เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 72 ไปจับตัวผู้หญิงคนนั้นกลับมา
“เข้ามา!” หนานกงเยี่ยพูดออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก จากนั้นหมุนตัวหันหลังเดินเข้าไปในห้องทำงาน
ก่วนอวี้พยายามสงบสติอารมณ์ แล้วรีบเดินตามเข้าไป
หนานกงเยี่ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ เขาเย็นชาเหมือนราชา ดวงตาเฉียบคมของเขาเหมือนมีมีดนับหมื่นเล่มพุ่งตัวออกมา ถ้าหากว่าแววตาของเขาสามารถยิงทะลุคนได้จริงๆ เวลานี้ร่างกายของก่วนอวี้คงถูกมีดนับหมื่นเล่มทิ่มแทงแล้ว
“พูด!” หนานกงเยี่ยพูดสั้นๆ ด้วยเสียงที่เย็นยะเยือก เสียงของเขาน่ากลัวเหมือนสายฟ้าที่ผ่าลงมา
ก่วนอวี้รู้ดีว่าไม่สามารถปิดเรื่องนี้เอาไว้ได้ เขายื่นโทรศัพท์ให้กับหนานกงเยี่ยด้วยมือที่สั่นเทา
หนานกงเยี่ยทำหน้าเคร่งขรึม นิ้วมือเรียวยาวของเขารับโทรศัพท์ไปอย่างรวดเร็ว เขาเลื่อนมองดูรูปถ่ายเหล่านั้น ทุกครั้งที่เลื่อนดูหนึ่งรูป สีหน้าของเขาก็ยิ่งเคร่งเครียดมากกว่าเดิม เขาดูจนถึงรูปสุดท้าย สีหน้าของเขาเหมือนเมฆครึ้มในฤดูร้อน ส่งสัญญาณให้เรารู้ว่าพายุลูกใหญ่กำลังจะมาถึง
ก่วนอวี้รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า
รูปถ่ายเหล่านั้น อยู่ที่สนามแข่งนกพิราบสื่อสาร เหลิ่งรั่วปิงกับไซ่ตี้จวิ้นใส่เสื้อกันหนาวขนเป็ดคู่รัก ในรูปพวกเขาสองคนดูสนิทสนมกับมาก ทั้งยังมีรูปที่กอดกันด้วย ส่วนรูปที่อยู่ในงานเลี้ยง เหลิ่งรั่วปิงสวมเดรสสีม่วง เธอดูสวยสง่าอย่างไร้ที่ติ อีกทั้งข้างกายของเธอยังมีไซ่ตี้จวิ้นเดินประกบอยู่ทุกรูป มือของเขาโอบเอวของเธอเอาไว้
ทุกรูปที่ถูกส่งมานั้น เป็นภาพที่บาดตาหนานกงเยี่ยมาก หนานกงเยี่ยรู้สึกบาดตาบาดใจจนขมับของเขาเต้น เวลานี้หัวของเขาแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ แล้ว
เธอขาดผู้ชายมากขนาดนี้เชียวหรอ เลิกกับเขาได้ไม่นานเธอก็มีคนใหม่แล้ว!
ปั้ง! ในห้องทำงานที่เงียบสงบมีเสียงดังสนั่นจนแสบแก้วหู โทรศัพท์มือถือของก่วนอวี้แตกละเอียดอยู่บนพื้น หน้าจอของเขาพังยับ
ความโมโหของหนานกงเยี่ยแผ่ซ่านไปทุกอณูในร่างกาย รอบตัวของเขาแผ่รังสีอำมหิตออกมา คล้ายกับว่ากำลังจะทำลายเมืองนี้
หากลองสังเกตให้ดี ในความโกรธของเขามีความหวาดกลัวซ่อนเอาไว้ เขากลัวว่าเธอกับไซ่ตี้จวิ้นจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปถึงขั้นลึกซึ้ง
หนานกงเยี่ยคิดว่าตนเองสามารถลืมเธอได้ ในชีวิตของเขา ผู้หญิงไม่เคยเป็นสิ่งสำคัญมาก่อน เหลิ่งรั่วปิงเองก็เช่นกัน แต่สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงที่สุดก็คือ ตอนที่เขาเห็นเธอใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่น เขาจะรู้สึกทรมานแบบนี้ ไม่เพียงแค่ทรมานเท่านั้น เขาถึงขั้นรู้สึกอยากจะทำลายทุกอย่างบนโลกใบนี้!
