เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 947 ลางสังหรณ์อันตราย
บทที่ 947 ลางสังหรณ์อันตราย
กู้ฮอนสนทนากับผู้อำนวยการท่านนี้มาได้หนึ่งชั่วโมงกว่าโดยไม่รู้ตัว จากภาพรวม ภายในความประทับใจครั้งแรกที่เธอได้พบกับเขา ผู้อำนวยการท่านนี้เป็นคนที่ไม่เลวคนหนึ่ง
โดยเฉพาะด้านวิศวกรรมการก่อสร้าง ทั้งยังพูดจาฉะฉานเกี่ยวกับผังเมืองนี้อย่างมีหลักมีฐานด้วย เธอรู้สึกว่าผู้อำนวยการท่านนี้น่าจะไม่ได้ด้อยไปกว่าเป่หมิงโม่เท่าไร และอาจจะพูดได้ว่าเก่งกว่าเขาด้วย
แม้ว่าเป่หมิงโม่จะเป็นคนที่มีความสามารถอันแข็งแกร่ง แต่ก็ดูแลจัดการเพียงแค่บริษัทแห่งหนึ่ง ส่วนผู้อำนวยการท่านนี้กลับวางผังเมืองทั้งเมือง โดยเฉพาะเมื่อเธอได้ยินว่าการที่เมือง S กระโดดเข้าไปอยู่ในเมืองหลักช่วงนี้ก็เกิดขึ้นจากแบบวาดของเขา จึงมีท่าทางเคารพชื่นชมมากขึ้นหลายส่วน
แน่นอน ระหว่างที่กู้ฮอนกำลังสนทนาอยู่นั้น ก็มีการพูดคุยถึงความคิดที่ตื้นเขินของตัวเอง แม้ว่าเธอจะเป็นคนนอกวงการ แต่บางความคิดก็ได้รับการยอมรับจากผู้อำนวยการโกวท่านนี้
ตอนที่พวกเขากำลังพูดคุยกันได้ที่ ชายหนุ่มปากแหลมแก้มตอบเหมือนลิงก็เดินมาถึงข้างกายผู้อำนวยการโกวอย่างระมัดระวัง เหมือนกับว่าเขามีอะไรจะพูด แต่ก็กลัวว่าจะทำให้บทสนทนาของผู้อำนวยการโกวท่านนี้พัง
กู้ฮอนก็รู้จังหวะ เธอหยุดพูดเรื่องที่พูดไปได้ครึ่งหนึ่งลง
เมื่อผู้อำนวยการโกวเห็นเธอไม่พูดต่อแล้วก็มีโทสะเล็กน้อย เขาหันไปมองชายหนุ่มปากแหลมแก้มตอบเหมือนลิงหน้าตึงด้วยท่าทางไม่พอใจเป็นอย่างมาก “เสี่ยวเฉิน นายมีเรื่องอะไรหรือไม่”
ชายหนุ่มปากแหลมแก้มตอบเหมือนลิงเห็นว่าผู้อำนวยการอารมณ์ไม่ดีแล้ว ในใจเขาก็สั่นระริก แต่เมื่อถูกถามแล้วก็ไม่อาจไม่พูด “ผู้อำนวยการโกว ผมบอกให้คนเตรียมอาหารเย็นเสร็จแล้วครับ”
“ผู้อำนวยการโกว ขอโทษด้วยจริงๆที่ทำให้คุณเสียเวลานานขนาดนี้ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว ฉันคงไม่ทำให้คุณทานข้าวล่าช้าอีก” กู้ฮอนพูดพลางลุกขึ้นยืน สะพายกระเป๋าใบเล็กเตรียมตัวจากไป
ในตอนนี้ผู้อำนวยการท่านนี้ก็มีท่าทางร้อนรนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด “ประธานกู้ เวลานี้แล้วคุณจะไปได้อย่างไรกัน วันนี้ผมเชิญคุณมา แน่นอนว่าต้องทำหน้าที่เจ้าบ้านสักหน่อย ถ้าคุณจากไป ถึงเวลาที่เรื่องวันนี้หลุดออกไป ก็จะมีคนหัวเราะผมว่าผมเชิญคนมา สุดท้ายแล้วข้าวมื้อหนึ่งก็ไม่ได้เลี้ยงเอาได้นะครับ”
