เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 174 คุณชายทั้งสี่ของเมืองหลงอ่อนน้อมถ่อมตน
เหลิ่งรั่วปิง ตอนนี้เธอใส่หน้ากากเอาไว้ ทำให้ยิ่งอยู่ยิ่งได้ใจ!
แววตาเย็นยะเยือกของหนานกงเยี่ย มีดาบแหลมคมมากมายแฝงเอาไว้ เขาเหยียดตัวลุกขึ้น เดินเข้ามาใกล้เธอทีละก้าว ความน่ากลัวของเขาทำให้เธอแทบจะยืนไม่มั่นคง มือเรียวยาวเชยคางเหลิ่งรั่วปิงขึ้น “ไซ่ตี้จวิ้นมีอะไรดีกันแน่ ฮห๊ะ”
เหลิ่งรั่วปิงพยายามข่มความน่ากลัวของเธอขา เธอพยายามบอกตัวเองไม่ให้ก้าวถอยหลัง เงยหน้าขึ้นสู้สายตาเขา “เขาจะดีหรือไม่ดียังไงมันก็เรื่องของฉัน เกี่ยวอะไรกับคุณหนานกงคะ” ระหว่างริมฝีปากและฟันของเธอมีรอยยิ้มที่สวยงามเผยออกมา “เขาไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจ คุณถึงทำลายงานหมั้นของเขา แล้วยังทำแบบนี้กับผู้หญิงของเขาอีก?”
เธอกล้ายอมรับว่าเธอเป็นผู้หญิงของไซ่ตี้จวิ้น!
มือที่เชยคางเอาไว้บีบแรงขึ้น โดยไม่สนใจเหลิ่งรั่วปิงที่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะความเจ็บ “คุณเชื่อไหม ผมจะเอาชีวิตมัน”
แววตาของหนานกงเยี่ยกระหายเลือดมาก เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกกลัวขึ้นมา เขาไม่ใช่คนที่ชอบพูดล้อเล่น เขาทำในสิ่งที่พูดอยู่เสมอ เธอไม่อยากให้ไซ่ตี้จวิ้นต้องเดือดร้อนเพราะเธอ “คุณหนานกง คุณไซ่ตี้จวิ้นอาจจะเคยคิดไม่ซื่อกับผู้หญิงของคุณ แต่ว่าตอนนี้คนที่เขาจะแต่งงานด้วยคือฉู่หนิงซยา ไม่ใช่เหลิ่งรั่วปิง คุณมีความแค้นอะไรที่ไม่สามารถปล่อยเขาไปไม่ได้”
หนานกงเยี่ยคลายมือ กระตุกมุมปากขึ้นแสยะยิ้ม “ถ้าผมบอกว่าผมอยากจะแย่งผู้หญิงของมันล่ล้ะ”
“หึ!” เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะในลำคอ สะบัดมือของหนานกงเยี่ยทิ้ง กระดิกแหวนที่สวมเอาไว้บนนิ้วกลางนางข้างซ้าย “ก่อนหน้านี้คุณหนานกงเคยบอกว่า เห็นฉันเป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น คุณดูอยู่ห่างๆ ก็พอแล้ว อย่าคิดเลยเถิด!”
หนานกงเยี่ยดึงมือกลับ พยายามข่มความโกรธของตนเองลง สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้เขาโทษใครไม่ได้ เขาเป็นคนทำมันขึ้นมาเอง ถูกต้อง ตอนนี้เธอคือฉู่หนิงซยา เขาจำเป็นต้องเผชิญกับเรื่องนี้ หนานกงเยี่ยพยายามปรับเสียงให้อ่อนโยน “ครับ คุณรีบไปเปลี่ยนชุดเถอะ”
เหลิ่งรั่วปิงรู้ เวลานี้ เธอไม่สามารถเอาชนะเขาไม่ได้ ทำได้เพียงทำตามที่เขาบอก เธอเองก็พยายามควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ให้โมโห เลือกเสื้อผ้าจากในตู้เสื้อผ้าสองสามชุด จากนั้นเดินเข้าไปเปลี่ยนในห้องนอน
สิ่งที่ทำให้เธอตกใจก็คือ เสื้อผ้าที่หนานกงเยี่ยซื้อให้เธอ เป็นไซซ์ส์ของเธอทั้งหมด จู่ๆ เธอก็นึกถึงครั้งแรกตอนที่ได้เจอกับไซ่ตี้จวิ้น เขาเองก็ใช้สายตาเดาขนาดไซซ์ส์เสื้อผ้าของเธอ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ ผู้ชายทุกคนต่างก็มีด้านที่หน้าไม่อายกันหมดหรือรึเปล่า แค่มองก็รู้ขนาดไซซ์ส์ของผู้หญิง?
