เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 950 ลุ่มหลงมัวเมาในกามรมณ์
บทที่ 950 ลุ่มหลงมัวเมาในกามรมณ์
‘คนที่ทำผิดมักจะใจไม่สงบ’ เดิมที่ชั้นบนของบ้านพักหลังนี้กำลังจะแสดงละคร 18+ แต่ชายหนุ่มผู้มีท่าทางน่ากลัวที่มาเยือนอย่างกะทันหันคนนี้นั้นทำให้ผู้คนรู้สึกใจเต้นตุ้มๆต่อมๆจริงๆ
“คุณ คุณเป็นใครกัน รู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน” ชายหนุ่มปากแหลมแก้มตอบเหมือนลิง แม้ว่าในใจจะรู้สึกหวาดกลัว แต่ก็อาศัยที่ตัวเองมีผู้อำนวยการเป็นผู้สนับสนุน จึงยังคงแสดงท่าทางดุร้ายเหมือนเดิม
“กู้ฮอนอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่” เป่หมิงโม่หลุบตาลงมองชายหนุ่มตัวเตี้ยที่อยู่เบื้องหน้า แม้ว่าจะแสดงท่าทางออกมาว่าไม่กลัวฟ้ากลัวดิน แต่ในสายตาของเขา คนคนนี้ก็เป็นเพียงแค่ตัวตลกในคณะละครสัตว์เท่านั้นเอง
คนคนนี้มาหากู้ฮอน ในใจของชายหนุ่มใบหน้าอัปลักษณ์ตะลึง หรือว่ามีคนอื่นรู้ด้วยว่าเธอมาที่นี่ ถ้าหากว่าเป็นแบบนี้ ตัวเองยังต้องยืดเวลาออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ รอจนข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก ทั้งหมดก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
***
ชายหนุ่มปากแหลมแก้มตอบเหมือนลิง ถอยร่างกายไปยืนอยู่ที่กรอบประตู ทั้งร่างกั้นประตูเอาไว้ในทันที “คุณเป็นใครกัน กล้ามาทุบประตูที่นี่ รีบไสหัวไปให้พ้นจากที่นี่ ไม่อย่างนั้นผมจะเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยมาจับคุณโยนออกไป!”
“กู้ฮอนอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่” เป่หมิงโม่ไม่ใส่ใจการข่มขู่แบบนี้ของเขา เขารู้ว่าที่นี่คือสถานที่ใด ประโยคที่พูดว่า ‘พลังมังกรก็ไม่อาจสยบคนพาล’ เมื่อครู่เพิ่งจะฝ่าคนเข้ามา แต่มากน้อยอย่างไรก็จำเป็นต้องเก็บงำเอาไว้บ้าง ดังนั้น แม้ว่าในใจจะเต็มไปด้วยไฟโทสะ แต่ก็ยังต้องกดเอาไว้หลายส่วน
“ที่นี่คือสถานที่ทำงานของผู้อำนวยการโกว กู้ฮอนอะไรนั่น ผมไม่รู้จัก ยิ่งไม่มีใครเคยมา” ชายหนุ่มปากแหลมแก้มตอบเหมือนลิง ยืนกรานกระต่ายขาเดียวว่าที่นี่ไม่มีคนอื่น
เป่หมิงโม่กวาดตามองรถBMWคันนั้นที่จอดนิ่งอยู่ด้านข้าง ดวงตาหรี่ลง ผู้อำนวยการโกว รถของกู้ฮอน……สถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่ตัวเองตามหาอยู่อย่างแน่นอน การยืนกรานปฏิเสธของชายหนุ่มร่างเตี้ยนั้นอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าเขาจงใจปิดบังอะไรอยู่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เป่หมิงโม่ก็เก็บงำโทสะในใจเอาไว้ไม่อยู่แล้ว เขายื่นมือไปกระชากปกคอเสื้อชายหนุ่มร่างเตี้ยยกร่างเขาขึ้นมาในทันที “พวกที่ผมเกลียดมากที่สุดก็คือพวกที่อาศัยบารมีของคนอื่นมาอวดเบ่ง”
อย่างไรชายหนุ่มปากแหลมแก้มตอบเหมือนลิง ก็คิดไม่ถึงว่า บุคคลที่มาจะเป็นพวกที่ไม่ทานมังสวิรัติ เพียงแต่เขายังโอบกอดความหวังอยู่เสี้ยวหนึ่ง จึงยังกร่างต่อไป “คุณรีบวางผมลงเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นจะต้องทำให้คุณเสียใจในภายหลังอย่างแน่นอน ผู้อำนวยการโกวจะต้องไม่ยอมให้คุณรอดจากการลงโทษอย่างแน่นอน!”
