เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 910 เหล้าที่เปรี้ยวฝาด
บทที่ 910 เหล้าที่เปรี้ยวฝาด
หลังจากทั้งสองคนสบตาด้วยกันสั้นๆสองสามวิ สายตาของเป่เมิงโม่ก็ได้เปลี่ยนไปอีกทางในทันที เขามองหน้าป่ายมู่ซีแล้วพูด : “ เห็นที เรื่องสายตาฉันคงสู้มู่ซีไม่ได้ซะแล้ว ”
ป่ายมู่ซีได้ยินคำพูดของซูยิ่งหวั่นเมื่อกี้ รู้สึกไม่พอใจหน่อยๆ ทั้งหัวใจของเขาฝากไว้ที่เธอ ไม่รู้ว่าเธอรู้สึกไม่ถึง หรือว่ารู้ทั้งรู้แต่ก็ยังตัดใจจากเป่หมิงโม่ไม่ได้
เห็นเป่หมิงโม่มองมาที่ตัวเอง ใบหน้าของเขาได้ฝืนยิ้มขึ้นมา : “ เป่หมิงโม่ล้อเล่นอะไรกัน ฉันกับกู้ฮอนต่างกันราวฟ้ากับดิน เธอทั้งเป็นทนายความ ทั้งเป็นนักเขียนที่พอมีชื่อเสียง แถมตอนนี้ก็ยังเป็นผู้บริหารคนใหม่ของบริษัทเป่หมิง ความสามารถของเธอ ทิ้งห่างฉันไปเท่าไหร่แล้ว ”
เป่หมิงโม่ได้ฟังแบบนี้แล้ว เหตุผลของเขาฟังเข้าท่าดี พยักหน้าอย่างพอใจ ไม่พูดก็รู้ ว่าที่กู้ฮอนประสบความสําเร็จได้ขนาดนี้ ก็ถือว่าเป็นผลในการบีบบังคับของเขาเอง แน่นอน สำหรับเป่หมิงโม่แล้ว
นี่ไม่ใช่การบีบเธอ แต่เขากำลังช่วยส่งเสริมบุคลิกและความสามารถให้เธอต่างหาก
ซูยิ่งหวั่นได้ยินป่ายมู่ซีชมกู้ฮอนต่อหน้าตัวเองแบบนี้ ความหึงหวงระหว่างผู้หญิงก็ได้โผล่ขึ้นมาในหัว
ใบหน้าเล็กๆของเธอบูดบึ้งขึ้น เดินไปที่โต๊ะน้ำชา แล้วก้มตัววางถาดเหล้าไว้ที่โต๊ะอย่างแรง
****
ถาดเหล้าถูกซูยิ่งหวั่นวางลงบนโต๊ะน้ำชาอย่างแรง เหล้าที่อยู่ในแก้วหกออกมาไม่น้อย กลอกตาขาวใส่ป่ายมู่ซีทีนึง แล้วหันเดินไป
“ อุ้ย น่าเสียดายจัง ” ชูหยุนเฟิงเห็นเหล้าในแก้วหกออกมาแล้วทำหน้าเสียดาย เห็นซูยิ่งหวั่นเดินไปแล้ว รีบใช้ข้อศอกจิ้มที่หน้าอกของป่ายมู่ซี : “ มู่ซี นายทำคนอื่นโกรธแล้วนะ นายนี้มันโง่จริง มีใครบ้างที่ชมผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าผู้หญิงแบบนี้ รีบตามไปง้อซะ ”
“ มู่ซี นายยังเคืองเรื่องระหว่างฉันกับเธอในช่วงก่อนหน้าใช้มั้ย ที่จริง ระหว่างเราสองคนไม่ได้มีอะไรเลย ฉันคิดกับเธอเป็นแค่น้องมาตลอด ” เรื่องแบบนี้เป่หมิงโม่ก็ยากจะเอ่ยปากให้คำแนะนำ
ว่ากันว่า : “ เชื่อฟังคำแนะนำผู้อื่น จะไม่เสียเปรียบ ไม่ต้องรอให้เขาพูด ป่ายมู่ซีเองก็เข้าใจ สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างเป่หมิงโม่กับซูยิ่งหวั่น ก็เพียงแค่ซูยิ่งหวั่นมีใจฝ่ายเดียวก็แค่นั้น
