เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 958 เรื่องวุ่นวายใหญ่โตแล้ว
บทที่ 958 เรื่องวุ่นวายใหญ่โตแล้ว
“คุณกัง ผมไม่ทราบฐานะของเธอจริงๆนะครับ ถ้าหากว่ารู้ล่ะก็ ต่อให้คุณมอบความกล้าให้กับผมมากกว่านี้หมื่นเท่า ผมก็ไม่กล้าแตะเธอแม้แต่ครึ่งนิ้ว ผมเพียงแค่สับสนเพราะแอลกอฮอล์ขึ้นสมองไปชั่วขณะ ขอให้คุณช่วยพูดกับคุณท่านทีว่าผมไม่ได้ตั้งใจ ขอให้เขาเมตตาผมสักครั้งเถอะครับ” เขาพูดพลางโขกศีรษะลงแทบเท้าถังเทียนจื้อติดๆกันจนเกือบจะเลียรองเท้าให้เขาแล้ว
ช่างมีท่าทางเหมือนขี้ข้าคนหนึ่งจริงๆ
ถังเทียนจื้อหลุบตามองเขาโขกศีรษะอย่างแรง โขคดีที่กู้ฮอนไม่ได้เป็นอะไร อาศัยโอกาสนี้ในการสั่งสอนเขาก็พอแล้ว วันหลังยังคงต้องใช้ประโยชน์จากเขาอีก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็เอ่ยเสียงเข้มว่า “พอแล้ว คุณลุกขึ้นเถอะ”
ผู้อำนวยการหลี่ได้ยินประโยคนี้แล้วก็เหมือนกับได้ยินคำว่านิรโทษกรรมพิเศษอย่างไรอย่างนั้น จึงเอ่ยพูดขอบคุณติดกันไม่หยุด พลางลุกขึ้นมา
“คุณกัง ในเมื่อประธานกู้ของบริษัทเป่หมิงเป็นลูกสาวแท้ๆของคุณท่าน อย่างนั้นทำไมจะต้องให้ผมสร้างเรื่องยุ่งยากให้กับบริษัทเป่หมิงด้วยล่ะครับ” เกรงว่านี่จะเป็นปัญหาที่ผู้อำนวยการโกวไม่เข้าใจมากที่สุดในเวลานี้
“พูดไร้สาระอะไร พวกเราให้คุณทำแบบนี้แน่นอนว่าต้องมีเหตุผล คุณแค่ทำตามที่สั่งก็พอแล้ว” ถังเทียนจื้อเอ่ยหน้าตึง
แต่ผู้อำนวยการโกวยังคงมีท่าทีลำบากใจ “คุณกัง ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากทำ แต่ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ด้านหนึ่งก็เป็นคุณกับคุณท่าน อีกด้านหนึ่งก็เป็นลูกสาวแท้ๆของคุณท่าน……..”
***
ถังเทียนจื้อนั้นไม่สนใจว่าผู้อำนวยการโกวจะมีความยากลำบากอะไร สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาที่เขาต้องขบคิดด้วยตัวเอง เพียงแต่ว่า ก่อนที่จะจากไปนั้นก็ยังคงกำชับอีกครั้งว่า “ตอนนี้คุณจับเป่หมิงโม่เอาไว้ได้แล้ว อย่างนั้นก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด ส่วนความมักมากเหล่านั้นของคุณ ให้ดีที่สุดก็เก็บมันเอาไว้เสีย ไม่อย่างนั้น ผมก็มีวิธีที่จะทำให้คุณตัดใจจากความคิดนั้นได้ สิ่งที่ถูกหักหรือขาดจะไม่ใช่แขนข้างนี้ของคุณ แต่เป็น……..”
