เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 951 สารภาพบาป
บทที่ 951 สารภาพบาป
เป่หมิงโม่ขับรถไปจากเกาะหูซินอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางพบกับเหล่าตำรวจที่มุ่งหน้ามาที่นี่อย่างเร่งรีบ สำหรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนี้ พวกเขาได้ดำเนินการสกัดกั้นแล้ว แต่ว่าไม่สามารถหยุดได้สำเร็จ
เป่หมิงโม่ขับรถออกจากเกาะหูซินแล้วก็ตรงไปยังทิศทางของโรงพยาบาล ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็โทรศัพท์หาฉิงฮัว บอกเขาว่าให้แอนนิดูแลเด็กๆให้ดี ทั้งยังเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังอย่างคร่าวๆด้วย
ฉิงฮัวได้ยินก็ตะลึงจนหน้าถอดสี
***
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ของรัฐล้วนไม่ใช่เรื่องเล็กๆ การกระทำทั้งหมดของเป่หมิงโม่ในครานี้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่พอให้อภัยได้ แต่ก็ดูเหมือนจะเกินไปหน่อย
ฉิงฮัวปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านาย ปกป้องคุ้มครองเจ้านายตัวน้อยๆทั้งสามคน ความสามารถของเขามีจำกัดจึงทำได้เพียงแค่สิ่งเหล่านี้เท่านั้น
“เฮ้ๆ คุณทำหน้าอมทุกข์ให้ใครดูกัน ฉันไม่อยากให้ลูกโตแล้วมีลักษณะท่าทางเหมือนคุณแบบนี้นะ ดูไม่ได้เลยจริงๆ” ลั่วเฉียวนั่งอยู่บนเตียง ในอ้อมแขนกอดลูกน้อยที่หลับสนิทไปแล้ว เธอขมวดคิ้วมองฉิงฮัวอย่างดุร้าย
“เกิดเรื่องขึ้นกับเจ้านายและคุณผู้หญิงแล้ว” แม้ฉิงฮัวจะรู้ว่ากู้ฮอนรอดพ้นจากอันตรายแล้ว แต่ก็ใบหน้าก็ยังคงเต็มไปด้วยความกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด
“คุณพูดว่าอะไรนะ เกิดเรื่องขึ้นกับฮอนหรือ!” ลั่วเฉียวอดไม่ได้ที่จะเสียงดังขึ้นเล็กน้อย ร่างของเธอสั่นอย่างแรงจนปลุกให้ลูกน้อยในอ้อมแขนตื่น “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกเขากันแน่ รีบบอกฉันเร็วเข้า”
“สถานการณ์เป็นมาอย่างไรผมก็ยังไม่ชัดเจนมาก” เขาเล่าเรื่องที่เป่หมิงโม่พูดกับเขาผ่านทางโทรศัพท์ให้ลั่วเฉียวฟัง
“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไรกัน ตอนนี้ฮอนไม่เป็นอะไรแล้วสินะ”
“ยังไม่ทราบแน่ชัด เจ้านายกำลังขับรถส่งเธอไปที่โรงพยาบาล คุณผู้หญิงน่าจะค่อนข้างปลอดภัยแล้ว เพียงแต่ว่าผมเป็นห่วงเจ้านายมากกว่า…….”
