เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 247 ความเจ็บปวดของเขาจะบอกให้ใครฟังได้
เงียบอยู่หลายวินาที ซือคงอวี้แสยะยิ้มขึ้นมา รอยยิ้มนั้นชั่วร้ายราวกับปีศาจ ”พรหมลิขิตบ้าบออะไร ฉันต้องการให้นายรู้ว่า สุดท้ายแล้วเธอต้องเป็นผู้หญิงของฉัน สำหรับลูกของนาย ฉันจะทำให้มันตายในท้อง ลูกของเธอในอนาคต ต้องนามสกุลซือคงเท่านั้น”
แววตาของหนานกงเยี่ยเหี้ยมโหด เปี่ยมด้วยสายตาอาฆาต รอบตัวของเขามีรังสีอำมหิตเผยออกมา ราวกับพายุเฮอริเคนที่กวาดล้างทุกอย่างในโถงฝึกต่อสู้ ซือคงอวี้คิดจะทำร้ายลูกของตน ตนจะทำให้ซือคงอวี้ตายอย่างอนาถแน่นอน!
ซือคงอวี้เชิดคางขึ้นด้วยความทระนง รังสีอำมหิตในตัวแผ่ซ่านออกมา รังสีอำมหิตของทั้งสองพุ่งชนเข้าหากัน ถ้ารังสีอำมหิตนี้จับต้องได้ เช่นนั้นพวกเขาคงไม่ต้องใช้กำลัง ก็สู้กันเป็นร้อยเป็นพันรอบแล้ว
“ซือคงอวี้!” เสียงที่หนานกงเยี่ยเปล่งออกมานั้นหนักแน่น ”ฉันจะทำให้นายรู้ว่า การหาเรื่องฉัน มันต้องมีจุดจบยังไง”
หาเรื่องเขา มีจุดจบแค่สองอย่างเท่านั้น ซึ่งก็คือตายและตายทั้งเป็น!
“หึ!” ซือคงอวี้แสยะยิ้ม ”ถ้าอย่างนั้นนายเองก็คงต้องคิดสักหน่อย บางทีหาเรื่องฉันแบบนี้การตายอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดก็ได้”
เวลานี้ โถงฝึกต่อสู้เต็มไปด้วยรังสีอำมหิต ความโมโหเกรี้ยวกราดโอบล้อมชายทั้งสองผู้ยิ่งใหญ่ ทำให้พวกเขาไม่ใช้คำพูดในการสื่อสาร แต่ตัดสินใจใช้กำลัง
ชายที่แข็งแกร่งทั้งสองคนสู้กัน เป็นภาพที่น่าตกตะลึงมาก ความเร็วในการออกหมัดของพวกเขา ทำให้คนมองไม่ทัน เห็นพวกเขาแลกหมัดไปมา พร้อมด้วยเสียงผัวะๆ ราวกับเสือดุร้ายกำลังสู้กัน
ความสามารถในการต่อสู้ของทั้งสองต่างอยู่ในระดับสูง ยากที่จะเดาว่าใครจะแพ้ชนะ โถงฝึกต่อสู้ถูกทำลายจนเละเทะไปหมด ขณะที่ทั้งสองแลกหมัดกันอยู่นั้น โต๊ะและเก้าอี้ก็เริ่มแตกหักพังทลาย ชั้นวางอาวุธล้มระเนระนาด
เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ทั้งสองยังคงแลกหมัดอย่างเมามัน คนของทั้งสองฝ่ายที่ดูการต่อสู้อยู่นั้นต่างเป็นกังวล
หลินมั่นหรูเป็นคนที่กังวลมากที่สุด เพราะเธอกลัว เธอกลัวว่าซือคงอวี้จะได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นเธอจึงลอบเอาเข็มออกมา นี่ไม่ใช่เข็มเงินธรรมดาทั่วไป เข็มนี้เคลือบด้วยพิษ หลินมั่นหรูจ้องทั้งสองที่กำลังสู้กันไม่วางตา เพื่อหาโอกาส
ทางด้านถังเฮ่า เขามองหลินมั่นหรูมาโดยตลอด ทุกการกระทำของเธอล้วนอยู่ในสายตาของเขา ตอนที่เธอเอาเข็มเงินออกมานั้น เขาวิ่งไปด้านหน้า แล้วคว้าข้อมือของหลินมั่นหรูไว้ ”ทำไม คนของวิหารซีหลิงชอบทำตัวเป็นหมาลอบกัดเหรอ หรือว่าคุณกลัวว่าเจ้านายของคุณจะแพ้”
หมาป่าสีเทาที่กำลังดูการต่อสู้ด้วยความตั้งใจ หันขวับไปมองเข็มเงินในมือหลินมั่นหรู ตวาดด่าด้วยความโมโห ”ทำให้วิหารซีหลิงขายหน้าจริงๆ ไสหัวออกไป!”