ถังเทียนจื้อพูด เผยรอยยิ้มที่ทำให้เขารู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาตามไขสันหลัง “คุณน่าจะเข้าใจความหมายของผมนะ”
“เข้าใจครับ เข้าใจ” ผู้อำนวยการโกวสีหน้าเปลี่ยน พยักหน้าติดต่อกัน
*
ตอนนี้บริษัทเป่หมิงก็กลับไปไม่ได้แล้ว อย่างน้อยก็กลับไปไม่ได้ชั่วคราว กู้ฮอนนั่งรถแท็กซี่มาถึงสถานที่ที่เคยมาครั้งหนึ่งอย่างสตรีทพาร์คที่เลี้ยงปล่อยกลุ่มนกพิราบ
ที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่เธอนัดกับฉิงฮัวทางโทรศัพท์ เขาจะให้คนขับรถของกู้ฮอนมาส่งที่นี่
เธอค่อยๆเดินเข้าไปในสวนสาธารณะ มุ่งหน้าไปทางกลุ่มนกพิราบ
เหล่าสัตว์ตัวน้อยนั้นคุ้นเคยกับมนุษย์เป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่ามีคนมาก็หันศีรษะมองมาทางเธอก่อน ดวงตาสีแดงอันเฉียบแหลมสังเกตอย่างละเอียดว่าในมือของเธอมีอาหารมาให้พวกมันหรือไม่
กู้ฮอนรู้สึกปวดหัวเพราะเรื่องการหาทนายความให้กับเป่หมิงโม่มาตลอด โดยเฉพาะหลังจากที่อารมณ์ฮึกเหิมเลือดร้อนที่แน่วแน่ ไม่ล่าถอยในตอนที่ได้เผชิญหน้ากับอำนาจอันแข็งแกร่งลดลงไป เธอก็เริ่มสำรวจและตัดสินใจเกี่ยวกับปัญหานี้ว่าตัวเองจะเดินต่อไปในเส้นทางนี้อย่างไร
โดยเฉพาะในโรงพยาบาล ผู้อำนวยการโกวเปิดเผยกับตัวเองเป็นอย่างมากแล้ว ถ้าหากว่าครั้งนี้รับมือเขาไม่ได้ล่ะก็ อย่างนั้นก็ต้องเชื่อมโยงไปถึงบริษัทเป่หมิงแล้วจริงๆ
ถ้าหากว่าเป็นแบบนั้นล่ะก็ ตัวเองควรจะรับมืออย่างไรกัน…….
เธอยืนอยู่กลางสนาม เหล่านกพิราบโอบล้อมเธอไว้ตรงกลาง มีหลายตัวที่กล้าหาญเล็กน้อยกำลังเตรียมจะกางปีกบินเข้ามาตรงไหล่ของผู้มาเยือนเพื่อตรวจสอบด้วยตัวเองอีกรอบ
ยากที่จะจินตนาการได้จริงๆว่าตัวเองจะเคร่งเครียดกับเรื่องของเป่หมิงโม่มากขนาดนี้ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าตัวเองเป็นตัวจุดชนวนระเบิดเรื่องนี้ก็ได้
ครึ่งชั่วโมงกว่าผ่านไป โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อรับโทรศัพท์ก็ได้ยินว่าผู้รับผิดชอบขับรถมาส่งให้ตัวเองโทรมา
เธอรีบเดินออกมาจากกลางกลุ่มนกพิราบอย่างระมัดระวังมาจนถึงข้างสนาม เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลยว่ารถของตัวเองถูกจอดเอาไว้ที่นี่แล้ว
เมื่อเข้าไปนั่งในรถแล้วก็รู้สึกว่ารอบด้านเงียบสงบไปชั่วขณะ ถัดมาเธอก็ได้รับโทรศัพท์สายที่สอง ครั้งนี้เป็นฉิงฮัวโทรศัพท์มา
เธอรีบรับโทรศัพท์ “เรื่องที่หาทนายความจัดการเป็นอย่างไรบ้าง”
สิ้นเสียง อีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์ก็เงียบไปชั่วครู่ ถัดมาฉิงฮัวก็เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงท้อใจว่า “คุณผู้หญิง เกรงว่าครั้งนี้พวกเราจะพบกับเรื่องยุ่งยากเล็กน้อยแล้ว”
กู้ฮอนสีหน้าแข็งค้าง อดไม่ได้ที่จะนั่งตัวตรงเล็กน้อย “ฉิงฮัว คุณพูดให้เข้าใจกว่านี้อีกหน่อยได้หรือไม่ การเชิญทนายความเกิดข้อผิดพลาดขึ้นใช่หรือไม่”
“ใช่ครับคุณผู้หญิง ผมติดต่อหาทนายความที่ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงไปหลายคน แต่เมื่อพวกเขาได้รู้ว่าเป็นเรื่องของเจ้านายแล้วก็ล้วนเอ่ยปฏิเสธอย่างอ้อมๆ”
“อย่างนั้นทนายความของพวกเราล่ะ“ กู้ฮอนรู้ว่าทนายความของบริษัทเป่หมิงก็พูดได้ว่าค่อนข้างมีฝีมือ
“ทนายความของพวกเราไม่ได้ครับ พวกเขาล้วนเชี่ยวชาญในเรื่องคดีความทางธุรกิจ สำหรับเรื่องของเจ้านายนั้นไม่มีความสามารถมากพอครับ…….”