เรื่องขนาดเสื้อผ้าก็อีกเรื่องหนึ่ง เสื้อผ้าทุกตัวที่หนานกงเยี่ยซื้อมาล้วนเป็นแบบที่เธอชอบ เรียบง่าย ดูมีสง่า ผ่าเผย อีกทั้งเขายังซื้อกางเกงหลายตัว ซื้อกระโปรงน้อยกว่ากางเกง เหมือนรู้แต่แรกว่าเธอไม่ชอบใส่กระโปรง
คิดไม่ถึงจริงๆ ผู้ชายคนนี้จะช่างสังเกตมาก
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เหลิ่งรั่วปิงเดินออกมา หนานกงเยี่ยเงยหน้าขึ้นมอง แววตาของเขาเต็มแสดงความไปด้วยความรู้สึกทึ่งกับความสวยของเธอ ผู้หญิงตรงหน้าเหมือนเป็นลูกรักของแฟชั่น ไม่ว่าเธอจะใส่อะไรก็สวยไปหมด เสื้อไหมพรมตัวใหญ่สีขาว กางเกงขายาวสีดำ เข้ากับรองเท้าหนังสีดำ ตรงบริเวณเอวรัดเข็มขัดสีเหลือง คลุมทับด้วยเสื้อโค้ทผ้าวูลลายสก็อตสีเขียว เหลิ่งรั่วปิงเป็นคนขี้หนาว เธอสวมผ้าพันคอเข้าชุดกับเสื้อโค้ท
เธอดูสวยธรรมชาติมาก ราวกับเป็นนางฟ้า
เหลิ่งรั่วปิงไม่สบอารมณ์กับแววตาที่เขามองมา เธอหัวเราะเหยียด “คุณหนานกง ถ้าขืนคุณยังจ้องแบบนี้ ฉัฉํนคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องไปงานเลี้ยงอะไรแล้วค่ะ”
หนานกงเยี่ยดึงสายตากลับ คลี่ยิ้ม “ครับ ไปกันเถอะ”
การกลับมาเจอกันอีกครั้งหลังจากเธอไปจากเขา หนานกงเยี่ยรู้สึกว่าเหลิ่งรั่วปิงเปลี่ยนไปมาก เธอมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น อาจจะเป็นเพราะแก้แค้นสำเร็จแล้ว เธอไม่ต้องแบกรับภาระที่หนักอึ้ง ดังนั้นเธอจึงดูผ่อนคลาย ถ้าตอนนั้นเขาไม่เลือกทางผิด เวลานี้ เธอต้องอยู่ในอ้อมกอดของเขา หัวเราะอย่างมีความสุขแน่นอน
ไนท์คลับเฟิ่งหวงไถในวันนี้ เหมือนมีงานใหญ่ อวี้ไป่หันเตรียมห้องวีไอพีที่หรูและใหญ่ที่สุดเอาไว้ เขาสั่งอาหารมากมายเต็มโต๊ะ นั่งรอการมาของหนานกงเยี่ยและเหลิ่งรั่วปิง เพราะความผิดพลาดในตอนนั้น ทำให้เหลิ่งรั่วปิงตัดสินใจไปจากเมืองหลง จนความเป็นเพื่อนของเขากับหนานกงเยี่ยเกือบถูกตัดขาดสะบั้น เขารู้สึกผิดมาก ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว เขาอยากใช้วิธีนี้ในการชดเชยให้เธอ