*
ตอนที่รถของเป่หมิงโม่บุกฝ่าเข้าไปในเกาะหูซินก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก โชคดีที่รถคันนี้ค่อนข้างแข็งแรง บวกกับเทคนิคการขับรถของเป่หมิงโม่ แม้ว่าระหว่างการเดินทางจะเต็มไปด้วยความผิดปกติต่างๆ แต่ก็ยังคงขับได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว
หลังจากผ่านครึ่งชั่วโมงกว่าอันแสนยาวนานมา ในที่สุดรถก็หยุดลงที่ลานหน้าประตูโรงพยาบาล
เป่หมิงโม่ลงจากรถแล้วอุ้มกู้ฮอนออกมาจากในรถวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
แสงไฟสีแดงของห้องฉุกเฉินสว่างขึ้น เป่หมิงโม่ยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูตลอด สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและจริงจัง ฟันขบกันและมือกำหมัดแน่น
เขากำลังคิดทบทวนตัวเอง
อาศัยความต้องการของตัวเองและการบีบบังคับเล็กๆให้กู้ฮอนนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ ไม่ว่าจะด้วยความหวังดีหรือว่าอะไรล้วนกลายเป็นสายจุดฉนวนระเบิดในวันนี้ และก็เพราะสาเหตุนี้ สุดท้ายแล้วเธอก็กลายเป็นผู้เคราะห์ร้าย
ความเสียใจจากความผิดพลาดในอดีตเป็นความรู้สึกที่เขาสัมผัสได้ลึกซึ้งมากที่สุดในตอนนี้ และก็เพราะสาเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจได้อย่างหนึ่งว่า หลังจากที่กู้ฮอนฟื้นคืนสติขึ้นมาแล้ว ก็จะจบการละเล่นที่เหลวไหลไร้สาระนี่ลง และจะไม่พาลูกๆทั้งสามคนนี้ไปด้วย เขารู้สึกว่าตัวเองสร้างเรื่องยุ่งยากและอุบัติเหตุให้เธอมากเกินไปแล้ว เดิมเธอสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับลูกๆได้อย่างเงียบๆ
มือทั้งสองข้างของเป่หมิงโม่กุมศีรษะที่ก้มลง ภาพที่อยู่ร่วมกันกับกู้ฮอนแต่ละฉากพาดผ่านเข้ามาภายในสมองของเขาเหมือนกับภาพยนตร์
เสียงฝีเท้าหนักแน่นเดินจากที่ไกลๆเข้ามาใกล้เรื่อยๆ สุดท้ายก็หยุดลงตรงหน้าของเป่หมิงโม่
“คุณคือเป่หมิงโม่หรือ” เสียงเคร่งขรึมของชายคนหนึ่งดังขึ้น
เป่หมิงโม่มองรองเท้าบู๊ทสีดำคู่หนึ่งที่อยู่เบื้องหน้าก็รู้แล้วว่าผู้มาเยือนเป็นใคร เงยหน้าขึ้นก็เห็นชายหนุ่มสวมชุดลายพรางตำรวจจึงพยักหน้าให้
ด้านหลังชายคนนี้ยังมีตำรวจที่แต่งกายเหมือนกันสองคนยืนอยู่คนละด้าน
หลังจากที่ยืนยันสถานภาพแล้ว ชายคนนั้นก็พูดต่อว่า “คุณไปกับพวกเราสักรอบ”
เป่หมิงโม่ก็คาดเดาถึงภาพเหตุการณ์นี้เอาไว้แล้ว เขาไม่มีท่าทางลนลานเลยแม้แต่น้อย ค่อยๆลุกขึ้นยืน ปัดเศษฝุ่นบนเสื้อผ้าที่สวมอยู่ออกอย่างเคยชิน จากนั้นก็หันหน้าไปมองไฟห้องฉุกเฉินที่ยังสว่างอยู่
“พวกคุณให้เวลากับผมหน่อยได้ไหม ผมต้องการรู้ว่าคนที่อยู่ด้านในไม่มีอันตรายใดๆแล้ว”
