เดิมพันรักยัยตัวแสบ - เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 988 มีเรื่องก็ว่ามา
บทที่ 988 มีเรื่องก็ว่ามา
ถังเทียนจื๋อดีดนิ้วดังเปาะ ใบหน้าเผยรอยยิ้มจางๆ : “ไม่ผิดหลอกสิ่งที่คุณจะพูดต่อไปนี้เป็นสิ่งที่คุณต้องเผชิญ เราไม่ต้องการให้คนที่สามารถข่มขู่เราได้มีชีวิตอยู่ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม แม้จะเป็นเพียงการข่มขู่เพียงเล็กน้อยก็ไม่ได้”
ได้ยินประโยค ผู้อำนวยการโกวรับรู้เรื่องราวมาถึงจุดนี้แล้ว แม้เขาจะอารมณ์เสียอยู่บ้าง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว ตนไร้อำนาจต่อกรกับเขาอยู่แล้ว
ถังเทียนจื๋อดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟา ก้าวเดินไปยังผู้อำนวยการโกว พร้อมตบบ่าเขาจากทางด้านหลัง “ผู้อำนวยการโกว การกระทำตอนนี้ชัดเจนมาก ผมช่วยคุณจัดการกับตัวถ่วงของคุณเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถเดินไปข้างหน้าอย่างไร้กังวลได้เลย แต่ว่า ผู้หญิงคนนั้น…..ผมคิดว่าคุณน่าจะจัดการให้เรียบร้อยนะ ถึงเวลาที่ต้องเด็ดขาดก็ไม่ควรใจอ่อนเข้าใจไหม”
ประโยคนี้พลอยทำให้ผู้อำนวยการสั่นสะเทือนไปทั่วร่าง ให้เขาทำเรื่องไม่ดีเล็กๆน้อยๆยังพอไหว แต่ถ้าเรื่องใหญ่ไปมากกว่านี้เขาคงใจอกขวัญแขวนเป็นแน่
“คุณ คุณถัง….. ผมว่าทำแบบนี้ไม่ดีมั้งครับ ยังไงซะก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อย่างน้อยสำหรับผมแล้วเป็นเช่นนั้น บางที บางทีผมอาจจะมีวิธีที่ดีกว่านี้” ผู้อำนวยการเอ่ยประโยค พร้อมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา บรรจงเช็ดเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้าผากอย่างเร่งรีบ
“ได้ ในเมื่อคุณพูดขนาดนี้แล้วผมจะว่ายังไงได้ ส่วนผม ไม่คิดอยู่ที่นี่นานไปกว่านี้แล้ว คุณจะเอายังไงต่อเป็นเรื่องของคุณ” ถังเทียนจื๋อเอ่ย มือที่ยังคงวางบนไหล่บีบนวดเบาๆหนึ่งที
เพียงเท่านี้ ผู้อำนวยการเจ็บจนเบะปาก พร้อมแสดงสีหน้าที่แยกไม่ออกว่ากำลังร้องไห้หรือหัวเราะใส่เขา
จากนั้นเดินตามหลังถังเทียนจื๋อ ก่อนโค้งคำนับส่งเขาออกจากคฤหัสถ์ของตน
“ใช่แล้ว ผมยังมีอีกเรื่องจะบอกคุณ” ถังเทียนจื๋อที่เดินถึงหน้าประตูหยุดฝีเท้าลงพลันหันพรวดกลับไป
ผู้อำนวยการที่คิดว่าส่งนายท่านผู้น้อยคนนี้เรียบร้อยแล้ว ไม่คาดคิด แต่กลับถูกลูกซองเข้าอีกนัด
ยากที่จะคาดเดาเสียจริง หากมาอีกแล้วละก็ เส้นเลือดตามร่างกายเขาจะระเบิดไหมนะ
“คุณ คุณถังยังมีคำแนะนำอะไรอีกหรือครับ?” เขาเอ่ย พลางเบี่ยงสายตาจับจ้องพื้นดินอย่างตื่นเต้น
“ไม่ต้องตื่นเต้นหลอก ผมแค่จะบอกว่า : เรื่องของคุณจัดการโดยเร็วจะดีที่สุด ภายในสองสามวันนี้ ผมไม่ชอบอะไรที่ยืดเยื้อเข้าใจไหม หากผ่านช่วงนี้ไปแล้ว ผมจะไม่รบกวนคุณอีก”
