เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 972 ช่วยเหลือ
บทที่ 972 ช่วยเหลือ
“คุณชายยี่เฟิง ครั้งนี้ผมไม่ได้มาเพื่อเรื่องนั้น คุณชายน้อยหยางหยางได้กลับมาอย่างปลอดภัยแล้วครับ ผมมาหาคุณเพราะมีเรื่องอีกเรื่องหนึ่งครับ”
***
เรื่องที่หยางหยางหาเจอแล้ว สำหรับเป่หมิงยี่เฟิงก็ถือว่าเป็นข่าวที่ไม่เลวเลยทีเดียว ในเมื่อเป็นคนบ้านเดียวกัน ไม่ว่ายังไงเลือดก็ต้องข้นกว่าน้ำอยู่แล้ว และที่สำคัญไม่ว่าจะเฉิงเฉิงก็ดี หรือว่าหยางหยางก็เถอะ เขาก็ชื่นชอบพวกแกมากทีเดียว หรือบางทีอาจจะเพราะว่าในนั้นยังแฝงไว้ด้วยเหตุผลที่ว่าพวกเขาเป็นลูกของกู้ฮอนด้วยละมั้ง
“ในเมื่อหาหยางหยางเจอแล้ว งั้นยังมาหาฉันอีกทำไมล่ะ?” เป่หมิงยี่เฟิงมองไปที่ฉิงฮัวอย่างไม่เข้าใจ ตามหลักแล้วเรื่องราวก็จัดการเรียบร้อยแล้ว หรือว่ายังจะตามสาวบัญชีเก่าต่ออีกเหรอ?
“เอ่อ……เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ……” ฉิงฮัวรู้สึกว่าในเมื่อก็ต้องพูดคุยอยู่แล้ว ก็บอกเขาไปตอนนี้เลยดีกว่า “เมื่อกี้ผมเพิ่งได้รับข่าวมาว่า ในบริษัทเป่หมิงตอนนี้มีผู้คนมากมายเริ่มประท้วงหยุดงาน เพราะฉะนั้นคุณหนูก็เลยอยากจะเชิญคุณขึ้นไปข้างบนสักครั้งครับ”
“ประท้วงหยุดงานเหรอ? นี่ถือเป็นเรื่องสดใหม่จริง ๆ ถึงแม้ว่าฉันจะเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน แต่ว่าก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีเรื่องแบบนี้ด้วย และก็น่าจะยังเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัทเป่หมิงด้วยเลยละมั้ง” ในใจของเป่หมิงยี่เฟิงกำลังรู้สึกตกตะลึงกับเรื่องนี้มาก แต่ว่าใบหน้ากลับมีแววยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่นปรากฏขึ้นเล็กน้อย
นี่ก็เป็นเพราะว่าเขารู้สึกว่าตอนนี้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมา พอดีเลยกับที่จะได้มีส่วนช่วยเหลือในการที่ตัวเองจะรวบรวมจิตใจผู้คนในบริษัทเป่หมิงได้เป็นอย่างมาก
เวลานี้ ประตูห้องทำงานโดนเปิดออกอีกครั้ง เป่หมิงเฟยหย่วนและหลันเนี่ยนรีบร้อนเข้ามาจากข้างนอก พวกเขาไม่สนใจแล้วว่าฉิงฮัวจะอยู่ในนี้ด้วย ก็พูดออกไปตามตรงว่า “ยี่เฟิง นายลงไปดูข้างล่างเร็ว มีคนชุมนุมอยู่ตรงนั้นหลายสิบคนเลย พูดกันว่าจะประท้วงหยุดงานกัน”
“คุณชายใหญ่เป่หมิง ที่ผมมาก็เพื่อเรื่องนี้แหละครับ” ฉิงฮัวพูดต่อขึ้นทันที
เป่หมิงเฟยหย่วนพยักหน้าเบา ๆ จากนั้นก็ถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ขึ้นมาคำถามหนึ่ง “ใช่แล้วฉิงฮัว หาหยางหยางเจอหรือยัง? ตั้งแต่ที่นายไปแล้ว ยี่เฟิงเขาก็โทรหาถังเทียนจื๋อตลอดเลยนะ แต่ว่าพอสายไม่ว่างแล้วก็ปิดเครื่องไปเลย และก็ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนั่นกำลังเล่นอะไรอยู่”
“ขอบคุณที่คุณเป็นห่วงครับ คุณหนูตามหาหยางหยางกลับมาได้แล้วครับ ตอนนี้เขาสบายดี” ฉิงฮัวรีบร้อนตอบกลับ
