เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 291 ทุกอย่างอยู่เหนือการควบคุม
เวินอี๋กลับเมืองหลง เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ แต่มู่เฉิงซีกลับโผล่มากะทันหันแบบนี้ มีความเป็นไปได้เดียวก็คือหนานกงเยี่ยแอบบอกเขา ดังนั้นสายตาคมเฉียบของเหลิ่งรั่วปิง เคล้าไปด้วยความตำหนิ กวาดมองไปตรงหน้าหนานกงเยี่ย ”ใครบอกให้คุณยุ่งเรื่องคนอื่น”
หนานกงเยี่ยเลิกคิ้วขึ้น ยิ้มอย่างเอาใจ ตอนนี้เขาไม่กล้าพูดแม้แต่คำเดียว
มู่เฉิงซีคือหลานชายคนโตของทหารที่ร่วมสร้างประเทศ แน่นอนว่ากู้จือเหาต้องรู้จักเขา สำหรับการมาของมู่เฉิงซี เขาเองก็ตกใจเล็กน้อย แต่เขาไม่กลัว มู่เฉิงซีแต่งงานแล้ว เขาแต่งงานกับซย่าอี่มั่วไปแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะมายุ่งกับเวินอี๋ได้อีก ดังนั้นกู้จือเหาจึงไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว
ด้วยเหตุนี้ กู้จือเหาจึงเดินไปด้านหน้าสองสามก้าว ดึงตัวสั่นเทาของเวินอี๋มาใกล้ พร้อมทั้งส่งยิ้มอย่างเป็นทางการให้มู่เฉิงซี ”ดาบตำรวจมู่ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
มู่เฉิงซีแต่งงานกับซย่าอี่มั่วแล้ว ตอนนี้ยังจะมายุ่งกับเธออีก เวินอี๋ไม่พอใจอย่างมาก เธอนึกถึงเรื่องที่เขาขอให้เธอเป็นบ้านเล็กบ้านน้อยของเขา ดังนั้นเธอจึงยอมรับ การออกหน้าปกป้องของกู้จือเหา ไม่ว่าเธอจะตัดใจหรือยังไม่ตัดใจจากมู่เฉิงซี เธอไม่มีวันข้องเกี่ยวกับเขาอีก
มองดูมือของกู้จือเหาที่จับมือเวินอี๋เอาไว้ หัวใจของมู่เฉิงซีหล่นลงพื้น คิ้วของเขาขมวดเป็นปม แววตาที่มองไปยังกู้จือเหาเย็นเฉียบราวกับมีดดาบ ”คุณคือใคร”
กู้จือเหาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสุภาพ โดยไม่แสดงท่าทีที่จะหาเรื่องมู่เฉิงซี และสีหน้าของเขาก็ไม่ได้หวาดกลัวมู่เฉิงซี กู้จือเหาเพียงแค่ยิ้มบางๆ จับมือเวินอี๋เอาไว้แน่น ”ผมนามสกุลกู้ เป็นคนประเทศเอ้าตู ตอนนี้…”
“เขาคือแฟนของฉันเองค่ะ” เวินอี๋พูดตัดหน้ากู้จือเหา เห็นแววตาตกตะลึงของมู่เฉิงซี คลื่นลมแห่งความเกรี้ยวโกรธที่อยู่ในใจเวินอี๋ก่อตัวจนใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เขาอยากให้เธอเป็นนางบำเรอของเขามากขนาดนั้นเชียวเหรอ
