เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 926 คนล่ะ
บทที่ 926 คนล่ะ
“เจ๋ง พ่อควรจะจัดการให้หนักแบบนี้แหละ แผนการแบบนี้ของพ่อ ครูโล่ก็เคยสอนผมไว้เหมือนกัน” ในเวลาขณะเดียวกัน เขาก็กำลังให้จดจ่อกับพัฒนาการของสถานการณ์อยู่ในรถของโม้จิ่งเฉิง
หยางหยางพูดพลางยกมือเล็ก ๆ ขึ้นมา เขาชอบเรื่องคึกคักแบบนี้เป็นที่สุด โดยเฉพาะตอนที่พ่อของเขาลงมือกับหัวหน้ากลุ่มโจรอย่างรวดเร็วนั้น นับได้ว่าเป็นการจัดการคนชั่วเพื่อตัวเอง
“เมื่อก่อนฉันก็เคยพูดไปแล้วนี่ ฉันไม่ชอบวิธีการปล้นของพวกเขาเป็นที่สุด ไม่มีเทคนิคอะไรไม่ว่าแล้วนะ แต่นี่ขนาดสมองก็ยังไม่มีอีก เฮ้อ…” หยางหยางถอนหายใจพลางส่ายหัว แสดงท่าทีว่าเขารู้สึกช่วยไม่ได้จริง ๆ
*
หัวหน้ากลุ่มโจรมองลูกน้องของตนเองค่อย ๆ วางของที่อยู่ในมือลงอย่างเชื่อฟัง ในหัวใจก็รู้สึกเสียใจทีหลังเป็นอย่างมาก ถ้าหากให้พวกลูกน้องคุมตัวเป่หมิงโม่ไว้ตั้งแต่แรก สถานการณ์ก็คงไม่เป็นแบบนี้ ตัวเขาจะต้องได้ครองตำแหน่งผู้นำอย่างแน่นอน ทว่าตอนนี้ แต่ตอนนี้เขากลายเป็นทรัพย์สินในกระเพ่อของอีกฝ่ายไปแล้ว
ตอนที่เขากำลังรู้สึกเสียใจภายหลังอยู่ ก็ไม่ลืมที่จะรักษาสีหน้าที่ดูมีชีวิตชีวาไว้ บังคับใบหน้าที่บิดเบี้ยวให้ปรากฏรอยยิ้มออกมา “คุณชายเป่หมิง คุณชายเป่หมิงกำลังคิดจะทำอะไรกันครับ ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้นี้พวกเราตกลงกันแล้วเหรอ”
“หึ แกพูดเองนี้ว่าจะจับฉันเป็นตัวประกัน หลังจากช่วยพวกแกให้หนีออกไปได้ก็จะปล่อยฉัน”
“คุณชายเป่หมิง นั่นก็ถูกต้องแล้วนี่ครับ ”
“ฉันอ่านสีหน้าเมื่อกี้นี้ของแกออกหมดแล้ว แกดีดลูกคิดรางแก้วไว้ได้ดีมาก เพียงแต่น่าเสียดายที่ถูกชั้นเดาออกทั้งหมด แม้ว่าพวกเราจะสามารถออกไปได้ พวกแกก็คงไม่ปล่อยฉัน บางทีอาจจะได้รับเงินก้อนโตจากครอบครัวของฉันอีกด้วย”
หัวหน้ากลุ่มโจรตกใจจนหน้าถอดสี “คุณรู้ความคิดผมได้ยังไง…ไม่ ไม่ ผมหมายถึงคุณชายเป่หมิงเข้าใจผิดแล้ว” เขาพูดแก้สิ่งที่เขาเพิ่งจะโพล่งออกมา
น่าเสียดายที่มันไม่ต่างอะไรกับการทำสิ่งที่เกินความจำเป็นจนทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ เลวร้ายลงไปอีก ยิ่งอธิบายก็ยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ
เป่หมิงโม่หัวเราะเสียงเย็น “เหมือนว่าการคาดเดาของฉันจะไม่ผิด แกตั้งใจวางแผนนี้มาตั้งแต่แรกแล้วสินะ ตอนนี้อำนาจการควบคุมอยู่ในมือของฉัน เรื่องเมื่อกี้นี้เป็นการระบายความโกรธแทนลูกชายฉัน แกทำกับเขาแบบนั้นทำให้ฉันโมโหเป็นอย่างมาก”
พูดจบเขาก็ออกแรงเพิ่มขึ้นอีกนิด
“โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย…” หัวหน้ากลุ่มโจรส่งเสียงร้องเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง เสียงนี้ทำให้สมาชิกในกลุ่มโจรคนอื่น ๆ กลัวจนสั่นไม่หยุด
แม้ว่าคนพวกนี้จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ก่อการร้าย แต่อย่างไรพวกเขาก็เพิ่งจะได้เดบิวต์ ไม่เคยก่อคดีอะไรเป็นจริงเป็นจังด้วยซ้ำ วันนี้ลูกพี่ตั้งใจจะมาปล้นสวนสนุก แต่ผลสุดท้ายกลับเป็น ‘ยกทัพไปปราบศัตรู ไม่ทันได้รับชัยชนะก็ต้องตายไปเสียก่อน’ เสียอย่างนั้น
ตอนนี้ลูกพี่ถูกจับตัวเอาไว้แล้ว พวกเขายังจะสามารถทำอะไรกับเขาได้อีก
ตอนที่ได้ยินชื่อ ‘แก๊งสามจู๋’ หนึ่งในกลุ่มโจรก็รู้สึกคุ้นหูเล็กน้อย บวกกับหลังจากที่ลูกพี่ของตัวเองถูกคุมตัวไว้ เขาได้รับความสะเทือนจิตใจนิด ๆ ในที่สุดก็นึกเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
เขาตะโกนราวกับเพิ่งตื่นจากความฝัน “ลูกพี่ ผมรู้แล้วว่า ‘แก๊งสามจู๋’ คืออะไร! ผมเคยได้ยินชื่อนี้ตอนที่เร่ร่อนอยู่กับพี่จิ่วเทียนแต่เมื่อกี้นี้นึกไม่ออก พวกเขาเป็นผู้มีอิทธิพลมือที่มีอำนาจบารมีสูงมากในยุโรป อเมริกา และในภาคเอเชียติดไม่ถึงว่าไอ้แก่คนนั้นจะรู้จักกับพวกเขา”
ตอนนี้หัวหน้ากลุ่มโจรที่ถูกควบคุมตัวอยู่ยังจะมีกะจิตกะใจรับรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไรอีก เขาพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “แกดูสิว่าฉันเป็นแบบนี้แล้ว รู้ไปแล้วจะยังไงต่อ”
“ลำบากแกแล้วจริง ๆ พกของมาแค่นี้ยังกล้าคิดมาปล้นคนอื่นเขา” เป่หมิงโม่พูดกับหัวหน้ากลุ่มโจรจบ เขาก็หันไปพูดกับหนึ่งในกลุ่มโจรที่เมื่อกี้นี้เพิ่งจะนึกเรื่อง ‘แก๊งสามจู๋’ ออกว่า “แล้วทำไมแกถึงไม่ไปกับจิ่วเทียนล่ะ”
สมาชิกกลุ่มโจรคนนั้นดูเศร้าซึมเป็นอย่างมาก “ครั้งหนึ่งตอนที่ผมออกไปปล้นธนาคารกับพี่จิ่วเทียน ก็เลือกธนาคารที่ขนาดค่อนข้างจะใหญ่ หลังจากที่พวกเราเข้าไปประกาศศักดาก็ได้รับเงินมา”
“เกิดอะไรขึ้น”
“ตอนนั้นผมอยู่ข้างนอก ได้ยินพวกพี่น้องเพิ่งจะเข้าไป ข้างในนั้นมีคนหลายสิบคนในนั้นกำลังทำธุรกิจกันอยู่ ผลลัพธ์ก็คือเป็นตอนนี้ตำรวจคนหนึ่งกำลังจะแต่งงานพอดี หลายสิบคนนั้นก็อยู่ในชุดลำลอง กำลังจะถอนเงินไปสมทบ นอกจากนี้พวกเขายังมีปืนติดตัว…ผมเห็นท่าไม่ดีก็เลยรีบหนีมา…”
ท้ายที่สุดสมาชิกกลุ่มโจรคนนั้นก็ไม่ได้พูดต่ออีก…
“คิดไม่ถึงเลยว่าแกจะเป็นดาวนพเคราะห์ของฉัน!” หัวหน้ากลุ่มโจรฟังจบก็แทบจะกระอักเลือดออกมา