“อืม งั้นก็ดีแล้ว ครั้งนี้นายคงจะรู้แล้วละซิว่ายี่เฟิงของเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ด้วย” เป่หมิงเฟยหย่วนยังถามต่อจนจบอีกประโยคอย่างไม่วางใจ
“คุณชายใหญ่เป่หมิง คุณมาได้จังหวะพอดี คุณหนูนอกจากจะเชิญคุณชายยี่เฟิงไปที่ห้องทำงานของเธอแล้ว ยังขอเชิญคุณและคุณนายใหญ่ไปพร้อมกันด้วยครับ และที่สำคัญก็เพื่อเรื่องประท้วงหยุดงาน เรื่องนี้จะรอช้าไม่ได้ คุณหนูยังรอพวกเราอยู่ที่ข้างบนอยู่ครับ”
ทั้งสามคนมองกันไป มองกันมา หลังจากนั้นก็ตามฉิงฮัวไปที่ห้องทำงานท่านประธาน
“คุณหนู พวกเขามาแล้วครับ” ฉิงฮัวพูดแล้ว ก็ปลีกตัวไปข้าง ๆ เป่หมิงยี่เฟิงเข้ามาเป็นคนแรก จากนั้นก็เป็นหลันเนี่ยนคล้องแขนเป่หมิงเฟยหย่วนเดินตามเข้ามา
“พวกคุณเชิญนั่งก่อน ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ที่เวลาแบบนี้แล้วยังเรียกพวกคุณขึ้นมา” กู้ฮอนพยายามเค้นรอยยิ้มบนใบหน้าออกมา แล้วก็ผายมือไปทางโซฟาที่อยู่ไม่ไกลนัก
รอจนพวกเขานั่งลงกันหมดแล้ว ไม่รอกู้ฮอนเปิดปากพูด หลันเนี่ยนก็ชิงเปิดปากพูดขึ้นก่อนว่า “ฮวน จุดประสงค์ที่เธอเรียกเราขึ้นมา เมื่อกี้ระหว่างทางที่ขึ้นมาฉิงฮัวได้บอกกับเราแล้ว แต่ว่าพวกเราก็จนปัญญาแล้วเหมือนกัน หรือไม่ก็ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไปสลายการชุมนุมของพวกเขาก่อน ไว้รอพรุ่งนี้ค่อยมาประชุมหารือกับทุกคนกันสักหน่อยดีกว่า”
เผชิญหน้ากับสองสามีภรรยาเป่หมิงเฟยหย่วนนั้น กู้ฮอนก็ไม่รู้ว่าควรจะเรียกพวกเขาว่ายังไงดี ตำแหน่งและสถานะของเธอนั้นมีความอึดอัดอยู่บ้าง สุดท้ายก็เรียกด้วยคำว่าคุณนายเป่หมิงละกัน “คุณนายเป่หมิง ในเมื่อฉันสามารถเรียกพวกคุณมาได้ ก็เป็นเพราะพวกคุณสามารถช่วยเหลือฉันได้ในครั้งนี้”
***
คำเรียกว่า ‘คุณนายใหญ่เป่หมิง’คำนี้ของกู้ฮอนนั้น ทำให้หลันเนี่ยนรู้สึกอึดอัดไม่น้อย “ฮวน ตอนนี้ปิดประตูแล้วพวกเราก็มีแต่คนกันเองทั้งนั้น ทำไมยังต้องเกรงใจกันขนาดนี้ด้วย เธอก็เรียกชื่อฉันดีกว่า เธอมีเรื่องอะไรก็พูดออกมาเถอะ”
“คิดว่าทุกคนคงจะรู้แล้วใช่ไหมว่าตอนนี้ข้างล่างกำลังเกิดเรื่องอะไรขึ้น” กู้ฮอนมองไปที่พวกเขาแล้วพูดขึ้น น้ำเสียงมีความเคร่งขรึมอย่างเห็นได้ชัด
“เราเห็นแล้ว แต่ว่าถ้าหากว่าคุณอยากจะให้เราไปช่วยพูดเกลี้ยกล่อมคนพวกนั้นแล้วละก็ งั้นคงจะต้องทำให้คุณผิดหวังแล้วล่ะ” เป่หมิงยี่เฟิงแย่งพูดขึ้นก่อนที่บิดามารดาจะได้พูดต่อ
นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก เขารู้ว่าพ่อแม่ของตัวเองเป็นคนใจอ่อน ถ้าหากจะให้พวกเขาพูดต่อแล้วละก็คงจะตอบตกลงรับเรื่องนี้ไว้แน่
และเป็นอย่างที่คาดไว้ หลังจากที่เป่หมิงยี่เฟิงพูดจบแล้วนั้น เป่หมิงเฟยหย่วนและหลันเนี่ยนทั้งสองคนก็มองมาที่เขาทีหนึ่ง
และในเวลาเดียวกัน คำตอบอย่างเด็ดขาดของเขานี้ ก็ทำให้กู้ฮอนรู้สึกถึงความแปลกใจ แต่ว่าก็เป็นไปตามที่เธอคาดหมายไว้แล้ว