หนานกงเยี่ยกำหมัดแน่น ข้อต่อนิ้วมือของเขาซีดขาวและส่งเสียงกรึกดังขึ้น เขากัดฟันกรอด “ไปสืบมา ไซ่ตี้จวิ้นกลับมาเมืองหลงตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ครับ” ก่วนอวี้รีบหยิบโทรศัพท์อีกเครื่องออกมา เวลานี้เขาโทรศัพท์ไปสั่งลูกน้องคนอื่นๆ เขารู้สึกโชคดีที่ตนเองมีโทรศัพท์สองเครื่อง
หนานกงเยี่ยคว้าสื้อโค้ทสีดำตัวใหญ่ เขาเดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็วพร้อมกับออกคำสั่ง “ไปเอาเฮลิคอปเตอร์มา!” เขาจะบินไปจับตัวผู้หญิงคนนั้นกลับมาจากเมืองเฟิ่ง!
ตัวของหนานกงเยี่ยแผ่รังสีอำมหิตออกมา ถ้าหากจะบอกว่ารังสีอำมหิตของเขามีพิษ เช่นนั้นไม่ว่าเขาจะเดินผ่านที่ไหน บรรดาต้นไม้ใบหญ้าก็คงจะเหี่ยวเฉาและแห้งตาย
ก่วนอวี้ไม่กล้าชักช้า ขอรีบโทรสั่งให้คนขับเฮลิคอปเตอร์มา โชคดีที่ดาดฟ้าของบริษัทหนานกงกว้างมากพอ เฮลิคอปเตอร์จึงสามารถลงจอดที่ตึกนี้ได้
หลังจากนั้นสิบนาที เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งก็ได้ลงจอดที่ชั้นดาดฟ้าของบริษัทหนานกง เสียงของเครื่องยนต์ที่ดังสนั่นกลบเสียงทุกอย่างจนหมด
ยังไม่รอให้เฮลิคอปเตอร์จอดสนิท หนานกงเยี่ยก็กระโดดขึ้นไปด้วยความใจร้อน ทางด้านก่วนอวี้เองก็รีบกระโดดตามขึ้นไป เขาปิดประตูเฮลิคอปเตอร์ให้สนิท จากนั้นสั่งให้คนขับมุ่งหน้าไปยังเมืองเฟิ่ง
หนานกงเยี่ยนั่งอยู่บนโซฟา เขาหลับตาลงและเม้มปากเอาไว้ คล้ายว่าเขากำลังใจเย็น แต่คนที่รู้จักเขาเป็นอย่างดีเท่านั้นถึงจะรู้ดีว่าตอนนี้เขากำลังโมโหมาก ขอเพียงมีอะไรมากระตุ้นเล็กน้อย เขาก็พร้อมที่จะทำลายทุกอย่าง
ก่วนอวี้นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความกังวล เขาเริ่มรู้สึกเป็นห่วงเหลิ่งรั่วปิง เขาไม่รู้ว่าหนานกงเยี่ยจะบีบคอเธอให้ตายคามือตอนที่เจอเธอรึเปล่า ความเป็นจริงเธอไม่ได้ทำอะไรผิด หลังจากที่เลิกกันเธอมีสิทธิ์ที่จะคบคนอื่นได้ คนที่ผิดคือคุณชายเยี่ยของเขา ทั้งๆ ที่ชอบเธอแต่กลับทิ้งเธอไป แต่หลังจากที่ทิ้งเธอไปกลับเป็นตัวเขาที่ตัดใจไม่ได้
หลังจากนั้นไม่กี่นาที ก่วนอวี้ก็ได้รับรายงานเกี่ยวกับไซ่ตี้จวิ้น
“พูดมา!” หนานกงเยี่ยลืมตาขึ้น แววตาของเขาในตอนนี้เหมือนมีดที่แหลมคม
“ไซ่ตี้จวิ้นเพิ่งมาถึงเมืองหลงเที่ยงวันนี้ครับ ก่อนหน้านี้เขาอยู่ที่เอ้าตูมาโดยตลอด ดังนั้นเขากับคุณเหลิ่งน่าจะเพิ่งรู้จักกันตอนเที่ยงของวันนี้ครับ”
ภายในใจของหนานกงเยี่ยรู้สึกโล่งใจ แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังคงรู้สึกโมโหอยากจะทำร้ายคน ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันก็ใส่เสื้อคู่และยังใกล้ชิดสนิทสนมกันขนาดนั้น เหลิ่งรั่วปิง คุณมั่นใจเกินไปไหม!
