เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 274 อยากแต่งงานกับเวินอี๋ เพ้อฝันไปเถอะ
ซย่าอี่มั่วหลบเลี่ยงสายตาครู่หนึ่ง แผนการที่นางทำ ไม่รอดพ้นสายตาของมู่เฉิงซีที่เป็นตำรวจ เธอรู้ดีว่าไม่ช้าก็เร็วเขาต้องเปิดเผยเรื่องนี้ ตอนนี้เขาพูดมันออกมาแล้ว เธอรู้สึกเหมือนตนเองกำลังเปลือยเปล่าต่อหน้าเขา ทุกเซลล์ในร่างกายเจ็บปวดรวดร้าว
เพราะถึงอย่างไรเธอก็เป็นทหาร เคยรับราชการทหารมาหลายปี มีจิตใจที่เข้มแข็ง หลังจากอับอายครู่หนึ่ง แววตาของเธอกลับมาหนักแน่นอีกครั้ง ”เฉิงซี ฉันใช้เล่ห์เหลี่ยมในการได้คุณมาครอบครอง แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าฉันรักคุณ ในเมื่อคุณแต่งงานกับฉันแล้ว คุณก็ควรรับผิดชอบฉัน”
มู่เฉิงซีหัวเราะ แต่แววตาของเขากลับไม่ได้ยิ้ม ”ผมแต่งงานกับคุณเมื่อไหร่”
ซย่าอี่มั่วมองมู่เฉิงซีด้วยความตกใจ ”คุณหมายความว่าอะไรคะ พวกเราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว แล้วเรายังถ่ายพรีเวดดิ้งด้วยกัน รวมถึงจัดงานแต่ง หรือคุณจะปฏิเสธเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น?”
มู่เฉิงซียิ้มอย่างเหี้ยมโหดและกระหายเลือด โยนทะเบียนสมรสทั้งสองเล่มลงบนพื้น ”ใช่ พวกเราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว แต่ทะเบียนสมรสนี้เป็นของปลอม พวกเราถ่ายพรีเวดดิ้งกันแล้ว แต่รูปพวกนั้นยังไม่เคยล้างออกมา อีกทั้งผมบอกให้ไป่หันลบรูปพวกนั้นทิ้งหมดแล้ว ถูกต้อง เราจัดงานแต่ง แต่พิธีแต่งงานยังไม่ได้เริ่มขึ้น คุณปู่ก็ด่วนจากไปก่อน หลังจากนั้นก็จัดงานศพ”
มู่เฉิงซียกมุมปากขึ้นด้วยความเย้ยหยัน ”ซย่าอี่มั่ว ไม่ว่าจะพูดจากด้านไหน ดูเหมือนว่าผมไม่เคยแต่งงานกับคุณมาก่อน คุณใช้ปู่และแม่ของผมเป็นเครื่องมือ ถ้าอย่างนั้นก็ไปเป็นหลานสะใภ้กับลูกสะใภ้ของท่านทั้งสองเถอะ ตำแหน่งภรรยาของมู่เฉิงซีเป็นของเวินอี๋คนเดียวและตอดไป”
ซย่าอี่มั่วเหมือนตกตะลึง เธอยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ยืนตัวแข็งราวกับรูปปั้นแกะสลัก ใบหน้าที่สวยงามเต็มไปด้วยความตกตะลึง เธอคิดว่าตนเองควบคุมมู่กั๋วจงและคุณหญิงมู่ เท่ากับชัยชนะอยู่ในมือ มู่เฉิงซีเป็นแค่ลูกไก่นายกำมือเท่านั้น แต่เธอคิดไม่ถึงว่า เขาจะเหี้ยมโหดและเด็ดขาดถึงขั้นนี้
เขากำลังแก้แค้นเธอ!
