เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 186 ความตะลึงที่เกิดจากหนิงเส่าเฉิน
อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้ตั้งใจจะโกหกพวกเขา
เธอแค่กลัวว่า รูปร่างหน้าตาของหนิงเส่าเฉินและฐานะภูมิหลังของเขา พูดออกมา แล้วกลัวว่าพวกเขาจะกินข้าวมื้อนี้ไม่ลง
ณ ตอนนี้ เธอเข้าใจแล้ว ว่านี่ไม่ใช่การพบปะกัน แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นการโอ้อวด อวดสามี อวดความมั่งคั่ง
เพราะไม่ได้เจอหน้ากันนานหลายปี เธอกับพวกเขาก็ไม่ได้เข้าใจกันขนาดนั้น ดังนั้น ถ้าบอกตัวตนของหนิงเส่าเฉินออกไปตอนนี้ รู้สึกว่ามันเป็นการโอ้อวดเกินไป คิดแล้ว ก็พูดคำโกหกที่ปรารถนาดีออกไปจะดีกว่า
สุดท้ายแล้วถ่อมตนในเวลาแบบนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไร
เธอต้องการถ่อมตน แต่คนอื่นกลับไม่คิดแบบนั้น
“อ๋อ ธุรกิจเล็กๆเหรอ? ฮ่าฮ่า เย่หลิน เด็กอ้วนที่นั่งโต๊ะหลังเธอตอนนั้น เธอยังจำได้ไหม?”ผู้หญิงอวบคนนั้นพูดถามขึ้น
เย่หลินขมวดคิ้ว หรี่ตา จำได้ว่ามีคนแบบนี้อยู่ จึงพยักหน้า “อื้ม ที่พ่อเขาเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนเราคนนั้นเหรอ?”ที่จริงเธออยากจะพูดว่า คนที่รังแกเธอบ่อยๆคนนั้นเหรอ?
“ใช่ เขานั่นแหละ เธอรู้ไหม? ปีที่แล้ว ตอนที่เพื่อนร่วมชั้นมารวมตัวกันอีกครั้ง เขาเสนอรางวัลหนึ่งแสน ให้เพื่อนคนไหนที่สามารถบอกข้อมูลติดต่อของเธอได้ เขาก็จะให้หนึ่งแสนกับคนนั้น”ในตอนนั้น ก็ถามในกลุ่มอยู่ช่วงหนึ่ง
ตอนนั้นเย่หลินก็รีบไป ไม่ได้พูดอธิบายอะไรเลย ทุกคนก็วุ่นวายกันพักหนึ่ง หลังจากนั้นถึงได้เงียบลงไป
เย่หลินนิ่งไปเล็กน้อย คีบชิ้นปลานำเข้าปากอย่างช้าๆ “เขาตามหาฉันทำไม?”
“เขาแอบชอบเธอมาหลายปีแล้ว เธอนี่ความรู้สึกช้าจริงๆ ตอนนั้น ผู้ชายห้องเรา แล้วก็พวกผู้ชายที่อยู่ห้องข้างๆ ยืนอยู่หน้าประตูห้องเราทุกวัน เธอคิดว่าพวกเขาว่างเหรอ? พวกเขามาส่องเธอนั่นแหละ ”เพื่อนร่วมโต๊ะคนนั้นพูดเป็นต่อยหอย ส่วนเย่หลินก็กลืนน้ำลายไม่หยุด
เมื่อพูดถึงเรื่องพวกนี้ ทำไมเธอถึงไม่รู้ว่าเด็กโต๊ะข้างหลังแอบชอบเธอมาหลายปีแล้ว? เขามักจะรังแกเธอบ่อยๆ? แล้วห้องข้างๆอีก? คนไหนบ้าง?
เธอสูดหายใจเข้า “เหอะๆ เรื่องพวกนี้ก็ผ่านไปแล้ว พูดขึ้นทำไม?”
