เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 906 ได้และเสีย
บทที่ 906 ได้และเสีย
เขายื่นมือไปจับแขนของกู้ฮอน แล้วก็ประคองเธอให้ลุกขึ้น แทนที่จะเรียกว่าประคอง ให้เรียกว่าดึงเธอขึ้นมาเลยดีกว่า “ตำแหน่งประธานของผมจะถูกคุณกู้ฮอนท่านนี้จะเป็นคนรับช่วงต่อ ผมคิดว่าทุกคนน่าจะคุ้นเคยกับเธอแล้วนะครับ”
“คุ้นเคย คุ้นเคยแน่นอนอยู่แล้วครับ แต่ว่าผมมีคำถามหนึ่งอยากถามคุณกู้หน่อยครับ : ตอนแรกคุณเป่หมิงท่านนี้เคยมีข่าวที่ฮือฮาไปทั่วเมืองก็คือคดีแย่งลูกกับคุณ เขาคือคนที่แย่งลูกจากคุณ ไม่ทราบว่าคุณเป่หมิงใช้เวทมนตร์อะไร ที่ทำให้คุณยอมร่วมมือในครั้งนี้ครับ? ” หนึ่งในนักข่าวถามขึ้นมา
ถามอะไรไม่ถามมาถามเรื่องนี้
ถูกแล้ว นักข่าวคนนั้นไม่ได้พูดอะไรผิด แต่ว่าตอนนี้ทุกคนในสถานที่นี่ก็มองออก ว่าตอนนี้ทั้ง2คนบนเวทีนั้นได้คลายเรื่องความแค้นใจในอดีตกันแล้ว ทำไมต้องพูดเรื่องเก่าขึ้นในอดีตขึ้นมาอีกครั้งด้วย? นี่มันอยากจะทำให้เรื่องมันใหญ่ขึ้นใช่ไหม
แน่นอนในเมื่อคำถามได้ถูกถามออกมาแล้ว สายตาของทุกคนก็มองไปที่เป่หมิงโม่และกู้ฮอน ดูว่า2คนนี้จะตอบคำถามนี้ยังไง
ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือว่าในอนาคต คดีแย่งลูกคืออะไรที่ไม่สามารถลบออกไปจากในของกู้ฮอนได้ตลอดชีวิต และมันยังเจ็บปวดมากกว่าทุกความเจ็บปวดที่เธอเคยเจอมาด้วยซ้ำ รวมถึงเรื่องที่ช่วยเหลือแม่บุญธรรมที่ขายเธอ และก็เรื่องที่เซ็นต์สัญญามีลูกให้เป่หมิงโม่
ใบหน้าของเธอเริ่มร้อนขึ้นเล็กน้อย สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่เหมือนกัน
แน่นอนว่าเป่หมิงโม่เห็น
แม้แต่ตัวเขาเอง ก็ยังไม่ทันระวังกับคำถามนี้ แต่ว่าเป่หมิงโม่ก็เป็นมือเก๋า เขามองไปที่นักข่าวที่อยู่ล่างเวที “เรื่องนี้เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อยเท่านั้นครับ อีกอย่างตอนนี้พวกเราสามารถแก้ไขได้ด้วยดีแล้ว ตอนนี้ลูกก็อยู่กับเธอแล้วครับ”
ตอนนี้เอง นักข่าวด้านล่างก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง “ถ้ายังงั้น พวกเราอยากทราบว่า ที่คุณเป่หมิงตัดสินใจแบบนี้ เพราะว่าต้องการจะถอยออกจากตัวตนของประธานบริษัท แล้วมาทำหน้าที่ผู้ชายที่อยู่เบื้องหลังของคุณกู้รึเปล่าครับ? ”
***
คำถามนี้มอบให้กับเป่หมิงโม่ มันแหลมคมไม่น้อยไปกว่าคำถามที่ถามกู้ฮอนเมื่อกี้เลย