สำหรับเรื่องเอาหน้าแล้ว ในเมื่อเพื่อนๆต่างก็เห็นด้วยให้เขาไปตามเธอกลับมา แล้วยังมีอะไรน่าอายอีก นี่ไม่ใช่เวลามาหวงหน้าตา
“ พวกนายนั่งดื่มก่อน เดี๋ยวฉันรีบกลับมา ” เขาพูดอยู่แล้วลุกขึ้น วิ่งไปตามเธอตามทางที่เธอวิ่งออกไป
หลังจากป่ายมู่ซีออกไป ในห้องก็เหลือแต่เป่หมิงโม่กับชูหยุนเฟิงสองคน
สำหรับประเด็นที่เมื่อกี้ได้พูด ชูหยุนเฟิงไม่กะจะหยุดอยู่แค่นั้น เขาหยิบค็อกเทลมาแก้วนึง ดื่มไปคำนึงแล้วพูดกับเป่หมิงโม่ : “ หมิงโม่แล้วชีวิตวัยรุ่นของนายหล่ะ ทำไมถึงไม่เคยเห็นนายเอ่ยถึงเลย ”
เป่หมิงโม่ก็หยิบแก้วเหล้ามาแก้วนึง เขามองของเหลวในแก้วที่มีสีสันเหมือนสายรุ้ง ถ้าช่วงเวลานั้นของคนอื่นจะเปรียบเสมือนเหล้าแก้วนี้ นั้นของตัวเองก็คงเปรียบเหมือนน้ำมะนาวแก้วนึง ที่ทั้งเปรี้ยวทั้งฝาด และนี่ก็เป็นเพราะสาเหตุที่เขาไม่ยอมเอ่ยถึงกับใคร แม้กระทั่งตัวเองก็ยังไม่อยากไปนึงถึงมัน
เขาเองก็อยากจะลิ้มลองช่วงเวลาที่ราวกับสายรุ้งแบบนั้นเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีโอกาสแบบนั้นแล้ว
เขาเงียบไป เงยหน้าขึ้นแล้วดื่มเหล้าลงทั้งแก้ว ถึงแม้จะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แต่ก็สามารถทำให้ชีวิตต่อจากนี้หลุดพ้นจากความมืดมนได้
ชูหยุนเฟิงได้แต่มองเป่หมิงโม่ยกแก้วเหล้าค้างไว้อยู่นานแล้วซดดื่มจนหมดอย่างเอ๋อ และไม่ยอมพูดอะไร
“ นี่นาย หมิงโม่ นายพูดอะไรหน่อยไม่ได้หรือไง ”
เป่หมิงโม่วางแก้วเหล้าลง แล้วหัวหน้ามามองชูหยุนเฟิงไปทีนึง จากนั้นก็โบกมือเรียกพนักงานที่เดินผ่านประตู เขาได้สั่งเหล้าเพิ่มอีกสองแก้วจากเมนูที่พนักงานยื่นมา
พนักงานพยักหน้า : “ ได้ค่ะ จะรีบส่งมาให้นะค่ะ ”
“ นี่หมิงโม่ เหล้าก็ตั้งเยอะแล้วนะ นายจะสั่งทำไมอีก นี่มันไม่ใช่สไตล์ของนายเลยนะ ถึงนายจะหลุดพ้นได้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องปล่อยเนื้อปล่อยตัวแบบนี้ ”
ไม่นาน พนักงานก็ยกเหล้ามาเสริฟ์ แก้วนึงวางอยู่ตรงหน้าของเป่หมิงโม่ อีกแก้ววางอยู่ตรงหน้าของชูหยุนเฟิง
เป่หมิงโม่ยกแก้วเหล้าขึ้นมา : “ หยุนเฟิง นายอยากรู้ชีวิตวัยรุ่นของฉันไม่ใช่เหรอ ดื่มนี่ก่อนแล้วค่อยคุยกัน ”
ชูหยุนเฟิงยกเหล้าขึ้น อาศัยแสงไฟที่สลัวมองอย่างละเอียดอยู่สักพัก เห็นว่าไม่มีความผิดปกติอะไร หลังจากนั้นก็เงยหน้าดื่มจนหมด