เป่หมิงโม่มองเขาที่มีท่าทางไร้เหตุผลในมือของตัวเอง ในใจก็มีโทสะที่เกิดขึ้นจากหลายๆเรื่องรวมกัน “ไม่ว่าจะเป็นผู้อำนวยการโกวอะไรนั่น หรือว่า ผู้อำนวยการหลี่ ขอเพียงแค่มาหาเรื่องผม ล้วนต้องจ่ายค่าตอบแทน คุณอยากจะลงมา ได้ ผมจะให้คุณได้ลง”
เขาพูดแล้วก็ออกแรงที่แขนเล็กน้อยโยนชายหนุ่มร่างเตี้ยเข้าไปด้านในห้อง
“โอ้แม่เจ้า!” ชายหนุ่มหน้าตาอัปลักษณ์ส่งเสียงร้อง เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของตัวเองนั้นลอยอยู่กลางอากาศจนกระทั่งได้ยินเสียง ‘ปึก’ ดังสนั่น
เห็นเพียงแค่เขากระแทกเข้ากับบานประตูทางเดินด้านในบานหนึ่งแล้วก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
เป่หมิงโม่ก้าวเท้ายาวเดินเข้าไปถึงเบื้องหน้าเขา “ร่างกายอ่อนแอบอบบางเสียจริง ตกลงมานิดเดียวก็สลบไปเสียแล้ว”
ตอนนี้เขาก็เร่งรีบตามหาเบาะแสของกู้ฮอนมากยิ่งขึ้น เขาค้นหาห้องทั้งหมดที่อยู่บริเวณชั้นหนึ่งแล้วก็พบกระเป๋าที่กู้ฮอนพกติดตัวถูกทิ้งเอาไว้เอาไว้ในห้องรับแขก
กระเป๋าใบนี้หล่นลงบนพื้นตอนที่กู้ฮอนสลบไปแล้วถูกชายหนุ่มหน้าตาอัปลักษณ์เก็บขึ้นมาโยนทิ้งไว้ในห้องรับแขก
*
ชั้นบน กู้ฮอนนอนอยู่บนเตียง ร่างกายอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง ในใจของเธอรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นคนหน้าเนื้อใจเสือผ่านสายตาอันพร่ามัวอย่าง ผู้อำนวยการโกวที่ยิ้มชั่วร้าย พลางถอดเสื้อผ้าบนร่างกายของเขาด้วยความสบายใจเป็นอย่างมาก…….
อยู่ที่นี่ จะมีใครที่สามารถมาช่วยตัวเองได้กัน
เรื่องที่เกิดขึ้นในชั้นล่าง แน่นอนว่าผู้อำนวยการโกวไม่ได้รับรู้เลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เขากำลังมองสาวงามที่อยู่เบื้องหน้า ก็รู้สึกว่าเลือดที่ไหลวนอยู่ในกายกำลังเดือดพลุ่งพล่าน ตอนนี้ในโลกของเขามีเพียงแค่ห้องนี้ เตียงตัวนี้และหญิงสาวคนนี้ สิ่งที่เหลือนอกจากนั้นทั้งหมดล้วนกลายเป็นความว่างเปล่า
เขาต้องค่อยๆละเลียดชิมของรางวัลของตัวเอง อาหารอร่อยอันโอชะมื้อหนึ่ง…….