ริมฝีปากของซย่าอี่มั่วสั่นเทา ”มู่เฉิงซี คุณใจร้ายมาก”
รอยยิ้มของมู่เฉิงซียังคงเหี้ยมโหด ”ใช่ ผมยอมรับว่าผมใจร้าย แต่ตอนแรกผมไม่คิดจะใจร้ายกับคุณแบบนี้ ผมอยากจะคุยกับคุณด้วยเหตุผล อยากให้คุณรู้ว่าการแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความรักเท่ากับขุดหลุมฝังศพตนเอง แต่คุณเอาแต่ดื้อด้าน ทำให้คนในครอบครัวของผมเอาชีวิตมาขู่ สิ่งที่ทำให้ผมทนไม่ได้ที่สุดก็คือ คุณบอกให้แม่ผมไปทำร้ายเวินอี๋ถึงวิลล่ามู่หวา บีบให้เธอออกไปจากชีวิตผม ตั้งแต่วันนั้น ผมก็ตัดสินใจแล้วว่าจะทำแบบนี้ ผมจะให้คุณเห็นการแก้แค้นที่เหี้ยมโหดที่สุดของผม” รอยยิ้มบนริมฝีปากหยักนั้นกระหายเลือดมากกว่าเดิม ”ถูกต้อง การที่แม่ผมทำร้ายเวินอี๋ผมไม่อาจลงโทษแม่ได้ แต่ผมลงโทษคุณได้ การลงโทษแบบนี้คุณพอใจไหม?”
เท้าทั้งสองข้างของซย่าอี่มั่วสั่นเทา เธอล้มลงนั่งบนพื้น การแก้แค้นนี้เหี้ยมโหดมาก ทุกคนรู้ว่าเธอเป็นคุณผู้หญิงของตระกูลมู่ แต่จะมีใครรู้บ้างว่าเธอไม่มีแม้กระทั่งทะเบียนสมรส ทั้งยังไม่มีรูปถ่ายชุดแต่งงานแม้แต่รูปเดียว ถ้าหากเรื่องนี้ป่าวประกาศออกไป เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ต้องกลายเป็นเรื่องตลกของเมืองหลงอย่างแน่นอน
มู่เฉิงซีบอกว่าการแต่งงานในครั้งนี้เป็นการแต่งงานในนามเท่านั้น แต่ความเป็นจริงไม่ใช่แม้แต่การแต่งงานแค่ในนาม!
โลกทั้งใบของซย่าอี่มั่วถล่มลงมา เธอร้องไห้ไม่หยุด ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นทหาร คติประจำใจของทหารคือเสียเลือดเสียเหงื่อแต่ไม่มีวันเสียน้ำตา แต่ตอนนี้ซย่าอี่มั่วไม่อาจรักษากฎข้อนี้เอาไว้ได้แล้ว
หลังจากผ่านไปนาน เธอเช็ดคราบน้ำตา มองมู่เฉิงซีพร้อมกับสะอึกสะอื้น ”เฉิงซี ฉันผิดเหรอคะที่ชอบคุณ คุณถึงทำแบบนี้กับฉัน?”
