เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 198 คุณไม่รู้เรื่องนี้เลยเหรอ?
“โอ๊ย……” หนิงเส่าเฉินได้ยินเสียงของเฉินอีอี สีหน้าก็เคร่งขรึม ได้เพียงแค่คว้าแขนเธอไว้ ไม่ให้เธอล้มลงไป
ไฟที่ควบคุมด้วยเสียงในทางเดินก็เปิดขึ้น เฉินอีอีคนนั้นก็ยืนได้อย่างมั่นคง แล้วก็ก้มหน้าก้มตาตลอด “ขอโทษนะคะขอโทษ ฉัน……ฉันรู้สึกว่าในบ้านมันอึดอัดนิดหน่อย เลยอยากออกไปข้างนอกสักหน่อย ขอโทษนะคะ ที่ชนคุณ”
พูดจบ ก็โค้งๆ ตัวให้หนิงเส่าเฉิน แล้วเดินออกไป
หนิงเส่าเฉินหันกลับไปมองภาพเบื้องหลังของเธอด้วยแววตาลึกซึ้ง แล้วเดินกลับห้องไป
เห็นเย่หลินพิงอยู่กับหัวเตียงเหมือนกำลังเหม่อลอย
เขาเลยรีบไปอาบน้ำ แล้วออกมานอนข้างๆ ดึงเธอมาไว้ในอ้อมกอด “พูดมาเถอะว่าเรื่องอะไร แล้วใคร มันคุ้มค่าไหมที่จะทำให้ภรรยาของฉันเก็บมาครุ่นคิด? ”
เย่หลินตีหน้าอกเขาเบาๆ แล้วก็พูดเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้กับหนิงเส่าเฉิน
“คุณว่า พี่ฉันเจอของที่ล้ำค่าแล้วใช่ไหม? ” คนคนหนึ่งสามารถไปรับมีดเพื่อคนแปลกหน้าได้ เห็นได้ว่าจิตใจของผู้หญิงคนนี้งดงามขนาดไหน?
“เจอของที่ล้ำค่าหรือเปล่า ตอนนี้มันยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ เพียงแต่เย่จึ ไม่ว่าระหว่างพวกเขา หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร คุณอย่าเป็นทุกข์กับพวกเขามากจนเกินไป”
เย่หลินเป็นผู้หญิงที่เขารักมากและอยากปกป้องดูแล เขาจึงไม่อยากให้มีเรื่องมากวนใจเธอ
“มิเช่นนั้นวันพรุ่งนี้ ฉันจะซื้อบ้านในชื่อพี่ชายของคุณ แล้วให้พวกเขาย้ายออกไปเลยดีไหม? ฉันเห็นว่าพวกเขาอยู่ที่นี่ วันๆ คุณก็เอาแต่ทุกข์ใจ
“หนิงเส่าเฉิน นั่นคือพี่ชายฉัน เขาเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ งานก็ไม่มี คุณจะให้พวกเขาออกไป ทำไมคุณใจร้ายแบบนี้ล่ะ? ” แม้ในใจจะรู้ว่าหนิงเส่าเฉินทำเพื่อเธอ แต่ไม่มีเหตุผลที่จะขับไล่คนออกไป อีกทั้งสิ่งที่เฉินอีอีพูดออกมาในวันนี้ ถ้าพรุ่งนี้บอกว่าจะมอบบ้านให้แก่พวกเขา ก็คาดว่าเธอไม่น่าจะไปอยู่
หนิงเส่าเฉินชำเลืองมอง ใจร้ายเหรอ? ใช่ ใจร้าย นอกจากคนที่เขารักแล้ว กับคนอื่นเข้าก็ไม่ได้เห็นอกเห็นใจเลยแม้แต่น้อย
เย่หลินนั่งตัวตรง สองมือประคองหน้าของเขา “ยังไงคุณก็อย่าให้พวกเขาย้ายออกไปเลยนะ มิเช่นนั้น ฉันจะโกรธคุณ ฉันมองออกว่าพี่ชายฉันชอบเธอมาก คุณอย่าทำมันพังสิ! ”
หนิงเส่าเฉินพยักหน้า “ได้ ฉันจะไม่ยุ่ง”
คิดๆแล้วก็แตะปลายจมูกของเธอ “แต่ว่าคุณต้องจำไว้นะ มองคนจะมองด้านเดียวไม่ได้ ระวังคนอื่นจะคิดร้ายกับเราด้วย ในตอนนั้นเกาเหวินก็อ่อนโยน จิตใจดี มีเมตตา คุณลืมไปแล้วเหรอ? ”
เย่หลินมองหนิงเส่าเฉิน กะพริบตาปริบๆ แม้ว่าที่หนิงเส่าเฉินพูดจะไม่ค่อยน่าฟัง แต่เธอรู้ว่าที่เขาพูดก็ไม่ผิด ในตอนนั้นเกาเหวินก็ทำให้เธอประทับใจไม่ใช่เหรอ? แต่หลังจากนั้นล่ะ?