“นั่นสิ สามีเขานั่งอยู่นี่ เธอพูดเรื่องพวกนี้ทำไม?”ถึงแม้ซู่ซู่จะไม่เห็นสีหน้าของหนิงเส่าเฉิน แต่พอคิดๆดูแล้ว ผู้ชายคนไหนอยากฟังเรื่องแบบนี้กัน? จึงอดพูดขึ้นมาไม่ได้
“ฉันก็แค่หาเรื่องคุยไปเรื่อย เย่หลิน เด็กอ้วนคนนั้น ตอนนี้ไม่อ้วนแล้วนะ หน้าตาหล่อมากเลย อีกอย่าง เห็นบอกว่าบริษัทที่กำลังทำจะเข้าสู่ตลาด เธอว่า ถ้าตอนนั้นเธอ……”
“เธอเป็นอะไรเนี่ย? บอกว่าไม่ให้พูด ทำไมเธอยังพูดอยู่อีก?”เห็นได้ชัดว่าซู่ซู่ทนฟังต่อไม่ไหว ก็ชนไหล่ผู้หญิงคนนั้นไปที
“ซู่ซู่ เธอจะกังวลอะไร? เย่หลินเขายังยิ้มอยู่เลย เธอจะตื่นตัวไปทำไม? หรือเพราะเด็กอ้วนคนนั้นไม่ชอบเธอ ถึงได้แค้นเขาอยู่?”พูดไปก็หัวเราะไป
เย่หลินขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อยๆ อดไม่ได้ที่จะหันศีรษะ สงสัยว่าทำไมหนิงเส่าเฉินถึงไม่มีปฏิกิริยากับเรื่องพวกนี้เลย ถึงได้เห็นว่า เขาใส่หูฟังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มองดูโทรศัพท์ในมือของเขา เหมือนกำลังฟังการบรรยายอะไรสักอย่าง ก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้ โชคดี ที่เขาไม่ได้ยิน
รีบพูดขึ้นยิ้มๆ “เอาล่ะ พวกเราไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้วดีกว่า มันผ่านไปแล้ว”
จากนั้น ทุกคนก็พูดถึงเรื่องสมัยเป็นนักเรียนกัน กลับทำให้เย่หลินรู้สึกเจ็บปวด เธอเพิ่งมาเข้าใจ ที่จริงตอนนั้น ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีเพื่อนที่ดี แต่เป็นเพราะไม่มีใครทนได้ที่ตัวเองต้องรู้สึกเหมือนเป็นแค่ตัวประกอบของเธอ ถึงได้ค่อยๆออกห่าง
เมื่อรู้ความจริงเรื่องนี้ ก็ทำเธอหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
จากนั้น ก็พูดเรื่องตลกๆสมัยเรียน เธอหัวเราะจนน้ำตาไหลออกมาเลย
ในระหว่างนี้ ไม่มีการเปรียบเทียบ ไม่มีความทะนงตัว มีแต่ความสุข
หลังจากนั้นทุกคนก็แลกช่องทางการติดต่อกัน พวกเขาเพิ่มวีแชตส่วนตัวของเย่หลิน จากนั้นซู่ซู่ก็ดึงเธอเข้ากลุ่มห้อง ซึ่งมีหลายคนอยู่ในนั้น
เด็กอ้วนคนนั้น ให้เขานำเงินหนึ่งแสนมา
คุยไปหัวเราะไป ก็ผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วโมง
ระหว่างนั้น ผู้หญิงอวบคนนั้นปากบอกไม่รู้จักอาหารทะเลพวกนั้น แต่เย่หลินก็ไม่เห็นเธอกินน้อยลงเลย ถึงขนาด กินหลายจาน กินหมดก็ให้คนเสิร์ฟมาเพิ่มอีก เห็นว่าอาหารบนโต๊ะกินใกล้จะหมดแล้ว ผู้หญิงอวบคนนั้นก็เรียกพนักงานมา บอกให้เช็คบิล
เย่หลิ่นก้มหน้าลงต่ำไปอีก เธอบีบมือใหญ่ของหนิงเส่าเฉินใต้โต๊ะ
ผู้ชายจึงได้ถอดหูฟัง พอดีกับที่พนักงานพูดว่า“สวัสดีค่ะ คุณผู้หญิง ทั้งหมด70,888 คุณจะรูดบัตรหรือ…… ”