กู้ฮอนรู้สึกว่าตัวเองพบเรื่องยุ่งยากเรื่องใหญ่เข้าแล้ว ไม่มีใครสามารถทำคดีของเป่หมิงโม่ได้ นี่ก็หมายความว่าโอกาสที่จะแพ้คดีของพวกเขามากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าหมายความว่าบริษัทเป่หมิงจะตกอยู่ในสภาพอันตรายมากขึ้นเช่นกัน
***
สำหรับเรื่องการหาทนายความในกับเป่หมิงโม่นั้น กู้ฮอนเริ่มรู้สึกว่าทุกย่างก้าวช่างยากเย็นแสนเข็ญ ทางเบื้องหน้าก็เปลี่ยนเป็นสับสนขึ้นเรื่องๆ ในตอนนี้เธอร้อนใจจนต้องการคนมาชี้ทางสว่างให้กับตัวเอง
เมื่อทั้งสองฟากโทรศัพท์ล้วนรู้สึกว่าไม่มีหนทางแก้ไขปัญหานั้น ในสมองของฉิงฮัวก็มีชื่อของคนคนหนึ่งโผล่ขึ้นมา บางทีเขาอาจจะช่วยเจ้านายได้
“คุณผู้หญิงครับ คุณสามารถลองไปหาคุณชายซูและคุณชายป่ายได้ บางทีพวกเขาอาจจะมีทนายความที่เหมาะสมให้เลือกนะครับ”
ใช่แล้ว คำพูดของฉิงฮัวนั้นทำให้คนตื่นจากฝัน ชูหยุนเฟิงและป่ายมู่ซีเพื่อนซี้ย่ำปึกของเป่หมิงโม่ ถ้าให้พวกเขาช่วยหาทนายความแล้วล่ะก็ น่าจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“โอเค ฉันจะไปหาพวกเขาเดี๋ยวนี้” กู้ฮอนเหมือนกับว่าคว้าความหวังสุดท้ายเอาไว้ได้ วางสายโทรศัพท์ ติดเครื่องยนต์ ขับออกไปจากสตรีทพาร์ค
เธอไม่ได้โทรศัพท์หาสองคนนั้น แต่ก็รู้ถึงสถานที่ตั้งของฐานที่มั่นพวกเขาอย่างบาร์ Zeus.
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไปที่นั่นก่อนแล้วค่อยว่ากัน
วันนี้โชคของเธอไม่เลวเลย เดิมป่ายมู่ซีจะไม่เปิดบาร์ในช่วงเวลากลางวัน สถานที่แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งในยามค่ำคืนเท่านั้น
เพียงแต่วันนี้ตรงกับช่วงตรวจสอบความปลอดภัยการดับเพลิงครั้งใหญ่ในทุกไตรมาสพอดี ร้านคาราโอเกะ สถานที่ที่ผู้คนแออัดอย่างบาร์ต่างๆล้วนต้องได้รับการตรวจสอบทุกอย่างจากหน่วยงานดับเพลิง
ตอนที่กู้ฮอนเพิ่งมาถึงนั้น การตรวจสอบก็เสร็จสิ้นพอดี ป่ายมู่ซีกำลังหัวเราะส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
อย่างไรป่ายมู่ซีก็เป็นลูกท่านหลานเธอคนหนึ่ง แต่เขากลับมีบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน กับใครก็ยิ้มร่าเริงให้เกือบทั้งวัน ไม่มีกำแพงขวางกั้นใดๆ
เขาเพิ่งจะส่งกลุ่มคนผู้ตรวจตอบไป หันหน้ามาก็เห็นรถBMWคันหนึ่งจอดอยู่ที่หน้าประตูร้านตัวเอง ตอนที่เขากำลังจะต้อนรับแขกอย่างสุภาพนั้นก็เห็นผู้หญิงที่ลงมาจากรถ จึงกลืนคำเหล่านั้นกลับลงไป
