เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 917 พันธมิตรที่ทั้งโจมตีและช่วยป้องกัน
- Home
- เดิมพันรักยัยตัวแสบ
- เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 917 พันธมิตรที่ทั้งโจมตีและช่วยป้องกัน
บทที่ 917 พันธมิตรที่ทั้งโจมตีและช่วยป้องกัน
เมื่อเป่หมิงยี่เฟิงเห็นว่าดูเหมือนเขาจะเปลี่ยนท่าทีแล้ว ทันใดนั้นก็รู้สึกมีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้นไม่น้อย : “ลุงฉางชิ่ง ถึงแม้ว่าเรื่องของบริษัทเป่หมิง หรือตระกูลเป่หมิงจะไม่มีอันไหนทำให้คุณพอใจได้ ในส่วนของ บริษัทเป่หมิงที่อารองขึ้นเป็นประธานได้ เป็นเพราะเขาปล้นหุ้นคุณพ่อของผมไป แล้วยังบังคับให้คุณปู่มอบตำแหน่งประธานให้กับเขา สิ่งนี้มันไร้เหตุผลตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แถมบวกกับคราวนี้ เขาตัดสินใจเองโดยพลการ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ถือหุ้นของตระกูลเป่หมิง ในการประกาศต่อหน้าสื่อมวลชนเพียงฝ่ายเดียวถึงผู้ลงสมัครตำแหน่งประธานคนใหม่ นี่มันเป็นการไม่เห็นผู้ถือหุ้นอยู่ในสายตาเลย บางทีคุณอาจจะไม่รู้ เมื่อวานหลังจากที่คุณออกไปจากที่ประชุมไม่นาน อารองก็มาถึงที่ประชุมแล้ว ไม่มีเหตุผลเลยที่เขาพูดว่าไม่รู้ถึงความขัดแย้งของการประชุมก่อนหน้านี้ แต่เขากลับไม่พูดอะไรเลย”
เขาพูดอย่างระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่าแต่ละประโยคจะต้องเข้าถึง ‘เส้นความโกรธ’ ของติงฉางชิ่งเพื่อยั่วให้เขาโกรธ แล้วจะได้บรรลุเป้าหมายของตนเอง
***
เห็นได้ชัดว่า เป้าหมายของเป่หมิงยี่เฟิงได้บรรลุผลแล้ว เพียงแค่ได้เห็นสีหน้าของติงฉางชิ่ง เปลี่ยนสลับไปมา
“ยี่เฟิง คุณคิดว่าพวกเราควรจะทำอย่างไรต่อไป?”
เป่หมิงยี่เฟิงมีรอยยิ้ม ดูเหมือนว่ากลยุทธ์ของตนเองถือว่าสำเร็จไปแล้วส่วนหนึ่ง มีติงฉางชิ่ง ช่วยสนับสนุน เรื่องที่เหลือก็จะง่ายขึ้นมาก
“ลุงฉางชิ่ง ไม่ต้องกังวลไปก่อนหรอกครับ ผมมีแผนการที่ครอบคลุมทั้งหมดแล้วพวกเรากินไปพลางคุยไปพลางกันเถอะครับ…”
***
หยางหยางที่นั่งอยู่ตำแหน่งข้างคนขับ ขณะนี้ใจของเขาเต็มไปด้วยคาดหวัง เพราะว่าพ่อไม่ยอมเปิดเผยว่าจะพาพวกเขาไปที่ไหน
ในใจของจิ่วจิ่วเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงเช่นกัน ถึงแม้ว่าเธอจะเห็นว่าพี่ชายทั้งสองคนมีความผ่อนคลายมากขึ้นในเวลาที่อยู่กับพ่อ เธอเองก็ตระหนักได้ว่าที่จริงแล้วพ่อก็ไม่ได้น่ากลัวเลย