“ไม่นะคะ หมาป่าสีเทา ฉันไม่กล้าทำอะไรแล้ว คุณให้ฉันอยู่ต่อเถอะนะคะ” หลินมั่นหรูรีบขอร้อง
หมาป่ามีเทาไม่มีอารมณ์มาสนใจเธอ ขมวดคิ้วเป็นปมแล้วพูด ”อยากอยู่ที่นี่ ก็ทำตัวดีๆ หน่อย!”
“ค่ะ” หลินมั่นหรูโค้งตัวตอบรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว หลังจากที่หมาป่าสีเทามองดูการต่อสู้ต่อนั้น หลินมั่นหรูก็หันไปมองค้อนถังเฮ่า บอกให้เขาปล่อยมือ
แต่ถังเฮ่าไม่มีทีท่าจะปล่อยมือแม้แต่น้อย เขากระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ ”ผมว่าคุณคงจะคันไม้คันมือ ถ้าอย่างนั้นผมมาสู้กับคุณสักตั้ง เรามาประลองกันหน่อย”
ขณะพูด ถังเฮ่าลากตัวหลินมั่นหรูเข้าไปในห้องฝึกต่อสู้ขนาดเล็กอีกห้องหนึ่ง
เข้าไปถึงห้องฝึกต่อสู้ หลินมั่นหรูสะบัดมือถังเฮ่าอย่างแรง ”ถังเฮ่า คุณคิดจะทำอะไร”
ถึงแม้เธอจะไม่ได้คิดอะไรกับเขา แต่เขาชอบเธอ แววตาของเขาอ่อนโยน ”คุณชอบซือคงอวี้?”
“เกี่ยวอะไรกับคุณ!”
ถังเฮ่าสูดลมหายใจเข้า ”แต่เขาไม่ได้ชอบคุณ”
หลินมั่นหรูเป็นห่วงการต่อสู้ของซือคงอวี้ ไม่อยากจะเสวนากับถังเฮ่า ชำเลืองมองไปที่เขาด้วยความรำคาญ จากนั้นหันหลังเดินจากไป ทว่ากลับถูกถังเฮ่าคว้าข้อมือเอาไว้ ”ถังเฮ่า ฉันขอเตือนคุณเอาไว้อย่ามายุ่งกับฉัน!”
หลังจากพูดจบ หลินมั่นหรูลงมือด้วยความเด็ดขาด อยากจะสลัดถังเฮ่าทิ้งให้เร็วที่สุด
หลังจากแลกหมัดกันหลายครั้ง ถังเฮ่าดึงตัวหลินมั่นหรูเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ”เสี่ยวหรู คุณไปเมืองหลงกับผมเถอะ ผมจะแต่งงานกับคุณเอง”
หลินมั่นหรูมองถังเฮ่าด้วยความตลก ”อย่ามาแกล้งทำเป็นคนรักจริง คุณจะแต่งงานกับใครมันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันไม่ได้รักคุณสักหน่อย ไม่ว่าฉันจะอยู่หรือตาย ฉันก็เป็นคนของวิหาร แล้วฉันจะไปเมืองหลงกับคุณได้ยังไง”
“คุณก็เห็นแล้วนี่ คนที่ซือคงอวี้รักคือเหลิ่งรั่วปิง คุณอยู่กับเขาแบบนี้มันจะมีความหมายอะไร”
“นั่นมันเรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ” หลินมั่นหรูผลักถังเฮ่าอย่างแรง ”คุณบอกว่าฉันอยู่กับเจ้าวิหารต่อไปแบบนี้ไม่มีความหมาย แล้วการที่คุณมาตามตอแยฉันแบบนี้มันมีความหมายอะไรคะ มันคือหลักการเดียวกัน อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันไม่มีวันรักคุณ!”
