เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 189 เป็นผู้ชายของเธอ แต่ไม่ใช่สามีเธอ
เนื่องจากมีเป้าหมาย ความเร็วของทั้งสองคนก็เพิ่มขึ้น ไม่นาน ก็ถึงที่ที่หนิงเส่าเฉินบอก
ที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ราบกลางภูเขา หนิงเส่าเฉินเอื้อมมือไปหักกิ่งไม้ แล้วเขย่าหิมะหนาๆที่เกาะอยู่บนนั้น วางมันไว้บนพื้น ส่งสัญญาณให้เย่หลินนั่งลงพักผ่อนสักครู่หนึ่ง
เย่หลินดึงเขาไว้ “พวกเรานั่งด้วยกันเถอะ”
กิ่งไม้สั้นไปหน่อย ทั้งสองจึงนั่งใกล้กันมาก
หลังจากที่ซู่ซู่กับอาหลีขึ้นมา เห็นลักษณะของทั้งสองคนแล้ว ก็อดที่จะมองด้วยสีหน้าที่แย่ไม่ได้
“ซู่ซู่ หิมะตกหนักมากแล้ว หรือพวกเราจะไม่ปีนต่อแล้วดีกว่า?”
เย่หลินเห็นพวกเขามา ก็ลุกยืน เอ่ยถามขึ้น
ซู่ซู่ไม่ได้พูดอะไร มองไปที่อาหลี
อาหลีมองเย่หลิน แล้วหันไปมองหนิงเส่าเฉิน “ทำไมเหรอ ร่างกายประธานหนิงมีค่า ปีนต่อไม่ไหวแล้ว?”
ปกติหนิงเส่าเฉินก็ไม่ใช่คนที่ชอบพูดมากอยู่แล้ว พอมาเจอกับคนที่ตัวเองไม่ชอบ เขาก็ยิ่งเงียบเข้าไปใหญ่ ในขณะที่ต้องเผชิญกับการยั่วยุที่ชัดเจนของอาหลี สีหน้าเขากลับไม่เปลี่ยนเลยสักนิด
ความเย่อหยิ่งของเขากระตุ้นอาหลีที่มีการพัฒนาธุรกิจอันน้อยนิดในไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เย่หลินเห็นสีหน้าของอาหลีไม่ค่อยดี ก็ดึงหนิงเส่าเฉิน “เส่าเฉิน ไหนๆก็ปีนได้ครึ่งหนึ่งแล้ว เราปีนต่ออีกสักหน่อยไหม?”
เธอไม่ได้อยากจะพยายาม แต่แค่ไม่อยากให้หนิงเส่าเฉินถูกถามแบบนี้
หนิงเส่าเฉินมองดูสภาพอากาศ ลุกขึ้น มือใหญ่โอบเย่หลินไว้ ขมวดคิ้วพูดว่า “ไม่ต้องปีนแล้ว สภาพอากาศแบบนี้ ยิ่งปีนสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งอันตรายมากเท่านั้น พวกเราพักสักหน่อย แล้วค่อยลงเขากัน”
พูดจบ ก็ดึงเย่หลินมานั่งที่เดิม ตั้งแต่ต้นจนจบไม่หันไปมองคนสองคนที่อยู่ข้างหน้าเลย
หนิงเส่าเฉินไม่ใช่คนกล้าบ้าบิ่น ที่จะถูกคนอื่นกระตุ้นได้ง่ายขนาดนั้น ตรงกันข้าม เขาเป็นคนที่มีเหตุผลมาก รู้จักมองปัญหาอย่างมีเหตุมีผล ในสภาพอากาศแบบนี้ ถ้าปีนขึ้นไปอีก เกรงว่าตอนขึ้นจะง่าย แต่ตอนลงคงยาก
ถ้าหากลากยาวไปถึงกลางคืน อุณหภูมิลดลง ถนนกลายเป็นน้ำแข็ง คาดว่าพวกเขาคงจะติดอยู่ในภูเขาและถูกแช่แข็งตายทั้งเป็น
เย่หลินนิ่งไปเล็กน้อย แต่เธอเข้าใจเขา ดังนั้น จึงพยักหน้าแบบไม่ลังเลเลย นั่งลงข้างๆเขา และตอนนี้ หลายๆทีมก็ตามมาถึงตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ เมื่อเห็นพวกเขาหยุดปีน ก็เข้ามาร่วมวงด้วย
“เย่หลิน ทำไมเธอถึงไม่มีความคิดเป็นของตัวเองเลย? เชื่อฟังเขาขนาดนั้น? ฉันจำได้ว่าตอนที่เรียนอยู่ เธอไม่ใช่แบบนี้” เมื่อเห็นเย่หลินเชื่อฟังคำพูดของหนิงเส่าเฉิน อาหลีก็โกรธเล็กน้อย
เย่หลินรู้สึกว่าอาหลีคนนี้ ยุ่งมากเกินไป ถึงแม้จะเป็นเพื่อนร่วมชั้น ถึงแม้เรื่องที่ลือกันจะเป็นความจริง ที่ว่าเขาชอบเธอ แต่หลายปีมานี้ พวกเขาไม่ได้เจอกัน ไม่ต่างอะไรจากคนแปลกหน้าเลย คนแปลกหน้า มายุ่งเรื่องของเธอ มันเกินไปหรือเปล่า?