ตั้งแต่วันที่เป่หมิงยี่เฟิงปรากฏตัวขึ้นในบริษัทเป่หมิงวันแรกนั้น ก็ได้กำหนดไว้แล้วว่าจะต้องต่อสู้กับเป่หมิงโม่ต่อไปเรื่อย ๆ แน่นอนเป้าหมายนั้นยิ่งไม่ต้องบอกก็รู้อยู่แล้ว สำหรับเวลาต่อมาพอตัวเธอได้รับตำแหน่งมาแล้วนั้น ก็เลยกลายเป็น ‘ศัตรู’ของเขาไปด้วยเช่นเดียวกัน สำหรับการขอร้องของศัตรูนั้น จะมีการเห็นอกเห็นใจและสงสารได้ยังไง มีแต่อยากจะเหยียบซ้ำอีกละไม่ว่า
“ยี่เฟิง ก่อนที่ฉันจะเชิญคุณมานั้น ฉันก็คิดไว้แล้วว่าคุณจะต้องพูดแบบนี้ เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ ไม่ว่ายังไงก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกคุณอยู่ดี”
ทั้งสามคนนิ่งอึ้งไปทันที โดยเฉพาะเป่หมิงยี่เฟิงเขายิ้มกับกู้ฮอนอย่างเหลือเชื่อ “What? ประธานกู้ ถึงแม้คุณจะอยากหาแพะมารับบาปสักคน ก็คงไม่ต้องทำถึงแบบนี้หรอกมั้ง”
“ ใช่ ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้จริง ๆ และที่สำคัญฉันก็ไม่ได้ต้องการแพะรับบาปอีกด้วย หลังจากผ่านการตรวจสอบแล้วในพวกคนที่กำลังโวยวายอยู่ที่ข้างล่างนั้นก็มีพนักงานของฝ่ายออกแบบ ฝ่ายวิศวกรรมและฝ่ายการเงินรวมอยู่ด้วย และก็หมายความว่ามีลูกน้องของพวกคุณอยู่ด้วย หน้าที่รับผิดชอบดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตามปกติของแต่ละแผนกเพื่อรับประกันความมั่นคงของบริษัทมันเป็นหน้าที่ของหัวหน้าแผนกทุกแผนก เมื่อดูจากตรงจุดนี้แล้ว มันเกี่ยวข้องกับคุณแล้วใช่ไหม?”
สำหรับเรื่องนี้ พวกเป่หมิงยี่เฟิงยังไม่เคยได้ตรวจสอบมาก่อน ดูท่าแล้วคงจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเองไม่ได้แล้ว
แล้วนี่มันต้องทำยังไงกันดีละ……
“ฮวน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นฉันก็ลงไปดูก่อนละกัน ถ้าหากมีคนของแผนกฉันอยู่ในนั้นด้วยแล้วละก็ ฉันจะต้องจัดการพวกเขาแน่นอน” ครั้งนี้เป่หมิงเฟยหย่วนให้คำตอบกู้ฮอนมาตามที่คาดไว้แล้ว
เมื่อเขาเทียบกับลูกชายตัวเองแล้ว ยังไงก็มีความรู้สึกที่ลึกซึ้งกับบริษัทเป่หมิงมากกว่าหน่อยหนึ่ง เมื่อมาเจอกับสถานการณ์แบบนี้ เขารู้สึกว่าที่ตัวเองต้องทำแบบนี้นั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว และที่สำคัญเมื่อมีคนของแผนกเขาเข้าร่วมด้วย เขาก็รู้สึกว่าสำหรับทางด้านหน้าตาของตัวเองแล้วก็ให้มันผ่านไปไม่ได้จริง ๆ
“พ่อ ในเมื่อคนพวกนั้นอยากจะหยุดงาน งั้นก็เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นเราอยู่ในสายตาอยู่แล้ว ถึงพ่อไปแล้ว ก็มีแต่ทำให้มีโกรธเต็มอกกลับมา ผมว่าเรื่องนี้ยังไงพวกเราก็จนปัญญากันทั้งนั้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตั้งใจมาต่อต้านประธานกู้ชัด ๆ ก็มีแต่คุณที่ถ้าไปพบพวกเขาแล้ว อาจจะมีผลดีขึ้นมาบ้าง” เป่หมิงยี่เฟิงค้านถึงขีดสุด เพียงแต่ทุกคำพูดที่เขาพูดมานั้นยังดูมีเหตุมีผลอยู่
กู้ฮอนขมวดคิ้วขึ้น ก้มหน้าลงครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง
