เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 933 เปิดไพ่ใบสุดท้าย
บทที่ 933 เปิดไพ่ใบสุดท้าย
“คุณชายเป่หมิง ไม่คิดว่าคุณยังไม่กลับ” ในขณะที่เป่หมิงยี่เฟิงกำลังคิดฟุ้งซ่านกับคำพูดเมื่อกี้อยู่ เสียงของประธานหลัวก็ดังขึ้นบนดาดฟ้าอีกครั้ง
“ประธานหลัว ธุระของคุณเสร็จเร็วขนาดนี้เลยหรอครับ?”
“ฮ่า ๆ คุณชายเป่หมิงเมื่อกี้ผมแค่ลงไปดื่มชาเท่านั้น ไม่ได้มีธุระอะไรเลย”
เป่หมิงยี่เฟิงมองดูท่าทางของประธานหลัวที่ยิ้มอยู่ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเหมือนโดนคนปั่นหัว นี่เป็นครั้งที่สองที่เขารู้สึกแบบนี้ในวันนี้และมันทำให้เขาอึดอัดมาก
คิ้วของเขาตั้งขึ้น “ประธานหลัว คุณ……” และทำท่าจะออกไป
“คุณชายเป่หมิงอย่าเพิ่งกังวลไป คนหนุ่มสาวมักจะเก็บอาการไม่ค่อยได้ คุณไม่อยากจะรู้หรอ ว่าเมื่อกี้ทำไมผมถึงต้องทำแบบนั้น?”
***
เป่หมิงยี่เฟิงแสดงความสงสัยมาก ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขา ที่จริงแล้วก็แค่เล่นละครต่อหน้าพวกเขาเท่านั้น
นี่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดมาก เห็นได้ชัดว่าตัวเองถูกคนตรงหน้า “เล่น”ซะแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะมีเหตุผลที่ดีมาสนับสนุน
“ในเมื่อประธานหลัวได้คิดเหตุผลที่ดีมาแล้ว ผมก็อยากจะตั้งใจฟังสักหน่อย ผมหวังว่าเหตุผลที่คุณให้ผมจะเพียงพอที่จะไม่ทำให้ผมผิดหวังนะครับ”
“ฮ่า ๆ คุณชายเป่หมิงมั่นใจได้เลย” ประธานหลัวยิ้มพร้อมกับแสดงท่าทางด้วยมือให้กับพนักงานสองคนสุดท้ายบนดาดฟ้า
ดูเหมือนว่าทั้งหมดนี้เป็นการเตรียมการของประธานหลัว ทั้งสองคนเข้าใจความหมายนั้นทันที รีบทำความสะอาดโต๊ะอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ปูผ้าปูโต๊ะโต๊ะแรกใหม่ วางไวน์แดงหนึ่งขวดและแก้วสะอาดอีกสองใบ
รอจนจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ประธานหลัวยังคงนั่งลงไปตรงที่นั่งของเขา จากนั้นก็ยื่นมือแสดงท่าทางให้กับเป่หมิงยี่เฟิง “เชิญคุณชายเป่หมิงมานั่ง พวกเราจะได้ดื่มไวน์แดงไปด้วยคุยไปด้วย”
ครั้งนี้เป่หมิงยี่เฟิงนั่งอยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกับประธานหลัว เขาไม่อยากจะเข้าใกล้คน ๆ นี้มากเกินไปแล้ว สิ่งนี้มันทำให้เขารู้สึกอึดอัด มีความรู้สึกเหมือนถูกหมายหัวอยู่ตลอด
บางทีนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่พวกเขาจัดการกับถังเทียนจื๋อหรือเปล่า เป่หมิงยี่เฟิงดูเหมือนจะมีความรู้สึกรังเกียจคนแบบนี้ นี่อาจจะเป็นเพราะประธานกาวอาจจะถูกหลอกใช้หรือว่ามีความรู้สึกของการสมรู้ร่วมคิด
แต่เนื่องจากประธานหลัวเป็นคนตรงไปตรงมาพอสมควร งั้นเขาก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ตามสถานการณ์ปัจจุบัน ลองดูว่าเขาจะสื่อถึงอะไร แล้วค่อยว่ากัน