พูดจบ หลินมั่นหรูสะบัดผม หมุนตัวหันหลังอย่างไร้เยื่อใย เดินออกไปจากห้องฝึกต่อสู้
มองดูแผ่นหลังของเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่ถังเฮ่ารู้สึกชีวิตล้มเหลว
ตอนที่ถังเฮ่าและหลินมั่นหรูกลับเข้าไปยังโถงฝึกต่อสู้ การต่อสู้ระหว่างหนานกงเยี่ยและซือคงอวี้ได้จบไปยกหนึ่งแล้ว ทั้งสองยืนอยู่คนละด้าน ต่างหายใจหอบด้วยความเหนื่อยล้า เหงื่อเต็มหน้าผาก
ดูท่ายังไม่รู้ผลแพ้ชนะ
หลังจากพักยกสั้นๆ ซือคงอวี้หรี่ดวงตาที่ราวกับนกฟีนิซ์ของตนลง ”ต่อเลย”
ดวงตาสีนิลของหนานกงเยี่ยหรี่เล็ก ”เยี่ยม”
เหมือนว่าการแลกหมัดแลกเท้ายังไม่สะใจพอ ทั้งสองหยิบดาบจากชั้นวางอาวุธขึ้นมา แล้วเริ่มต่อสู้อย่างดุเดือดอีกครั้ง
ภายในโถงฝึกต่อสู้กว้างใหญ่ที่ว่างเปล่า เสียงดาบกระทบกันเสียงดังจนแสบแก้วหู ความแค้นของชายทั้งสองปะทุขึ้นมาถึงจุดสูงสุด ไม่มีใครออมแรง ทุกตำแหน่งที่ดาบเคลื่อนผ่าน ราวกับเสียงเสือคำราม
ซือคงอวี้มีทักษะในการใช้ดาบที่ยอดเยี่ยม มีหลายครั้งที่เขาเกือบจะแทงโดนหน้าอกของหนานกงเยี่ย ถ้าฝ่ายไม่ตรงข้ามไม่ใช่คนที่เก่งแบบหนานกงเยี่ย คงจะตายในมือซือคงอวี้เป็นร้อยเป็นพันครั้งแล้ว
ทักษะในการใช้ดาบของหนากงเยี่ยก็อยู่ในระดับดีมาก เขาหลบปลายดาบของซือคงอวี้ได้ แน่นอนว่าก็ต้องหาโอกาสในการทำร้ายซือคงอวี้ได้เหมือนกัน เพียงแต่คู่ต่อสู้เป็นคนที่เก่งมาก มีหลายครั้งที่ปลายดาบของเขาผ่านลูกกระเดือกของซือคงอวี้ ห่างไปแค่ศูนย์จุดศูนย์มิลลิเมตร
การต่อสู้ระหว่างคนมีฝีมือ ทั้งยังมีอาวุธมาช่วยเสริม สถานการณ์ที่อันตรายแบบนี้ ทำให้ผู้ชมทั้งหลายที่คุ้นเคยกับการฆ่าฟัน อดไม่ได้ที่จะเสียวสันหลัง
“หยุด!” เสียงหนึ่งดังก้องขึ้นมาในโถงฝึกต่อสู้ขนาดใหญ่
ตามด้วย ซือคงเอ้า สนมกงฉี่ กษัตริย์ซีหลิง และยังมีคนสำคัญของวงการธุรกิจรวมถึงทหารชั้นสูงหลายคนเดินเข้ามายังโถงฝึกต่อสู้
ทุกคนรู้ว่าซือคงอวี้และหนานกงเยี่ยกำลังต่อสู้กันในโถงฝึกต่อสู้ แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาห้าม สนมกงฉี่มีไหวพริบ เธอรีบไปยังวิหารซีหลิง เชิญอดีตเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อซือคงเอ้า เจ้าของเสียงตะโกนนั้นคือซือคงเอ้า
ด้านหลังของเขามีคนสำคัญของวงการธุรกิจยืนเอาไว้ เขาคือกงเฉิน ผู้เป็นพ่อของกงฉี่ กงเฉินคือนักธุรกิจด้านการค้าออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในซีหลิง เขาเป็นคนที่มีอำนาจในแวดวงธุรกิจ