และเวลานี้ฉิงฮัวก็พูดขึ้นข้างกายเธอเสียงเบาว่า “คุณหนู คุณต้องคิดให้ละเอียดนะครับ”
ผ่านไปไม่กี่นาที กู้ฮอนก็เงยหน้าขึ้นมามองพวกเขา “ได้ ฉันไปก็ได้ แต่ว่าพวกคุณทั้งสามคนก็ต้องตามไปด้วย”
“ได้ ไม่มีปัญหา ไม่ว่ายังไงเราก็ยังเป็นพนักงานของบริษัทเป่หมิงอยู่ดี ก็ต้องเคียงบ่าเคียงไหล่ต่อสู้ไปกับท่านประธานอยู่แล้ว”
***
“ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นไม่ไปขอโทษลุงฉางชิ่งด้วยตัวเองแล้วละก็ พวกเราก็จะไม่ทำกันแล้ว!” หลังจากที่หัวโจกของคนแผนกหนึ่งยืนชูไม้ชูมือพูดตะโกนเสียงดังบนโต๊ะเสร็จแล้ว ก็เหมือนกับหินก้อนหนึ่งที่โยนลงไปในแม่น้ำทำให้เกิดระลอกคลื่นขึ้นมา
ผู้คนหลายสิบคนที่รายล้อมเขาอยู่ก็โห่ร้องขึ้นตามเสียงร้องของเขา ตะโกนคำพูดของเขาว่า “เราต้องการให้ลุงฉางชิ่งกลับมาบริษัทเป่หมิงอีกครั้ง และเข้าร่วมการประกวดราคาของรัฐ……”
ตอนที่พวกกู้ฮอนมาปรากฏตัวอยู่ข้างหลังคนกลุ่มนั้น พวกเขากำลังฮึกเหิมกันอยู่เลยทีเดียว แต่ว่าคนที่ตาดีนั้น แวบเดียวก็เห็นคนทั้งห้าคนแล้ว
“ประธานกู้มาแล้ว!” เจ้าคนที่ยืนชูไม้ชูมือร้องตะโกนอยู่บนโต๊ะเอามือชี้ชวน ผู้คนก็เลยหันมองไปตามมือของเขา
สถานการณ์แบบนี้กู้ฮอนก็ไม่ใช่ไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อก่อนตอนที่อยู่โรงเรียนนั้นเรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นอยู่บ่อย ๆ และที่สำคัญคนเดินเคียงบ่าเคียงไหล่เธออยู่อย่างเป่หมิงยี่เฟิง เขาก็ถือได้ว่าเป็นแกนนำคนหนึ่งเหมือนกัน บทบาทที่ยืนอยู่บนโต๊ะตอนนี้ ก็คือภาพลักษณ์ตอนอยู่ในโรงเรียนของเขา
“ผมว่า คุณลงมาก่อนดีกว่า” ฉิงฮัวถลึงตามองแกนนำคนนั้นทีหนึ่ง “ก็ไม่ดูซะบ้างว่าที่นี่มันที่อะไร พนักงานของตระกูลเป่หมิงนั้นล้วนมีคุณภาพและได้รับการสั่งสอนมาแล้วทั้งนั้น ทำไมถึงได้มีคนแบบคุณอยู่ได้นะ……”
กู้ฮอนหันไปมองฉิงฮัวทีหนึ่ง ให้เขาเงียบเสียง พวกคำพูดเมื่อกี้เธอเกือบจะฟังได้ชัดเจนหมดแล้ว ถึงแม้ในใจจะมีความโกรธมากแค่ไหน ก็ทำได้แค่พยายามข่มมันลงไป แล้วแสดงท่าทางมีมิตรไมตรีออกมา“คำร้องขอของพวกคุณ เมื่อกี้ฉันได้ยินหมดแล้ว”
คนที่เป็นแกนนำกระโดดลงมาจากโต๊ะ แล้วเดินฝ่าฝูงชนมาถึงหน้ากู้ฮอน “ประธานกู้ ในเมื่อคุณได้ยินแล้ว ถ้างั้นคุณสามารถให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลกับเราได้ไหมว่าทำไมถึงไล่ลุงฉางชิ่งออกไป? ผมว่าคุณน่าจะรู้นะว่าเขาเป็นคนเก่าคนแก่ของบริษัทเป่หมิง และตอนที่คุณท่านเป่หมิงอยู่นั้นพวกเขาก็เคยร่วมฝ่าฟันกันมาอีกด้วย”
“เรื่องพวกนี้ฉันรู้ชัดเจนดี แต่ว่าที่ฉันต้องทำลงไปแบบนี้มันก็มีสาเหตุของมัน บ้านก็ต้องมีกฎบ้าน งานก็ต้องมีกฎงาน ในตอนที่เราประชุมระดับสูงนั้น เขาก่อกวนระเบียบการประชุมให้วุ่นวายไม่ใช่เพียงครั้งเดียว นอกเหนือจากนั้นยังใช้วิธีสกปรกไม่ตั้งใจทำงาน คนแบบนี้ถ้าเปลี่ยนเป็นคุณ คุณยังเก็บคนแบบนี้ไว้อีกไหม?”