สีหน้านิ่งไปสักพัก มองไปที่เขาแล้วยิ้ม “เขาเป็นผู้ชายของฉัน ฉันไม่ฟังเขา ให้ไปฟังนายเหรอ?”
พูดจบ เย่หลินเงยหน้าขึ้นอัตโนมัติ ก็เห็นใบหน้าของหนิงเส่าเฉินมีรอยยิ้มบางๆ และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินเล็กน้อย
อาหลีมองทั้งสองคนส่งสายตาให้กัน จึงโพล่งออกมาด้วยความตื่นตัว “เย่หลิน เขาเป็นแค่ผู้ชายของเธอ ไม่ใช่สามีเธอสักหน่อย เธอไม่จำเป็นต้องฟังเขาขนาดนั้นก็ได้มั้ง?”
‘วืด’เสียงดังขึ้นในหัวของเย่หลินเหมือนจะระเบิดออกมา ใจกระตุกอย่างแรงไปหนึ่งที
เธออยากจะเถียงกลับ แต่พบว่ามันไม่มีแรง
เสียงของอาหลีไม่ได้เบา ดังนั้น ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ก็ได้ยิน เย่หลินรู้สึกแค่ว่าสายตาหลายคู่ตกมาอยู่ที่เธอ
สีหน้าของหนิงเส่าเฉินเย็นลงทันที เส้นเลือดบนหลังมือของเขาปูดขึ้น ใบหน้าแข็งทื่อ พูดเสียงต่ำว่า “ไหนนายลองพูดอีกที?”
อาหลีนิ่งอึ้งไปกับบรรยากาศที่หนิงเส่าเฉินแผ่ออกมา เห็นเพียงการแสดงสีหน้าของเขานั้นผิดปกติ แต่ก็ยังคงพูดว่า “หึ หนิงเส่า คุณให้เย่หลินมีลูกให้คุณตั้งสองคน แต่ คุณกลับไม่ได้ให้สถานะที่ถูกต้องตามกฎหมายกับเธอ คุณอย่าคิดนะว่า คุณมีเงิน คุณจะทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ พวกเขากลัวคุณ แต่ผมไม่กลัว”
อาหลีพูดจบ ทุกคนก็เริ่มนินทากันมากขึ้น
“ที่แท้ เย่หลินเป็นเมียน้อยเหรอ? ถึงว่าเมื่อวานเธอไม่กล้าแนะนำว่าเขาเป็นสามีเธอ บอกแค่ว่าเป็นพ่อของลูก หึหึ ที่แท้ก็เป็นความสัมพันธ์แบบนี้นี่เอง……”
“นั่นสิ ลูกตั้งสองคนแล้ว เขาก็ไม่ได้แต่งตั้งเธอ ถึงจะยังไง ก็เป็นเมียน้อยอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?”