ทางด้านถังเฮ่าก็มาถึงไนท์คลับเฟิ่งหวงไถแต่หัววัน เขารอคอยการกลับมาของเหลิ่งรั่วปิงจนผมขาวไปหมดแล้ว เพราะมีแค่เหลิ่งรั่วปิงกลับมาเท่านั้น เขาถึงจะรู้ข่าวของหลินมั่นหรู
มู่เฉิงซีเองก็ไม่กล้ารอช้า เขาพาเวินอี๋มาก่อนเวลานัด แน่นอนว่าเขาไม่ได้บอกความลับของเหลิ่งรั่วปิงให้เวินอี๋รู้ เวลานี้เขาเองก็อยากให้เหลิ่งรั่วปิงอยู่ต่อ หนึ่งเพื่อนหนานกงเยี่ย สองเพื่อเวินอี๋ ตั้งแต่เหลิ่งรั่วปิงตัดสินใจไปจากเมืองหลง เวินอี๋ที่น่ารักของเขาก็เศร้ามาก
การกลับมาของเหลิ่งรั่วปิง คือสิ่งที่ทุกคนรอคอย
ดังนั้น ตอนที่หนานกงเยี่ยเปิดประตูเข้ามาในห้อง ทุกคนหันหน้ามาพร้อมกัน มองไปที่เหลิ่งรั่วปิงด้วยสีหน้าและแววตาต้อนรับ เหลิ่งรั่วปิงยังคงเหมือนเดิม เธอยังคงโดดเด่นกว่าทุกคน ยังคงสวยมีสง่า ใจกว้างและผ่าเผย ราวกับเป็นเทพธิดา มีแค่หน้าตาของเธอเท่านั้นที่เปลี่ยนไป ถ้าไม่ใช่เพราะหนานกงเยี่ยบอกล่วงหน้า พวกเขาคงไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงตรงหน้าคือเหลิ่งรั่วปิง ต้องคิดว่าหนานกงเยี่ยหาผู้หญิงมาแทนที่เหลิ่งรั่วปิงอย่างแน่นอน
เวินอี๋นั่งอยู่ข้างๆ มู่เฉิงซี ดวงตากลมโตของเธอกระพริบถี่ มองเหลิ่งรั่วปิงตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพิจารณา ความรู้สึกไม่พอใจจุกอยู่เต็มอก ก่อนหน้านี้หนานกงเยี่ยยังรักเหลิ่งรั่วปิงแทบเป็นแทบตายไม่ใช่เหรอ ทำไมหลังจากกลับมาจากประเทศเอ้าตูก ถึงพาผู้หญิงคนนี้ที่ละหม้ายคล้ายคลึงกับเหลิ่งรั่วปิงกลับมาด้วย อีกทั้งสีหน้ายังดูดีเป็นประกาย หึ ความรู้สึกเปลี่ยนไปเร็วจริงๆ ทำให้คนอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เขารักเหลิ่งรั่วปิงมากแค่ไหน!
