เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 978 ที่ตรงนี้ไม่มีเงิน
บทที่ 978 ที่ตรงนี้ไม่มีเงิน
ประโยคนี้ตอบได้เหมือนจะตรงตามใจที่กังวลอยู่ของช่ายซินซิน เธอพยักหน้าอย่างพอใจ “งั้นฉันก็คงไม่รบกวนพวกคุณแล้ว ถ้ามีเวลาว่างแล้วฉันจะไปหาพวกคุณนะ กว่าจะมาถึงเมืองCได้ ถ้าไม่เที่ยวให้สนุกสักหลาย ๆ วันก็ห้ามกลับนะ”
พอเธอพูดจบ ก็เป็นฝ่ายจับมือกับหยินปู้ฝันก่อน จากนั้นก็หันมาโบกมือให้กู้ฮอนที่ยืนอยู่อีกฝั่งของรถ ถือได้ว่าเป็นการล่ำลา
หยินปู้ฝันและกู้ฮอนทั้งสองคนส่งช่ายซินซินด้วยสายตา เธอเดินอย่างกับนางแบบปารีสแฟชั่นวีคบิดไปบิดมาจนเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของหย่วนหยางกรุ๊ป
กู้ฮอนหันหน้ามามองหยินปู้ฝันทีหนึ่ง เห็นเพียงแต่เจ้าหมอนี่ยังไม่ยอมละสายตาจากทางแผ่นหลังของช่ายซินซิน
นี่ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาหน่อย ๆ พอเห็นสาวงามก็เดินไม่ไหว นี่เป็นโรคที่ผู้ชายทุกคนมีเหมือนกัน
“คุณหยิน นี่เราควรจะออกเดินทางได้แล้วใช่ไหมคะ?” เธอตั้งใจเลียนแบบช่ายซินซินพูดเสียงอ่อนเสียงหวานมาประโยคหนึ่งกับหยินปู้ฝัน
เวลานี้ หยินปู้ฝันถึงมีสติกลับมาได้ เขามองกู้ฮอนทีหนึ่ง “พูดจาดี ๆ แล้วอีกอย่างคุณเลียนแบบได้ไม่เหมือนด้วย ฟังจนผมเหงื่อเย็นออกเต็มหลังแล้ว”
กู้ฮอนหน้าตึง มองเขาตาขาวทีหนึ่งแล้วตัวเองก็ขึ้นรถไปก่อน
หยินปู้ฝันก็ขึ้นรถตามมา เขาหันหน้ามองกู้ฮอนทีหนึ่ง บนใบหน้ามีรอยยิ้มทะเล้นปรากฏ “ทำไม คุณหึงแล้วเหรอ?”
ประโยคนี้พูดจนใบหน้าของกู้ฮอนร้อนขึ้น คิดก็ไม่คิดแล้วตอบกลับไปประโยคหนึ่งว่า “ถุย ฉันเนี่ยนะจะหึงนาย เพียงแต่ว่าในฐานะที่เป็นเพื่อน ฉันก็เพิ่งเห็นครั้งแรกว่านายก็มีหน้าตาด้านแบบนี้ด้วย”
***
หยินปู้ฝันขยับกระจกมองหลังมาทางตนเองแล้วปรับให้เข้าที่ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาส่องกับกระจกไปตั้งนาน เหมือนกับว่ากำลังพูดกับกู้ฮอน แล้วก็เหมือนกับว่ากำลังพูดเองเออเองอยู่ “หน้าตาผมก็ไม่เลวนะ หล่อเหล่ามาตลอด”
กู้ฮอนหมดคำพูดกับเขาแล้ว สมแล้วที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเป่หมิงโม่ ด้านดี ๆ นั้นจำมาเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ด้านหลงตัวเองนี่เหมือนว่าเลียนแบบมาครบร้อยทั้งร้อยเลย
หลังจากที่หลงตัวเองอย่างเต็มที่แล้วนั้น เขาก็เริ่มขับเคลื่อนรถอีกครั้ง
หลังจากเขามองเวลาในรถทีหนึ่งแล้ว ก็ใช้น้ำเสียงแบบเจรจาพูดขึ้นกับกู้ฮอนว่า “นี่ก็เวลาเย็นมากแล้ว ดูท่าวันนี้คงจะทำเรื่องอะไรไม่ได้แล้ว เอาอย่างนี้ไหมเราไปหาที่สักที่พักผ่อนกันก่อนดีกว่า”