คนที่รู้จักเป่หมิงโม่ดีเข้าใจดีว่า คำถามแบบนี้ เขาสามารถหันหน้าหนีได้ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาแสดงให้เห็นภาพลักษณ์ของผู้ชายที่แข็งแกร่งในธุรกิจมาโดยตลอด ผู้ชายที่อยู่เบื้องหลังของกู้ฮอน มันก็หมายความเหมือนกับการดูถูกและเยาะเย้ยว่าเขาจะกิน ‘เกาะ’ กู้ฮอนกินรึเปล่า
ตอนนี้กู้ฮอนกลับรู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น ก่อนหน้านี้เขาเอาแต่พูดให้เธอเสียหน้าต่อหน้าคนอื่น ตอนนี้ก็ถือว่าได้ ‘แก้แค้น’แล้วล่ะ
เธออยากฟังมากว่าเป่หมิงโม่จะตอบว่ายังไง
ผู้ชมเงียบลงอีกครั้ง เงียบกว่าครั้งเมื่อกี้อีก
ฉิงฮัวรีบหยิบไมโครโฟนขึ้นมา “ขอโทษด้วยนะครับ วันนี้คุณเป่หมิงมาที่นี่เพื่อแค่ประกาศให้ทุกคนได้ทราบเกี่ยวกับการเปลี่ยนตำแหน่งประธาน ส่วนเรื่องคำถามอื่นๆ เกี่ยวกับชีวิตส่วนตัว พวกเราขออนุญาตไม่ตอบนะครับ ถ้าทุกท่านไม่ได้มีคำถามเกี่ยวกับตระกูลเป่หมิงแล้วนั้น ถ้ายังงั้นผมขอประกาศว่าการแถลงข่าวในวันนี้มาถึง……”
และในตอนนี้เอง เป่หมิงโม่ก็เอื้อมมือไปหยุดฉิงฮัวไม่ให้พูดต่อ เขามองไปรอบๆ “ไม่ได้ทำหน้าที่ประธานของตระกูลเป่หมิง ไม่ได้หมายความว่าผมจะถอยไปอยู่เบื้องหลัง และไม่ได้ ‘เกาะ’ผู้หญิงแบบสบายๆ อย่างที่พวกคุณคิดหรอกครับ ผมจะอุทิศตัวเองให้กับสิ่งอื่นๆ เรื่องที่ผมมองข้ามตอนที่ผมดำรงตำแหน่งอยู่ ตอนนี้เรื่องพวกนั้นได้ถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง หมายความว่ามันสำคัญสำหรับผม ผมไม่อยากให้ทั้งชีวิตของผม นอกจากจะได้เป็นประธานของตระกูลเป่หมิงแล้ว เรื่องที่เหลือก็เต็มไปด้วยความเสียดาย”
หลังจากพูดจบ นักข่าวก็ต่างปรบมือให้เขาอย่างกึกก้อง คำพูดของเป่หมิงโม่ สามารถจับจุดที่เปราะบางในใจของทุกคนได้ในระดับหนึ่ง
ในสังคมตอนนี้ เพื่อชื่อเสียงและโชคลาภแล้วนั้น ผู้คนทุ่มเทกันมากเกินไป หลังจากที่ได้สิ่งเหล่านี้มาอยู่ในกำมือแล้ว พอหันกลับไปมอง ทุกอย่างที่ตัวเองมีก็มีแค่สิ่งนี้เท่านั้น และสิ่งที่เมื่อก่อนเคยมี ก็อยู่ห่างไกลไปแล้ว
บางคนไม่สามารถถือมันไว้ในมือได้อีกต่อไป หรือบางคนก็อาจจะมีโอกาสที่จะดึงมันกลับมาได้ แต่ว่าความรู้สึกที่ได้สูญเสียสิ่งที่เคยมีนั้น ได้กลายเป็นสิ่งที่ไร้ค่ามาก
และการแถลงข่าวก็จบลงด้วยเสียงปรบมือกึกก้องจากนักข่าว
กู้ฮอนกับฉิงฮัวกลับไปที่ห้องทำงานประธาน
ไม่นาน เป่หมิงโม่ก็เดินเข้ามา