เหลิ่งรั่วปิงไม่มีความรู้สึกดีๆ อะไรกับคุณชายทั้งสี่ของเมืองหลง ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะมองเธอด้วยสายตาต้อนรับหรือไม่ เธอก็รังเกียจที่จะชายตามอง เหลิ่งรั่วปิงปรายตามองไปอีกทาง เธอมองไปที่เวินอี๋ คลี่ยิ้มบางๆ
ดวงตากลมโตของเวินอี๋กระพริบปริบๆ ความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างผ่านหน้าเธอไป บางทีคนเราอาจจะมีแม่เหล็กที่สามารถดึงดูดกันได้ เธอไม่รู้สึกเกลียดฉู่หนิงซยาเลยสักนิด ในทางกลับกัน เธอกลับรู้สึกชอบฉู่หนิงซยามาก
สายตาของทุกคนที่จับจ้องมานั้น ดูตั้งใจจนเกินไป หนานกงเยี่ยเองก็จนปัญญา เขาพาเหลิ่งรั่วปิงไปนั่งตรงเก้าอี้ว่าง เงยหน้าขึ้นมองทุกคนด้วยสีหน้านิ่งๆ เพื่อเป็นสัญญาณเตือน
อวี้ไป่หันเป็นคนแรกที่รู้ตัว เขายิ้มแฉ่ง “คุณคนนี้คือ…”
“ฉู่หนิงซยา!” เหลิ่งรั่วปิงพูดแทรกอวี้ไป่หัน เพราะเธอรู้ว่าเขาจะต้องบอกว่าเธอเป็นคู่ควงคนใหม่ของหนานกงเยี่ย เธอจึงจำเป็นต้องพูดก่อน “ฉันเป็นน้องสาวของหมอศัลยกรรมชื่อดังระดับโลกฉู่เทียนรุ่ยค่ะ เป็นคู่หมั้นของประธานไซ่ตี้จวิ้นเจ้าของบริษัทไซ่เหวย และเป็นสถาปนิกชั่วคราวของบริษัทหนานกง ฉันมาเมืองหลงเพื่อออกแบบแลนด์มาร์คเมืองหลง อยู่ที่นี่ระยะสั้นเท่านั้น หวังว่าทุกคนจะให้การดูแลอย่างดีนะคะ”
อวี้ไป่หันยิ้มค้าง ถังเฮ่าและมู่เฉิงซีเองก็ตัวแข็งทื่อ คำพูดร่ายยาวที่เหลิ่งรั่วปิงพูดออกมา พวกเขาได้ยินใจความสำคัญแค่อย่างเดียว ‘”คู่หมั้นของไซ่ตี้จวิ้น’!”
ทุกคนอดไม่ได้ที่เบนอียงสายตามองไปยังมือซ้ายของเธอ มีแหวนเพรชรเม็ดโตอยู่ที่นิ้วกลาง
ผู้หญิงคนนี้เลิกกับหนานกงเยี่ยไปห้าเดือน ก็หมั้นกับไซ่ตี้จวิ้นแล้ว !
ถ้าเธอแต่งงานกับไซ่ตี้จวิ้น แล้วหนานกงเยี่ยจะทำอย่างไรยังไง
แน่นอน หนานกงเยี่ยรู้ว่าเหลิ่งรั่วปิงทำไปเพราะอะไร เธอรีบบอกทุกคนว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา พร้อมทั้งกระดิกมือซ้ายที่สวมแหวนเอาไว้ หนานกงเยี่ยปวดใจมาก มือของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะกำหมัดแน่น พยายามฝืนยิ้มออกมา “หิวหรือยัง กินกันเถอะ”
มองดูหนานกงเยี่ยตักดอาหารให้เหลิ่งรั่วปิง ภายในใจของพวกเขาพากันรู้สึกเศร้า ทางด้านอวี้ไป่หันรู้สึกผิดมาก ถ้าตอนนั้นเขาไม่ได้เป็นคนคิดแผนการนั้นขึ้นมา ตอนนี้คงไม่เป็นแบบนี้ อวี้ไป่หันยิ้มแห้งๆ “อื้ม หนิงซยา ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลืออะไร บอกผมได้เลยนะ”