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เฮลิคอปเตอร์ของหนานกงเยี่ยมาถึงเมืองเฟิ่งแล้ว ตอนนี้กำลังลงจอดบนดาดฟ้าของโรงแรมที่เหลิ่งรั่วปิงอยู่
ผู้จัดการของโรงแรมได้รับการติดต่อมาก่อนหน้านี้แล้ว เขายืนอยู่บนดาดฟ้าเพื่อรอต้อนรับหนานกงเยี่ย ทว่าหนานกงเยี่ยกลับเดินลงจากเฮลิคอปเตอร์แล้วมุ่งหน้าไปที่ลิฟท์ทันที เขาไม่สนใจผู้จัดการโรงแรมที่มาต้อนรับด้วยรอยยิ้มเลยสักนิด
หนึ่งนาทีหลังจากนั้น เขาก็มาถึงห้องโถงภายในงานเลี้ยง
การมากะทันหันของเขา ทำให้คนที่อยู่ในงานพากันแตกตื่น นี่คืองานเลี้ยงนกพิราบสื่อสาร หนานกงเยี่ยไม่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงนกพิราบสื่อสารมาก่อน การที่เขามาที่นี่กะทันหันแบบนี้จึงเป็นเรื่องน่าแปลกใจ
ทว่าไม่มีใครกล้าไม่ต้อนรับหนานกงเยี่ย ตั้งแต่เขาเดินเข้ามาในงาน ทุกคนก็พากันเดินมากล่าวทักทายเขา พากันเดินมาประจบเขา เขาเป็นราชาที่ยิ่งใหญ่ในเมืองหลง และเป็นคนที่น่าเกรงขามไปทั่วโลก ไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหลงหรืออยู่ที่เมืองเฟิ่ง เขาล้วนมีอำนาจอยู่เหนือทุกคน
หนานกงเยี่ยพยักหน้าอย่างขอไปที สายตาที่เฉียบแหลมเหมือนเหยี่ยวของเขากำลังมองดูรอบๆ งานเลี้ยง ไม่นานเขาก็เจอตัวคนที่ต้องการ เธอกำลังนั่งกินเค้กบนโต๊ะริมสระน้ำโดยมีไซ่ตี้จวิ้นนั่งอยู่ข้างๆ ทั้งสองคนกำลังหัวเราะพูดคุยกัน
ภาพตรงหน้าบาดตาหนานกงเยี่ยมาก ดวงตาของเขาแดงก่ำ หนานกงเยี่ยมองไปที่เหลิ่งรั่วปิง จากนั้นเดินสาวเท้ายาวๆ ไปหาเธอ
ทุกคนในงานไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่มีใครกล้าเดินตามเขาไป
มือของก่วนอวี้เต็มไปด้วยเหงื่อ ถ้าหนานกงเยี่ยโมโหแล้วฆ่าคนขึ้นมา เขาจะทำยังไงดี
เหลิ่งรั่วปิงที่กำลังพูดคุยกับไซ่ตี้จวิ้นอย่างออกรส จู่ๆ เธอก็รู้สึกเย็นวาบเสียวสันหลังขึ้นมา รังสีอำมหิตกำลังขยับเข้ามาใกล้ตัวเธอ ด้วยความตกใจเหลิ่งรั่วปิงจึงเงยหน้าขึ้นมอง หนานกงเยี่ยเดินมาหาเธอเหมือนยมบาลที่อยู่ในขุมนรก เขาจ้องเขม็งมาที่เธอ ทำให้เธอรู้สึกว่าสายตาคู่นั้นพร้อมจะทำลายเธอให้เป็นผุยผง
ทางด้านไซ่ตี้จวิ้นเองก็สัมผัสได้ถึงความตกใจของเธอ เขามองไปตามเหลิ่งรั่วปิง อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา ด้วยความที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน เขารู้ดีว่าสายตาของหนานกงเยี่ยสื่อถึงอะไร สายตาของเขาเป็นสายตาโมโหที่ถูกแย่งของรักไป หนานกงเยี่ยยังรักเหลิ่งรั่วปิง! เขาเสียใจที่ตนเองเลิกกับเธอ!