“ยังต้องหาอีกเหรอ ในเมื่อคุณช่ายเขาได้เชื้อเชิญนายไปพักที่โรงแรมแล้ว และนายก็ได้ตอบตกลงไปแล้วด้วย ก็อย่าสิ้นเปลืองความมีน้ำใจที่เขามีต่อนายเลย” กู้ฮอนถือโทรศัพท์ไว้ก้มหน้าก้มตาเล่นอินเทอร์เน็ตอยู่ แล้วพูดต่อคำพูดเขาไปประโยคหนึ่ง
มือทั้งสองข้างของหยินปู้ฝันจับพวงมาลัยไว้ ในปากก็บ่นพึมพำไปสักพัก “คำพูดของคุณนี้ พูดอย่างกับว่าผมจะไปเปิดห้องกับเธออย่างงั้นแหละ แต่ว่าที่คุณพูดมาก็เหมือนกับว่าจะมีเหตุผลอยู่บ้างนะ ในเมื่อเราพาเธอกลับมาจากบนทางด่วน ไปพักที่โรงแรมของพวกเธอก็เหมือนกับได้รับการตอบแทน แล้วอีกอีก ก็คือตั้งแต่ผมรับเรื่องคดีของพวกคุณมา ก็ไม่มีเสียงอื่นเข้าประตูมาแล้ว ไม่เพียงเท่านี้ นี่ผมยังถือว่าขจัดภัยอันตรายช่วยเหลือให้ปลอดภัยด้วยความเป็นเพื่อนนะ มีคนให้เอาเปรียบแบบนี้ไม่เอาก็เสียเปล่า”
“นี่นายไม่มีเงินขนาดนี้เลยเหรอ? แล้วใครบอกว่าจะให้นายทำงานนี้ฟรี ๆ ล่ะ พอถึงเวลานั้นรับรองไม่ให้นายเสียเปรียบแน่ ขับรถดีขนาดนี้ แต่ในกระเป๋ากลับเป็นเหมือนกับนามบัตรนายเลย ไม่เหมาะสมกับรถคันนี้สักนิด ถึงว่าทำไมเป่หมิงโม่เขาถึงมีความไม่ขี้หน้านายอยู่บ้าง” เวลานี้กู้ฮอนก็เริ่มประชดประชันดี ๆ เขา
ในสมองของเขาอยู่ ๆ ก็เส้นสีดำโผล่ขึ้นมาทันที “นี่ถ้าคุณยังพูดต่ออีกละก็ ผมจะวางทุกอย่างลงไม่สนใจแล้วนะ ผมกับเขาไม่เหมือนกันนะ เขาเป็นคุณชายของทุกคน แต่ผมมันเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่พึ่งความสามารถของตัวเองต่อสู้มา”
กู้ฮอนแลบลิ้นออกมา อยู่ ๆ เธอก็รู้สึกตัวว่าตัวเองพูดไปถึงปัญหาที่เป็นข้อห้ามที่สุดของเขาแล้ว
หยินปู้ฝันไม่พูดอะไรอีก เขาไปตามทางที่ช่ายซินซิน ชี้ให้เขาเมื่อกี้ ขับต่อไปก็แค่ระยะทางประมาณสิบกว่านาที ก็เห็นโรงแรมหนึ่งตั้งเด่นสง่าอยู่ตรงทางสี่แยก และอยู่ทางด้านซ้ายของหัวรถของพวกเขาพอดี
*
“คุณผู้หญิง ช่วยเปิดห้องให้เราด้วยครับ”
หยินปู้ฝันเอาตัวพิงไว้ที่เคาน์เตอร์ไว้ และมือข้างหนึ่งก็วางอยู่บนเคาน์เตอร์ เหมือนอย่างกับคนไม่มีเรื่องอะไร สายตายังมองสำรวจไปรอบ ๆ อีกครั้งหนึ่งด้วย
แต่ว่ากู้ฮอนที่ตามเขามาข้าง ๆ กลับรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง
‘เปิดห้อง’ คำคำนี้สำหรับสังคมสมัยนี้แล้ว มันถือได้ว่าเป็นคำศัพท์ที่คลุมเครือคำหนึ่ง ที่มักจะใช้ร่วมกับการแลกเปลี่ยนที่ไม่ปกติรวมเข้าด้วยกันอย่างวุ่นวาย
คนที่มีความรู้สึกแบบเดียวกับกู้ฮอนนั้น ยังมีแขกคนอื่น ๆ ที่มาทำเรื่องเข้าพักเหมือนกับพวกเขา พวกเขาล้วนใช้สายตาที่แฝงไว้ด้วยความสงสัยมองมาที่หยินปู้ฝันและกู้ฮอน
“ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงต้องการห้องแบบไหนคะ? ที่นี่เรามีห้องคู่รัก และยังมีห้องเพรสซิเดนท์สูท……” พนักงานที่รับผิดชอบต้อนรับถือได้ว่ามีประสบการณ์สูง อย่างหญิงหนึ่งชายหนึ่งที่มาเปิดห้องที่นี่นั้น ล้วนมีสถานะกันทั้งนั้น และที่สำคัญยังเป็นพวกวิ่งไล่ตามรสนิยมแบบนั้น เพราะฉะนั้นเขาก็เลยแนะนำห้องที่พิเศษที่สุดทั้งสองแบบของที่นี่ให้กับหยินปู้ฝัน
“พวกเราเอา……”
“พวกเราเอาห้องมาตรฐานสองห้องก็พอค่ะ” กู้ฮอนแย่งพูดคำพูดขึ้นก่อนตอนที่หยินปู้ฝันเพิ่งจะเปิดปากพูด
นี่มันคนชั่วขี้กลัว หรืออีกอย่างหนึ่งคือ ‘ที่ตรงนี้ไม่มีเงินสามร้อยชั่งฝังอยู่’ชัด ๆ พนักงานต้อนรับไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่ว่ามองหยินปู้ฝันและกู้ฮอนพวกเขาสองคนแบบมีอะไรแอบแฝงอยู่อีกครั้งหนึ่ง
***
ยังมีอีกอย่าง หยินปู้ฝันและกู้ฮอนใช้นามบัตรของช่ายซินซิน ได้จองห้องมาตรฐานของโรงแมหย่วนหยางสองห้องได้อย่างราบรื่นเรียบร้อยแล้ว และเหมือนอย่างที่เธอได้พูดไว้ ส่วนลดที่ได้รับนั้นช่างเป็นจุดสนใจของผู้คนจริง ๆ……เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์
จะต้องรู้ว่า โรงแรมใหญ่อย่างโรงแมหย่วนหยางและโรงแรมแมนดารินนั้นเกือบจะเป็นโรงแรมหรูระดับดาวเดียวกันแล้ว แล้วห้องมาตรฐานห้องหนึ่งอย่างน้อยก็ราคาสองสามพันแล้ว
หยินปู้ฝันกับกู้ฮอนต่างคนต่างเอาคีย์การ์ดของห้องตัวเอง พอมาถึงหน้าประตูห้อง ห้องของพวกเขาเป็นห้องติด ๆ กัน หรือว่าอาจจะเพราะว่าพนักงานเคาน์เตอร์วิเคราะห์จากภาพรวมแล้วถึงจัดให้แบบนี้ก็ได้
หยินปู้ฝันเปิดประตูห้องออกก่อน ไฟในห้องเปิดขึ้นทันทีตามประตูห้องที่เปิดออก
กู้ฮอนก็แอบมองสำรวจเข้าไปด้วยทีหนึ่ง
พูดว่าเป็นห้องมาตรฐาน แต่ว่าจากการตกแต่งที่ผ่านเข้ามาในสายตาแล้ว ห้องนี้อย่างน้อยก็ต้องดีกว่าถึงสองขั้น
“น่าเสียดาย น่าเสียดาย…… ถ้ารู้ว่าดีขนาดนี้และถูกขนาดนี้มาก่อนนะ ก็จะลองเอาห้องเพรสซิเดนท์สูทนั้นดูแล้ว” หยินปู้ฝันส่ายหัวอย่างเสียดายไป พร้อมกับเดินเข้าไปข้างในแล้ว
“เรามาที่นี่เพราะทำงานนะ ไม่ใช่มาใช้ชีวิตสุขสบายสักหน่อย และที่สำคัญนายพูดว่าในมือไม่ค่อยมีเงินไม่ใช่เหรอ ถึงแม้ว่าจะให้ห้องเพรสซิเดนท์สูทกับนาย นายก็จ่ายไม่ไหวหรอก” กู้ฮอนพูดต่อให้ประโยคหนึ่งแล้วก็เดินไปเปิดประตูห้องตัวเองบ้าง แล้วก็เดินเข้าไป
พอเธอเข้าไปแล้วไม่ถึงสองนาที โทรศัพท์ตรงหัวเตียงก็ดังขึ้นมา
“ฮัลโล ไม่ทราบหาใครคะ?”