แต่ถึงกระนั้น เธอก็ยังไม่สามารถผ่อนคลายได้ ‘ปีศาจในห้องน้ำ’ ความอัปยศที่ถูกสร้างขึ้นในใจดวงน้อยๆนั้นไม่ได้เบาลงไปเลย
ผ่านไปสักพัก เป่หมิงโม่ก็จอดรถตรงปากประตูโรงแรมแมนดาริน
“พ่อครับ พ่อพาพวกเรามาทำอะไรที่นี่ พ่อไม่ได้จะพาเราไปเที่ยวงั้นเหรอ?” หยางหยางดูเหมือนจะผิดหวัง
เป่หมิงโม่ไม่ตอบ เขาเปิดประตูแล้วลงจากรถ
“พ่อไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้า แน่นอนว่าเขาต้องมาที่นี่เพื่อหาอะไรกินอยู่แล้วล่ะ” เฉิงเฉิงพูด จากนั้นเขาก็เปิดประตูแล้วลงจากรถ จากนั้นจึงประคองจิ่วจิ่วลงมา คนสุดท้ายที่ลงมาคือหยางหยาง
“คุณพ่อต้องการมากินข้าวที่นี่ งั้นพวกเราไปเยี่ยมคุณย่ากันก่อนเถอะ” เฉิงเฉิงเสนอ
“ใช่ๆ ฉันไม่ได้เจอคุณย่ามานานแล้ว และคิดถึงท่านจริงๆ แน่นอนว่ามีปู่โม้ด้วย” หยางหยางหันกลับไปปิดประตู
“ทำไมถึงใช้คำว่า ‘ไม่ได้เจอกันนานแล้ว’ นี่มันยังไม่ถึงสัปดาห์เลยไม่ใช่เหรอ หยางหยาง ทำไมนายมักจะใช้คำที่ทำให้คนรู้สึกว่าไม่น่าไว้ใจล่ะ” เฉิงเฉิงชำเลืองมองหยางหยางแว้บหนึ่ง
“ไม่น่าเชื่อถือ” จิ่วจิ่วเองก็พูดเสริมด้วย
เฉิงเฉิงมอบจิ่วจิ่วให้หยางหยางดูแล แล้วเขาก็วิ่งเหยาะๆตามเป่หมิงโม่ไป : “พ่อครับ พ่อมาที่นี่เพื่อทานข้าวใช่ไหม ผมคุยกับหยางหยางแล้ว และกำลังจะพาน้องไปเยี่ยมคุณย่ากับ ปู่โม้”
เป่หมิงโม่พยักหน้า : “ได้สิ พวกลูกไปเถอะ แต่ว่าพวกเราสามคนห้ามเล่นซนนะ โดยเฉพาะหยางหยาง”
“ครับ ผมจะดูแลพวกเขาเอง”
*
“ก๊อกก๊อกก๊อก…” ประตูห้องเพรสสิเด้นท์สูทที่หวีหรูเจี๋ยและโม้จิ่งเฉิงพักอยู่ได้ถูกเคาะ
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นและประตูก็เปิดออก
“คุณย่าพวกเรามาเยี่ยมแล้ว” เฉิงเฉิงและหยางหยางพูดโดยพร้อมเพรียงกัน
คนที่กำลังเปิดประตูคือโม้จิ่งเฉิง และหวีหรูเจี๋ยตามเขามาทางด้านหลัง มองเห็นเด็กทั้งสามยืนอยู่หน้าประตูห้องของตัวเอง คนชราทั้งสองรู้สึกดีใจ
“ที่รัก พวกหนูมาได้ยังไง?” หวีหรูเจี๋ยให้พวกเขาเข้ามาในห้อง เธอพักอยู่ที่โรงแรมนี้ทุกวัน ถึงแม้ว่าจะมีโม้จิ่งเฉิงอยู่เป็นเพื่อน แต่ยังคงรู้สึกว่างเปล่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องที่แสนดีของเธอทั้งสองคนได้จากไปแล้ว เธอยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น ที่จริงเธออยากไปเยี่ยมพวกเด็กๆ แต่กังวลใจว่าสิ่งที่จะเพิ่มภาระโดยไม่จำเป็นให้กับกู้ฮอนและคนอื่นๆ
ทางด้านนั้นมีคุณแม่เพิ่งคลอดและเด็กทารกที่ต้องการคนคอยดูแลพวกเขาด้วย