พูดตามตรง เหลิ่งรั่วปิงเริ่มรู้สึกกลัว ถึงแม้ว่าเธอสามารถใช้มีดบินฆ่าคนได้และไม่เคยกลัวตายมาก่อน แต่เวลาที่หนานกงเยี่ยโมโหนั้น เธอรู้สึกกลัวจริงๆ เพียงแต่ตอนนี้เธอไม่เข้าใจว่าหนานกงเยี่ยกำลังโมโหเรื่องอะไร เธอไม่ได้เจอกับเขามาครึ่งเดือนแล้ว อีกทั้งเธอก็ออกแบบแลนด์มาร์คด้วยความตั้งใจ เธอไม่ได้ทำผิดอะไรต่อเขา
ทุกย่างก้าวที่หนานกงเยี่ยเดินมานั้นเหมือนฟ้าผ่าลงมา เขาดูเหมือนเดินอยู่บนโครงกระดูกของคนมากมาย สุดท้ายเขาก็เดินหยุดลงตรงหน้าเหลิ่งรั่วปิง หนานกงเยี่ยพยายามควบคุมตนเองไม่ให้กระชากเธอขึ้นมาจากเก้าอี้ ที่เขาต้องเก็บความโกรธเอาไว้เป็นเพราะเขาทำร้ายเธอไม่ลง และเขาก็รู้ดีว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของเขา
“คุณชายเยี่ย ยินดีที่ได้เจอกันครับ” ไซ่ตี้จวิ้นทักทายเพื่อคลายความตึงเครียด
หนานกงเยี่ยปรายตามองไปที่ไซ่ตี้จวิ้น แม้แต่สีหน้าไม่พอใจก็คร้านจะแสดงให้เขาเห็น หนานกงเยี่ยหันหน้ามามองเหลิ่งรั่วปิง “คุณขาดผู้ชายไม่ได้เลยใช่ไหม ทั้งที่เพิ่งเลิกกับผมไม่นานก็รีบวิ่งเข้าหาผู้ชายคนอื่นทันที ไม่คิดจะพักบ้างหรือไง”
เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรตนเองถึงพูดจาหยาบคายแบบนั้นออกไป เขายอมรับว่าตนเองพูดไม่ตรงกับใจ
ก่วนอวี้ยืนอยู่ด้านหลังหนานกงเยี่ย เขาหยิกมือของตนเองไม่หยุด คุณชายเยี่ยครับ ถ้าอยากจะง้อให้คุณเหลิ่งกลับมาคืนดีด้วย ทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ การที่คุณชายเยี่ยทำแบบนี้จะทำให้เธอตีตัวออกห่างมากกว่าเดิม
มือของเหลิ่งรั่วปิงที่วางอยู่บนโต๊ะกำหมัดแน่น ฉันอยากจะคว้าแก้วบนโต๊ะมาฟาดหน้าหนานกงเยี่ยจริงๆ ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนบีบบังคับให้เธอเป็นเมียเก็บของเขาและก็เป็นคนทิ้งเธอ แล้วการที่ตอนนี้มาดูถูกเธอถึงที่นี่หมายความว่าอะไร
“คุณชายเยี่ย คุณไม่รู้สึกว่าการพูดจาแบบนี้กับผู้หญิงมันเสียมารยาทหรอครับ” สีหน้าของไซ่ตี้จวิ้นดูเคร่งขรึมขึ้นมาทันที เขาไม่รังเกียจที่เหลิ่งรั่วปิงเคยเป็นผู้หญิงของหนานกงเยี่ย และเขาก็ไม่ยอมให้ใครเอาเรื่องนี้มาดูถูกเธอ
หนานกงเยี่ยหันไปมองไซ่ตี้จวิ้นโดยความดูถูก เขาแสยะยิ้มมุมปาก “ประธานไซ่อยากได้ผู้หญิงที่เคยเป็นของผมขนาดนี้เชียว?”
