงรู้สึกอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก การปรากฏตัวของกู้ฮอนได้มาขวางมือขวางเท้าของเขา
“ตอนนี้ฉันยังจะมีวิธีอะไรได้อีก ได้แต่เดินไปก้าวหนึ่งแล้วค่อยมองก้าวต่อไป”
ถังเทียนจื๋อทำท่าทางเหมือนจะปลีกตัวจากเรื่องนี้ เขาลุกขึ้น บิดขี้เกียจ “ฉันเข้าใจความรู้สึกนายมากนะ เห็นอยู่ต่อหน้าต่อตาว่ากำลังจะได้ทรัพย์สินที่ตกทอดจากบรรพบุรุษมา แต่ว่าก็ตกไปอยู่ในมือคนอื่นอีกครั้ง ที่ฉันมาที่นี่ก็เพื่อทำหน้าที่ผู้ช่วยของนายเท่านั้น ส่วนจะทำยังไงก็แล้วแต่นายตัดสินใจแล้วกัน”
หลังจากพูดจบ เขาก็เดินไปทางประตู
ตอนที่เขากำลังจะเปิดประตูนั้น ท่อนล่างของร่างกายพึ่งจะเดินออกจากห้องไปได้ครึ่งหนึ่งแล้วก็หยุด แล้วก็หันหน้ากลับมาพูดกับเป่หมิงยี่เฟิง “ถ้าเกิดว่าฉันเป็นนาย ฉันจะลืมเรื่องในอดีตกับกู้ฮอนทั้งหมด ไม่ยังงั้น นายก็สามารถเป็นได้แค่พนักงานเล็กๆ ที่นี่เท่านั้น หลังจากนั้นก็จะโดนผู้หญิงที่ตัวเองเคยชอบ แต่ว่าตอนนี้เธอไม่ชอบนายแล้วควบคุมนายได้ตามอำเภอใจ แค่คิดถึงตรงนี้ ฉันก็รู้สึกเศร้าแทนนายแล้ว”
หลังจากพูดจบ ก็ได้ยินเสียงปิดประตู
คำพูดของถังเทียนจื๋อทิ่มแทงหัวใจของเป่หมิงยี่เฟิง เขากวาดเอกสารบนโต๊ะทำงานของเขาลงพื้นทันที
ตอนนี้ความโกรธของเขาพุ่งไปที่หน้าผากของเขา เขาไม่อยากจะถูกควบคุมแบบนี้ โดยเฉพาะกู้ฮอน
*
ถังเทียนจื๋อออกมาจากห้องทำงานของเป่หมิงยี่เฟิง แต่ว่าเขายังไม่ได้ออกไป ยังคงยืนอยู่หน้าประตูเหมือนเดิม และก็ได้ยินเสียงการกระทำจากด้านใน
หลังจากได้ยินเสียงเอกสารถูกกวาด ก็มีรอยยิ้มออกมาจากมุมปากของเขา ดูเหมือนกับว่ากลยุทธ์ยั่วยุของเขาเริ่มจะได้ผลแล้ว ต่อไปก็แค่รอดูว่าเขาจะสู้กับกู้ฮอนยังไง
เขาเดินอยู่ที่โรงจอดรถชั้นล่างอย่างสบายใจ เข้าไปนั่งในรถแล้วก็ค่อยๆ ขับออกจากบริษัทตระกูลเป่หมิงช้าๆ
“ อาจารย์ ดูเหมือนว่าเราต้องเปลี่ยนแผนแล้วล่ะครับ”
หลี่เชิน หลี่เชินสวมหูฟังบลูทูธ ยืนเอามือไขว้หลังอยู่ตรงหน้าต่าง มองไปยังเมืองที่ห่างไกล
“เปลี่ยนแผนงั้นเหรอ? เกิดอะไรขึ้น? ”
“ผมได้ยินเป่หมิงยี่เฟิงบอกว่า เป่หมิงโม่ได้ให้ฮอนบริหารบริษัทตระกูลเป่หมิงในระยะยาว ก็หมายความว่า ตอนนี้ฮอนเป็นประธานบริษัทตระกูลเป่หมิง
หลี่เชินสูดหายใจเข้าลึกๆ ข่าวนี้เอาจริงๆ แล้วมันก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักหรอก
พอได้ยินว่าไม่มีเสียงตอบรับ ถังเทียนจื๋อก็รู้ทันทีว่าข่าวนี้คงทำให้อาจารย์ลำบากใจ “อาจารย์ครับ วางใจเถอะครับ ถึงแม้ว่าพวกเราไม่สามารถเริ่มแผนการนี้ได้ แต่ว่าผมได้เริ่มทำการแก้ไขบางอย่างแล้ว พอถึงเวลาเราก็จะยังบรรลุเป้าหมายของพวกเราอยู่ครับ”
หลังจากนั้น ถังเทียนจื๋อก็เล่าแผนการใหม่ของตัวเองให้หลี่เชินฟังอย่างละเอียด
“อืม อืม” หลี่เชินพยักหน้า “ก็ได้ ในเมื่อเรื่องราวมันมาถึงขั้นนี้แล้ว งั้นเรื่องนี้นายก็จัดการไปเลยนะ แต่ว่าต้องจำไว้ อย่าทำร้ายฮอนเข้าใจไหม”
“อาจารย์ วางใจเถอะครับ ผมจะไม่ให้ฮอนได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้ได้แม้แต่นิดเดียว”