“ประธานกู้ เป็นแขกที่ยากจะมาเยือนจริงๆ ทำไมวันนี้ถึงได้ว่างมาหาความสนุกที่นี่กัน”
เผชิญหน้ากับป่ายมู่ซี แม้ว่าโอกาสในการทักทายจะน้อยมาก แต่อาศัยว่ามีความสัมพันธ์กับเป่หมิงโม่ในระดับนี้ อย่างไรก็ถือว่าเป็นคนคุ้นเคยกัน
ระหว่างคนสนิทนั้นไม่ต้องยึดติดกับขนบธรรมเนียมมากนัก เพียงแต่เธอก็ยังยิ้มให้เขาน้อยๆ “ประธานป่าย วันนี้ถ้าฉันไร้เรื่องร้อนใจก็คงไม่ถ่อไปวัด หรอกค่ะ”
“หืม ประธานกู้มาหาผมเพราะมีเรื่อง คุณให้เกียรติผมมากไปแล้ว ทิ้งเป่หมิงโม่เอาไว้ไม่ใช้ กลับมาหาผมโดยเฉพาะอย่างไม่กลัวลำบาก ช่างเป็นการได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดฝันจริงๆ เชิญด้านในเถอะ” ป่ายมู่ซีพูดพลางทำท่าทางเชื้อเชิญ
ป่ายมู่ซียืนอยู่ด้านในเคาน์เตอร์บริการเครื่องดื่มในบาร์ หยิบแก้วทรงสูงแบบมีก้านลงมาจากเหนือศีรษะสองใบ จากนั้นก็เอ่ยกับกู้ฮอนที่นั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ว่า “ที่นี่นอกจากกาแฟและชาแล้วล้วนมีทุกเครื่องดื่ม ไม่ทราบว่าคุณอยากจะดื่มอะไร ไม่อย่างนั้นดื่มไวน์ที่เพิ่งเข้ามาไหม”
เมื่อได้ยินว่าดื่มไวน์ ในใจกู้ฮอนก็มีปฏิกิริยาต่อต้าน โบกมือไปมา “ขอบคุณ ฉันยังต้องขับรถนะ ไม่สะดวกที่จะดื่มไวน์ รอครั้งหน้าเถอะ คุณเทสไปร์ทหรือว่าน้ำผลไม้ให้ฉันก็พอค่ะ”
“ได้ คุณรอสักครู่ ผมจะผสมให้คุณเป็นพิเศษแก้วหนึ่ง” ป่ายมู่ซีพูดพลางหยิบเครื่องดื่มหลายแก้วขึ้นมาผสม
ผ่านไปชั่วครู่เครื่องดื่มที่มีร่มคันเล็กและมะนาวฝานบางๆเสียบอยู่แก้วหนึ่งก็เสร็จเรียบร้อย หลังจากวางลงบนเคาน์เตอร์แล้ว เขาก็ใส่น้ำแข็งลงไปสองก้อน
“ดื่มสิ ผมผสมให้คุณเป็นพิเศษเลยนะ ถ้าหากให้ตั้งชื่อแล้วล่ะก็ อย่างนั้นก็ให้ชื่อว่า ‘ไม่พบกันเสียนาน’” ป่ายมู่ซีเอ่ยจบก็รินไวน์ใส่แก้วของตัวเองแก้วหนึ่ง
หลังจากที่เขาดื่มไปคำหนึ่งแล้วก็เหลือบตามองกู้ฮอน “พูดมาเถอะ หายากที่คุณจะมาที่นี่ มีเรื่องยุ่งยากอะไรต้องการให้ผมช่วย”
***
กู้ฮอนมองไปที่เครื่องดื่มแก้วนั้น สีชมพูผสมกับสีฟ้าอ่อนๆ ดื่มไปคำหนึ่งก็รู้สึกว่ารสชาติพิเศษเล็กน้อย บอกไม่ถูกว่าใช้เครื่องดื่มอะไรผสมออกมากันแน่
เพียงแต่ในสมองสามารถคิดได้แค่ว่า นอกจากมีแอลกอฮอล์แล้ว รสชาติอื่นๆของเครื่องดื่มนั้นล้วนสามารถชิมออกมาได้
ช่างเป็นความรู้สึกที่ท้าทายความสามารถในการรับรู้รสชาติจริงๆ