มู่เฉิงซีเป็นผู้ชายที่เหี้ยมโหดและกระหายเลือดมาโดยตลอด ความอ่อนโยนของเขาใช้กับเวินอี๋เท่านั้น ดังนั้นเผชิญหน้ากับน้ำตาของซย่าอี่มั่ว เขาไม่สั่นคลอนแม้แต่น้อย ”การชอบคนคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่คุณทำลายสิ่งที่ผมรักมากที่สุด โดยใช้คำว่ารักมาอ้าง นี่นั่นแหละคือความผิด ผมไม่มีวันยกโทษให้คุณ”
ซย่าอี่มั่วไม่เข้าใจเลยจริงๆ ”เวินอี๋มีอะไรดี เธอไม่สวยเท่าฉัน การศึกษาก็สู้ฉันไม่ได้ ทั้งยังไม่มีครอบครัวที่มีอำนาจ คุณชอบเธอที่ตรงไหน”
แววตาเยือกเย็นของมู่เฉิงซีจับจ้องไปที่ซย่าอี่มั่ว คำพูดที่เปล่งออกมานั้นเย็นชาอย่างมาก ”ถึงแม้เวินอี๋จะไม่มีอะไร ผมก็ยังรักเธออยู่วันยังค่ำ แม้ว่าคุณจะมีทุกอย่างที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้ ผมก็ไม่คิดที่จะเหลียวมองคุณ เรื่องนี้มันไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น ซย่าอี่มั่ว ที่เรื่องมาถึงขั้นนี้ได้ คุณเป็นคนทำมันเอง อย่าโทษใคร”
แววตาของมู่เฉิงซีคมกริบมากกว่าเดิม ”ไม่ต้องการเป็นคุณผู้หญิงมู่แค่โดยนิตินัย ถ้าอย่างนั้นคุณก็บอกกับแม่ผมซะ ว่าคุณไม่ชอบผม แล้วไสหัวออกไปจากตระกูลมู่ ไม่อย่างนั้น ก็เชิญเป็นคุณผู้หญิงมู่แบบนี้ต่อไปเถอะ”
ซย่าอี่มั่วเหมือนดอกบัวที่บอบช้ำ น้ำตารินไหลทั่วใบหน้า ”เฉิงซี คุณทำแบบนี้กับฉันไม่ได้ ฉันแอบรักคุณมาตั้งหลายปี ตั้งแต่เล็กจนโตฉันฝันอยากจะแต่งงานกับคุณ คุณใจร้ายกับฉันแบบนี้ไม่ได้”
มู่เฉิงซีมองซย่าอี่มั่วด้วยสายตารังเกียจ ”ในฐานะที่ครอบครัวของเราสองคนเป็นเพื่อนกัน ผมยอมถอยหนึ่งก้าว ซึ่งก็คือคุณไปบอกกับแม่ผม ว่าคุณไม่รักผมแล้ว อยากจะยอมแพ้กับการแต่งงานในครั้งนี้ ผมจะบอกกับทุกคนว่าเราหย่ากัน คุณจะได้ไม่ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง”
ซย่าอี่มั่วเงียบ ตำแหน่งคุณผู้หญิงมู่ที่เธอได้มาด้วยความยากลำบาก ต้องทิ้งไปแบบนี้เหรอ? ไม่ เธอไม่ยอม! ถ้าเสียตำแหน่งนี้ไป อนาคตข้างหน้าก็จะไม่มีวันได้กลับมาอีก
ในห้องทำงานตกอยู่ในความเงียบ ซย่าอี่มั่วนั่งเหม่อลอยบนพื้น มู่เฉิงซีนั่งหลับตาพิงเก้าอี้ในห้องทำงานพร้อมกับครุ่นคิด เขารู้ ซย่าอี่มั่วต้องการเวลา การที่เธอจบการแต่งงานในครั้งนี้ด้วยตนเอง เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพราะทำแบบนั้นเขาจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับการบีบบังคับของแม่
หลังจากผ่านไปนาน ซย่าอี่มั่วเงยหน้าขึ้น แววตาของเธอแสดงหนักแน่นหลังจากผ่านความเจ็บปวด ”เฉิงซี ฉันไม่มีวันยอมแพ้ ฉันจะอยู่กับคุณแบบนี้ จนกว่าคุณจะรักฉัน ถ้าคุณใจร้ายกับฉันมากเกินไป คุณอย่าคิดว่าตัวเองจะได้ลงเอยกับเวินอี๋”
มู่เฉิงซีลืมตาขึ้น นัยน์ตาของเขามีแสงแวววับฉายออกมามากมาย แสงแวววับนั้นพุ่งไปยังหน้าผากของซย่าอี่มั่ว ”ซย่าอี่มั่ว คุณเป็นคนเลือกทางนี้เอง อย่าเสียใจทีหลัง!” เสียงของเขาเยือกเย็นจนน่าตกใจ ”ตอนนี้ ไสหัวออกไป ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ!”