หลังจากที่เป่หมิงยี่เฟิงและประธานหลัวนั่งลงแล้ว ก็แสดงรอยยิ้มออกมา เหมือนกับตอนแรกที่เขามา หลังจากนั่งลงแล้ว เขาเอื้อมมือไปหยิบขวดไวน์แดงที่วางอยู่บนโต๊ะมา และมองไปที่มัน “ประธานหลัวจนถึงเวลานี้แล้ว คุณถึงเต็มใจที่จะเอาไวน์ดี ๆ ออกมา”
“ฮ่า ๆ แน่นอนอยู่แล้ว ไวน์ที่ดีก็ต้องดื่มกับคนที่รู้ใจกันถึงจะได้รสชาติที่ดี” หลังจากที่ประธานหลัวพูดจบ ก็เปิดไวน์ด้วยตัวเอง และรินให้ตัวเองและเป่หมิงยี่เฟิงคนละแก้ว
“คุณชายยี่เฟิง ผมรู้ว่าปกติคุณกับเป่หมิงมีความขัดแย้งกันไม่น้อย”
ไม่คาดคิดว่าเขาจะโยนประเด็นที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ออกมาอย่างรวดเร็ว จะตอบคำถามนี้อย่างไรล่ะ เป่หมิงยี่เฟิงตกอยู่ในห้วงความคิดทันที
เขามองไปที่ประธานหลัวขณะที่ดื่ม แต่ก็มองไม่ออกว่าเขาแสดงเจตนาอะไรออกมา
“ดูเหมือนว่าคุณชายยี่เฟิงจะไว้ใจผมขึ้นมาบ้างแล้ว โปรดอย่าเข้าใจผิดกับคำถามที่ผมถามออกไปเลย” การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเป่หมิงยี่เฟิงได้อยู่ในสายตาของประธานหลัวแล้ว “คุณชายยี่เฟิง ขอพูดในสิ่งที่คุณอาจจะไม่อยากได้ยิน เดิมทีผมไม่ได้ตั้งใจจะร่วมมือกับบริษัทเป่หมิงของพวกคุณ”
ประโยคนี้ทำให้เป่หมิงยี่เฟิงรู้สึกไม่คาดคิดเล็กน้อย แต่เขาก็หาคำตอบหลังจากได้ครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง “ไม่แปลกใจเลยว่าแบบร่างการออกแบบที่เราส่งไปในเวลานั้น ถูกพวกคุณตีกลับอย่างรวดเร็ว แต่ผมไม่เข้าใจประธานหลัว เนื่องจากพวกคุณไม่ได้ตั้งใจที่จะร่วมมือกับพวกเรา แต่คุณก็เปลี่ยนความตั้งใจเดิมของคุณในภายหลังแล้ว?หรือนี่อาจจะมีเรื่องอื่นซ่อนอยู่ใช่ไหม”
“คุณชายเป่หมิง ผมดูคุณไม่ผิดจริง ๆ ใช่ ผมมีความคิดของผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเห็นภาพวาดการออกแบบของคุณ ผมคิดว่าเราสามารถร่วมมือกันได้ แต่ไม่ใช่เป่หมิงโม่” ประธานหลัวแสดงแววตาที่ชื่นชมและยืนยัน เห็นได้ชัด ดูเหมือนว่าเขามุ่งความสนใจไปที่เป่หมิงยี่เฟิงทั้งหมดแล้ว
เป่หมิงยี่เฟิงถือแก้วไวน์ แสดงรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าของเขา
***
เป่หมิงยี่เฟิงเป็นคนฉลาดมากคนหนึ่ง เขาเข้าใจความหมายคำพูดที่ประธานหลัวพูดออกมาได้อย่างรวดเร็ว “ประธานหลัว ถ้าผมเดาไม่ผิดล่ะก็ คุณอยากจะใช้ผมจัดการกับอาสองของผมใช่ไหม?แต่ดูเหมือนความคิดแบบนี้ของคุณจะไม่ฉลาดเอาซะเลยนะครับ”
ประธานหลัวยิ้มพร้อมกับส่ายหัวเบา ๆ “คุณชายเป่หมิง คุณอย่าดูถูกความสามารถของตัวเองเลย ตั้งแต่ที่ผมเห็นการออกแบบของคุณ ผมรู้สึกว่าในตระกูลเป่หมิงนอกจากเป่หมิงโม่แล้ว ก็ยังมีคนอื่นที่มีความสามารถอยู่ และคุณไม่รู้สึกว่าการกระทำของอาสองของคุณเป็นการทำตามอำเภอใจหรอ โดยเฉพาะคนที่มีความสามารถอย่างคุณ ที่ต้องทำงานร่วมกับคนแบบนี้ คุณชายเป่หมิงไม่รู้สึกผิดหวังและหดหู่ใจเลยหรอ”