จบคำ ถังเทียนจื๋อไม่หันกลับไปอีก เขาเดินลงบันไดก่อนก้าวขึ้นรถออดี้สีขาวที่จอดอยู่
เสียงเครื่องยนต์ไกลออกไปทุกที ผู้อำนวยการเอื้อมแขนที่ยังคงสั่นเทาออกมา พร้อมปิดประตูลง
“ประธานกู้ ไม่ได้เจอคุณตั้งสามวัน ฉันมีธุระที่ต้องหารือกับคุณ หากคุณยังพอมีเวลา ฉันจะเข้าไปที่ออฟฟิศคุณเดี๋ยวนี้
กู้ฮอนมือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์เอาไว้ อีกข้างพลิกดูตารางงานของตนในวันนี้ : “ได้ มีเรื่องอะไรเข้ามาแล้วค่อยว่ากัน แต่อย่านานมากนะ อีกสักพักฉันต้องไปประชุมที่ทำ เนียบ”
ตอนนี้ เรื่องของเป่หมิงโม่คงต้องวางไว้ก่อน แต่ทางด้านหยินปู้ฝันยังคอยติดตามเช่นเคย แถมพวกเขายังต้องเผชิญกับปัญหาที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้ เขายังคงมองหาทางออกอื่นอย่างสุดความสามารถ
สิ่งสำคัญคือตอนนี้กู้ฮอนได้กลับมายังบริษัทเป่หมิงอีกครั้ง ก่อนที่เป่หมิงโม่จะสงบไร้คลื่นลม เขามีหน้าที่ต้องปกป้องรับผิดชอบสถานที่นี้
หลังห้านาทีผ่านไป เป่หมิงยี่เฟิงเคาะประตูเบาๆก่อนเดินเข้าห้องทำงานส่วนตัว
“หัวหน้าเป่หมิง คุณมีธุระอะไรที่ต้องพูดต่อหน้าหรือ?” กู้ฮอนก้มหน้างุด หยิบปากกาไว้ในมือบรรจงเซ็นชื่อตนเองลงในเอกสาร
เอกสารเหล่านี้ผ่านการตรวจสอบจากฉิงฮัวเป็นที่เรียบร้อย ไร้ปัญหาใดๆเหลือเพียงแค่รอเธอเซ็นชื่อเท่านั้น
มือทั้งสองข้างของเป่หมิงยี่เฟิงล้วงเข้าไปกระเป๋า พลางเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ากู้ฮอน เขาเห็นว่าเธอก้มหน้าทำงานอย่างตั้งใจ ริมฝีปากจึงค่อยๆยกขึ้น
“เชิญนั่งคุณชายเป่หมิง”
ฉิงฮัวที่อยู่ข้างๆเอ่ยขึ้น
เป่หมิงยีฮัวส่ายหน้า : “ไม่ต้องหลอก ผมพูดจบแล้วจะไปทันที”
“แค่ประโยคเดียว? ดี รีบพูดเร็วเข้า ฉันต้องไปประชุม” กู้ฮอนเอ่ยพร้อมวางปากกาลง พร้อมเพ่งมองไปทางฉิงฮัว : “ช่วยฉันเตรียมรถที”
“ได้ครับคุณหนู” ฉิงฮัวรับคำก่อนลุกออกไปเตรียมตัว
อันที่จริงในเวลางาน การเดินทางของเขาเป็นเหมือนเป่หมิงโม่ มีฉิงฮัวคอยรับหน้าที่คนขับ
หลังกู้ฮอนออกคำสั่งกับฉิงฮัว เธอก้มหน้าจดจ่อกับเอกสารตรงหน้าอีกครั้ง
เป่หมิงยี่เฟิงเห็นทีท่าตั้งอกตั้งใจทำงานของเธอ ที่เทียบไม่ได้เลยกับตัวเธอในสมัยเรียน เวลาได้เปลี่ยนแปลงผู้หญิงคนหนึ่ง ประสบการณ์ได้เปลี่ยนแปลงผู้หญิงคนหนึ่ง ลูกน้อยได้เปลี่ยนแปลงผู้หญิงคนหนึ่ง และผู้ชายคนหนึ่งได้เปลี่ยนแปลงผู้หญิงคนหนึ่ง…..
“หัวหน้าเป่หมิง จะนิ่งอีกนานไหม? มีอะไรรีบว่ามาสิ”
เป่หมิงยี่เฟิงดึงสติกลับมา : “เอ่อ คืองี้นะ ก่อนหน้านี้ที่ฉันเคยว่าไว้ : ในเมื่อบริษัทเป่หมิงไม่เข้าร่วมการตรวจสอบราคาของรัฐบาล งั้นฉันจะเข้าร่วมในนามบริษัทอื่น”
“ใช่ นายอยากพูดอะไร?”