***
กู้ฮอนเห็นว่าฟ้ามืดแล้ว เธออยากจะกลับไปแล้วจริงๆ เพียงแต่เมื่อผู้อำนวยการโกวเอ่ยออกมา ถ้าหากว่าหักหน้าเขาในตอนนี้ แม้ว่าเขาจะดูแล้วเรียบง่ายเป็นกันเอง แต่ก็ยากจะรับประกันได้ว่าวันหลังจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาบริษัทเป่หมิงในเมืองนี้หรือไม่
อีกอย่างตอนที่กู้ฮอนมองไปทางชายหนุ่มปากแหลมแก้มตอบเหมือนลิงก็เห็นเขาส่งสัญญาณมาทางตัวเองไม่หยุด ความหมายเหมือนกับแอบบอกตัวเองว่าให้ปฏิบัติตามการจัดการของผู้นำเป็นดีที่สุด
ตอนนี้ดูท่าตัวเองก็เหมือนจะไม่มีตัวเลือกอื่นๆเหลืออีกแล้ว จึงต้องทำตัวเป็นแขกที่ทำตามที่เจ้าของบ้านจัดการเท่านั้น
เมื่อออกมาพบปะสังสรรค์นั้นก็หลบเรื่องนี้ไม่พ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องพบปะกับผู้นำ ยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้นกว่าเดิม
แม้ในใจของเธอจะไม่ยินยอมมากแค่ไหน แต่ก็ฝืนใจพยักหน้าพลางยิ้มให้กับผู้อำนวยการโกว “ผู้อำนวยการโกว ถ้าอย่างนั้นก็ขอโทษที่ต้องรบกวนคุณแล้ว”
เมื่อเห็นกู้ฮอนตกลงแล้ว เสียงหัวเราะของผู้อำนวยการโกวก็เบิกบานใจยิ่งกว่าเดิม ไม่รู้ทำไมเสียงหัวเราะแบบนี้ทำให้กู้ฮอนรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
พวกเขามาถึงห้องอาหารภายใต้การนำทางของชายหนุ่มปากแหลมแก้มตอบเหมือนลิง
เมื่อเดินเข้าไปแล้วก็ทำให้กู้ฮอนตกตะลึงไปชั่วครู่ เธอคิดไม่ถึงเลยว่า ห้องอาหารห้องนี้จะตกแต่งได้ประณีตงดงามยิ่งกว่าห้องรับแขกเมื่อครู่ อีกทั้งยังให้ความรู้สึกโอ่อ่าตระการตาด้วย
พื้นที่ปูด้วยหินอ่อนมีสีน้ำเงินอ่อนๆทะลุออกมา แสงสว่างนั้นเหมือนกับว่าจะสามารถส่องให้เห็นเงาคนได้ ผนังรอบด้านคลุมด้วยผ้าสักหลาดสีครีม แสดงให้เห็นถึงความสุภาพและสง่าเลิศล้ำอย่างเห็นได้ชัด
โคมไฟระย้าสีบรอนซ์ถูกติดแบ่งไว้บนผนังทั้งสีด้าน แสงสว่างอันอบอุ่นที่ส่องออกมานั้นเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับผ้าสักหลาด โต๊ะยาวตัวหนึ่งตั้งอยู่กลางห้องอาหาร ทั้งสี่ทิศมีเก้าอี้พนักพิงสูงวางอยู่ 6 ตัว
โต๊ะและเก้าอี้ตัวนี้ไม่ธรรมดาเลย ตัวโต๊ะทำมาจากส่วนกลางของลำต้นไม้ใหญ่ที่ตัดออกมา มุมโต๊ะทั้งสี่ด้านก็ทำมาจากต้นไม้ขนาดเล็ก ส่วนเก้าอี้หกตัวนั้นก็เหมือนกับโต๊ะไม่มีผิด
อย่ามองว่าสิ่งเหล่านี้ดูบ้านๆ แต่ราคากลับไม่น้อยเลย
บนโต๊ะไม่ได้ปูผ้าปูโต๊ะ ด้านบนมีอาหารอร่อยมากมายที่มีควันร้อนลอยกรุ่น กลิ่นหอมนั้นลอยมาแตะจมูกกู้ฮอนนานแล้ว