เหลิ่งรั่วปิงยิ้มอ่อน พูดเสียงหวาน ทว่านัยน์ตาของเธอกลับเย็นยะเยือก “ขอบคุณคุณอวี้มากนะคะ แต่ฉันคิดว่าฉันคงไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ นอกจากฉันอยากมาขายตัวที่ไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ”
ความอับอายที่คุณชายทั้งสี่ของเมืองหลงทำกับเธอ เธอไม่มีวันลืม อวี้ไป่หันเป็นคนแรกที่เธอจะจัดการ
อวี้ไป่หันยิ้มเหยเก สายตาอาฆาตของเหลิ่งรั่วปิงไม่ว่าใครก็มองออก เขาเสียวสันหลังวาบ
นึกถึงสิ่งที่พวกเขาทำกับเหลิ่งรั่วปิง ร่างบางที่เข้มแข็งและทระนงถูกผู้คนมองด้วยสายตาดูถูก พวกเขาทุกคนรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก อยากจะซื้อของที่ดีที่สุดในโลกมาให้เธอเพื่อเป็นการไถ่โทษ
ขณะที่ทุกคนนึกถึงเรื่องวันนั้น หนานกงเยี่ยเองก็นึกถึงเรื่องวันนั้นเหมือนกัน เขาปวดใจยิ่งกว่าทุกคน วันนั้นเธอจะยกหัวใจของเธอให้เขา แต่เขากลับทำให้เธออับอายขายหน้า เวลานี้ถ้าการฆ่าเขาทำให้เหลิ่งรั่วปิงเจ็บปวดน้อยลง เขายินดี
“คุณฉู่คะ คุณเป็นคนประเทศเอ้าตูเหรอคะ” เสียงหวานของเวินอี๋ดังขึ้น ทำลายความเงียบในห้อง ทำให้บรรยากาศทอึดอัดน้อยลง
ถึงแม้เหลิ่งรั่วปิงจะแสดงสีหน้าไม่พอใจให้กับคุณชายทั้งสี่ของเมืองหลง แต่เธอกลับยิ้มหวานให้เวินอี๋ “ใช่ค่ะ ฉันเกิดและโตที่ประเทศเอ้าตู”
“ค่ะ” เวินอี๋จ้องมองเหลิ่งรั่วปิง “คุณเหมือนญาติคนหนึ่งของฉันมากเลยค่ะ”
เหลิ่งรั่วปิงยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร ถ้ามีโอกาสเธอจะบอกความจริงกับเวินอี๋ เธอเห็นความคิดถึงและเป็นห่วงจากแววตาของเวินอี๋ ความเป็นห่วงของเวินอี๋ทำให้หัวใจที่หนาวเย็นของเธออบอุ่นขึ้นมา เมืองนี้ไม่ได้มีแค่ความแค้นและความเจ็บปวด แต่ยังมีญาติคนหนึ่งที่คอยเป็นห่วง
มู่เฉิงซีที่หน้าทำหน้าเข้มตลอดเวลา กลับส่งยิ้มให้เธอ “คุณฉู่ครับ ปกติแล้วแฟนของผมอยู่คนเดียว เธอเหงามาก ดูเหมือนเธอจะถูกชะตากับคุณ ถ้าคุณไม่รังเกียจ เวลาคุณฉู่มีเวลาว่างมาเที่ยวบ้านผมได้นะครับ มาพูดคุยกับเธอ”
ได้ยินข้อเสนอแนะนำนี้ เวินอี๋ดวงตาเป็นประกาย “ใช่ค่ะๆ คุณฉู่ มาที่บ้านฉันนะคะ”
เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ปกติแล้วมู่เฉิงซีไม่ใช่คนแบบนี้ พื้นที่ของเขาไม่มีวันให้คนนอกเข้าออกง่ายๆ เขาหวงเวินอี๋เข้าขั้นโรคจิต แม้แต่ผู้หญิงก็ไม่ยอมให้สนิทกับเวินอี๋ ตอนนั้นเวลาที่เธอไปหาเวินอี๋นานหน่อย เขาก็ทำหน้าหงิกหน้างอตลอด แต่วันนี้กลับเปลี่ยนไป
แต่ว่า เธอไม่ปฏิเสธข้อเสนอแนะนี้ “ได้ค่ะ ไว้ว่างๆ เราไปดื่มชาด้วยกันนะคะ”
“ค่ะ” เวินอี๋ยิ้มแล้วพยักหน้า สายตาของเธอจดจ้องไปที่ฉู่หนิงชยาเหลิ่งรั่วปิง เธอรู้สึกคุ้นเคยกับฉู่หนิงซยาเหลิ่งรั่วปิงมาก