“ผมหาคุณ” ที่หูโทรศัพท์มีเสียงของหยินปู้ฝันห้องข้าง ๆ ลอยมา “คุณพักผ่อนดี ๆ ไปก่อนสักชั่วโมงหนึ่งนะ แล้วเดี๋ยวเราค่อยออกไปหาอะไรกินกัน พอตอนดึกก็ลวดไปเดินเล่นให้ย่อยกัน”
เจ้าหยินปู้ฝันนี่ก็ช่างขี้เกียจจริง ๆ ก็แค่เดินสองก้าวยังไม่ยอมเดิน ยังต้องโทรศัพท์มาโดยตรงอีก
“อืม รู้แล้ว”
สิบนาทีให้หลัง กู้ฮอนอาบน้ำเสร็จแล้วใส่เสื้อคลุมแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอนอนลงบนเตียงใหญ่แล้วเริ่มคิดว่าต่อไปจะเดินหน้ายังไงดี
เมืองCใหญ่ขนาดนี้ ตามหาคนคนหนึ่งจะไปง่ายได้ยังไง และที่สำคัญยังต้องหาคนมาเป็นพยานจากธุรกิจสายเดียวกันของพื้นที่นี้อีก นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน
ไม่มีบริษัทไหนที่เหมือนกับกู้ฮอน ที่กล้าแกะแผลเป็นของรัฐบาลโดยไม่สนใจผลที่จะตามมาเลย
ไม่ว่ายังไงมันก็คือไม่ใช่ง่ายเลยจริง ๆ
คิดไปคิดมา ความเหนื่อยล้าจากการนั่งรถก็จู่โจมขึ้นมาทั้งตัว พอผ่านไปสักพักเธอก็หลับไป
การนอนหลับครั้งนี้นอนได้สบายมาก ไม่ฝันอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว จนกระทั่งถึงเสียงเตือนตรงหัวเตียงดังขึ้น
นี่เป็นเพราะว่าเธอกลัวว่าตัวเองจะหลับเพลิน ก็เลยตั้งเวลาไว้ในโทรศัพท์
เธอบิดขี้เกียจเสร็จแล้วก็ลงจากเตียงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการนั่งรถมาห้าชั่วโมง หลังจากที่ได้นอนไปหนึ่งชั่วโมงแล้วก็ลดลงไปเยอะ
เธอออกจากห้องของตัวเอง แล้วมาถึงหน้าประตูห้องหยินปู้ฝันและยกมือขึ้นมากดกริ่ง อย่างรวดเร็วก็ได้ยินเสียงฝีเท้าลอยมา จากนั้นประตูก็เปิดออก หยินปู้ฝันหน้าตายิ้มแย้มยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง “โยว่ ตรงเวลาจังเลยนี่”
กู้ฮอนพยักหน้า จากนั้นเธอก็ได้กลิ่นหอมของน้ำหอมลอยออกมาจากห้องของหยินปู้ฝัน ชายตัวใหญ่อย่างหยินปู้ฝันนั้นเขาไม่มีทางใช้น้ำหอมหรอก และที่สำคัญกลิ่นนี้ก็ช่างคุ้นเคยนัก
เธอนึกขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ว่านี่เป็นกลิ่นแบบน้ำหอมบนตัวช่ายซินซิน
หรือว่าพวกเขาเร็วขนาดนี้ก็ ‘เกี่ยวพัน’ อยู่ด้วยกันแล้วเหรอ? ดูท่าเวลาที่เขา ‘โสด’มาคงจะนานมากแล้ว พอมาเจอกับผู้หญิงที่ค่อนข้างเป็นฝ่ายรุกแบบช่ายซินซินก็เลยยอมแพ้การต่อต้านไปแล้ว
กู้ฮอนก็ไม่ใช่ไม่เข้าใจหลักการอะไร เธอรู้สึกตัวว่าตัวเองอาจจะทำลาย ‘ เรื่องดี ๆ’ ของคนอื่นเข้าซะแล้ว
“เอ่อ ในห้องนายมีแขกอยู่ งั้นฉันไม่รบกวนแล้ว เดี๋ยวฉันออกไปหาอะไรกินเองง่าย ๆ ก็พอแล้ว” พูดจบ แล้วเธอก็มองพื้นอย่างมีความอึดอัดบ้างเล็กน้อย จากนั้นก็เตรียมหมุนตัวจะจากไป