“เฉิงเฉิง หยางหยาง แล้วยังมีจิ่วจิ่ว ทำไมวันนี้พวกหนูมาที่นี่ได้? คุณแม่ของพวกหนูมาส่งใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ครับ เป็นคุณพ่อที่มาส่งพวกเรา” หยางหยางตอบ
“คุณพ่อก็มากับพวกหนูด้วย แล้วเขาอยู่ที่ไหนล่ะ?” หวีหรูเจี๋ยย่อมอยากจะพบลูกชายของตนเองเป็นอย่างมาก เมื่อวานนี้ ข่าวที่เป่หมิงโม่ได้ประกาศมอบตำแหน่งประธานให้กับกู้ฮอน เธอและโม้จิ่งเฉิงก็ได้ดูด้วย
เรื่องนี้ทำให้ทั้งคู่เองรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
***
เมื่อวานนี้ หลังจากที่เป่หมิงโม่ประกาศข่าวการเปลี่ยนตัวประธานแล้ว มีนักข่าวจำนวนไม่น้อยได้ทำการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับกลุ่มบริษัทที่มีชื่อเสียงที่มีความร่วมมือกับตระกูลเป่หมิง นอกจากนี้ยังรวมถึงโม้จิ่งเฉิงด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับเขาแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่เป่หมิงโม่ตัดสินใจทำเช่นนี้
สิ่งนี้คือการสร้างความเชื่อมั่นในตัวเขาที่มีอยู่เต็มเปี่ยม
ยิ่งไปต้องพูดถึงว่าคนที่มารับหน้าที่แทนคือกู้ฮอน ลูกสาวบุญธรรมของตนเอง ถึงแม้ว่าประสบการณ์และความสามารถของเธอยังตื้นเขิน แต่ก็ไม่ได้ทำให้กังวลใจเลยว่าจะเกิดปัญหา
“คุณพ่อกำลังทานข้าวอยู่ชั้นล่างครับ ถ้ากินเสร็จแล้วเขาจะขึ้นมา”” หยางหยางตอบ
*
เป่หมิงยี่เฟิงมีรอยยิ้มที่ยากจะซ่อนเอาไว้ได้อยู่บนหน้า ระหว่างทางที่กลับจากทะเลมาถึงตระกูลเป่หมิง การติดต่อกับติงฉางชิ่ง ครั้งนี้ ดูเหมือนว่าจะบรรลุผลตามที่เขาคาดหวังเอาไว้ ขั้นตอนต่อไปต้องดูว่าเขาจะลงมืออย่างไร
ถึงแม้ว่าตอนนี้ระหว่างเขากับกู้ฮอนจะมีการชี้แจงจุดยืนโดยพื้นฐานต่อกันแล้ว แต่ถ้าเขาจะลงมือจัดการกับกู้ฮอนจริงๆ เป่หมิงยี่เฟิงก็จะไม่ใช้วิธีนี้ลงมือ
เขาเองเคยถามตัวเองมากกว่าหนึ่งครั้ง แต่กลับไม่สามารถให้คำตอบที่แน่นอนได้ บทสรุปสุดท้ายคือ : บางทีอาจจะเป็นใจของตัวเองนั้นอ่อนเกินไป
สุดท้ายแล้วเขาไม่เคยลืมผู้หญิงคนนี้ที่เป็นรักแรกของเขาได้เลย บางทีตอนนี้อาจจะพูดได้ว่าเขายังชอบเธออยู่ และยังหวังว่าเธอจะมายืนเคียงข้างเขาได้
เพียงแต่ว่า ความคิดนี้อาจจะเหมือนปรารถนาอย่างแรงกล้าประเภทหนึ่ง หัวใจของเธอไม่ใช่ของเขาอีกต่อไปแล้ว แต่ว่าบางทีเขาอาจจะลองอีกสักครั้ง
*
เรือนจำหญิงในเมือง A ห่างจากตัวเมืองเพียงร้อยกิโลเมตร กำแพงสูงสีเขียวเทาและหอคอยอีกแปดหลังได้ถูกสร้างจนเป็นเมืองที่ถูกปิดล้อมโดยสมบูรณ์ พื้นที่ด้านในมีขนาดไม่น้อย นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ข้อเดียวที่เป็นสิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนด้านในไม่สามารถออกมาได้