เป่หมิงโม่รู้ไม่ว่าเขาควรจะประเมินสิ่งเรื่องน่ามหัศจรรย์พวกนี้อย่างไรดีแล้ว “โอ้ ฉันเองก็เห็นใจแกเหมือนกัน เป็นหัวหน้าทั้งทีแต่กลับต้องมาเจอลูกน้องแบบนี้” พูดจบเขาก็ปล่อยมือหัวหน้ากลุ่มโจร
หัวหน้ากลุ่มโจรตะลึงไปชั่วขณะ “คุณชายเป่หมิง คุณคิดจะทำอะไร ทำไมถึงปล่อยผมล่ะ”
เป่หมิงโม่ค่อย ๆ ก้าวไปที่ประตูโดยไม่หันกลับมามองเขา จากนั้นก็ทิ้งคำพูดเอาไว้ว่า “บางครั้งฉันก็ใจดี พวกแกก็พยายามใช้โอกาสก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจคิดหาวิธีออกไปซะสิ”
ใครจะไปคิดว่าหัวหน้ากลุ่มโจรจะวิ่งไปถึงตัวเป่หมิงโม่ในไม่กี่ก้าว “ตึง” จากนั้นก็คุกเข่าลงทันที สีหน้าไม่น่ามองยิ่งกว่าตอนที่เขาถูกควบคุมตัวไว้เสียอีก
“คุณชายเป่หมิง คุณจับพวกเราส่งตำรวจเถอะ พวกเราชดใช้ให้ ‘แก๊งสามจู๋’ ไม่ไหวหรอกนะ…”
*
ภาพที่ส่งมาจากกล้องวงจรปิดทำให้ผู้คนงุนงงสับสนเล็กน้อย เกิดเรื่องอะไรระหว่างเป่หมิงโม่กับกลุ่มโจรพวกนั้นขึ้นกันแน่ เดี๋ยวทำธุรกิจกัน เดี๋ยวโกรธกัน พอตอนนี้อยู่ดี ๆ ก็คุกเข่าลง…
ลั่วเฉียวขมวดคิ้ว “เป่หมิงโม่กำลังเล่นบ้าอะไรอยู่กันแน่”
อย่าว่าแต่ลั่วเฉียว เพราะแม้แต่แอนนิเองก็ไม่เข้าใจสถานการณ์ ดูจากสีหน้าที่เปลี่ยนไปของแต่ละคนแล้ว นอกจากนี้พวกเขายังเปิดปากพูดอะไรไม่หยุด จะต้องมีเนื้อหามากมายอยู่ข้างในนั้นอย่างแน่นอน เพียงแต่น่าเสียดายที่กล้องวงจรปิดไม่สามารถที่จะจับเสียงได้ ดังนั้นนอกจากคนที่อยู่ที่เกิดเหตุแล้ว ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น หรือกำลังพูดอะไรกันอยู่ คนอื่น ๆ ไม่มีทางที่จะรู้ได้
*
ที่หน้าประตูใหญ่ของศูนย์บริการนักท่องเที่ยวมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคุ้มกันอย่างแน่นหนา และไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้
ผู้สื่อข่าวที่ชมวิดีโอถ่ายทอดสดต่างรอคอยผลลัพธ์อย่างใจจดใจจ่อ กลุ่มโจรจะใช้เป่หมิงโม่เป็นตัวประกันและหลบหนีไปจากวงล้อมของตำรวจได้สำเร็จ หรือเป่หมิงโม่จะจัดการโจรทั้งหกคนด้วยตัวคนเดียว แล้วกลับออกมาอย่างมีชัย…
เงาร่างของคนที่ข้างในศูนย์บริการนักท่องเที่ยวกำลังมีการขยับ “ออกมา ออกมาแล้ว!” เหล่าผู้สื่อข่าวตะโกนร้องเสียงดัง พร้อมกับหันอุปกรณ์ต่าง ๆ ของพวกเขาไปที่ประตู รอให้คนที่อยู่ข้างในออกมา
ทว่ากลับพบเพียงแค่โจรหกคนที่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสิบสองคนพาตัวออกมา เนื่องจากพวกเขาสวมหมวกปิดหน้า จึงไม่สามารถมองเห็นหน้าตาได้อย่างชัดเจน แต่จะต้องเป็นพวกเขาอย่างแน่นอน ทุกคนมีท่าทางหดหู่เป็นอย่างมาก เพียงแต่มีเรื่องที่ทำให้คนไม่เข้าใจอยู่สองเรื่องก็คือ