“ผม……” คนที่เป็นแกนนำโดนพูดจนไม่รู้จะตอบว่ายังไงดีแล้ว ที่จริงเขาก็เป็นแค่คนที่โดนคนอื่นเอามาเป็นเครื่องมือหลอกใช้ก็เท่านั้น เขาเคารพนับถือติงฉางชิ่งมาตลอด เพราะฉะนั้นพอโดนยุแยงเข้าหน่อย เขาก็ไม่สนใจว่าความจริงมันจะเป็นยังไง พอหัวร้อนก็เลยออกมาก่อเรื่องวุ่นวายขึ้น
กู้ฮอนมองเขาแล้วยิ้มเย็นทีหนึ่ง แค่คนแบบนี้ยังสามารถทำให้คนเหล่านี้ลุกฮือขึ้นมาได้ ดูท่าคำพูดที่ว่าพนักงานทั้งหมดในบริษัทเป่หมิงตั้งแต่บนยันล่างล้วนเป็นคนหลักแหลมนั้น ก็คงจะเป็นแค่เรื่องตลกแล้วเท่านั้น ถ้าหากว่ามีแต่คนแบบนี้แล้วละก็ คงไม่ต้องให้พวกเขามาประท้วงหยุดงานแล้ว ไล่ออกไปโดยตรงเลยดีกว่า เหลือทิ้งไว้ในบริษัทเป่หมิงก็มีแต่จะมาทำลายเท่านั้น
“ทำไม? จิตใจฮึกเหิมของนายแบบเมื่อกี้มันหายไปไหนแล้วล่ะ? หรือพอฉันพูดออกมานายก็หมดคำพูดแล้วเหรอ? ถ้าหากนายรู้สึกว่าฉันกำลังพูดโกหกอยู่ละก็……” เธอพูดไปก็หันมาชี้ไปทางข้าง ๆ และข้างหลัง “ที่นี่ยังมีหัวหน้าแผนกอีกสามคน พวกเขาล้วนสามารถยืนยันการกระทำทั้งตอนปกติและตอนประชุมของติงฉางชิ่งได้ บริษัทเป่หมิงมีคุณเป่หมิงเจิ้งเทียนเป็นคนสร้างขึ้นมาเองกับมือ เขาใช้เลือดเนื้อและจิตใจสร้างบริษัทที่ใหญ่โตมาขนาดนี้ขึ้นมา ฉันในฐานะที่เป็นประธานคนใหม่ ก็จะต้องไม่ทำให้ความลำบากลำบนของเขามาสลายไปภายในวันเดียวแน่ ยิ่งไม่อนุญาตให้ขี้หนูแค่เม็ดเดียวมาทำให้น้ำซุปเสียทั้งหม้อ อยู่ต่อหน้าฉัน ไม่ว่าจะเป็นใคร มีสิทธิ์มากแค่ไหน ขอแค่ทำผิดแล้วก็ต้องได้รับโทษตามสมควร แต่ว่า ฉันก็เห็นแก่เมื่อก่อนที่ติงฉางชิ่งเป็นคนเก่าคนแก่ของบริษัทเป่หมิง และได้แบ่งโบนัสให้แก่เขา แบบนี้ชีวิตปั้นปลายของเขาก็จะสามารถสุขสบายได้ขึ้นมาหน่อย”
***
ในยกที่หนึ่งของการเผชิญหน้าเจรจานั้น เหมือนกับว่ากู้ฮอนจะขึ้นไปยืนอยู่เหนือลมมากกว่า และจากสิ่งนี้ก็มีผลทำให้ความฮึกเหิมของคนกลุ่มนี้ลดลงไปได้