พอเหล้าลงถึงท้อง ทันใดนั้นก็รู้สึกเปรี้ยวฝาดในปากอย่างบรรยายไม่ถูก เขาเปี้ยวปากจนคิ้วพันกัน
หลังจากนั้น เขาก็เร่งรีบหยิบเหล้าแก้วอื่นที่อยู่บนโต๊ะดื่มลงไปตาม ถึงได้กลบรสชาติที่เปรี้ยวจี๊ดในปากได้
“หมิงโม่ นายเล่นบ้าอะไรเนี่ย ”
เขาบ่นขึ้น
แต่ขนาดเดียวกัน เขาก็เห็นเป่หมิงโม่ค่อยๆดื่มเหล้าในแก้วลงไป สุดท้ายก็วางแก้วเหล้าที่วางเปล่าลง : “นี่ก็คือชีวิตวัยรุ่นของฉัน ”
***
ในห้องของบาร์ Zeus. ชูหยุนเฟิงก็ได้แต่ดูพนักงานเสริฟ์เหล้าได้เสริฟ์เหล้าที่เหมือนๆกันให้กับเป่หมิงโม่อย่างคาตา หลังจากนั้น เป่หมิงโม่ก็ดื่มไปแก้วต่อแก้ว
เขาขมวดคิ้วไว้มองหน้าหมิงโม่ เขาจินตนาการไม่ออกจริงๆ เหล้าที่ทั้งเปรี้ยวทั้งฝาดยากจะบรรยาย เขาดื่มลงได้ยังไงกัน
“นี่ๆ หมิงโม่ ตอนนี้นายก็ได้ปล่อยวางพาระลงแล้ว แต่จะดื่มแบบนี้ต่อไปไม่ได้นะ ติดเหล้าแบบนี้ไม่ใช่สไตล์ของนายนะ พอได้แล้ว หยุดดื่มได้แล้ว ” พูดจบ เขาก็แย่งแก้วเหล้าในมือของเป่หมิงโม่มา
ถ้าเป็นเวลาปกติ เขาไม่กล้าทำแบบนี้แน่ เขารู้นิสัยของเป่หมิงโม่ดี ถ้าจะแย่งของจากมือเขา เขาคงต้องเสี่ยงอันตรายอย่างสูงมาก
แต่คราวนี้ เขาก็ยังตัดสินใจทำไป
ถึงพวกเขาจะเป็นเพื่อนสนิทกันมาก ในเรื่องเล็กๆน้อยๆยังสามารถล้อเล่นสนุกกันได้ แต่ในเรื่องใหญ่ พวกเขาก็มีจุดยืนที่ชัดเจนของตัวเอง
เป่หมิงโม่ยื่นมือจะไปแย่งแก้วกลับมา : “ เอาดิ นายนี่มันกลายเป็นคนใจกล้าตั้งแต่เมื่อไหร่ กล้ามาแย่งของๆฉัน ”
ชูหยุนเฟิงยื่นมือไปจับมือของเป่หมิงโม่เอาไว้ อีกมือยกแก้วเหล้าเอาไว้ เงยหน้าแล้วดื่มเหล้าจนหมด หลังจากนั้นก็ซี๊ดปากขึ้น :“เอาหล่ะ ดื่มหมดแล้ว ”
ในเวลานี้ ป่ายมู่ซีก็ได้กลับมาถึงแล้ว แน่นอน ว่าซูยิ่งหวั่นก็ถูกเขากล่อมกลับมาด้วยกับเขา เธอเดินตามอยู่หลังของเขา
เขาก็เห็นแก้วเปล่าวางอยู่บนโต๊ะเยอะแยะ แล้วก็เห็นมือจ้างนึงของชูหยุนเฟิงจับมือของเป่หมิงโม่ไว้ และมืออีกข้างของเป่หมิงโม่ยื่นไปที่ชูหยุนเฟิงอยู่
นี่เขาสองคนกำลังเล่นบ้าอะไรอยู่ ป่ายมู่ซีหัวคิ้วยกขึ้น : “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ฉันออกไปแค่แป๊บเดียว พวกนายสองคนก็ลงไม้ลงมือกันแล้วเหรอ ? ”
ชูหยุนเฟิงหันหน้าไป สีหน้าขมขื่น : “มู่ซี มาช่วยหน่อยช่วยทำให้หมิงโม่สงบลงหน่อย ต้องโทษฉันเองที่ปากพล่อย ฉันถามเขาว่าชีวิตวัยรุ่นของเขาไปไหนแล้ว นายดูซิ บนโต๊ะมีแต่แก้วเปล่าเต็มไปหมด ”