ซย่าอี่มั่วลุกขึ้น เธอยืนตัวตรง บุคลิกของทหารทำให้เธอดูสวยมาก ”ได้ค่ะ ฉันจะรอคุณกลับมาจดทะเบียนสมรสตัวจริงกับฉัน”
พูดจบ ซย่าอี่มั่วคลายยิ้ม แล้วหมุนตัวเดินออกไป ที่เธอเลือกเส้นทางนี้ เพราะเธอรู้ว่ามู่เฉิงซีไม่มีวันขัดคำสั่งคุณหญิงมู่ เขากลัวว่าหลังจากเรื่องนี้ถูกเปิดเผย คุณหญิงมู่จะทำใจไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงบีบให้เธอเป็นฝ่ายวางมือ
ดังนั้น ขอแค่เธอไม่ยอมปล่อยมือจากเขา เขาก็ไม่มีวันถอดเธอจากตำแหน่งคุณผู้หญิงมู่ได้
หลังจากซย่าอี่มั่วออกไป มู่เฉิงซีกวาดของบนโต๊ะทิ้งด้วยความโมโห คำพูดในฝันดังก้องในหัวของเขาไม่หยุด
เวินอี๋บอกว่า เธอลืมเขาไปแล้ว
ไม่ ไม่ได้ เขากำลังพยายามทำทุกอย่างเพื่ออนาคตของพวกเขา เธอจะลืมเขาได้อย่างไร
เมื่อคิดได้แบบนี้ เขาปวดหัวจนแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องทำงาน ขับรถไปวิลล่าหย่าเก๋อ
เขารู้ เหลิ่งรั่วปิงไม่อยากเจอเขา ถ้าเจอเขาเธอต้องต่อว่าเขาอีกแน่ แต่เขาควบคุมการกระทำของตนไม่ได้ เขาแค่อยากรู้ว่าเวินอี๋เป็นอย่างไรบ้าง
เวลานี้ เหลิ่งรั่วปิงกำลังนอนกลางวันในห้องนอน หนานกงเยี่ยทำงานในห้องหนังสือ พอได้ยินพ่อบ้านมารายงานว่ามู่เฉิงซีมา หนานกงเยี่ยดีดตัวลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งไปชั้นล่าง จากนั้นก็พามู่เฉิงซีไปห้องรับแขกเล็กเงียบๆ พร้อมทั้งบอกให้พ่อบ้านห้ามบอกเหลิ่งรั่วปิง เขาไม่อยากให้ภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ของตนต้องโมโห
เจอกับมู่เฉิงซีอีกครั้ง หนานกงเยี่ยตกใจมาก เวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่วัน เขาทรมานตนเองจนซูบผอมไปหมด คล้ายกับตอนที่ตนเสียเหลิ่งรั่วปิงไป หนานกงเยี่ยส่ายหน้า ”คิดถึงขนาดนี้ก็บินไปประเทศเอ้าตูแล้วพาเธอกลับมาสิ?”
มู่เฉิงซีถอนหายใจ ”ถ้าฉันไปหาเวินอี๋ แม่ต้องทนไม่ได้แน่ๆ ถึงตอนนั้นฉันก็จะกลายเป็นคนบาปที่ทำให้แม่เครียดจนตาย เวินอี๋เป็นคนดีขนาดนั้น เธอไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรอก”
หนานกงเยี่ยพยักหน้าด้วยความเข้าใจ ”เรื่องที่แกบอกฉันผ่านโทรศัพท์เมื่อวันก่อนเป็นความจริงเหรอ แกไม่ได้แต่งงานกับซย่าอี่มั่ว?”