อาหารคาวที่นำมาเสิร์ฟแล้ว มีสี กลิ่น รสที่ครบถ้วน ยังไม่ทันได้ชิมรสชาติ แค่มองและดมก็สามารถตัดสินได้ถึงฝีมืออันยอดเยี่ยมของเหล่าพ่อครัวที่อยู่เบื้องหลัง
ผู้อำนวยการโกวเดินไปหยุดหลังเก้าอี้ด้านหนึ่งของโต๊ะแล้วดึงออกมาเบาๆ “เชิญคุณกู้นั่งครับ”
กู้ฮอนยิ้มบางๆ ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องมีท่าทางเก้ๆกังๆอะไรอีก เดินเข้าไปนั่งลงอย่างสบายๆ
*
เป่หมิงโม่และจินซือหานยังคงดื่มเบียร์กันต่อ พูดคุยสนทนากันเกี่ยวกับข่าวเล็กๆในเมืองนี้ แน่นอนว่ากิจกรรมหลักก็คือตีแผ่ผู้อำนวยการท่านใหม่ที่เพิ่งย้ายมา
เมื่อจินซือหานดื่มได้ที่แล้วก็พูดมากขึ้นเล็กน้อย พูดเป็นต่อยหอยจนเกือบจะกลายเป็นทอล์คโชว์ของตัวเองแล้ว
เพียงแต่เป่หมิงโม่ฟังด้วยท่าทางที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แก้วเบียร์ในมือของเขายังคงอยู่ในสภาพครึ่งแก้วโดยไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อยจนถึงตอนนี้
“ประธานเป่หมิง คุณอย่ามัวแต่ฟังสิ รีบดื่มเร็วเข้า ผมสั่งเบียร์ที่นี่ไว้ 30 ขวด แต่ต้องดื่มให้หมดในมื้อนี้” จินซือหานพูดพลางเงยหน้าดื่มแก้วของตัวเองจนหมด
“ประธานเป่หมิง คุณว่าผู้อำนวยการโกวที่ย้ายมาใหม่คนนี้จะใช้อำนาจที่ได้รับมาเพื่อแสดงอิทธิพลและกดขี่ข่มเหงผู้ด้อยกว่าไหม ผมไม่รู้ว่าเขาจะทำมากขนาดไหน อยากจะฟังจริงๆเลยว่าหลังจากที่เขามาแล้วจะมีข่าวกอสซิปอะไรหลุดออกมา เฮ้ๆ คนอย่างคุณนี่จริงๆเลย ทำไมฟังได้แค่ครึ่งเดียวก็จากไปแล้วล่ะ”
***
เป่หมิงโม่ในตอนนี้ไม่มีกะจิตกะใจจะฟังจินซือหานคุยสัพเพเหระอะไรอีก ใจของเขาบินไปนานแล้ว
เขาออกมาจากร้านอาหารอย่างร้อนใจ แล้วขึ้นไปนั่งในรถของตัวเองทันที
“เป่หมิงโม่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ พวกเรากำลังคุยกันสนุกเลยนะ ไม่ใช่ว่าคุณเห็นผมสั่งเบียร์มาเยอะก็ตกใจจนวิ่งหนีหรอกนะ” จินซือหานก็วิ่งตามเขาออกมาติดๆ คำพูดเมื่อครู่นี้ของเขาก็เป็นแค่เรื่องล้อเล่น แต่กลับเห็นสีหน้าของเป่หมิงโม่มีท่าทางจริงจังขึ้นมากะทันหันในตอนที่เขาจากไป
เป่หมิงโม่ไม่มีเวลามาสนใจว่าจินซือหานพูดอะไร เหมือนว่าเขาจะมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีมากอย่างหนึ่ง หรืออาจจะเป็นแค่ความคิด นี่ทำให้เขาไม่สามารถที่จะนั่งคุยเล่นต่อไปเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นได้
เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังทางหลวงอย่างเร็ว
“เอี๊ยด……..”