“ฉันเตรียมการเสนอราคาเรียบร้อยแล้ว สามารถส่งเข้าไปได้ตลอดเวลา แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทเป่หมิง แต่ฉันหวังว่าเธอจะหาเวลาว่างดูสักหน่อยดีกว่า”
กู้ฮอนชะงักมือ เงยหน้าขึ้นจับจ้องเป่หมิงยี่เฟิง : “หัวหน้าเป่หมิง เรื่องนี้จะเป็นคุณเองที่เข้าร่วม แถมยังเป็นบริษัทภายใต้บริษัทของคุณทำอีก นี่ไร้ความเกี่ยวข้องกับฉัน คุณอยากเอายังไงก็เอาอย่างงั้นสิ ฉันมีธุระอื่นที่ต้องจัดการ คุณเชิญตามสบาย”
เธอไร้กะจิตกะใจวุ่นวายกับเรื่องอื่น ในเมื่อเธอตัดสินใจสละสิทธิ์แล้ว ก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก
เป่หมิงยี่เฟิงคาดว่าเธอจะมีปฏิกิริยาอื่นที่ดีกว่านี้ แต่เธอกลับแสดงกิริยาไม่สนใจตนซะงั้น
“ประธานกู้ ดูท่าผมคงแส่หาเรื่องเอง ต้องขอโทษด้วย ที่เสียเวลางานของคุณ” เป่หมิงยี่เฟิงไม่พอใจเล็กน้อย แต่กลับทำอะไรไม่ได้
หลังจากที่เขาหันหลังเดินออกจากห้องทำงาน ที่สุดกู้ฮอนวางปากกาลง เธอแหงนหน้าขึ้นจ้องมองไปที่หน้าประตูช้าๆ ด้วยความรู้สึกหงุดหงิด
ฉิงฮัวบังคับเครื่องยนต์ของเป่หมิงโม่แล่นไปบนทางที่มุ่งสู่ทำเนียบรัฐบาล ที่มีกู้ฮอนนั่งอยู่เบาะหลัง
รถคันนี้ได้ทำการซ่อมแซมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภายนอกเสมือนรถคันใหม่ไม่ผิดเพี้ยน ทว่าทุกครั้งที่กู้ฮอนเห็นรถคันนี้ เธอพลันนึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนนั้นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
นึกถึงเป่หมิงโม่ พลอยทำให้นึกถึงผู้อำนวยการโกวด้วย
อันที่จริงเธอไม่ยอมขึ้นรถคันนี้หลอก แต่การเดินทางในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ของบริษัทเป่หมิงโม่ ช่วยไม่ได้
การประชุมของรัฐบาลในครั้งนี้อันที่จริงง่ายมาก แม้สังคมจะแพร่ข่าวเกี่ยวกับผู้นำโครงการนั้นอย่างบ้าคลั่ง อย่างไรซะบริษัทมากมายได้ทำการเตรียมตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพียงแค่ไม่ใช่วิธีที่ซื่อตรง เปิดเผยอย่างเป็นทางการ
จุดประสงค์ในครั้งนี้ ก็เพื่อการนี้
ภายในห้องประชุม โต๊ะกลมล้อมไปด้วยเหล่าบรรดาประธานและตัวแทนของบริษัทต่างๆ เป่หมิงที่เป็นถึงผู้นำอันดับหนึ่ง ที่นั่งของเธอถูกจัดให้อยู่ใกล้กับผู้นำมากที่สุด
ทำให้กู้ฮอนอึดอัดอย่างมาก เพราะตำแหน่งของเธอใกล้ชิดกับบุคคลที่เธอเคยต่อกรด้วยอย่างผู้อำนวยการโกวที่สุด
แน่นอน บุคคลที่มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน คงหนีไม่พ้นผู้อำนวยการโกว
เขาที่เพิ่งถูกถังเทียนจื๋อจี้ใจดำที่เกาะหูซินหมาดๆ ตามมาติดๆด้วยการแจ้งเตือนให้เขาทำหน้าที่นำการประชุมในครั้งนี้
เวลาใกล้เข้ามาทุกที ที่ว่างบนโต๊ะเหลือน้อยลงทุกที ท้ายที่สุด เหลือเวลาอีกหนึ่งนาทีในการประชุม เหลือที่ว่างเพียงแค่ที่เดียว
“แค๊กแค๊ก…..”ผู้อำนวยการโกวยกมือขึ้นจ้องมองนาฬิกา ก่อนเอ่ย : “ได้เวลาแล้ว เรามาเริ่มการประชุมกันเลย…..”