***
ตำรวจที่เป็นผู้นำคนนั้นมีสีหน้าเย็นชาเหมือนกับเป่หมิงโม่ ดวงตาคู่นั้นเย็นชายิ่งกว่าเขา ดูเหมือนว่าเป็นคนที่พูดด้วยได้ยาก
“ขอโทษด้วยคุณเป่หมิง พวกเราไม่สามารถตอบรับคำขอร้องของคุณได้ ยังคงต้องเชิญให้คุณกลับไปร่วมมือต่อการตรวจสอบของพวกเรา”
“อย่างนั้นก็ให้ผมโทรศัพท์สักสายแล้วกัน ที่นี่จำเป็นต้องมีคนมาดูแลเธอ” เป่หมิงโม่พูดพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
*
ฉิงฮัวที่เผชิญหน้ากับเด็กทั้งสามคนนั้นไม่พูดอะไร เช่นเดียวกัน เด็กทั้งสามคนก็มองมาที่เขาเป็นตาเดียวกัน พวกเขาตาใหญ่จ้องตาเล็กอยู่ชั่วครู่หนึ่ง
หยางหยางนั้นหมดความอดทนแล้วจริงๆ “คุณลุงหัวฟู สรุปว่าคุณลุงจะพาพวกเราไปเล่นอะไรครับ ถ้าหากไม่มีข้อเสนอดีๆล่ะก็ รบกวนคุณออกไปได้ไหมครับ พวกเราสามารถเล่นกันเองได้”
นี่ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย เจ้านายให้ตัวเองมาดูแลพวกเขาสามคน ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาอยู่กับที่ เพียงแค่อย่าสร้างปัญหาก่อนพวกเขาจะกลับมาก็พอแล้ว ในเมื่อพวกเขาสามารถเล่นกันเองได้นั่นก็เป็นเรื่องที่ดีมาก นี่ก็ช่วยให้เขาไม่ต้องใช้สมองเพื่อคิดกลเม็ดใหม่ๆมาให้กับพวกเขา
เขาเพิ่งจะลงมาจากห้องใต้หลังคาก็ได้รับโทรศัพท์จากเจ้านายอีกครั้ง “ตอนนี้กู้ฮอนอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว นายรีบมาเดี๋ยวนี้เลย”
“ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นเจ้านาย ต้องการให้ผมนำอะไรไปให้พวกคุณไหมครับ”
เป่หมิงโม่เงียบไปชั่วครู่ “ให้แอนนิต้มซุปมาให้เธอก็พอแล้ว ฉันยังมีเรื่องอื่นอีกจึงไม่ได้รออยู่ที่นี่แล้ว จำเอาไว้ว่า ช่วงเวลาที่ฉันไม่อยู่นี้ นายจะต้องให้ความช่วยเหลือกู้ฮอนในการทำงาน แล้วก็ให้แอนนิดูแลเด็กๆทั้งสามคนให้ดีด้วย”
ทำไมยิ่งฟังคำพูดของเป่หมิงโม่แล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ปกติอยู่บ้าง รู้สึกไม่เหมือนกับว่ากำลังจัดการเรื่องราว แต่เหมือนกับการฝากฝังอย่างหนึ่งมากกว่า บ่อยครั้งที่เกิดเรื่องเลวร้ายอะไรขึ้นมาก็มักจะพูดแบบนี้ หรือว่าเรื่องอะไรที่เจ้านายคาดการณ์เอาไว้จะเกิดขึ้นแล้วหรือ
“เจ้านาย ทางคุณมีเรื่องยุ่งยากอะไรต้องการให้ผมช่วยไหมครับ” ตอนนี้ฉิงฮัวมีความรู้สึกที่ไม่ดีอยู่อย่างหนึ่งจริงๆ
“ขอบคุณ เรื่องนี้ให้ฉันจัดการแก้ไขเองจะดีกว่า นายเพียงแค่ช่วยเหลือกู้ฮอนในวันหลัง ดูแลบริษัทเป่หมิงให้ดีก็พอแล้ว”
สิ้นสุดเสียงของเป่หมิงโม่ ถัดมาก็เป็นเสียงสายไม่ว่างดังมาจากโทรศัพท์ทางฝั่งนั้น
เป่หมิงโม่ปิดโทรศัพท์ มองตำรวจสามนายที่อยู่เบื้องหน้า เอ่ยพูดด้วยสีหน้าท่าทางปกติว่า “ไปเถอะ”