*
ผ่านไปไม่นาน ข่าวที่ว่ากู้ฮอนที่ตอนแรกทำหน้าที่รักษาการตำแหน่งประธานของบริษัทตระกูลเป่หมิง แล้วได้กลายมาเป็นประธานบริษัทตระกูลเป่หมิงก็กระจายไปทั่วเมือง A ทำให้คนจำนวนมากรู้สึกช็อก
หลายคนเดาว่า เป่หมิงโม่มอบบริษัทตระกูลเป่หมิงเป็นของขวัญให้แก่กู้ฮอน เขาเป็นแค่ผู้ชายที่รักหญิงงามแต่ไม่รักแผ่นดิน
แน่นอนว่าก็ต้องมีรายงานเชิงลบอยู่บ้าง เช่น : เป่หมิงโม่ลุ่มหลงกู้ฮอนจนหน้ามืดตามัว
***
โดยรวมแล้ว สื่อมากมายได้เสาะหาและรวบรวมข่าวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเป่หมิงโม่กับกู้ฮอน
แน่นอน มันก็ย่อมรวมถึง “เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ” มากมายในอดีตของเป่หมิงโม่ด้วย แน่นอนว่าจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเรื่องของเขากับซูยิ่งหวั่น หรือเรื่องเก่าๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องเลยกับเฟยเอ๋อ
แน่นอนว่ามันก็จะไม่มีทางไม่มีเรื่องคดีความแย่งลูกชายของเป่หมิงโม่กับกู้ฮอนในตอนนั้น นี่ถือว่าเป็นเรื่องไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้
ตอนเช้าตรู่ กู้ฮอนขับรถไปที่บริษัทเป่หมิงพึ่งจะมาถึงทางเข้าลานจอดรถชั้นล่าง ก็ถูกล้อมด้วยนักข่าวที่มารออยู่ตรงนี้ในทันที
กล้องวิดีโอ กล้องถ่ายรูปต่างเล็งมาที่กู้ฮอนที่อยู่ในรถ โชคดีที่นอกจากกระจกหน้ารถของรถคันนี้ กระจกอีกห้าบานก็ถูกปิดฟิล์มไว้ พวกเขาก็เลยถ่ายอะไรไปไม่ได้
ยังไงก็ตามสิ่งนี้ก็ไม่สามารถกีดกันนักข่าวที่ “ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่” พวกเขาทำแม้แต่คลานขึ้นไปบนฝากระโปรงรถ ถือกล้องให้สูงและถ่ายเข้าไปทางกระจกหน้า
ภาพเหตุการณ์ที่บ้าคลั่งนี้ แม้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เฝ้าทางเข้าก็ทำอะไรไม่ถูก อย่างไรก็ตามตรงนี้ก็มีเพียงแค่สองคน ที่ต้องเผชิญหน้านักข่าวอย่างน้อย50คน
กู้ฮอนรีบเปิดที่บังแดดมากั้น ตอนนี้สิ่งเดียวที่เธอสามารถทำได้คือรอ
แต่ว่า สถานการณ์แบบนี้ก็ได้รับการแก้ไขในรวดเร็ว ระหว่างนั้น ฉิงฮัวก็พาพนักงาน10กว่าคนวิ่งเหยาะๆ เข้ามาในโรงจอดรถ
ฉิงฮัวลากนักข่าวที่อยู่ที่ฝากระโปรงรถลงมาก่อน หลังจากนั้น พนักงานคนอื่นก็ไล่นักข่าวที่รุมอยู่บริเวณรอบๆ รถออกไป
ตอนที่กู้ฮอนขับรถเข้าไปในโรงจอดรถนั้น พวกเขาก็รวมตัวกันเป็นกำแพงมนุษย์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเธอจะไม่ถูกคุกคามใด ๆ ในช่วงเวลาที่เธอจอดรถและเข้าลิฟต์
เมื่อเธอได้นั่งประจำที่ของตัวเองสำเร็จ ถึงได้ถอนหายใจยาวออกมา
ผ่านไปสักพัก ฉิงฮัวก็กลับมาจากด้านนอก
“ฉิงฮัว ขอบคุณนะ ถ้าเกิดว่านายมาไม่ทันเวลา ฉันก็คงไม่รู้ว่าเมื่อกี้ควรจะทำยังไง”
“คุณผู้หญิง เรื่องพวกนี้ผมควรทำอยู่แล้วครับ ไม่ต้องเกรงใจหรอก หลังจากที่ผมเห็นพวกนี้ ก็เดาว่าวันนี้คุณน่าจะเจอเรื่องวุ่นวายเล็กน้อยนะครับ” ฉิงฮัวพูด แล้วก็หยิบข่าวภาคเช้าของเมืองนี้จากโต๊ะของตัวเองมาวางลงบนโต๊ะของกู้ฮอน