“?” กู้จือเหาก้มหน้าลงมองเวินอี๋ จากนั้นส่งยิ้มให้มู่เฉิงซีเพื่อเป็นการยอมรับ ”ใช่ครับ ผมเป็นแฟนของเวินอี๋”
ถ้ามองหน้ามู่เฉิงซีอย่างละเอียด จะเห็นดาบเล่มใหญ่ที่เย็นเฉียบ ฟันลงมา ทำให้หัวใจของเขาแตกสลาย เลือดสีแดงสดรินไหลออกมา เซลล์ในร่างกายปวดร้าวจนทำให้เขาสั่นเทา ”คุณมีแฟนแล้ว” สายตาของเขาจับจ้องไปที่เวินอี๋
เวินอี๋เผชิญหน้ากับสายตาของมู่เฉิงซีด้วยความกล้าหาญ ”ใช่ค่ะ ฉันเจอผู้ชายที่ฉันจะฝากชีวิตเอาไว้แล้ว ไม่ต้องเป็นนางบำเรอที่ไม่มีหน้ามีตาหรือถูกคนที่รักบีบให้เป็น”
ตัดขาดทุกอย่างระหว่างเธอกับมู่เฉิงซี คือเรื่องที่เวินอี๋อยากจะทำที่สุด ไม่ว่าจะเจ็บปวดหรือไม่เจ็บปวด เธอล้วนไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับสามีของคนอื่น
มู่เฉิงซีเดินเข้าไปหาเธอด้วยความเคร่งเครียด คว้ามือเวินอี๋เอาไว้แล้วลากเธอออกไป ”คุณมากับผม ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณ”
“คุณมู่เฉิงซี คุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!” เวินอี๋พยายามขัดขืน
กู้จือเหาสายตาเฉียบแหลมและมือไว เขาเดินไปขวางหน้ามู่เฉิงซี ”ดาบตำรวจมู่ คุณเลิกกับเวินอี๋แล้ว อีกอย่างคุณก็แต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นไปแล้ว ตอนนี้เวินอี๋เป็นแฟนของผม ขอความกรุณาปล่อยมือเธอด้วย”
“แฟนของผม” คำพูดสามคำนี้ทำให้ขมับของมู่เฉิงซีดีดดิ้น ไม่พูดอะไรทั้งนั้น กระโดดเตะกู้จือเหาจนล้มลงบนพื้น ”แกมันเป็นแค่ตัวอะไร ไสหัวไปไกลๆ”
ถึงแม้กู้จือเหาจะมีพื้นฐานด้านป้องกันตัว แต่เมื่อเทียบกับมู่เฉิงซีแล้ว ต่างกันราวฟ้ากับเหว ความหึงหวงของมู่เฉิงซีกำลังพุ่งพล่าน เขาเตะสุดแรง ดังนั้นลูกเตะนี้ของเขาจึงทำให้มุมปากของกู้จือเหามีเลือดไหลออกมา
แต่ว่า กู้จือเหายืนหยัดอย่างมาก มองมู่เฉิงซีด้วยความดื้อดึง เขาไม่คิดจะยอมแพ้
ไซ่หย่าเซวียนรีบวิ่งไปพยุงกู้จือเหา มองมู่เฉิงซีด้วยความโมโห ”คุณมู่เฉิงซี ตอนนั้นเวินอี๋รักคุณมาก แต่คุณกลับทิ้งเธอไปโดยไม่มีเยื่อใย ตอนนี้คุณเป็นสามีของคนอื่นแล้ว แต่กลับมาตามตอแยเวินอี๋ คุณรู้จักคำว่ายางอายไหมคะ”
นัยน์ตาของมู่เฉิงซีมีเปลวไฟที่เยือกเย็น เขาแทบอยากจะฉีกร่างคนที่เข้ามาขวาง มู่เฉิงซีกัดฟันแน่นพร้อมกับมองไปที่ไซ่หย่าเซวียน ”ถ้ารู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำก็ไสหัวไปไกลๆ!”