“เมื่อวาน พวกเธอยังอิจฉาเธออยู่เลย ฉันว่า นี่ไม่ใช่ว่าใครๆก็จะทำได้……”
เย่หลินอยู่ติดกับหนิงเส่าเฉิน ดังนั้น เธอจึงได้ยินเสียงกำหมัดของเขาอย่างชัดเจน เสียงที่ดังขึ้นระหว่างข้อต่อกระดูก เธอรู้ ว่าเขาโมโหแล้ว เธอดึงแขนเสื้อของเขาแบบไม่รู้ตัว มองไปที่หนิงเส่าเฉิน ยิ้มปลอบใจเขา
แต่ในใจกลับรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก คนที่สูงส่งอย่างหนิงเส่าเฉิน ถูกคนอื่นถามแบบนี้ก็เพราะมาเป็นเพื่อนเธอวันนี้ รู้สึกปวดใจจริงๆ
จากนั้น เธอก็ก้าวเดินขึ้นไป จ้องอาหลีแล้วพูดว่า “เพื่อนร่วมชั้นคนนี้ นายรู้สึกภาคภูมิใจมากใช่ไหมที่รู้เรื่องภายในครอบครัวคนอื่นที่คนนอกไม่ควรรู้?”
อาหลีเห็นสีหน้าที่เย็นชาของเย่หลิน ในตาก็แสดงความโกรธออกมาอย่างชัดเจน เย่หลินที่เป็นแบบนี้ ไม่เคยปรากฏในความทรงจำของเขา ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ยืนนิ่งแล้วพูดว่า “เย่หลิน เธอไม่ต้องอยู่กับเขาแล้ว ได้ไหม เธอมาอยู่กับฉัน ฉันจะขอเธอแต่งงาน ให้สถานะเป็นตัวเป็นตน……”
“นายหุบปาก!”เย่หลินพูดขัดเขา
หันไปมองทุกคนรอบหนึ่ง “ใช่ เรายังไม่ได้แต่งงานกัน แต่แล้วยังไงล่ะ ผู้ชายคนนี้ เขาสามารถไม่แตะต้องผู้หญิงคนไหนเลย ในช่วงที่ฉันหายตัวไปเป็นเวลาสี่ปี และดื่มเหล้าจนอ้วกเป็นเลือดทุกวันเพราะฉัน ยอมใช้เงินมหาศาลเพียงเพราะคำพูดคำเดียวของฉัน และวันนี้ยอมฝืนใจตัวเองมาหาพวกเธอ เพียงเพราะต้องการให้ฉันยิ้ม ยิ่งกว่านั้นเขายังสามารถสละชีวิตเพื่อฉันได้……ฉันอยากจะถามหน่อย พวกเธอคิดว่าความรู้สึกนี้มันเทียบกับสามีพวกเธอไม่ได้หรือเทียบกับคู่รักพวกเธอไม่ได้กัน? และเพราะเหตุผลบางอย่าง ตอนนี้เขาถึงยังให้สถานะกับฉันไม่ได้ แต่ แล้วยังไงล่ะ? พวกเธอมีสิทธิอะไรมาว่าพวกเรา?”
พูดถึงตรงนี้ เธอก็สูดหายใจเข้า หันไปมองอาหลีอีกรอบ “นายคิดว่าหลายปีมานี้ที่นายตามหาฉัน คือนายรักฉันเหรอ? ถ้านายรักฉัน นายไม่มีวันพูดเรื่องแบบนี้ในสถานการณ์ตอนนี้แน่ แต่งให้นาย? เหอะๆ ฉันจะบอกให้นะ ถึงฉันจะต้องอยู่กับเขาแบบไม่มีสถานะไปทั้งชีวิต ฉันก็ไม่มีวันสนใจนาย เพราะ เขาเหนือกว่านายร้อยเท่า พันเท่า”
พูดจบ หันหลังไปจับมือหนิงเส่าเฉิน “เส่าเฉิน ไปกันเถอะ”
ท่าทางที่เธอแสดงออกมาทำให้คนที่อยู่ในสถานการณ์นั้นเงียบไปทันที
ทั้งสองจับมือกัน เดินลงจากภูเขา เมื่อเดินมาถึงตรงหน้าของซู่ซู่ เย่หลินมองเธอ “ซู่ซู่ สภาพอากาศแบบนี้ ฉันขอแนะนำให้เธอลงจากเขาเร็วๆ”
คนอื่นๆ เธอไม่แม้แต่จะมอง
แต่ เธอคิดไม่ถึงว่า นี่จะเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายระหว่างเธอกับอาหลี