แน่นอน นี่เป็นแค่เปลือกนอกเท่านั้น ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือเชื้อสายตระกูลหนานกง เขาจะสร้างบริษัทกงซื่อให้กลายเป็นบริษัทใหญ่ได้ ล้วนเป็นเพราะมีตระกูลหนานกงอยู่เบื้องหลังคอยให้ความช่วยเหลือ นี่เป็นสิ่งที่เครือญาติตระกูลหนานกงช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
กงเฉินได้รับคำสั่งจากสนมกงฉี่ ให้เขาติดต่อหนานกงจวิ้นเพื่อให้ช่วยเกลี้ยกล่อมหนานกงเยี่ย ดังนั้นระหว่างที่หนานกงเยี่ยและซือคงอวี้สู้กัน เขาจึงโทรศัพท์ติอต่อหนานกงจวิ้น
สายตาที่ซือคงเอ้ามองซือคงอวี้ เต็มไปด้วยความผิดหวัง ”ซือคงอวี้ แกลืมไปแล้วเหรอว่าตนเองเป็นใคร”
ซือคงอวี้พูดด้วยเสียงเยือกเย็น ”พ่อสุขภาพร่างกายไม่ดี กลับไปพักผ่อนเถอะครับ”
“แก…” ซือคงเอ้าโมโหจนเส้นเลือดปูด ลูกชายคนนี้อยู่เหนือการควบคุมของเขาโดยสิ้นเชิงแล้ว เขาทำอะไรลูกชายคนนี้ไม่ได้
กงเฉินยิ้มแล้วเดินไปด้านหน้า ท่าทีของเขาดูสง่าและสูงศักดิ์มาก ”คุณชายหนานกง เห็นแก่ที่ผมและพ่อของคุณรู้จักกัน ช่วยให้เกียรติกันหน่อยได้ไหม วางอาวุธลง กลับไปดื่มน้ำชากับพวกผม แล้วพูดคุยกัน”
หนานกงเยี่ยไม่ไว้หน้ากงเฉิน ปรายตามองกงเฉิน ”คุณกงคิดว่าผมไม่ควรแก้แค้นคนที่แย่งภรรยาไปงั้นเหรอ”
“เอ่อ…” เพราะถึงอย่างไรก็คนละชั้น กงเฉินไม่กล้าขัดคำสั่งหนานกงเยี่ย ดังนั้นเขาจึงยิ้มอย่างสง่า ”คุณชายหนานกง คนหนุ่มสาวบ้าคลั่งเพราะความรักเป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การเข้าใจ แต่ฐานะของคุณสูงศักดิ์ รับผิดชอบแบกรับตระกูลหนานกงที่ยิ่งใหญ่ เลือกใช้วิธีแก้ปัญหาด้วยเหตุผลเถอะครับ”
ในเวลานี้เอง เสียงโทรศัพท์ของหนานกงเยี่ยดังขึ้น ก่วนอวี้เป็นคนดูแลโทรศัพท์ของเขา เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ก็รีบยื่นให้หนานกงเยี่ยทันที
หนานกงเยี่ยมองดูเบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้ามา ขมวดคิ้วเป็นปม จากนั้นปรายตามองสนมกงฉี่และกงเฉิน แค่ปรายตามอง ก็ทำให้พวกเขาทั้งสองคนหดตัวเล็ก
สามวินาทีหลังจากนั้น หนานกงเยี่ยกดรับสาย เสียงเจ็บปวดของหนานกงจวิ้นดังขึ้น “เยี่ย ฉันลงทุนลงแรงเลี้ยงดูแกให้เป็นผู้สืบทอดตระกูลหนานกง เพื่อให้แกแย่งผู้หญิงด้วยความบ้าคลั่งแบบนี้งั้นเหรอ”
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเป็นปมนิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไร
หนานกงจวิน ”ดูท่า ฉันคงต้องกลับคฤหาสน์หนานกงเพื่อจัดการเรื่องครั้งนี้แล้ว และยังต้องพิจารณาว่าแกเหมาะสมที่จะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลหนานกงหรือไม่!”