“ตึกๆๆ……” เสียงฝีเท้าหนักดังลอยขึ้นมาจากชั้นหนึ่ง ถัดมาก็เป็นเสียงประตูห้องข้างๆ เหมือนกับว่ามีคนมา ในไม่ช้า เสียงฝีเท้านั้นก็หยุดลงอยู่ที่หน้าประตูห้องของเขากับกู้ฮอน
“กึกๆ…….” ประตูนั้นถูกลงกลอนไว้แล้ว เพียงแค่หมุนลูกบิดประตูก็จะมีเสียงดังขึ้น
***
“แกร๊ก…..แกร๊ก…….ปังๆ……” เสียงปลดกลอนประตูดังขึ้นมาก่อน เมื่อเห็นว่าปลดล็อคไม่ได้ก็มีเสียงกระแทกประตูหนักๆดังขึ้น
กู้ฮอนที่ตกอยู่ในวังวนแห่งความสิ้นหวัง ยินยอมให้ผู้อื่นฆ่าแกงได้ เมื่อได้ยินเสียงนี้ก็เหมือนกับว่ามีแสงสว่างเสี้ยวหนึ่งทะลุผ่านเข้ามาในใจอันมืดหม่นของเธอ
ร่างกายไร้เรี่ยวแรง แต่ในใจของเธอกลับชัดเจนแจ่มแจ้ง เธอรู้ชัดว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้อำนวยการโกวไม่กล้าทำแบบนี้อย่างแน่นอน แม้ว่าจะมอบความกล้าให้กับพวกเขาเท่าไร อย่างนั้นคนที่มาก็อาจจะ…….
คราวนี้ไม่จำเป็นต้องคาดเดาต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครก็ถือว่าเป็นผู้ช่วยชีวิตตัวเองแล้ว
เสียงที่เกิดขึ้นมาอย่างไม่คาดคิดชั่วขณะนั้น ทำให้อารมณ์คึกคักของผู้อำนวยการโกวท่านนี้ร่วงหล่นลงไปในก้นหุบเขาแล้ว เหมือนกับสิ่งเล็กๆที่จมลงไปในทันทีเมื่อถูกน้ำเย็นสาดใส่
นี่ไม่ใช่ประสบการณ์และลางที่ดีเลยจริงๆ
ผู้อำนวยการโกวก็เหมือนกับสุนัขโหดที่ถูกคนแย่งอาหารไป ใบหน้าอ่อนโยนมีไมตรีเต็มไปด้วยโทสะในชั่วพริบตา “เสี่ยวเฉิน แกจะเคาะประตูหาแม่แกหรือ เชื่อหรือไม่ว่าตอนนี้ฉันจะจัดการกับแก!” สามารถฟังออกได้ว่าผู้อำนวยการท่านนี้ใกล้จะเป็นบ้าแล้ว
แต่ที่เหนือความคาดหมายก็คือ การตำหนิดุด่าของตัวเองไม่สามารถหยุดยั้งความคิดของคนด้านนอกที่วางแผนจะเปิดประตูได้ แต่สถานการณ์กลับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เขาหมดความอดทนแล้วจริงๆ จึงหมุนตัวเดินกลับไปทางประตูด้วยแรงโทสะด้วยสภาพร่างด้านบนเปลือยเปล่า เผยหน้าท้องอันโดดเด่นเต็มที่
ประตูภายในบ้านพักนั้นล้วนแกะสลักอย่างประณีตงดงาม จะแข็งแรงเหมือนกับบานประตูด้านนอกได้อย่างไรกัน เป่หมิงโม่ใช้เท้าเล็งถีบเข้าไปที่กลอนประตูไม่กี่ทีหลังจากนั้น ในที่สุดก็ได้ยินเสียงไม้หักดังขึ้น “แกร๊ก……”
ถัดมา ประตูบานนั้นก็อาศัยแรงเฉื่อยเปิดออกอย่างรวดเร็ว ทั้งยังกระแทกกับกำแพงด้านข้างเข้าอย่างแรง
สถานการณ์แบบนี้ทำให้ผู้อำนวยการโกวที่เดิมเต็มไปด้วยโทสะตะลึงค้างไปชั่วขณะ เขาหยุดฝีเท้า มองไปยังซากประตูหักพังที่เต็มไปด้วยรอยเท้า และชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่หน้าประตู
“แก แกเป็นใครกัน กล้าบุกเข้ามาโดยพลการ แกรู้หรือไม่ว่าฉันสามารถเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัย…….” ไม่รอให้ผู้อำนวยการโกวเอ่ยพูดให้จบก็ถูกเป่หมิงโม่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายเข่นฆ่าเดินเข้ามาหาแล้วยื่นมือออกมาบีบคอของเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว
ถ้าหากว่ามือข้างนั้นออกแรงอีกนิดหน่อยก็จะสามารถบีบคอของเขาให้หักได้