เรื่องแรก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะดูหดหู่ แต่กลับมาความรู้สึกปิติยินดีลอบปรากฏขึ้นมา
เรื่องที่สอง หลังจากที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยส่งตัวพวกโจรให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และถูกพาตัวไปหมดแล้ว แต่พวกเขากลับยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเป่หมิงโม่
***
ผู้ก่อเหตุทั้งหกถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนำตัวลงจากห้องโถงชมวิวและส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทว่ากลับไม่มีใครพบเป่หมิงโม่ซึ่งเป็นกุญแจและจุดหักเหที่สำคัญของคดีนี้
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับเบาะแสของเป่หมิงโม่ ต้องการที่จะสัมภาษณ์เขาสักเล็กน้อย โดยเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นในภาพที่น่าทึ่งนั้น
ภาพที่ปรากฏขึ้นนี้ได้เพิ่มความลึกลับให้กับเป่หมิงโม่ไปหลายส่วน
ทว่าคำตอบที่ได้รับมาคือการตอบว่าไม่มีใครทันได้สังเกต เพราะตอนที่เป่หมิงโม่เรียกให้พวกเขาพามาตัวโจรหกออกไป ก็บอกพวกเขาว่าต้องระวังให้มาก
แน่นอนว่าแม้ว่าเขาจะไม่พูดแบบนั้น แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้ก็จะเพิ่มความระมัดระวังอยู่แล้ว อย่างไรเสียตอนที่ช่วยคนและพาตัวโจรกลุ่มนี้ออกมา ก็เป็นช่วงที่เสี่ยงอันตรายเป็นอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงทุ่มพลังทั้งหมดไปกับเรื่องนี้ ทว่ากลับไม่ได้สังเกตเป่หมิงโม่
ภายในรถของโม้จิ่งเฉิง
หยางหยางดูหัวเสีย “ไม่รู้จริง ๆ เลยว่าพ่อเขาคิดจะทำอะไร ไม่รู้ว่าหนีไปไหนแล้วด้วย ถ้าเปลี่ยนเป็นฉันยังไงก็ต้องมาออกทีวี แบบนั้นจะได้มีแฟนคลับเยอะ ๆ บางทีอาจะมากกว่าอาสามเสียอีก”
“ภาพฉากกับใบหน้าของลูกยังปรากฏออกไปไม่พออย่างนั้นเหรอ” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากนอกรถ
“พ่อ…” ใบหน้าเล็ก ๆ ของหยางหยางเปลี่ยนเปลี่ยนเร็วยิ่งกว่าการแสดงเปลี่ยนหน้าละครเสฉวนอย่างรวดเร็ว เขาหันกลับไปยิ้มแล้วพูดกับอีกฝ่ายว่า “อยู่ ๆ พ่อก็หายตัวไป พวกเรายังกังวลกันอยู่เลยนะ”
เป่หมิงโม่มองหยางหยางแล้วเลิกคิ้วน้อย ๆ “ลูกเป็นยังไงบ้าง ได้ให้สัมภาษณ์นักข่าวแบบที่พูดไว้ไหม หลังจากนี้ไม่ว่าลูกกับอาสามจะไปที่ไหนก็จะมีป้ายไฟกับแฟนคลับคอยตะโกนชื่อไล่ตามสินะ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่พ่อต้องการหรอกนะ”
เมื่อโม้จิ่งเฉิงกับหวีหรูเจี๋ยเห็นเป่หมิงโม่กลับมาอย่างปลอดภัยก็วางใจไม่น้อย