หนานกงเยี่ยหัวเราะในลำคอด้วยความเย้ยหยัน พร้อมกับตัดสายทิ้ง
มองดูสีหน้าของหนานกงเยี่ย สนมกงฉีและกงเฉินมองหน้ากัน รู้สึกท่าไม่ดี หนานกงเยี่ยโมโหแล้ว
“ซือคงอวี้” เสียงของหนานกงเยี่ยเยือกเย็น ”ฉันจะพาภรรยากับลูกของฉันกลับเมืองหลง นายจะยอมปล่อยเธอไหม”
ซือคงอวี้ไม่ยอมแม้แต่น้อย ”ฉันบอกแล้ว เธอต้องเป็นคุณผู้หญิงของเจ้าแห่งผู้สอนหลักความเชื่อในอนาคต”
หนานกงเยี่ยหัวเราะในลำคอ ”ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดพล่าม!”
“ใช่ ไม่ต้องพูดพล่ามแล้ว!”
สิ้นเสียง ทั้งสองก็กระโจนเข้าหากัน
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เหลิ่งรั่วปิงปรากฏตัวขึ้นที่โถงฝึกการต่อสู้ ใบหน้าของเธอซีดขาว ”พวกคุณหยุดทะเลาะกันได้แล้ว ฉันเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ถ้าฉันไปจากที่นี่เพียงลำพัง พวกคุณก็ไม่ต้องแย่งกันแล้ว ตั้งแต่ตอนนี้ ฉันจะหายไปจากชีวิตของพวกคุณ พวกคุณจะไม่มีวันหาฉันเจอ”
พูดจบ เหลิ่งรั่วปิงหมุนตัวหันหลัง แผ่นหลังของเธอมีความเด็ดขาดแผ่ซ่านออกมา
“ที่รัก!” หนานกงเยี่ยโยนดาบในมือลง แล้วรีบวิ่งตามไป
ทว่าซือคงอวี้กลับไม่ขยับ คำว่า ”ที่รัก” ทำให้เขาไม่มีเหตุผลที่จะวิ่งตาม ความเด็ดขาดของเธอเมื่อครู่ทำให้เขาไม่กล้าวิ่งตามไป เขารู้จักนิสัยเธอเป็นอย่างดี บีบเธอจนมุม เธอยอมเป็นหยกที่แตกละเอียดแต่ไม่ขอเป็นกระเบื้องที่สมบูรณ์ เธอท้องลูกของหนานกงเยี่ย ถึงแม้เธอจะไม่มีวันกลับไปข้องเกี่ยวกับหนานกงเยี่ย แต่เธอก็ไม่มีวันเลือกเขา
เวลานี้ เขามองไปที่ซือคงเอ้า สนมกงฉี กษัตริย์ซีหลิง และพวกทหารชั้นสูง ภายในใจของเขาสุดจะทน ในสายตาของคนพวกนี้ ตนเป็นคนไม่มีเหตุผล บ้าคลั่ง เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง ยอมหันหลังให้ประเทศชาติ ทั้งยังทำให้เกิดการต่อสู้ในครั้งนี้
แต่ว่า ความเจ็บปวดของเขาจะบอกให้ใครฟังได้