รถคันที่ตามหลังเขานั้นมีหลายคันที่ถูกเขาพุ่งแซงขึ้นมาจนทำให้ต้องเหยียบเบรกอย่างรวดเร็ว เสียงบีบแตรรถดังเป็นการแสดงการประท้วงต่อเขา
แต่ว่าตอนนี้เป่หมิงโม่ไม่มีเวลามาสนใจอะไรมากมาย ตอนนี้ยังมีเรื่องสำคัญรอให้ตัวเองไปจัดการแก้ไขอยู่
แม้ว่าตอนนี้จะผ่านช่วงเวลาเร่งด่วนในช่วงเลิกงานไปแล้ว แต่บนถนนก็ยังคงมีอยู่จำนวนรถมาก และเขาในตอนนี้ก็เหมือนกับนักแข่งรถมืออาชีพคนหนึ่ง ที่หลบหลีกแซงขึ้นหน้าอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าทำให้รถคันที่ถูกเขาแซงล้วนเปิดไฟสว่างสีแดงอย่างร้อนรนไปตามๆกันเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่
เป่หมิงโม่นั้นกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก ต่อสายโทรศัพท์หาฉิงฮัวผ่านหูฟังบลูทูธ
ในเวลานี้ฉิงฮัวกลับมาถึงบ้านพักของตัวเองแล้ว ก่อนกู้ฮอนจะออกไปได้ฝากให้เขาดูแลเด็กๆทั้งสามคนชั่วครู่
เขาเพิ่งจะช่วยแอนนิเก็บชามและตะเกียบเสร็จ เตรียมตัวจะขึ้นไปเล่นกับเด็กๆทั้งสามคนบนห้องใต้หลังคา คิดไม่ถึงเลยว่า ชุดน้องหมีตัวใหญ่ของเขาจะเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าเด็กๆมากขนาดนี้ กระทั่งจิ่วจิ่วก็ไม่มีข้อยกเว้น
เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ตัวเองดังขึ้น จากเสียงเรียกเข้าก็สามารถรู้ได้ว่าเป็นเจ้านายที่โทรมา เขารีบหยิบโทรศัพท์เดินไปยังห้องรับแขก “เจ้านาย มีเรื่องอะไรจะสั่งหรือครับ”
“วันนี้การ์ดเชิญที่เชิญให้กู้ฮอนไปตามนัดเป็นภาครัฐส่งมาใช่หรือไม่”
ฉิงฮัวพยักหน้า “ใช่ครับเจ้านาย”
“นายยังจำลายเซ็นต์และสถานที่นัดหมายในการ์ดเชิญได้หรือไม่”
ฉิงฮัวคิดชั่วครู่ จากนั้นก็เอ่ยอย่างละเอียดว่า “ลายเซ็นต์คือผู้อำนวยการโกว สถานที่คือเกาะหูซินที่ใช้เป็นสถานที่ประชุมของทางภาครัฐข้างๆเมืองครับ”
ผู้อำนวยการโกว……..ในใจของเป่หมิงโม่รู้สึกหนักอึ้งอย่างอดไม่ได้ ลางสังหรณ์ของตัวเองนั้นแม่นอย่างที่คิดเอาไว้
ตอนที่เขาพูดคุยกับจินซือหาน แล้วได้รู้ว่ามีผู้อำนวยการที่มาดูแลจัดการวิศวกรรมการก่อสร้างคนใหม่คนหนึ่ง เขาก็สามารถเชื่อมโยงคนคนนี้กับเรื่องที่กู้ฮอนได้รับการ์ดเชิญจากทางภาครัฐเข้าด้วยกันได้แล้ว
เพียงแต่ตอนแรกเขาไม่ได้ใส่ใจ อีกทั้งตัวเองก็ไม่ได้คบค้าสมาคมกับภาครัฐน้อยเลย กู้ฮอนเป็นประธานบริษัทคนใหม่ การที่ทางภาครัฐจึงให้ความสนใจกับเธอก็เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้