“เจ้านายครับ คำพูดสุดท้ายของคุณดูมีพลังมาก พวกนักข่าวที่ตอนแรกอยากจะดูเรื่องตลกก็จำเป็นต้องชื่นชมกับความคิดของคุณ” ฉิงฮัวพูด แล้วก็ยกกาแฟที่เป่หมิงโม่มักชอบดื่มมาส่งให้กับเขา
เป่หมิงโม่หยิบกาแฟไป แล้วก็เดินไปหน้าโต๊ะทำงานของตัวเอง ไม่ได้มาที่นี่หลายวันแล้ว ด้านบนยังไม่มีฝุ่นเกาะเลย
จอคอมพิวเตอร์ คีย์บอร์ดและเมาส์ ที่วางปากกาและตู้เก็บเอกสารที่วางไฟล์ก็สะอาดมากเช่นกัน เห็นได้ชัดว่ามีคนมาทำความสะอาดที่นี่ให้เขาบ่อยๆ
ตอนนี้ในห้องทำงานไม่ได้มีคนนอก ก็เลยพูดคุยกันได้อย่างสบายๆ มากขึ้น
เขาหันไปมองกู้ฮอนที่อยู่ตรงข้ามโต๊ะทำงานของฉิงฮัว จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ที่นั่งของตัวเองอีกครั้ง “ฮอน ที่นี่เป็นของเธอแล้ว”
กู้ฮอนมองหน้าเป่หมิงโม่เหมือนกัน ที่จริงแล้วเธอสามารถสัมผัสได้ว่าในประโยคนี้ของเขา มันเต็มไปด้วยความอารมณ์ของความคิดถึง และแน่นอนว่าเธอก็ติดเชื้อจากคำพูดของเป่หมิงโม่เมื่อกี้นี้เหมือนกัน
เธอส่ายหน้าเบาๆ “ตอนนี้โต๊ะของฉันก็ดีอยู่แล้ว สำหรับโต๊ะนั้น ฉันว่ามันยังรอเจ้าของที่แท้จริงอยู่นะ”
***
เจ้าของที่แท้จริง……
ประโยคนี้ของกู้ฮอนมันหมายความว่ายังไงกัน? หรือว่าเธอยังรู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถไม่เพียงพอ ไม่มั่นใจในตัวเองงั้นเหรอ? หรือว่าเธอยังรอคอยว่าเธอจะถอยกลับในช่วงเวลาหนึ่ง?
เป่หมิงโม่มองกู้ฮอน สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยการรอคอย และแสดงให้เห็นถึงความผิดหวังเล็กน้อย “ฮอน หรือว่าเธอไม่ได้อยากจะนั่งตำแหน่งนี้งั้นเหรอ? แม้ว่าวันนี้จะได้ประกาศให้โลกได้รับรู้แล้ว”
สีหน้าของกู้ฮอนดูสงบนิ่งมาก ในตอนนี้ พวกเขาเท่าเทียมกันแล้ว “ไม่ผิด ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ฉันไม่เคยอยากที่จะนั่งตำแหน่งนี้เลยสักครั้ง แต่เพื่อลูกฉันก็เลยจำเป็นต้องเลือกทางเลือกนี้ เดิมทีฉันอยากให้ชีวิตของฉันสงบเหมือนกับสระน้ำ แต่ว่า ตั้งแต่ตอนที่นายปรากฏตัว สระน้ำนี้ก็ถูกนายรบกวนครั้งแล้วครั้งเล่า นายชอบความรู้สึกที่ได้เขย่าทั้งโลกไปนี้ แต่ว่าฉันไม่ชอบ”
สิ้นเสียงนั้น ก็ได้ยินเสียงว่ามีคนเคาะประตูห้องทำงาน
ฉิงฮัวไปเปิดประตู เป่หมิงยี่เฟิงยืนอยู่หน้าประตู สีหน้าของเขาแตกต่างจากเมื่อวาน รอยยิ้มของเขาหายไปแล้ว มีแต่ท่าทีที่จริงจังและเคร่งขรึม
“คุณชายยี่เฟิง……”
ยังไม่ทันจะรอให้ฉิงฮัวพูดจบ เป่หมิงยี่เฟิงก็เดินเข้ามาในห้องทำงานของประธาน