“ หึ ฉันมองไม่ออก ที่แท้หมิงโม่ก็ดื่มเหล้าอยู่ซินะ มา ฉันก็อยากรองดูว่ามันรสชาติยังไง ” พูดจบ เขาก็ได้เรียกพนักงานที่เฝ้าอยู่ประตูห้อง ให้เอาเหล้าที่เสริฟ์เมื่อกี้มาสองแก้ว
เถ้าแก่พูดแล้ว พนักงานก็ไม่กล้าที่จะรอช้า รีบเอามาสองแก้ว
พอดื่มไปครึ่งนึง ป่ายมู่ซีรู้สึกทนไม่ไหว : “ถึงว่าหล่ะ ปกติเป่หมิงโม่เป็นคนเงียบไม่ชอบพูด ขนาดรสชาติที่เขาชอบก็ยังแปลกจากคนอื่น ”
มีแต่ซูยิ่งหวั่นที่ดื่มจนหมด เธอเหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง มองหน้าของเป่หมิงโม่แล้ว แววตาเผยถึงความเห็นใจที่มีต่อเขา
เป่หมิงโม่ไม่ได้เมา แค่อยากอาศัยเหล้าระบายความเศร้าในใจ
ก่อนหน้านี้ยังเหมือนขี้เหล้าที่เมาไม่รู้เรื่อง แต่เวลาต่อมา กลับมีสติกว่าทุกคนที่อยู่ในนี้
“ ฉันว่าหมิงโม่ ต่อจากนี้นายจะทำยังไงต่อ ? ฉันรู้ว่านายไม่ใช่คนที่ยอมอยู่เฉยได้ ”
เป่หมิงโม่บิดขี้เกียจทีนึง : “ฉัน ? ฉันยุ่งมาตั้งหลายปี รอพักผ่อนสักพักค่อยว่ากัน ส่วนเรื่องของอนาคต งั้นก็ไว้หลังจากนี้ค่อยคิดแล้วกัน ”
“ฉันดูไม่ออกจริงๆ หมิงโม่คนอย่างนายยังเป็นคนที่ปล่อยวางได้อย่างนี้ พอแล้ว เรื่องอย่างอื่นเราก็จะไม่พูดถึง เพื่อนายหลุดพ้นจากความเศร้าได้มาชนแก้ว เอา ? เหล้าหายไปไหนหมด ……. ” ชูหยุนเฟิงเริ่มมองหาทั่วทิศ
*
ได้ผ่านพ้นวันแรกที่อยู่ในตระกูลเป่หมิงซะที วันนี้ สำหรับกู้ฮอนแล้ว ถือได้ว่าต่างจากที่ผ่านมาของเธออย่างมาก
วินาทีที่กลับมาถึงที่คฤหาสน์ รู้สึกถึงเหนื่อยทั้งกายทั้งใจ
เธอกับฉิงฮัว คนนึงเดินหน้าคนนึงเดินหลังเดินมาที่หน้าประตู ในขนาดที่กำลังจากเคาะประตูๆก็เปิดแล้ว
คนที่ยืนอยู่ข้างในทำเอาเขาสองคนตกตะลึง
***
สุดท้ายก็ได้ขึ้นชื่อเป็นตำแหน่งของผู้บริหารคนใหม่ ในวันนี้ถึงจะไม่มีเรื่องใหญ่โตเกิดขึ้น แต่เรื่องที่คาดการณ์เอาไว้ก็เกิดขึ้นจนได้
เสียงคนที่คัดค้านถึงจะไม่เยอะ แต่มีสองคนถือว่ามีจุดยืนที่ชัดเจนแล้ว คนที่ถูกฉิงฮัวเรียกว่า“ลุงฉางชิ่ง ”เป็นลูกน้องคนเก่าคนแก่ของตระกูลเป่หมิง ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเขาจะมีอำนาจใหญ่โตแค่ไหน แต่แน่ใจได้ว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไรแน่
ส่วนเป่หมิงยี่เฟิง ………..