เพียงแต่ในภายหลัง เมื่อได้ยินงานอดิเรกสุดพิเศษของผู้อำนวยการโกวท่านนี้แล้ว เขาก็นั่งไม่ติดอยู่บ้าง เริ่มที่จะนั่งอย่างไม่สงบจนพุ่งตัวออกจากร้านมา ทิ้งจินซือหานเอาไว้ในตอนท้ายโดยไม่เอ่ยพูดอะไรสักครึ่งประโยค
***
ฉิงฮัวไม่เคยได้ยินน้ำเสียงร้อนรนแบบนี้ของเจ้านายมาก่อน อีกทั้งยังรู้สึกถึงความตึงเครียดที่แฝงมาด้วยหลายส่วน
“เจ้านาย มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” สิ่งที่เขามั่นใจเพียงอย่างเดียวก็คือ เจ้านายน่าจะต้องการคนช่วยเล็กน้อย
“ไม่จำเป็นแล้ว นายอยู่บ้านดูแลเด็กๆให้ดี ฉันไปคนเดียวก็สามารถรับมือได้” เป่หมิงโม่พูดจบแล้วก็ตัดสายโทรศัพท์
ถัดมาเขาก็ต่อสายโทรศัพท์หากู้ฮอน
*
ตอนนี้กู้ฮอนกำลังนั่งเผชิญหน้ากับผู้อำนวยการโกวที่โต๊ะอาหาร เบื้องหน้าพวกเขามีไวน์แดงแก้วหนึ่ง ชายหนุ่มปากแหลมแก้มตอบเหมือนลิงนั่งอยู่เป็นเพื่อนด้านข้าง รินไวน์เติมใส่แก้วให้กับผู้อำนวยการโกวในบางครั้ง
“ประธานกู้ ทำไมคุณถึงไม่ดื่มล่ะครับ หรือว่าไวน์นี้ไม่ถูกปากคุณกัน นี่เป็นไวน์ลาไฟต์ระดับสูงเลยนะครับ ผมรู้ว่าเหล่านักธุรกิจอย่างพวกคุณชื่นชอบดื่มไวน์ชนิดนี้” หลังจากผู้อำนวยการโกวดื่มไวน์ไปหลายแก้ว สายตาของเขาก็เบนออกจากร่างของกู้ฮอนน้อยมาก
สายตาแบบนี้ทำให้กู้ฮอนรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้มาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่อาจจะจากไปกลางคันได้ อีกทั้งเธอก็คิดว่าขอเพียงแค่ตัวเองไม่ดื่มไวน์ก็จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น
เธอยิ้มบางๆ “ทำให้ผู้อำนวยการโกวลำบากแล้ว เพียงแต่ว่าต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะ ฉันไม่ดื่มไวน์ ขอให้คุณให้อภัยด้วย”
“เฮ้อ….. ประธานกู้ คุณไม่สามารถดื่มได้หรือว่าไม่อยากดื่มกันแน่ครับ ผู้อำนวยการโกวของพวกเราใช้การ์ดเชิญคุณมา คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะไม่เห็นแก่หน้าเขา คุณก็รู้นะครับว่าผู้อำนวยการของพวกเราเป็นผู้นำเบื้องบนของพวกคุณ ถ้าหากว่าทำให้ทุกฝ่ายไม่สบอารมณ์แล้วล่ะก็……..”
ยังไม่ทันจะเอ่ยจบก็ได้ยินเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของกู้ฮอนดังขึ้นมา
“ขอโทษด้วยจริงๆค่ะ ฉันไปรับโทรศัพท์สักครู่นะคะ…….” กู้ฮอนพูด เดินถือโทรศัพท์ออกไป