ข้อมือของเวินอี๋ถูกมู่เฉิงซีจับจนรู้สึกเจ็บ เธอตีแขนของเขาด้วยความโมโห ”คุณมู่เฉิงซี คุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณแล้ว”
มู่เฉิงซีโมโหจนขาดสติ ”คุณเพิ่งไปจากผมแค่ไม่กี่วัน แต่กลับกล้ามีแฟนใหม่ ถ้ายังไม่ฟังคำสั่งผม ผมจะฆ่ามันทิ้ง!” พูดจบ เขาก็ลากเวินอี๋ออกไป
“มู่เฉิงซี!” เสียงที่เยือกเย็นของเหลิ่งรั่วปิงดังขึ้นในอาคารผู้โดยสารขาเข้า ”คุณคิดว่าฉันไม่ได้อยู่ที่นี่หรือไง” ใบมีดในมือของเหลิ่งรั่วปิงอยู่ระหว่างนิ้วของเธอ เพียงแค่เธอคิดที่จะลงมือ ใบมีดเล่มนี้ก็จะพุ่งออกไปจากมือของเธอ
หนานกงเยี่ยจับมือเหลิ่งรั่วปิงด้วยความลำบากใจ ”ที่รัก อย่าโมโหเลยนะ หืม”
เหลิ่งรั่วปิงหันหน้ากลับมา แววตาเฉียบคมของเธอจับจ้องไปที่ดวงตาของหนานกงเยี่ย ทำให้เขาไม่กล้าพูดอะไรอีก ใช่ หนานกงเยี่ยไม่กล้าพูดอะไรแล้ว เขารู้ว่าเหลิ่งรั่วปิงรักเวินอี๋มากแค่ไหน เวินอี๋โดนทำร้ายจิตใจขนาดนี้ อีกทั้งมู่เฉิงซีในตอนนี้ก็ยังบ้าคลั่ง มีความเป็นไปได้ว่าเหลิ่งรั่วปิงอาจจะฆ่ามู่เฉิงซีทิ้ง
มู่เฉิงซีรู้ดี เขาทำให้เหลิ่งรั่วปิงโมโหไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่มีวันตามง้อเวินอี๋กลับมาได้แล้วจริงๆ ด้วยเหตุนี้เขาจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สองครั้ง พยายามข่มความโมโหของตนเอาไว้ แล้วปรับเสียงให้อ่อนโยนลง ”รั่วปิง ระหว่างผมกับเวินอี๋มีเรื่องเข้าใจผิดกัน คุณช่วยให้โอกาสเราในการอยู่ด้วยกันตามลำพังหน่อยได้ไหม”
“เข้าใจผิด?” คล้ายว่าเหลิ่งรั่วปิงได้ยินเรื่องตลกระดับโลก ”คุณอยากจะบอกฉันว่า เรื่องที่คุณแต่งงานกับซย่าอี่มั่วเป็นเรื่องโกหก เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด?” แววตาของเธอแปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหด ”หรือว่า คุณเห็นพวกเราเป็นคนโง่?!”