ในขณะที่เขาพูด ก็ยังแอบมองไปที่เป่หมิงยี่เฟิง จากประสบการณ์หลายปีในการสังเกตผู้คนของเขา จะเห็นได้ว่าเป่หมิงยี่เฟิงถูกสะกิดด้วยความพูดของเข้าแล้ว จากนั้นเขาก็พูดต่อในขณะที่ไฟกำลังร้อน “คุณชายยี่เฟิง ในขณะที่ผมตัดสินใจเรื่องพวกนี้ ผมก็ได้รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับอาสองของคุณดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก ถึงขั้นสามารถใช้คำว่าตาต่อตาฟันต่อฟันมาเปรียบเทียบ ในเมื่อระหว่างเรามีคนที่เกลียดคนเดียวกัน ทำไมพวกเราจะร่วมมือกันไม่ได้ล่ะ”
เมื่อเป่หมิงยี่เฟิงได้ฟังแบบนี้ ก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว ความจริงประธานหลัวกำลังเดินหมากเกมนี้อยู่ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ดูเหมือนว่าระหว่างพวกเขาจะมีช่องทางการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันได้มากทีเดียว ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขานำแผนภาพการออกแบบของเขามาใช้ ประธานหลัวคงจะเริ่มเดินหมากในเวลานั้นแล้ว
“ประธานหลัว ดูเหมือนว่าคุณจะคำนวณพลาดไปหนึ่งก้าว นั่นก็คือผมยังคงเป็นเพียงพนักงานตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเท่านั้น แต่ก่อนอำนาจในการจัดการเป็นของอาสองของผม แต่ตอนนี้เป็นประธานกู้ หากคุณต้องการกำไร ก็ควรต้องไปหาพวกเขาถึงจะเหมาะสมไม่ใช่หรอ”
ประธานหลัวพยักหน้า “ที่คุณชายเป่หมิงพูดมาไม่ผิดเลย ตอนนี้อำนาจของตระกูลเป่หมิงอยู่ในมือคนอื่น แต่ผมก็รู้มาด้วยว่าคุณชายเป่หมิงไม่เคยทำงานในตระกูลเป่หมิงมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นก่อนที่เป่หมิงโม่จะได้รับช่วงต่อของตระกูลเป่หมิง ยังได้ขับไล่พี่ชายและครอบครัวของเขาออกจากตระกูลเป่หมิง แน่นอน ทุกคนรู้ว่าพี่ชายของเขาคือพ่อของคุณ ผมคิดว่าพวกคุณต้องอึดอัดมากที่ต้องถูกไล่ออกไปใช่ไหม นอกจากนี้แล้ว หุ้นตระกูลเป่หมิงในมือของเป่หมิงโม่ 20% ควรจะเป็นของพ่อของคุณ แต่สุดท้ายมันก็ตกอยู่ในมือของเขา ส่วนที่ว่าเขาได้มายังไง แน่นอนว่าคนนอกอย่างพวกเราไม่สามารถรู้ได้ แต่พวกคุณน่าจะรู้อยู่แก่ใจ”
เป่หมิงยี่เฟิงรู้สึกประหลาดใจในขณะที่ฟังอยู่ คิดไม่ถึงว่าประธานหลัวจะรู้เรื่องถายในครอบครัวของเขามากขนาดนี้
แต่ดูเหมือนว่าคำพูดของประธานหลัวจะยังไม่หยุดอยู่แค่นี้ เขาพูดต่อ “คุณชายยี่เฟิง ผมยังรู้อีกว่าที่คุณมาตระกูลเป่หมิงในครั้งนี้ และทันใดนั้นก็กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสองของตระกูลเป่หมิง ไม่ยากเลยที่จะสงสัยว่าการเคลื่อนไหวของคุณในครั้งนี้มีจุดประสงค์ที่จะแย่งตระกูลเป่หมิงมาจากมือของเป่หมิงโม่ ผมไม่ได้พูดอะไรผิดใช่ไหม”
เป่หมิงยี่เฟิงพยักหน้า เขาซ่อนความประหลาดใจไว้ในใจ มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าและถือแก้วไวน์ไว้ในมือ “ประธานหลัว ในเมื่อพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว งั้นผมยังจะพูดอะไรได้อีกล่ะ คงทำได้แค่ขอให้ความร่วมมือในอนาคตของเราประสบความสำเร็จแล้วล่ะ แต่ว่า ผมมีหนึ่งคำถามสุดท้าย ตอนนี้คุณได้เดิมพันครั้งใหญ่กับผม คุณกำลังพยายามคิดอะไรอยู่?”