“คุณชายเยี่ย ช่วยระวังคำพูดของคุณด้วย!” นัยน์ตาของไซ่ตี้จวิ้นเต็มไปด้วยความโมโห ถ้าหากว่าคนตรงหน้าไม่ใช่หนานกงเยี่ย เขาคงชกไปแล้ว
หนานกงเยี่ยไม่ยี่หระกับความโมโหของไซ่ตี้จวิ้น เขายังคงพูดจาหยาบคาย “ประธานไซ่อยากรู้ไหมครับ ว่าเธอทำยังไงผมถึงหลงเธอแบบนี้”
“…” ไซ่ตี้จวิ้นกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดบนขมับของเขาปูดออกมา
หนานกงเยี่ยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ มองดูไซ่ตี้จวิ้นอย่างท้าทาย เมื่อเห็นว่าตนเองทำลายภาพลักษณ์ผู้ชายที่อบอุ่นของเขาได้ หนานกงเยี่ยรู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที
เหลิ่งรั่วปิงโมโหสุดขีด เธอลุกขึ้นยืนพร้อมกับกำหมัดแน่นจนมีเสียงกรึกดังขึ้น นัยน์ตาคู่ใสของเธอจับจ้องไปที่หนานกงเยี่ย แววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธพร้อมที่จะแผดเผาเขาเป็นผุยผง
หานกงเยี่ยไม่เคยเห็นเหลิ่งรั่วปิงเป็นแบบนี้มาก่อน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอล้วนมีสง่า มีบ้างบางครั้งที่จะแสดงด้านที่อ่อนโยนและดื้อรั้นออกมา ทว่าเธอไม่เคยโกรธจนเหมือนสิงโตแบบนี้ พูดตามตรงว่าตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกกลัว กลัวว่าเธอจะหันหลังกลับไปแล้วไม่หันกลับมาอีก
ดังนั้น หนานกงเยี่ยจึงมองสบตาเหลิ่งรั่วปิงเงียบๆ แววตาของเขาแบดูซับซ้อน
ผ่านไปนานครู่หนึ่ง เหลิ่งรั่วปิงกลับคลายยิ้ม รอยยิ้มของเธอสวยงามมาก “คุณหนานกง คุณสูงส่งเหมือนเทพเจ้า แต่วันนี้คุณกลับหาเรื่องผู้หญิงที่คุณทิ้งไปแล้ว คุณทำแบบนี้หมายความว่าอะไรคะ อย่าบอกฉันนะว่าคุณเสียใจที่ทิ้งฉันไป?”
หนานกงเยี่ยมองดูเหลิ่งรั่วปิงเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้น “ใช่ ผมเสียใจที่ติดสินใจแบบนั้น”
คำพูดนี้ คล้ายว่ากำลังบอกกับเหลิ่งรั่วปิงและกำลังบอกกับตัวเอง ในที่สุดเขาก็ยอมรับว่าตนเองเสียใจ ยอมรับว่าตนเองตัดใจจากเธอไม่ได้
ก่วนอวี้อ้าปากกว้าง คุณชายเยี่ยที่หยิ่งทะนงไม่เคยเหลียวแลผู้หญิงคนไหนมาก่อน ยอมรับว่าเขาเสียใจที่ทำแบบนั้นลงไป!
ไซ่ตี้จวิ้นเองก็คิดไม่ถึงว่าหนานกงเยี่ยจะตอบแบบนี้ คนที่ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาอย่างเขา เป็นไปได้ยังไงที่จะยอมรับว่าตนเองเสียใจกับการกระทำของตนเอง และยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง
เหลิ่งรั่วปิงตกใจมากยิ่งกว่า เธอมองไปที่นานกงเยี่ยนานกว่าสิบวินาที เขาบอกว่าเขาเสียใจ ความหมายของเขาก็คืออยากกลับมาคบกับเธอ ไม่ เธอไม่ต้องการแบบนี้ มันไม่ง่ายเลยที่เธอจะมีชีวิตที่เป็นอิสระ เธอจะกลับไปคบกับเขาได้ยังไง อีกทั้งถ้าเธอกลับไปกับเขา มีความเป็นไปได้สูงว่าเธอจะไม่สามารถออกไปจากเมืองหลงได้อีกตลอดชีวิต
ดังนั้น เหลิ่งรั่วปิงจึงเลิกคิ้วขึ้นแล้วหัวเราะ “หมายความว่า คุณหนานกงอยากกลับมาคบกับฉัน?”
“ใช่” หนานกงเยี่ยมองไปที่เหลิ่งรั่วปิง เสียงหัวเราะของเธอทำให้เขาแทบคลั่ง เขารู้สึกเหมือนมีมือขนาดใหญ่กำลังบีบรัดหัวใจของเขาเอาไว้ มันไม่เจ็บ แต่มันทำให้เขารู้สึกทรมาน เขายอมให้เธอโมโหเสียยังดีกว่า
“น่าเสียดายนะครับ มันสายไปแล้ว” ไซ่ตี้จวิ้นพูดขึ้น พร้อมกับยื่นมือไปโอบเอวเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ แล้วกระชับตัวเธอเข้าไปกอด