ในเสี้ยววินาทีผู้อำนวยการโกวก็รู้สึกว่าตัวเองหายใจไม่ออกแล้ว เขาใช้มือจับมือข้างที่บีบคอตัวเองเอาไว้ตามสัญชาตญาณ คิดจะดึงมือเขาออกไป
แรงอันน้อยนิดของเขา สามารถจัดการกับชายหนุ่มปากแหลมแก้มตอบเหมือนลิง ได้ แต่ถ้าจะต่อสู้กับเป่หมิงโม่ที่เต็มไปด้วยแรงโทสะนั้น ก็เหมือนกับมือข้างหนึ่งของเด็กน้อยที่แม้แต่แรงจับไก่ก็ยังไม่มี
เป่หมิงโม่ถลึงตาใส่ผู้อำนวยการโกวที่ดิ้นรนสุดชีวิตอย่างโหดเหี้ยม โดยเฉพาะเมื่อเห็นร่างกายส่วนบนที่เปลือยเปล่าของเขา ก็แทบจะอดไม่ได้ที่จะจบชีวิตเล็กๆของเขาลง
ไม่มีใครสามารถทำร้ายกู้ฮอนได้ ยิ่งไม่สามารถแสดงท่าทางจะทำร้ายเธอต่อหน้าตัวเองได้
“เป่หมิง…….อย่า…….” ภายใต้สายตาอันพร่ามัว กู้ฮอนเห็นเป่หมิงโม่ปรากฏตัวขึ้น ไปจนถึงการหยุดการกระทำทั้งหมดของผู้อำนวยการโกวได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเห็นผู้ชายที่เกือบจะล่วงละเมิดตัวเองไร้หนทางขัดขืน เธอก็ไม่อยากจะขอร้องเพื่อเขา เพียงแต่ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปแล้วล่ะก็ คาดว่าเป่หมิงโม่นั้นไม่สามารถถอนตัวออกมาได้อีก เธอพยายามใช้แรงที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อให้เขาหยุดมือ
แม้ว่าน้ำเสียงของเธอจะอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังถูกเป่หมิงโม่ได้ยินเข้าอยู่ดี เขากวาดตามองกู้ฮอนครู่หนึ่งก็เห็นว่าเธอนอนอยู่บนเตียง เสื้อผ้ายังเรียบร้อยดี ศีรษะหันมาทางตัวเองเล็กน้อย
***
เป่หมิงโม่ยืนยันเรียบร้อยแล้วว่ากู้ฮอนไม่ได้ถูกล่วงละเมิด ก็รู้สึกโล่งอกอยู่บ้าง สายตาของเขาเบนกลับมาที่ร่างของผู้อำนวยการโกว มองใบหน้าที่แดงก่ำของเขา ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจนเหมือนกับว่ามีแต่อากาศออกมาแต่ไม่มีอากาศเข้าไป
“ถือว่าคุณโชคดี ตอนนี้ผมไม่ต้องการชีวิตของคุณ แต่วันนี้คุณแตะต้องผู้หญิงของผม ถ้าหากไม่ทิ้งของที่ระลึกเอาไว้ให้คุณล่ะก็ คงจะเป็นการดูถูกคุณมากเกินไป” เขาพูดพลางยื่นมือข้างที่ว่างอยู่ออกไปจับแขนข้างหนึ่งของผู้อำนวยการโกว แล้วออกแรงบิดอย่างแรง
เสียงดัง “กร๊อบ” ทำให้คนที่ได้ยินต้องหวาดกลัวจนใจสั่น “โอ๊ย…….” ผู้อำนวยการโกวร้องอู้อี้ออกมา เม็ดเหงื่อไหลลงมาตามศีรษะเหมือนกับไข่มุกที่ร่วงลงมาเป็นสาย ทั้งยังเจ็บจนต้องกลอกตามองบน
เป่หมิงโม่โยนเขาที่มีสภาพเหมือนกับเศษเนื้อชิ้นหนึ่งทิ้งไว้ด้านข้าง จากนั้นก็เดินมาถึงด้านหน้าเตียง เห็นสภาพของกู้ฮอนแล้ว ในที่สุดเขาก็เข้าใจได้ว่าอะไรที่เรียกว่าความรู้สึกเจ็บปวดระคนสงสารจนเหมือนหัวใจจะฉีกขาด
เขากัดฟันแน่น ก้มตัวลงไปเอ่ยพูดข้างหูเธอเบาๆ “ขอโทษด้วย ผมมาช้าแล้ว” จากนั้นเขาก็ยื่นมืออุ้มเธอขึ้นมาไว้ที่บริเวณหน้าอกตัวเองแล้วหมุนตัวจากไป
เสียงไซเรนด้านนอกยังคงดังอยู่ เป่หมิงโม่อุ้มกู้ฮอนออกมาจากบ้านพัก หลังจากเปิดประตูหลังแล้วก็วางเธอเข้าไปในรถอย่างราบรื่น
ตอนที่เขากำลังจะเข้าไปนั่งในรถ ก็ได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นจากทางด้านหลัง “อย่าขยับ!”