เขาไม่ได้พูดอะไรเพิ่มอีก เพียงแค่มองไปยังไฟสีแดงที่ยังคงสว่างอยู่ตรงประตูบานใหญ่ของห้องฉุกเฉิน หวังเป็นอย่างมากว่าไฟดวงนั้นจะดับลงในตอนนี้ ถัดมาก็มีคุณหมอคนหนึ่งเดินออกมาบอกกับตัวเองว่ากู้ฮอนปลอดภัยไร้อันตรายใดๆแล้ว
แต่ว่านี่ก็เป็นเพียงแค่ความคิดข้างเดียวของเป่หมิงโม่ ไฟยังคงสว่างอยู่ ส่วนตัวเขาก็จำเป็นต้องจากไปแล้ว
*
ใบหน้าดุร้ายที่กำลังยิ้มชั่วร้ายให้ตัวเองอย่างไม่หวังดี ถัดมามือใหญ่คู่หนึ่งก็ค่อยๆยื่นมาทางกู้ฮอน
ดวงตาของเธอเผยความหวาดกลัวไร้ที่สิ้นสุดออกมา ร่างกายค่อยๆเขยิบถอยไปด้านหลัง เธอไม่ยินยอมที่จะถูกปีศาจร้ายตัวนี้จับเอาไว้
แต่ว่าพื้นที่ที่เธออยู่นั้นคับแคบเกินไป แคบจนถอยหลังไปไม่กี่ก้าวก็ถูกกำแพงขวางเอาไว้ เธอไม่มีทางให้ถอยหลังอีกแล้ว
แต่มือข้างนั้นกลับไม่ได้หยุดลง มันเหมือนกับว่าสามารถยืดยาวได้อย่างไร้ขีดจำกัด นอกจากใบหน้าดุร้ายที่เปลี่ยนเป็นภาพเลือนรางแล้ว มือข้างนั้นกลับยังสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งยังเข้าใกล้ตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆด้วย
“อย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา……..” ร่างของกู้ฮอนขดอยู่ที่มุมเล็กๆมืดๆมุมหนึ่ง เธอกรีดร้องตะโกนไม่หยุด มือก็ยังคงตบตีลงไปบนมือคู่นั้น
***
ตอนที่เธอรู้สึกถึงความสิ้นหวังและไร้ความช่วยเหลือ เงาร่างอันคุ้นเคยร่างหนึ่งเหมือนกับแสงอันเจิดจ้าเจาะทะลุผ่านความมืดมิดเข้ามา
เขาเหมือนกับลมพายุที่ทำลายความมืดมิดที่อยู่เบื้องหน้าเธอจนหมดสิ้น ใบหน้าที่ดุร้ายและมือคู่นั้นล้วนหายวับไปกับตาหลังจากที่เขามาถึง
เงาร่างอันคุ้นเคยนี้…….ดูเหมือนว่า…….ดูแล้วไม่เหมือนกับหยินปู้ฝันสักนิดเดียว รูปร่างสูงเพรียวนั้น ใบหน้าเย็นชาน่ากลัว สีหน้ายโสโอหัง…….เป่หมิงโม่
เป็นเขาที่มาช่วยตัวเอง
ความตื่นกลัวในใจของกู้ฮอนกลายเป็นสงบนิ่งเหมือนเดิมในทันที เธอรู้ว่าตัวเองปลอดภัยแล้ว ไม่มีใครสามารถทำร้ายตัวเองได้อีก
แต่นอกจากนี้แล้วเธอก็ยังคงรู้สึกตระหนกตกใจอยู่เล็กน้อย คนอื่นไม่สามารถทำร้ายตัวเองได้ แต่ว่าเขาทำได้ เขาเหมือนกับฝาแฝด ในด้านดีๆก็แฝงไปด้วยความชั่วร้าย ด้านที่ชั่วร้ายก็มีด้านดีๆเผยออกมา
ตอนที่ในใจของกู้ฮอนวุ่นวายอีรุงตุงนังไม่หยุดนั้น ก็มีเสียงหนึ่งที่เหมือนว่าจะลอยมาจากท้องฟ้าดังเข้ามาในหูของตัวเอง “ฮอน ฮอน…….”
เสียงนี้ชัดเจนยิ่งกว่าชายหนุ่มที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายคนนี้ เธอเริ่มที่จะมองหาที่มาของเสียง
ท่ามกลางแสงสว่างที่อยู่เบื้องหน้านั้น…….