กู้ฮอนหยิบมามั่วๆ แผ่นหนึ่ง
เปิดออกดู ก็เห็นหัวข้อที่สะดุดตา 《ตระกูลเป่หมิงได้ทำการเปลี่ยนราชวงศ์แล้ว——คุณผู้หญิงจากบริษัทกู้ซื่อ》
ด้านล่างหัวข้อเป็นรูปของตัวเองกับเป่หมิงโม่ สิ่งที่น่าสนใจอยู่บนหัวของพวกเขา ได้ตัดต่อรูปมงกุฎของราชวงศ์ถังมาใส่
เธอขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น หลังจากนั้นก็ยิ้มอย่างสมเพชตัวเอง “นี่มันเรียกว่าหัวข้ออะไรกัน นี่เอาฉันมาเทียบกับบูเช็กเทียนงั้นเหรอ? นักข่าวพวกนี้ เพื่อจะให้ขายหนังสือพิมพ์ได้เยอะๆ พยายามมากเลยนะ”
หลังจากนั้น เธอก็เคลียร์หนังสือพิมพ์พวกนั้นออกจากโต๊ะของตัวเอง เตรียมตัวเริ่มทำงานของวันนี้แล้ว
เธอเงยหน้ามองฉิงฮัว:”วันนี้มีแผนงานอะไรบ้าง? ”
นี่ก็เป็นสิ่งที่เป่หมิงโม่ถามเป็นประโยคแรกหลังจากมาถึงห้องทำงานในทุกๆ วัน
ฉิงฮัวก็เล่าเกี่ยวกับแผนงานวันนี้ที่อยู่ในหัว “คุณผู้หญิงครับ โดยรวมแล้ว วันนี้มี2งานที่ต้องจัดการ งานแรก ก็คืองานแถลงข่าวที่จะจัดขึ้นตอน10โมงเช้า หลังจากนั้นตอนบ่ายก็มีประชุมกับกลุ่มผู้บริหารระดับสูงครับ”
“งานแถลงข่าวงั้นเหรอ? ” กู้ฮอนเงยหน้าขึ้น มองหน้าฉิงฮัวอย่างประหลาดใจ “วันนี้ตระกูลเป่หมิงมีเรื่องสำคัญงั้นเหรอ? ”
ฉิงฮัวพยักหน้า “วันนี้เป็นวันที่คุณเข้ารับตำแหน่ง ต้องประกาศให้โลกรับรู้อย่างเป็นทางการและเหมาะสมครับ”
***
กู้ฮอนมองหน้าฉิงฮัว “ฉันคิดว่าเรื่องนี้มันก็แค่เรื่องที่เปลี่ยนบุคลากรภายในของบริษัทเท่านั้น ไม่น่าจะจำเป็นต้องรบกวนโลกภายนอกหรอกมั้ง”
“คุณผู้หญิงครับ คุณคิดผิดแล้ว สำหรับบริษัทอื่นๆ ที่เล็กๆ นั้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเปลี่ยนประธานบริษัทเลย ต่อให้ธุรกิจล้มละลายก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อสังคมอะไร แต่ว่าตระกูลเป่หมิงไม่ใช่แบบนั้น พวกเราเป็นธุรกิจเกี่ยวกับเรือบรรทุกเครื่องบินในเมือง A มีชื่อเสียงในไปทั่วโลก ในจุดนี้ ไม่ว่าตอนแรกคุณผู้หญิงจะเป็นผู้ช่วยของเจ้านาย หรือว่าเป็นผู้รักษาการแทนท่านประธานก็น่าจะเข้าใจเรื่องนี้ดีใช่ไหมล่ะครับ ดังนั้นทุกการเคลื่อนไหวของพวกเรามันดึงดูดความสนใจจากโลกภายนอก ยิ่งเรื่องเปลี่ยนตัวประธานบริษัทยิ่งเป็นเรื่องใหญ่ ผมคิดว่าเรื่องนี้มันจะเกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ขององค์กรแล้วก็การทำงานในอนาคตนะครับ”
“อืม เรื่องนี้ฉันเข้าใจ แต่ว่า วันนี้ก่อนที่ฉันจะมา ฉันไม่ได้รับการแจ้งอะไรก่อนเลย เพราะฉะนั้นก็เลยไม่ได้เตรียมตัว……”
“ขออภัยด้วยครับคุณผู้หญิง มันเป็นความประมาทของผมเอง อันที่จริงแล้วผมก็พึ่งจะได้รับแจ้งเรื่องงานแถลงข่าวเมื่อเช้า ตอนที่ผมเตรียมจะแจ้งคุณนั้น คุณก็ถูกขังไว้อยู่ชั้นล่างแล้ว” สีหน้าของฉิงฮัวเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“นายบอกว่านายได้รับแจ้งงั้นเหรอ? ” กู้ฮอนไม่ค่อยเข้าใจ “เรื่องนี้ นายไม่ได้เป็นคนเตรียมงั้นเหรอ?