หนานกงเยี่ยไม่อาจเกลี้ยกล่อมภรรยาของตนเองได้ เขาทำได้เพียงโน้มน้าวให้มู่เฉิงซียอมถอยหนึ่งก้าว ”เฉิงซี แกใจเย็นหน่อยนะ”
มู่เฉิงซีใจเย็นไม่ได้แล้ว เวินอี๋บอกว่าเธอเป็นแฟนของกู้จือเหา แล้วเขาจะปล่อยมือจากเธอได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ลดแรงในการจับมือเวินอี๋แม้แต่น้อย จับจ้องไปที่เวินอี๋ราวกับอินทรีล่าเหยื่อ ”เวินอี๋ ไปกับผม ผมมีเรื่องมากมายต้องพูดกับคุณ หืม” ผู้ชายที่เคร่งขรึมอย่างเขา เวลานี้น้ำเสียงกลับเคล้าไปด้วยการอ้อนวอน
ถูกต้อง เขาสุดจะทนกับความคิดถึงแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาไม่มีวันปล่อยมือเวินอี๋ ขอแค่เธอยอมกลับมาหาเขา เขายินดีที่จะทิ้งศักดิ์ศรีทุกอย่างเพื่ออ้อนวอนเธอ
สีหน้าของเวินอี๋นิ่งสงบทว่าเด็ดขาด แกะนิ้วมือมู่เฉิงซีทีละนิ้วๆ ”คุณมู่เฉิงซี เราจบกันไปนานแล้ว ฉันไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องพูดกับคุณอีก คุณหยุดยุ่งกับฉันสักทีเถอะค่ะ”
ใช่ เธอยอมรับ วินาทีที่ได้เจอกับมู่เฉิงซี เธอรู้ว่าตนเองยังไม่ลืมเขา เธอยังรักเขา แต่แล้วอย่างไรล่ะ อดีตไม่อาจย้อนกลับไปได้ เธอเองก็ไม่มีวันกลับไปหาเขา ความหนักแน่นนี้ เหลิ่งรั่วปิงเป็นคนสอนเธอ ช่างเป็นอะไรที่มีศักดิ์ศรีมาก
เวินอี๋เงยหน้าขึ้น เผชิญหน้ากับมู่เฉิงซีด้วยความกล้าหาญ ”ไม่ว่าเมื่อก่อนฉันจะรักคุณมากแค่ไหน และไม่ว่าหลังจากนี้ฉันจะลืมคุณได้หรือไม่ แต่มีความเชื่ออย่างหนึ่งที่อยู่ภายในใจของฉันมาโดยตลอด ซึ่งก็คือฉันไม่มีวันกลับไปหาคุณ และไม่มีวันข้องเกี่ยวอะไรกับคุณอีก”
ถึงแม้เวินอี๋จะบอบบาง เป็นผู้หญิงที่อ่อนโยน แต่เธอมีความทระนงที่แรงกล้า วินาทีที่มู่เฉิงซีบอกให้เธอเป็นบ้านเล็กบ้านน้อยของเขา เธอก็หมดความหวังกับมู่เฉิงซีแล้ว เธอไม่มีวันให้โอกาสเขาอีก แม้ว่าจะรักมากก็ตาม
ร่างสูงใหญ่ของมู่เฉิงซี แข็งทื่อไปหมด เขามองลึกเข้าไปในดวงตาของเวินอี๋ด้วยความเหม่อลอย หัวใจแตกสลาย เขาเห็นความเด็ดขาดและเย็นยะเยือกในดวงตาคู่นั้น เขาที่เคยเป็นทุกอย่างในชีวิตของผู้หญิงคนนี้ เวลานี้กลับมองเขาด้วยแววตาที่เยือกเย็น ไร้เยื่อใย มีแค่ความเฉยชาเท่านั้น
เธอไม่ได้รักเขาแล้วจริงๆ!
หัวใจของมู่เฉิงซี แตกร้าวเป็นทางยาว หัวเราะเย้ยหยันตนเอง กวาดความว้าวุ่นทั้งหมดเข้าไป ”เวินอี๋ คุณให้โอกาสผมอีกแค่ครั้งเดียวนะ ผมมีเรื่องมากมายที่ต้องบอกกับคุณ”
เขาอยากจะเล่าความคิดถึงของตนให้เธอฟัง อยากจะบอกเธอ การแต่งงาน ตัวของเขา หัวใจของเขา ยังเก็บเอาไว้ให้เธอทั้งหมด เขาต้องการเวลาอีกแค่เล็กน้อยเท่านั้น ก็จะแต่งงานกับเธออย่างเปิดเผยได้ เพียงแต่ตอนนี้ ดูเหมือนเวินอี๋จะไม่ต้องการมันอีกแล้ว
เวินอี๋ยังคงนิ่งสงบ ”คุณมู่เฉิงซี ฉันไม่มีวันให้โอกาสคุณแล้วค่ะ ฉันบอกแล้วไงคะ ฉันมีแฟนแล้ว ตอนนี้ฉันเจอผู้ชายที่ฝากชีวิตเอาไว้ได้แล้ว ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณอีก ถ้าคุณยังเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต ขอให้คุณอวยพรให้ฉันมีความสุข อย่ามารบกวนฉันอีก”
เธอเจอผู้ชายที่สามารถฝากชีวิตเอาไว้ได้แล้ว? อวยพรให้เธอให้มีความสุข? อย่ารบกวนเธออีก?