***
พอหยินปู้ฝันเห็นกู้ฮอนจะจากไป ก็รีบร้องเรียกเธอไว้ “ถึงแม้จะมีแขกมาแล้ว เธอก็ไม่ต้องจากไปหรอกมั้ง ทุกคนก็คนคุ้นเคยกันทั้งนั้น ยังมีอะไรเหมาะสมไม่เหมาะสมอีก”
พูดแล้วก็ยื่นมือมาดึงแขนของกู้ฮอนเอาไว้ ถือได้ว่าลากเธอเข้ามาในห้องของตัวเองได้อย่างแข็งกร้าว
ในเวลาแบบนี้ ผู้หญิงก็มักจะแปลกอย่างนี้ ในตอนที่ปากตัวเองกำลังพูดว่า ‘ไม่อยาก’ นั้น แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความสงสัยอย่างนับไม่ถ้วน
เธอที่โดนหยินปู้ฝันลากเข้ามาในห้อง มองไปก็เห็นช่ายซินซินนั่งอยู่บนโซฟาข้างโต๊ะเตี้ย ๆ ริมหน้าต่าง
การปรากฏตัวของเธอนั้นทำให้กู้ฮอนรู้สึกแปลกใจจริง ๆ แต่ว่ามันก็ตรงตามหลักของความรู้สึก
พูดแล้ว เมื่อตอนที่หยินปู้ฝันใช้นามบัตรของช่ายซินซินเปิดห้องมาตรฐานสองห้องที่หน้าเคาน์เตอร์แล้วจากนั้นก็ไปที่ห้อง หลังจากที่พวกเขาจากไปแล้วนั้น พนักงานต้อนรับหน้าเคาน์เตอร์ที่รับผิดชอบก็โทรไปรายงานให้ช่ายซินซินทันที
นี่ไม่ใช่เพราะว่ากังวลอะไร เพียงแต่เป็นแค่ขั้นตอนหนึ่งเท่านั้น ในเมื่อนามบัตรแบบนี้ไม่ได้เหมือนใบปลิวที่แจกกันไปทั่ว เพราะฉะนั้นคนที่สามารถมีมันได้ ก็ต้องเป็นบุคคลที่ ‘มีค่า’สำหรับเธอ
ช่ายซินซินนั่งอยู่บนโซฟา เหมือนอย่างกับนายหญิงยังไงอย่างงั้น และยิ้มอ่อน ๆ ให้กู้ฮอนอย่างสงบนิ่ง จากนั้นก็กวักมือเรียก “คุณกู้ เราเจอกันอีกแล้วนะคะ”
กู้ฮอนรู้สึกถึงความลำบากใจ แต่เธอก็ยิ้มน้อย ๆ “สวัสดีค่ะคุณช่าย”
พูดแล้ว เธอก็พิจารณาช่ายซินซินทั้งบนทั้งล่างอีกครั้ง
ตั้งแต่จากกันที่ใต้ตึกหย่วนหยางกรุ๊ปจนถึงตอนนี้ ก็ผ่านมาประมาณสองชั่วโมง ชุด ‘วับ ๆ แวม ๆ’ตัวเดิมของเธอได้เปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงลายลูกไม้สีฟ้าอ่อนแล้ว แต่ว่าเสื้อเกาะอกลายเสือตัวในนั้นกลับโผล่ออกมาอย่างไม่มีอะไรปิดบังสักนิด และนี่ทำให้ดูใกล้เคียงความมัว ๆ หม่น ๆ ที่เหมือนมีรูปร่างยิ่งขึ้นไปอีกชั้น
สิ่งที่ทำให้กู้ฮอนยิ่งรู้สึกตกใจคือ ชุดกระโปรงชุดนั้นมัน……บางมากจริง ๆ นี่ไม่ได้เป็นเพราะว่าเธอค่อนข้างหัวโบราณหรอกนะ เพียงแต่รู้สึกว่าใส่ชุดนี้มาที่แบบนี้ มันไม่ค่อยเหมาะสมจริง ๆ หรืออีกอย่างคือทำให้คนเกิดความคิดกำกวมขึ้นได้ง่าย ๆ
ถึงจะเป็นผู้หญิง หลังจากที่มองเธอทีหนึ่งแล้วก็ยังรู้สึกว่าหน้าจะแดงขึ้นมา
แต่ว่ากวาดตามองรอบห้องทีหนึ่งแล้ว ก็ไม่พบว่ามีที่ตรงไหมแปลก ดูท่าแล้วเจ้าหยินปู้ฝันนี่ก็ยังถือว่าสาวงามนั่งอยู่ในอ้อมอกก็ยังไม่หวั่นไหวเพราะมีความมุ่งมั่นและศีลธรรม