“เอี๊ยด…” ประตูห้องประชุมที่ปิดอยู่ในเวลานี้ ส่งเสียงดังขึ้นเล็กน้อย
ห้องที่เงียบสงบในคราแรก เสียงนี้ฟังแล้วแสบแก้วหูนัก
ผู้อำนวยการที่นั่งตำแหน่งผู้นำขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม เขาเกลียดสถานการณ์นี้มากที่สุด นี่มันเป็นหัวหน้าที่ไร้ประโยชน์เห็นๆ
ทุกสายตาในที่ประชุมจับจ้องไปที่หน้าประตู
แน่นอน กู้ฮอนเป็นหนึ่งในนั้นด้วย ในเวลาอันรวดเร็ว คิ้วคู่งามของเธอขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
เพราะบุคคลที่ปรากฏตัวขึ้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเป่หมิงยี่เฟิง
เธอปรับอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เขาตัดสินใจเข้าร่วมการเสนอราคาแล้วไม่ใช่หรือ การปรากฏตัวที่นี่ก็สามารถเข้าใจได้ แต่เหล่าบรรดาที่นั่งประจำตำแหน่งคงไม่คิดเช่นนั้น
แม้จะรู้จักเป่หมิงยี่เฟิงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มีการรู้จักลึกซึ้งอะไร เห็นว่ายังเป็นเด็กน้อย เล็กๆน้อยๆก็ต้องมีความรู้สึกดูถูกกันบ้าง
สำหรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างเป่หมิงยี่เฟิง ภายในห้องประชุมแม้ผู้อำนวยการโกวเอง ยังมีความรู้สึกประหลาดและไม่พอใจอยู่บ้าง
ประตูใหญ่ของทำเนียบรัฐบาลกลายเป็นตลาดสดที่จะไปมาตามใจชอบได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“คุณชายที่เพิ่งเข้ามาเมื่อครู่ คุณมาจากบริษัทอะไร?” ผู้อำนวยการโกวเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้
เป่หมิงยี่เฟิงเดินไปยังตำแหน่งที่ไร้ป้ายชื่อด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ไม่ว่าอย่างไร กับหัวหน้าแล้วเขาก็ยังคงนอบน้อม : “สวัสดีครับท่านผู้อำนวยการโกว ผมเป็นตัวแทนด้านกฎหมายของบริษัทเสิ้งเป่หมิง ผมชื่อเป่หมิงยี่เฟิงครับ วันนี้ผมมาเข้าร่วมการประชุมที่มีคุณเป็นหัวหน้าผู้ดำเนินการ”
เป่หมิงยี่เฟิง…..
บรรดาที่ไม่เคยได้ยินชื่อเป่หมิงยี่เฟิงนั้น ต่างก้มหน้าลงครหาอย่างออกรสออกชาติ บางคนที่เคยออกสังคม พอได้โอกาสนี้ต่างยื้อแย่งเอาหน้า
บอกเล่ากับคนที่ไม่เคยได้ยินเขาอย่างละเอียด เกี่ยวกับเรื่องราวของเป่หมิงยี่เฟิง
บุคคลที่ค่อนข้างเซนซิทีฟจึงเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง แต่ว่าในเวลาเดียวกันพวกเขาเห็นตัวแทนจากบริษัทเป่หมิงอย่างกู้ฮอนด้วย
“ผู้อำนวยการโกว นี่เป็นนามบัตรและการ์ดเชิญของผม” เป่หมิงยี่เฟิงเอ่ย พรอมเดินอ้อมผ่านที่นั่งของตน เดินไปหยุดต่อหน้าผู้อำนวยการโกว พร้อมยื่นการ์ดเชิญส่งให้กับเขา
หลังผู้อำนวยการรับการ์ดเชิญมาไว้ เป่หมิงยี่เฟิงหันหน้าส่งริยยิ้มให้กับกู้ฮอน
“คนที่ชื่อเป่หมิงยี่เฟิง เป็นคนของบริษัทเป่หมิงเหมือนกันหรือ ทำไมไม่มาในฐานะตัวแทนของบริษัทเป่หมิง แต่กลับเข้าร่วมในนามของบริษัทที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน? บริษัทเสิ้งเป่หมิง…..ทำอะไรกัน การกระทำของบริษัทเป่หมิงโม่ไม่ซื่อตรงเอาเสียเลย เป็นถึงบริษัทที่ยิ่งใหญ่ในวงการแล้วแท้ๆ แต่กลับส่งบริษัทย่อยเข้าร่วมโครงการอีก”
“นั่นสิ เห็นแก่ตัวชะมัด ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าเขาจะไม่เข้าร่วมโครงการ แต่แล้วยังไงล่ะ มาเองไม่พอ แถมยังหนีบบริษัทลูกมาด้วย”