มือที่มู่เฉิงซีจับเวินอี๋เอาไว้แน่นขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เสียเธอไป เขาทุกข์ทรมานทุกคืนวัน แต่เธอกลับมีรักครั้งใหม่ ใครกันแน่ที่ไม่มีหัวใจ
“คุณมู่เฉิงซี ปล่อยมือได้แล้ว!” เหลิ่งรั่วปิงยื่นคำขาดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
นัยน์ตาของมู่เฉิงซีเต็มไปด้วยหมอกควัน ไม่ลดแรงที่มือลงแม้แต่น้อย
ใบมีดในมือเหลิ่งรั่วปิงสั่นเทาเล็กน้อย ขอเวลาแค่เพียงหนึ่งวินาที มันก็พร้อมจะบินออกไป
บรรยากาศตึงเครียดอย่างมาก
หนานกงเยี่ยเดินไปด้านหน้า ตบไหล่มู่เฉิงซีเบาๆ ”เฉิงซี แกใจเย็นก่อน เวินอี๋จะกลับไปอยู่เป็นเพื่อนรั่วปิงที่วิลล่าหย่าเก๋อ”
คำพูดของหนานกงเยี่ยเตือนสติมู่เฉิงซี เวินอี๋จะกลับไปพักที่วิลล่าหย่าเก๋อ ไม่ได้พักกับกู้จือเหา เขาสบายใจได้ระยะหนึ่ง ขอแค่เวินอี๋ยังอยู่ที่เมืองหลง เขาก็ยังมีโอกาส ไม่จำเป็นต้องทำให้เรื่องมาถึงขั้นนี้
มู่เฉิงซีค่อยๆ ลดน้ำหนักที่มือลง แววตาโอนอ่อน ”เวินอี๋ อีกสองวันผมไปหาคุณนะ ผมมีเรื่องมากมายที่ต้องคุยกับคุณ มากมาย มากมายจริงๆ”
เวินอี๋ดึงมือตัวเองกลับ หลบสายตาของมู่เฉิงซี จากนั้นหมุนตัวหันหลัง เตรียมที่จะเดินกลับไปหาเหลิ่งรั่วปิง
“เวินอี๋!” เสียงแหลมของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นในอาคารผู้โดยสารขาเข้า
ทุกคนหันไปมองทางเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย เห็นคุณนายมู่กำลังพาซย่าอี่มั่วเดินมาด้วยความรีบร้อน สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธเคืองราวกับเปลวไฟในเดือนเจ็ด ใบหน้าที่ยังคงความงามนั้นแดงก่ำ
เวินอี๋มองไปยังคุณนายมู่ นึกถึงตบอัปยศนั้น ส่วนที่อ่อนแอที่สุดในหัวใจของเธอ เจ็บปวดรวดร้าว ความรักที่เธอทุ่มเทสุดหัวใจ เป็นเพียงความอัปยศเท่านั้น
มู่เฉิงซีขมวดคิ้วเป็นปม ”แม่ แม่มาได้ยังไงครับ”
คุณนายมู่หัวเราะในลำคอ ”ฉันไม่ได้เจอหน้าลูกชายตัวเองมาหนึ่งเดือนแล้ว พอได้ยินว่าเขารีบออกมาจากสถานีตำรวจ ฉันก็เลยตามมา คิดไม่ถึงว่าลูกชายของฉันจะมารับผู้หญิงแพศยาอย่างเธอ!”