ในที่สุด กู้ฮอนก็ค่อยๆลืมตาคู่นั้น เพียงแต่ด้านหน้าไม่ใช่ท้องฟ้าแต่เป็นเพดานห้องสีขาว
เงาร่างของเป่หมิงโม่นั้นหายไปเหมือนกับท้องฟ้าผืนนั้นแล้ว อีกทั้งเสียงเรียกที่ดังอยู่ข้างกายกลับมาจากแอนนิที่เป็นเพื่อนสนิทของตัวเอง
ตอนนี้เธอรู้สึกว่าศีรษะปวดเล็กน้อย เธออยากจะยกมือขึ้นมานวดบริเวณหน้าผาก แต่ความรู้สึกที่สัมผัสได้ก็คือแขนขาหนักเหมือนกับมีตะกั่วถ่วงเอาไว้ ทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ความรู้สึกแบบนี้เธอคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ชั่ววินาทีนั้นก็พาเธอกลับไปยังช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ถึงกับเป็นเงามืดที่ยากจะลบล้างไปได้ชั่วชีวิตนี้
กู้ฮอนจำได้อย่างชัดเจนว่าตัวเองในตอนนั้นไร้เรี่ยวแรงเหมือนกับในตอนนี้ ยังมี…….คนที่ดูแล้วใบหน้ามีเมตตาแต่กลับเป็นคนหน้าเนื้อใจเสื้ออย่างผู้อำนวยการโกว
เธอนึกถึงเรื่องพวกนี้แล้วนัยน์ตาก็หดแคบลงในทันที
“ฮอนไม่ต้องกลัว เธออยู่ในโรงพยาบาล ที่นี่ปลอดภัยมาก” แอนนิเห็นว่ากู้ฮอนฟื้นคืนสติขึ้นมาแล้ว ในใจก็โล่งเล็กน้อย แต่ถัดมาก็เห็นว่าใบหน้าของเธอมีแววตึงเครียด ดูเหมือนว่าจะคิดถึงเรื่องที่น่ากลัวอะไรขึ้นมา
เธอรีบลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ ให้กู้ฮอนเห็นใบหน้าของตัวเองได้อย่างชัดเจน จากนั้นก็ยิ้มบางๆ ยื่นมือไปลูบที่หน้าผากเธอเบาๆ เหมือนกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับเด็กที่ตกใจตื่นจากฝัน การทำแบบนี้ทำให้เธอกลับเข้าสู่ความสงบได้อย่างรวดเร็ว
วิธีการนี้ใช้ได้ผลกับเด็กๆเป็นอย่างมาก สำหรับกู้ฮอนแล้วก็ใช้ได้ผลเช่นกัน หลังจากที่ปลอบประโลมไปไม่กี่ครั้งแล้ว สีหน้าเธอก็สงบลงในที่สุด
แอนนิเห็นว่าเธอมีอาการดีขึ้นแล้ว ใบหน้าก็ประดับไปด้วยรอยยิ้ม “ฮอน เธอเพียงแค่นอนหลับอยู่ที่นี่ตื่นหนึ่งเท่านั้น เรื่องอะไรล้วนผ่านไปแล้ว”
*
เมื่อแอนนิรู้ข่าวจากฉิงฮัวว่ากู้ฮอนเข้าโรงพยาบาลแล้วนั้น ก็มีอาการตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด เพราะตอนที่เธอทำงานยังดีๆอยู่แล้วทำไมถึงเข้าโรงพยาบาลภายในเวลาไม่ถึงสิบชั่วโมงกัน
สำหรับเหตุผลอะไรนั้น ฉิงฮัวก็เล่าเรื่องส่วนใหญ่ให้เธอฟังแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกตะลึงก็คือ คิดไม่ถึงว่าแค่ตอบรับคำเชิญใบหนึ่งกลับเกิดเรื่องแบบนี้ออกมาได้ โดยเฉพาะบัตรเชิญนี้ก็มาจากภาครัฐ นั่นยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อกว่าเดิม
ก่อนที่แอนนิจะมาก็เตรียมซุปเรียบร้อยตามคำสั่งของฉิงฮัว ทั้งยังกำชับครั้งแล้วครั้งเล่าว่าอย่าบอกกับเธอว่าเกิดเรื่องกับเป่หมิงโม่แล้ว แบบนี้จะไม่เป็นผลดีอะไรต่อการพักฟื้นของกู้ฮอน