ยิ่งไปกว่านั้นคนที่อยู่ด้านในจะถูกตรวจสอบตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
ในพื้นที่ว่างเปล่าที่ถูกล้อมรอบด้วยลวดหนาม เจียงฮุ่ยซินสวมชุดนักโทษนั่งอาบแดดบนม้านั่งเล็กๆสีเขียว ด้านในลานกิจกรรมที่อยู่ไม่ไกลจากเธอในรั้วลวดหนามอีกแห่ง มีหญิงสาวกลุ่มใหญ่กำลังเล่นบอล
ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ก็ไม่มีคนรับใช้และอาหารเลิศรส นอกจากนี้แล้ว อยู่ที่นี่เธอยังต้องทำงาน เธอถูกจัดให้อยู่ในห้องซักผ้า ทุกๆวันจะมีการส่งเสื้อผ้าและชุดเครื่องนอนที่ถูกเปลี่ยนมาที่นี่ไม่หยุด แม้ว่าที่นี่จะซักโยใช้เครื่องซักผ้า แต่ก็ยังเป็นงานที่ใช้แรงอย่างหนัก
หญิงชราคนนี้ที่ทำอะไรเองไม่เป็นเพราะมีคนคอยทำให้ตลอด เคยชินกับการใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างร่ำรวยและหรูหรา รู้สึกไม่สบายตัวกับทุกอย่าง
ไม่เพียงแค่นั้น ต้องนอนบนแผ่นไม้โดยไม่มีฟูกนอนหลังจากที่ทำงานมาทั้งวัน ความเจ็บปวดทุกชนิดก็ปรากฏขึ้น
แสงแดดอันอบอุ่นได้สาดส่องลงมาบนตัวเธอ
เมื่อเธอหลับตาลง ในหัวก็มีภาพในตอนนั้นลอยออกมา วันที่ตนเองกับหวีหรูเจี๋ย แล้วยังมีลู่ลู่พูดคุยและหัวเราะกัน…
เธอแทบจะจำเสียงและเรื่องที่พวกเขาพูดคุยในตอนนั้นได้อย่างแจ่มชัด มันคือเรื่องจริง และพวกเอต่างดีต่อกันมาก แต่ถึงอย่างนั้นพอมาถึงตอนนี้กลับมีผลลัพธ์เช่นนี้
ลู่ลู่ไม่อยู่แล้ว หวีหรูเจี๋ยกลับไปที่เมืองA แต่ก็ไม่ได้เป็นนายหญิงตระกูลเป่หมิงแล้ว และตนเองก็กลายเป็นนักโทษ ยิ่งคิดยิ่งเสียใจมากขึ้นเรื่อยๆ
“7564 มีคนมาเยี่ยมคุณ” ผู้คุมหญิงเดินมาหาเธอและบอกกับเธอ
7564 คือหมายเลขของเจียงฮุ่ยซินที่นี่ นักโทษที่นี่ไม่มีชื่อ มีเพียงตัวเลขเท่านั้น
เจียงฮุ่ยซินแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เธอเพิ่งจะได้ยิน เธอเงยหน้ามองผู้คุมที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอด้วยสีหน้างงงวย จากนั้นค่อยๆลุกขึ้นยืนจากม้านั่ง
***
ใบหน้าที่แข็งทื่อและน้ำเสียงที่เย็นชา ทำให้เจียงฮุ่ยซินฟังแล้วรู้สึกอึดอัดอย่างมาก
ระหว่างที่อยู่กับตระกูลเป่หมิง ไม่เคยมีใครปฏิบัติตัวกับตนเองเช่นนี้มาก่อน
ในเวลานั้นสถานะของเธอคือนายหญิงแห่งตระกูลเป่หมิง ทุกคนล้วนแต่เคารพเธออย่างมาก
แต่ทว่าในตอนนี้มันไม่ดีเหมือนที่เคยเป็น
“ขอถามหน่อยค่ะ ฉันขอรู้ได้หรือไม่ว่าใครจากตระกูลเป่หมิงมาเยี่ยมฉัน?”