“ดูเหมือนว่า ผมมาได้ถูกเวลาพอดีเลยนะ อาสอง ผมมาหาเพราะว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วย” เขามองแวบแรกก็เห็นเป่หมิงโม่เลย
“ระหว่างพวกเรามีเรื่องอะไรให้ต้องคุยกันด้วยเหรอ? ถ้าเกิดว่าเป็นเรื่องงาน ตอนนี้คนที่นายควรจะตามหาไม่ใช่ฉัน แต่ว่าเป็นฮอน แต่ว่าถ้าเกิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวละก็……” เป่หมิงโม่พูด แล้วก็เงยหน้ามองเป่หมิงยี่เฟิง “ฉันก็ว่ายิ่งไม่มีอะไรจำเป็นจะต้องไปกันใหญ่”
“จะไม่จำเป็นได้ยังไงกัน ตอนที่อาตัดสินใจเรื่องแบบนี้ เคยไปถามหัวหน้าหน่วยงามต่างๆ รึยัง เคยถามความเห็นของผมรึเปล่า? ถึงแม้การที่เป็นประธานของตระกูลเป่หมิง สามารถสั่งอะไรก็ได้ หรือแม้แต่เปลี่ยนการตัดสินใจอะไรก็ได้ แต่ว่าเรื่องตำแหน่งของประธานมันเกี่ยวกับความอยู่รอดของทั้งบริษัทตระกูลเป่หมิง ทำไมอาถึงยกมันให้ไปอยู่ในกำมือของมือสมัครเล่นได้”
ไม่ผิด เป่หมิงยี่เฟิงคือคนที่โลภอยากจะได้ตำแหน่งของประธานมาตลอด แน่นอนว่า ในฐานะที่ตัวเองเป็นคนของตระกูลเป่หมิง เขาทนเห็นไม่ได้ และยิ่งทนไม่ได้ที่ต้องเห็นอาณาจักรบริษัทตระกูลเป่หมิงที่คุณปู่สร้างมาด้วยความทุ่มเททั้งชีวิต ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น ยิ่งคนๆนั้นคือกู้ฮอน——อดีตคนรักของเขา
“มือสมัครเล่น? นายหมายถึงฮอนใช่ไหม? จะนับว่าเธอเป็นคนนอกก็ไม่ได้นะ ถ้าเกิดว่านายพูดเรื่องนี้เมื่อหนึ่งปีก่อน ฉันก็จะพิจารณาดู แต่ว่าตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว สำหรับการอธิบายกับ แผนกอื่นๆ เดี๋ยวฉันจะอธิบายตอนงานประชุมภายในอีกครั้ง นอกจากนั้น ฉันจะเตือนอะไรนายส่วนตัวหน่อย : นายควรจะจับตาดูลูกน้องของตัวเองให้ดี ไม่ให้เขามาสร้างความวุ่นวายให้ตระกูลเป่หมิง ไม่ยังงั้นไม่สำคัญว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา จนถึงเวลาที่นายได้ตำแหน่งนี้มาอย่างยากลำบาก ก็จะถูกเขาดึงกลับไปเหมือนเดิม ถ้าเกิดว่าเป็นแบบนั้นล่ะก็ ฉันว่านายก็คงรู้สึกว่ามันน่าจะดูไม่ดีหรอกนะ ……”
หลังจากเป่หมิงโม่พูดจบ ก็กระดกมุมปากเล็กน้อย แล้วก็หยิบแก้วขึ้นมาแล้วเดินไปที่ห้องพักเบรกเพื่อชงกาแฟ”
“คุณชายยี่เฟิงครับ : ผมรู้ว่าในเวลานี้ ผมไม่ควรมีบทพูด แต่ว่าผมก็อยากจะลองพูดความคิดของผมให้คุณฟังนะครับ เมื่อกี้เจ้านายพูดไม่ผิดเลย สำหรับถังเทียนจื๋อแล้วนั้นคุณควร จับตามองให้มากขึ้น ผมไม่รู้ว่าพวกคุณไปรู้จักกันตอนไหน แต่ว่าผมอยากบอกคุณว่า จากที่ผมได้รู้เกี่ยวกับเขามา คนๆนี้เป็นคนที่เก่งมาก” ฉิงฮัวเห็นว่าเจ้านายไปห้องพักเบรก ก็เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเป่หมิงยี่เฟิง แล้วก็กล่าวด้วยเสียงเบา