กู้ฮอนจิบไปคำหนึ่งแล้วก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์ที่จะวางแก้วลง เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับเขามากกว่า “ป่ายมู่ซี อนุญาตให้ฉันเรียกคุณอย่างนี้ด้วย”
ป่ายมู่ซีพยักหน้าส่งยิ้มน้อยๆให้เธอ “แน่นอนว่าได้ ระหว่างพวกเราไม่ได้ห่างเหินกันมากใช่หรือไม่”
เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพียงแต่ว่าเธอพยายามกันตัวเองออกจากพวกเขา เหตุผลนั้นง่ายดายมาก ทั้งสามคนนี้เป็นลูกท่านหลานเธอที่บ้านมีฐานะร่ำรวย ส่วนตัวเองก็เป็นเพียงแค่ประเภทที่โยนเข้าไปในกลุ่มคนก็จะถูกกลืนหายไป อีกอย่างก่อนหน้านี้เธอก็ไม่อยากมีความสัมพันธ์มากเกินไปกับเป่หมิงโม่ด้วย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเพื่อนๆของเขา แน่นอนว่าก็เป็นการเล่นสนุกเป็นการครั้งคราวเท่านั้นเอง
เพียงแต่หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกันหลายครั้ง กู้ฮอนก็พบว่าไม่ว่าจะเป็นชูหยุนเฟิงหรือป่ายมู่ซี แม้ว่าพวกเขาจะเป็นลูกท่านหลานเธอ แต่กลับไม่เคยมีนิสัยแย่ๆเหมือนกับลูกท่านหลานเธอเหล่านั้น
ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน มีมารยาท นอกจากคำหยอกล้อที่เพิ่มมาระหว่างสนทนาพูดคุยแล้ว ก็ไม่มีคำพูดอะไรที่เกินเลย
นี่ก็เป็นเหตุว่าทำไมเธอจึงยินยอมมาขอความช่วยเหลือจากพวกเขา
“ป่ายมู่ซี วันนี้ฉันมาก็เพราะมีเรื่องหนึ่งอย่างให้คุณช่วยจริงๆ อีกทั้งเรื่องนี้ก็สำคัญเป็นอย่างมาก…….” สีหน้ากู้ฮอนจริงจังอย่างเห็นได้ชัด นี่ทำให้ป่ายมู่ซีที่กำลังผ่อนคลายอดไม่ได้ที่จะจริงจังขึ้นมาด้วยเล็กน้อยเช่นกัน
“ฉันผ่านมาทางนี้พอดี บังเอิญเห็นว่าที่นี่เปิดประตูจึงตัดสินใจเข้ามาดูหน่อย มีเรื่องสำคัญอะไรบอกกับป่ายมู่ซีคนเดียว ไม่บอกผมบ้างล่ะ”
ในตอนนี้ก็มีเสียงผ่อนคลายแฝงไปด้วยแววสัพยอกลอยเข้ามามาจากหน้าประตูบาร์
“ชูเอ้อ นายมาได้เหมาะเหม็งเลย ฮอนเธอเหมือนว่าจะพบกับเรื่องยุ่งยากอะไรเข้าให้แล้ว”
ความจริงจังของป่ายมู่ซีทำให้ชูหยุนเฟิงที่เพิ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกสัมผัสได้ในทันที เหมือนกับว่าตัวเองมาได้เหมาะสมแก่เวลา อีกทั้งสถานการณ์นี้ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เหมาะสมแก่การล้อเล่นด้วยเช่นกัน
เขาเดินมาถึงด้านหน้าเคาน์เตอร์ให้บริการเครื่องดื่ม หยิบม้านั่งตัวหนึ่งมานั่งข้างกู้ฮอน ป่ายมู่ซีรินไวน์ให้เขาแก้วหนึ่งเหมือนกับตัวเอง
จากนั้นก็พยักหน้าเป็นสัญญาณให้กู้ฮอนพูดต่อไป