เจ็ดหมื่นกว่า เย่หลินสูดหายใจเข้า นี่มันกินทองชัดๆเลย แต่ในปีนี้ ตามหนิงเส่าเฉิน ก็ถือว่าเธอได้เปิดโลกทัศน์มามาก พูดตามตรง ในค่านิยมของหนิงเส่าเฉิน ที่สั่งอาหารวันนี้ ถือว่าเขาเบามือให้มากแล้ว แม้ว่าเธอจะไม่เห็นด้วยกับทัศนคติในการบริโภคของเขา แต่ หลังจากได้รู้จักเขามากขึ้น เย่หลินก็เลือกที่จะเคารพเขา
ผู้หญิงอวบคนนั้น ก่อนหน้านี้ยังมีสีหน้าพอใจ พอตอนนี้ สีหน้าก็นิ่งลง อ้าปากไว้เล็กน้อย การเปลี่ยนของสีหน้าทั้งก่อนและหลัง อย่าให้พูดถึงเลยว่ามันตลกมากแค่ไหน
เย่หลินค่อนข้างอึดอัด เห็นได้ชัด ว่าตอนนั้นหนิงเส่าเฉินตั้งใจจริงๆ
คิดๆแล้ว ก็ปิดปาก ผลักหนิงเส่าเฉินเบาๆ
หนิงเส่าเฉินถึงได้เงยหน้าขึ้น หันสายตาไปทางเย่หลิน “กินเสร็จแล้วเหรอ?”
มุมปากของเขายังคงมีรอยยิ้มบางๆ ในตามีความอ่อนโยน ขนาดเย่หลินที่เห็นมันทุกวัน ในวินาทีนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะมองจนเหม่อ ผู้หญิงพวกนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
พวกเขาคงคิดไม่ถึง ว่าผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างเย่หลิน ที่จริงแล้ว จะเป็นเทพบุตรแบบนี้
ยิ่งกว่านั้น รัศมีความรวยที่แผ่ออกมาจากตัวเขา เห็นได้ชัด ว่าไม่ใช่คนที่อยู่ในโลกเดียวกันกับพวกเขา
หลังจากพนักงานคนนั้นเห็นหน้าตาของหนิงเส่าเฉิน ก็ตกใจ จากนั้น ถอยหลังไปสองก้าว วิ่งเข้าไปทางด้านหลังร้าน
ไม่นาน ก็มีชายวัยกลางคนอายุราวๆสี่สิบรีบเดินออกมา “ประธานหนิง คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมถึงไม่บอกกล่าวเลย พวกผมจะได้ไปรับคุณ?”
ทุกคนตกตะลึงไปเลย รวมถึงเย่หลินด้วย
นี่มันสถานการณ์อะไร เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้รู้จักกับหนิงเส่าเฉิน
หนิงเส่าเฉินหรี่ตา หันไปมองเย่หลิน พูดแบบไม่เร่งรีบว่า “ครั้งที่แล้ว คุณบอกว่าอะหารทะเลที่นี่ สดที่สุดที่คุณเคยกินในเมืองs หลังจากกลับไป ผมก็ให้หลิวซูซื้อมันในนามของคุณ ที่จริง ผมเตรียมไว้เป็นของขวัญให้คุณในวันที่บริษัทคุณเปิดกิจการ แต่หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องขึ้นกับคุณ ก็เลยลืมไป”
เย่หลินกำมุมเสื้อไว้แน่น กำลังครุ่นคิด เธอรู้สึกว่าต่อไปตัวเองจะไม่กล้าพูดไปเรื่อยอีก ผู้ชายคนนี้ซื้อร้านอาหารใหญ่โตขนาดนี้เพียงเพราะคำพูดของเธอที่พูดไปเรื่อย ในหัวก็ผุดคำคำหนึ่งขึ้นมา เห็นม้าเร็วพระสนมเอกพลันแย้มสรวล และถอนหายใจเป็นล้านๆครั้ง
และอีกสามคนที่นั่งอยู่ ตอนนี้ไม่สามารถใช้คำว่าตกตะลึงมาบรรยายพวกเขาได้แล้ว