***
จะพูดแบบนี้ก็ไม่ได้ผิดเลย สำหรับความเก่งกาจของถังเทียนจื๋อนั้น เป่หมิงยี่เฟิงก็สัมผัสได้เหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้
ถึงยังไงตัวตนนี้ของเขาก็ได้มาเพราะว่าเขา ‘ช่วยเหลือ’ มา ถ้าเกิดว่าไปทำให้เขาไม่พอใจ ถ้ายังงั้นเขาคงได้พ่ายแพ้และกลับไปเป็นเหมือนเดิมจริงๆ
ถ้ายังงั้นเป้าหมายสุดท้ายของเขาก็จะไม่มีวันเป็นจริง ตอนนี้ ถึงแม้ว่าปากเขาจะพูดว่าต่อต้านการที่เป่หมิงโม่สละตำแหน่งประธาน แต่ว่าในใจเขาก็แอบดีใจอยู่เหมือนกัน
ไม่มีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างเป่หมิงโม่แล้ว การแย่งตระกูลเป่หมิงมาจากกู้ฮอนก็ไม่น่าจะต้องใช้แรงอะไรมากหรอก สำหรับเขาแล้วนี่คือโอกาสทอง
แน่นอน ที่เขาพูดแบบนี้ ก็ยังมีความหมายอีกนัยหนึ่ง : เป่หมิงโม่มีสิทธิอะไรมอบหมายตระกูลเป่หมิงให้ผู้หญิงคนหนึ่งจัดการ เขาต่างหากที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับที่2ของตระกูลเป่หมิง และอีกอย่างเขาก็นามสกุลเป่หมิง ไม่ว่าจะด้วยประการใด การที่เขาจะได้เป็นประธานก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามเหตุผลอย่างแน่นอนอยู่แล้ว
เขามองกู้ฮอนที่อยู่ไม่ไกล เธอยืนอย่างมั่นคงอยู่ตรงด้านข้างตำแหน่งของเธอ มองเขาเหมือนกับว่าเป็นคนข้างทางยังไงยังงั้น เหมือนกับว่าบทสนทนาระหว่างเขากับเป่หมิงโม่เมื่อกี้นี้ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอ
นี่มันทำให้เป่หมิงยี่เฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หรือว่าคำพูดเมื่อกี้ไม่สามารถแตะต้องเธอได้เลยยังงั้นเหรอ? ถ้าเกิดว่าเปลี่ยนเป็นซูยิ่งหวั่นหรือว่าเฟยเอ๋อ เดาว่าพวกเธอคงโวยวายในห้องประธานนี้แล้ว
“คุณชายยี่เฟิง ผมว่าตอนนี้คุณควรกลับไปก่อนเถอะนะครับ เรื่องบางเรื่อง รอให้ถึงการประชุมภายในก่อนแล้วค่อยพูดจะดีกว่า ผมคิดว่า จนถึงตอนนั้นคุณจะได้รับคำตอบที่ชัดเจน”
เรื่องนี้ มองอย่างชัดเจนมันเป็นเรื่องของบริษัทตระกูลเป่หมิง ต่อว่าในมุมมืดก็เป็นเรื่องของครอบครัวเป่หมิง ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ไม่อยากให้บริษัทเป่หมิงตกไปอยู่ในมือของคนนอกหรอก