นับตั้งแต่เจียงฮุ่ยซินมาอยู่ที่นี่ ในช่วงระยะเวลาหลายวันมานี้ไม่เคยมีใครมาเยี่ยมเธอเลย
ทุกครั้งที่เธอคิดถึงตรงนี้ เธอก็จะเริ่มหัวเราะเยาะตัวเองโดยไม่รู้ตัว คนเราเป็นเช่นนั้นจริงๆ ในตอนที่ยังร่ำรวยและมีสง่าราศีทุกคนล้วนแต่อยากประจบตนเอง ไม่ว่าใครก็ต่างพากันเคารพตน แต่พอถึงตอนนี้ที่มีปัญหาล่ะก็กลายเป็นคนที่ถูกลืม
“ถามขนาดนั้นไปเพื่ออะไร ออกไปเจอก็เห็นแล้ว เร็วๆเข้า ฉันให้เวลาพวกคุณเพียงแค่ห้านาทีเท่านั้น” น้ำเสียงของผู้คุมหญิงยังคงเย็นชา นอกจากนั้นยังใจร้อนด้วย
หลังจากที่พูดจบแล้ว เธอก็หมุนตัวพาเจียงฮุ่ยซินเดินไปที่ห้องเยี่ยม
ตลอดทางเจียงฮุ่ยซินยังคงคาดเดาไม่หยุดว่าคนที่มาเป็นใครกัน? ลูกชายของตนเองเป่หมิงยัน? ไม่น่าจะเป็นไปได้ เธอไม่ต้องการให้เป่หมิงยันรู้ว่าตนเองมีแม่เช่นนี้ ไม่อย่างนั้นแล้วอนาคตข้างหน้าของเขาอาจจะถูกระงับไปเลย
เป็นเป่หมิงโม่หรือเปล่า? อีกเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เช่นกัน ตนเองทำร้ายแม่ของเขา ถึงแม้ว่าจะไม่สำเร็จ แต่ก็เพียงพอที่จะให้เขาเกลียดตนเองไปตลอดชีวิต
เธอเห็นการเติบโตของเป่หมิงโม่มาโดยตลอด นิสัยใจคอของเขา ตนเองรู้อยู่ไม่น้อย
หรืออาจจะเป็นเป่หมิงยี่เฟิง…
เธอคิดถึงเกือบจะทุกคนในตระกูลเป่หมิง แต่ก็ถูกตัดออกไปทีละคน
จนกระทั่งหลังจากที่เธอเข้าไปในห้องเยี่ยม และเห็นคนที่มา หัวใจของเธอก็จมดิ่งลงไปทันที
เจียงฮุ่ยซินถูกจัดให้นั่งลง ด้านหน้าของเธอเป็นกระจกกันกระสุนอย่างหนา นอกจากนี้ยังมีไมค์อยู่บนโต๊ะ ใช้สำหรับการพูดคุยกัน เสียงของคนที่มาจะถูกปล่อยออกมาจากกล่องข้างๆไมค์
คนที่มาเยี่ยมเธอเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่อายุไม่ต่างจากเธอ ผมเป็นสีขาว ใบหน้าผอม ที่ด้านหลังของเขามีชายหนุ่มอายุน้อยที่หน้าตาหล่อเหลาอย่างยิ่งยืนอยู่
“เจียงฮุ่ยซิน คิดไม่ถึงสินะว่าจะเป็นผมที่มาเยี่ยมคุณ”
เจียงฮุ่นซินยิ้มอย่างขมขื่น : “คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าคนที่มาพบฉันจะเป็นคุณ หลี่เชิน ”
หลี่เชินพยักหน้า : “คุณพูดถูก ที่จริงตัวผมเองก็คาดไม่ถึง ผมมาที่นี่เพราะมีเรื่องที่ต้องการความเข้าใจจากคุณ”
“ทำความเข้าใจเรื่องราว? ตอนที่คุณอยู่ในศาล คุณไม่ได้เข้าใจอย่างชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าลู่ลู่ถูกฉันฆ่าตาย”
“เจียงฮุ่ยซิน คุณไม่ต้องย้ำในจุดนี้หรอก ผมรู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของคุณคือจัดการกับหวีหรูเจี๋ย เพียงแต่ว่าคุณโชคไม่ดี และแน่นอนว่าลู่ลู่โชคไม่ดียิ่งกว่า โยนเรื่องนี้ทิ้งไปเถอะ ผมต้องการถามเรื่องอื่นกับคุณ และหวังว่าคุณจะตอบตามความจริง”
********************************************************