เป่หมิงโม่หยุดการกระทำดังกล่าว หันไปมองตามเสียงที่ลอยมา นายทหารที่ทำมือเป็นสัญลักษณ์ว่าไม่ยอมให้ตัวเองเข้ามาคนนั้น เขามีท่าทางเหนื่อยจนหอบ ดูท่าจะวิ่งมาไกลเป็นระยะทางหนึ่ง
เขาไม่ได้สนใจอีก มุดตัวเข้าไปนั่งในรถแล้วติดเครื่องยนต์
นายทหารที่วิ่งตามมาไม่วิ่งต่อแล้ว คนคนนี้มีความกล้าหาญเสียจริง เหมือนกับว่ามาในสถานที่ที่ไม่มีคนอย่างไรอย่างนั้น อยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป ท่าทางที่ไม่มีใครอยู่ในสายตาแบบนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเห็น
สุดท้ายแล้วเขาก็คว้าปืนที่แบกอยู่ด้านหลังขึ้นมา เอ่ยด้วยเสียงเฉียบขาดว่า “ถ้าหากว่าคุณยังขยับอีกล่ะก็ ผมจะยิงแล้วนะ” เขาพูดแล้วก็ทำท่าทางเล็งปืน ขณะเดียวกันนั้นเขาก็ยังรอเพื่อนร่วมทีมคนอื่นมาเสริมกำลังด้วย
เป่หมิงโม่หันกลับไปมองกู้ฮอน ตอนนี้เธอนอนอยู่ที่เบาะนั่งด้านหลัง ดวงตาทั้งคู่ปิดสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอเป็นอย่างมาก ดูท่าว่าเธอจะหลับสนิทแล้ว
ไม่รู้ว่าข้าราชการเดรัจฉานคนนั้นให้เธอกินอะไรเข้าไป ตอนนี้จำเป็นต้องรีบไปโรงพยาบาลตรวจสอบทั้งหมด เพื่อรับรองว่าปลอดภัยไม่มีอันตรายอะไรจริงๆ
เขาลดหน้าต่างลง มองไปที่นายทหารที่ถือปืนก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ “ถ้าหากว่านายอยากจะยิงก็ยิงเถอะ” เขาเอ่ยจบก็เหยียบคันเร่งอย่างแรง หมุนพวงมาลัยดริฟท์รถอย่างสวยงามครั้งหนึ่งแล้วก็ขับผ่านหน้านายทหารไปอย่างรวดเร็ว
เดิมนายทหารก็แค่อยากจะหยิบปืนออกมาขู่คนที่มาเฉยๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าผู้อื่นไม่ใส่ใจ ทั้งยังจากไปต่อหน้าต่อตาตัวเองด้วยท่าทางไม่แยแสใดๆ นี่เป็นความสะเทือนใจที่หนักหน่วงมากที่สุดหลังจากที่เขาเข้าร่วมทีม ตามองรถคันนั้นจากไปอย่างรวดเร็ว เขารอจนเพื่อนร่วมทีมมาครบแล้วก็เริ่มแจ้งตำรวจและทำความสะอาดสถานที่เกิดเหตุ