มู่เฉิงซีพยักหน้า ”ไม่ได้แต่งงาน”
หนานกงเยี่ยตบไหล่ของมู่เฉิงซีด้วยความชื่นชม ”ทำดีมาก! เวินอี๋เนี่ย ถึงแม้จะเป็นผู้หญิงอ่อนโยน แต่จิตใจของเธอแข็งเหมือนเหลิ่งรั่วปิง ทระนงตนมาก ถ้าแกแต่งงานกับซย่าอี่มั่วแล้วจริงๆ ไม่ว่ายังไงเวินอี๋ก็ไม่มีวันกลับมา” ยิ้มปลอบโยน จากนั้นมองมู่เฉิงซีด้วยความขบขัน ”มาถามเรื่องของเวินอี๋ที่ฉันใช่ไหม”
มู่เฉิงซีไม่ได้พูดอะไร แค่พยักหน้า แต่เขาเองก็รู้ ว่าไม่มีวันรู้เรื่องของเวินอี๋จากปากเหลิ่งรั่วปิงอย่างแน่นอน
หนานกงเยี่ยยิ้ม ”อย่าคิดไปคุยกับรั่วปิงเลย ฉันไม่อยากทำให้เธอโมโห แต่ว่าฉันบอกเรื่องของเวินอี๋ให้แกได้ วันนี้ฉันได้ยินเวินอี๋คุยกับรั่วปิง เธอบอกว่าจะมาร่วมงานแต่งของฉัน อีกครึ่งเดือนก็ถึงงานแต่งงานของฉันแล้ว ถ้าอย่างนั้นอีกไม่กี่วันเวินอี่ต้องกลับมาแน่”
มู่เฉิงซีเงยหน้าขึ้นด้วยความดีใจ มองหนานกงเยี่ยด้วยแววตาเป็นประกาย ”จริงเหรอ แกบอกว่าเวินอี๋จะกลับมา?”
หนานกงเยี่ยยิ้มแล้วมองเพื่อนสนิทของตนที่ต้องเจ็บปวดเพราะความรัก ”ฉันได้ยินพวกเธอคุยกันแบบนี้”
มู่เฉิงซียืนขึ้นด้วยความดีใจ เดินวนไปมาที่เดิมหลายรอบ เขาเหมือนเด็กที่อยากรู้ไปหมด มองหนานกงเยี่ยด้วยความร้อนใจ ”หนานกง ตอนนั้นที่แกตามเหลิ่งรั่วปิงกลับมา แกทำยังไงบ้าง?”
หนานกงเยี่ยรู้สึกขายหน้าขึ้นมาทันที แต่เขาก็อยากจะช่วยเพื่อนมาก ดังนั้นจึงยิ้มด้วยความกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ”หน้าด้านสักหน่อย อดทนสักนิด”
พูดตรงๆก็คือ ตามตื๊อไม่หยุด ไม่ว่าเธอจะเย็นชาแค่ไหน รังเกียจเขาแค่ไหน เขาก็ตามตื๊อเธอไม่หยุด
มู่เฉิงซีพยักหน้าคล้ายเข้าใจคล้ายไม่เข้าใจ สีหน้าเหี้ยมโหดนั้นดูงุนงงเล็กน้อย และมีความกังวล ถึงแม้เวินอี๋จะไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนเหลิ่งรั่วปิง ที่อะไรนิดอะไรหน่อยก็ใช้มีดบิน แต่เธอก็มีความดื้อด้านเป็นของตนเอง ถ้าเธอตัดสินใจแล้วก็จะทำให้ถึงที่สุด ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะได้รับการยกโทษจากเธอ
หนานกงเยี่ยมองนอกประตูอย่างระมัดระวัง แล้วพูดขึ้น ”เฮ้อ กลับไปคิดที่บ้านเถอะ ไม่ต้องอยู่ที่นี่นาน เดี๋ยวแม่เสือของฉันตื่นขึ้นมา ฉันห้ามมีดบินของเธอไม่ให้บินไปหานายไม่ได้ รีบไสหัวออกไป?”
มู่เฉิงซีที่กำลังอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเองสะดุ้ง แล้วยิ้ม ”หนานกง ตอนนี้แกไม่เก่งเอาซะเลย”
หนานกงเยี่ยโต้เถียงกลับ ”พอๆ กัน”