***
คำถามของเป่หมิงยี่เฟิงเป็นคำถามที่ละเอียดอ่อนมาก แต่ดูเหมือนจะใช้ได้จริง
แน่นอนว่าประธานหลัวไม่ได้หลบเลี่ยงและให้คำตอบที่ตรงไปตรงมากับเขาว่า “แน่นอนว่าทำเพื่อเงิน พวกเราทำงานอย่างหนักด้านการตลาด มีใครบ้างที่ไม่ได้ทำเพื่อเงิน เพื่ออุดมคติ แก้แค้น เพื่อตอบแทนสังคมอะไรนั่น ท้ายที่สุดสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงวาทศิลป์ที่น่าฟัง เพื่อพูดคุยกับสื่อและคนดูทีวี และสุดลึกของหัวใจ นี่จึงจะถือว่าเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริง คุณชายเป่หมิง ผมสามารถไม่ตอบคำถามของคุณอย่างตรงไปตรงมา แต่ผมรู้สึกว่าอยู่ต่อหน้าคนฉลาดไม่ต้องพูดคำพูดโกหก แบบนี้พวกเราจึงจะสามารถร่วมมือกันต่อไปได้ใช่ไหม”
“ประธานหลัวพูดได้ดี แก้วนี้ผมดื่มเพื่อคุณ” เป่หมิงยี่เฟิงและประธานหลัวยกแก้วขึ้นพร้อมกัน
*
เป่หมิงโม่และกู้ฮอนก้าวเท้าออกจากบริษัทเจียเม้าแล้ว
หลังจากดื่มไวน์แดงไปไม่กี่แก้วทำให้รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยแล้ว ตอนที่ดื่มไวน์แดงก็ไม่ได้มีความรู้สึกเหมือนดื่มเบียร์ และรสชาติก็ไม่แรงเท่าไวน์ขาว ดื่มเข้าไปแล้วทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าทันที
ไวน์แดงเปรียบเสมือนน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ แทบจะไม่มีดีกรีเป็นเครื่องดื่มเลยนอกจากความหวาน แต่หลังจากมีลมเย็นพัดมา หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ ความแข็งแกร่งนั่นก็เกิดขึ้นจริงๆ
และให้พลังงานที่แรงกว่าเบียร์หรือไวน์ขาวด้วยซ้ำ
เป่ยหมิงโม่อาศัยประสบการณ์ขับรถมาหลายปี ดึงสติขึ้นมาแล้วควบคุมพวงมาลัยอย่างมั่นคง
เวลายิ่งนานเขายิ่งรู้สึกว่าไวน์นี้มีรสชาติที่แตกต่างจากแต่ก่อน ในแง่มุมเฉพาะด้านทางไหนก็ยังไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้
เสียงนกหวีดดังทำให้ความสนใจของเป่หมิงโม่เปลี่ยนจากบนถนนไปเป็นด้านหน้ารถของเขา ตำรวจจราจรคนหนึ่งยืนอยู่ที่สี่แยกเป่านกหวีดใส่เขา และแสดงท่าทางด้วยมือให้จอดรถด้านข้าง
หลังจากที่เขาจอดรถนิ่งสนิทที่ข้างถนนแล้ว ตำรวจจราจรเดินไปที่ประตูคนขับ เป่หมิงโม่ก็ลดกระจกรถลงแล้ว
ตำรวจจราจรทักทายเขาและพูดว่า “สวัสดีครับ นี่คือด่านตรวจชั่วคราว โปรดให้ความร่วมมือกับพวกเราด้วยครับ กรุณาแสดงใบขับขี่ด้วยครับ” พอพูดจบ เขาก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ ลอยมาจากด้านในรถ
รับใบขับขี่มา แล้วดูชื่อ “เป่หมิงโม่?!” ตำรวจจราจรแปลกใจ
“ใช่ ผมเอง”
หลังจากนั้น ตำรวจจราจรได้นำเครื่องวัดแอลกอฮอล์ออก “คุณเป่หมิงโปรดทำการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์”
คิ้วของเป่ยหมิงโม่ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ เขารู้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันของเขาคือเมาแล้วขับ โดยเฉพาะจุดนี้ คิดว่าจะไม่มีตำรวจจราจร ไม่คิดว่าตัวเองจะเจออะไรแบบนี้ ต้องมาเจอกับตัวเองพอดี
วันนี้เป็นวันอะไร เจอแต่เรื่องอะไรพิเศษ ๆ ที่ไม่สามารถจัดการได้ ดูเหมือนว่าวันนี้จะมีโอกาสได้เข้าห้องขังอีกแล้ว
มันน่าสนใจมาก ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ดูเหมือนว่าตัวเองจะต้องรับมือกับตำรวจไม่น้อยเลย ถึงแม้ว่าจะต้องเข้าห้องขัง ก็ถือว่า‘เข้าครั้งที่สอง ’แล้ว
เป่หมิงโม่เหลือบมองไปที่ตำรวจจราจรที่ยืนอยู่ด้านนอกรถ “ไม่ต้องวัดแล้วครับ วันนี้ช่วงกลางวันผมได้ดื่มมาพอสมควร ผมจะไปกับพวกคุณ