แค่คิดๆก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา แฟนที่เคยคบกันมาก่อน วันนี้กลับกลายมาเป็นคู่แข่งตัวฉกาจ จากแต่ก่อนที่พวกเขาเคยรักกันขนาดนั้น
แต่พอตอนนี้ มองยังไงก็รู้สึกขัดหูขัดตาไปหมด ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม
อาจเป็นเพราะกู้ฮอนยังไม่รู้ถึงความรู้สึกตัวเอง ในขนาดที่เธอได้อยู่ใกล้ชิดกับเป่หมิงโม่ในเวลาระยะยาว ในใจของเธอก็ได้ค่อยๆเอียงไปทางเขาแล้ว ถึงแม้เธอจะไม่เคยยอมรับก็ตาม
ตอนนี้ที่ยืนอยู่นอกประตู มองเห็นเป่หมิงโม่ที่ยืนอยู่ข้างในเลยรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็รู้สึกไม่ถึงว่าตรงไหนไม่เหมาะสม
เป่หมิงโม่ได้ประกาศต่อภายนอกว่าตัวเองไม่ใช่ผู้บริหารของตระกูลเป่หมิงอีก ณขนาดนั้น เขาก็ได้กลายเป็นคนอิสระเต็มตัว ไม่ว่าจะไปปรากฏตัวที่ไหนหรือทำอะไรก็ไม่เป็นที่จับตามองของคนอื่นอีกต่อไป
แต่ว่ากู้ฮอนกลับกังวลว่าที่เขามาปรากฏตัวที่นี่มีเป้าหมายอะไรกันแน่
“ เป่หมิงโม่ ! ระหว่างเราตกลงกันไว้แล้วไม่ใช่เหรอ ฉันยอมมารับตำแหน่งระธานห่วยๆของคุณนี่ คุณก็จะยอมให้ลูกอยู่กับฉันไม่ใช่หรือไง แล้วที่คุณมานี่หมายความว่ายังไง หรือว่าคุณจะกลับคำ ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง ฉันก็จะรวบรวมคนพวกนั้นมาอีกรอบ เปิดแถลงการณ์อีกครั้ง ”
เป่หมิงโม่ดูจะชิวมาก มือข้างนึงของเขาตากไว้ที่ขอบประตู เหล้าในท้องกำลังออกฤทธิ์ ใบหน้าของเธอที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาดูจะลางๆ คลายอยู่ในฝัน ดูเธอสวยกว่าเดิม
กู้ฮอนขมวดคิ้วมองหน้าของเขา ก็ไม่รู้เป็นอะไร รู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาทันที
แววตาแบบนั้นของเขา ……ราวกับทุกครั้งที่เขาอยากจะมีอะไรกับเธอ ………
มีคำพูดนึงเรียกว่า : “คนกินอิ่มนอนหลับเลยทำให้มีความคิดชั่วๆขึ้นมา…….. ตอนนี้ใช้มาเปรียบเทียบคนเฮงซวยนี่มันเหมาะอย่างมาก ”
เป่หมิงโม่ยิ้มให้เธอบางๆ : “ ใช่ ระหว่างเราได้ทำความตกลงการไว้แล้วก็จริง แต่ผมไม่เคยพูดว่าผมจะไม่มาเจอหน้าลูกเลยนะ ”
ฉิงฮัวที่ตามหลังกู้ฮอน ดูแล้วก็อึดอัดใจแทน