โดยเฉพาะหวีหรูเจี๋ย ดวงตาของเธอแดงก่ำเหมือนเพิ่งจะร้องไห้เสร็จ “โม่ หลังจากนี้ลูกห้ามทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้อีกนะ จิ่งเฉิงก็กำลังจะช่วยพวกเราแล้ว ลูกยังมีอนาคตอีกยาวไกล ยังต้องดูแลฮอนกับพวกเด็ก ๆ …”
เป่หมิงโม่ที่ยืนอยู่นอกรถถูกคำพูดของผู้เป็นแม่กระแทกลงบนหัวใจที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
“แม่ครับ นอกจากพวกเขาแล้วแม่ก็ยังต้องการให้ผมดูแลเหมือนกันนะ” เป่หมิงโม่พูดพลางยกมือขึ้นมองนาฬิกา ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาเข้าประชุมแล้ว
“พวกแม่กลับไปพักก่อนเถอะ ผมยังมีเรื่องที่ต้องทำต่อ” เป่หมิงโม่พูดพลางมองไปที่จิ่วจิ่วที่นั่งอยู่ระหว่างเฉิงเฉิงกับหยางหยางที่ข้างหลังรถ
จิ่วจิ่วกะพริบตากลมโตมองมาที่เขา ดูเหมือนว่าความกลัวที่มีมายาวนานของลูกสาวเขาจะลดน้อยลงไปแล้ว นี่คือสิ่งที่ฉันหวังที่จะได้เห็นมาตลอด
ข้างหลังเขามีเสียงรถแล่นมา
“รถของแม่นี่นา!” หยางหยางจำมันได้ในทันที
ทุกคนมองไปยังรถที่กำลังแล่นเข้ามา หลังจากนั้นทันทีที่รถจอสนิท กู้ฮอนก็ก้าวออกมาจากข้างใน
สีหน้าของเธอดูไม่ดีเป็นอย่างมาก
หยางหยางเปิดประตู และพาเฉิงเฉิงกับจิ่วจิ่วลงจากรถ “แม่ คุณแม่ หม่ามี๊” เด็ก ๆ เรียกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหวาน ๆ ทำให้จิตใจที่ตึงเครียดของกู้ฮอนผ่อนคลายลง
เป่หมิงโม่ซึ่งยืนอยู่ข้างรถก็หันไปมองที่รถคนนั้น โดยเฉพาะหลังจากกู้ฮอนลงมาแล้ว เขาก็ไม่ได้ละสายตาจากเธอไปเลยสักวินาทีเดียว
***
พอเห็นกู้ฮอนแล้ว เป่หมิงโม่ก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ความจริงแล้วหลังจากที่กู้ฮอนรู้เรื่องเหตุการณ์ในศูนย์บริการนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเรื่องที่คนแก่ทั้งสองกันกับพวกเด็ก ๆ ถูกจับเป็นตัวประกัน
เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ที่วิตกกังวลได้ แทนที่จะดูทีวีแล้วคอยกังวลอยู่ ไม่สู้ไปที่เกิดเหตุด้วยตัวเองเลยจะดีกว่า เด็ก ๆ ต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ พวกเขาจะต้องกลัวมากแน่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทางรกน้อยจิ่วจิ่ว
ยายหนูถูกเธอปกป้องดูแลไว้ใต้ฝ่ามือมาโดยตลอด จึงกังวลมากว่าจะถูกทำให้หวาดผวาอย่างไร
ระหว่างทางเธอก็ฟังวิทยุอยู่ตลอด ในนั้นมีรายงานการติดตามเหตุการณ์นี้ ไม่นานต่อมาเมื่อเธอได้ยินว่าเด็ก ๆ ได้รับการช่วยเหลือ นี่จึงนับว่าวางใจลงได้บ้าง
จากนั้นเธอก็โทรหาเฉิงเฉิง และถามถึงตำแหน่งปัจจุบันของพวกเขา
เมื่อกู้ฮอนได้สัมผัสกับเด็ก ๆ หัวใจของเธอก็ผ่อนคลายลงอย่างแท้จริง