นึกถึงตรงนี้ เธอก็พยักหน้า “โอเค ต่อไปฉันจะพยายามเรียนรู้จากประธานหนิง ว่าจะมองทะลุจิตใจของคนอื่นได้อย่างไร และจะโหดเหี้ยมได้อย่างไร ตอนนี้ คุณวางใจแล้วใช่ไหม? ” เธอวนๆ ที่หน้าอกของเขา แล้วพูดหยอกล้อ
ชายคนนั้นจับมือของเธอ “กล้าบอกว่าฉัน……โหดเหี้ยมเหรอ? แล้วก็ไม่มีน้ำใจอีก ได้คืนนี้ฉันจะให้คุณได้ลองลิ้มชิมรสว่าอะไรที่เรียกว่าโหดเหี้ยม”
เย่หลินตกตะลึง ถอยออกมาจากในอ้อมกอดเขา มุดเข้าไปในผ้าห่ม “นอนเถอะ ฉันง่วงแล้ว”
หลังจากนั้น บริษัทเย่หลินเพราะว่าได้รับออเดอร์ใหญ่ จึงยุ่งมาก ออกเช้ากลับดึก ได้ใกล้ชิดกับเฉินอีอีไม่มาก
เช้าวันนี้ เธอตื่นขึ้นมา ก็เห็นเกาไห่กำลังจะออกไป จึงถามว่า : “พี่ คุณจะไปไหน? ฉันจะถือโอกาสให้คนขับรถไปส่งคุณด้วยดีไหม? ”
เกาไห่ยิ้มๆ ลูบๆ หัว “เอ่อ มีงานหนึ่ง ต้องไปสัมภาษณ์วันนี้ คุณจะไปทางเดียวกันก็ได้นะ”
ต่อจากนั้น คนทั้งสองก็เดินตามกันออกจากบ้านไป
เมื่อคนขับรถเข้ามารอที่หน้าประตู เย่หลินคิดๆแล้วเอ่ยปากว่า:
“พี่ ต้องการให้ฉันหรือเส่าเฉินช่วยคุณไหม…..”
“อย่าเลย ฉันเป็นชายชาตรี ถ้าแม้แต่หางานยังพึ่งพาตนเองไม่ได้ ฉันยังควรมีชีวิตอยู่ไหม? คุณวางใจได้ ฉันเป็นเด็กนอกกลับมา การหางานก็ไม่ยากหรอก เพียงแค่อยากมองหางานที่มั่นคงก็เท่านั้น ดังนั้น จึงเสียเวลามาถึงตอนนี้ พวกคุณอย่าเข้าร่วมเลย ไม่เช่นนั้น ฉันจะเป็นกังวลกับคุณ”
เย่หลินพยักหน้า อันที่จริงที่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมเธอถึงไม่กล้าช่วยเหลือเขา บางครั้ง เธอก็ดีใจอย่างมาก ที่เกาไห่เกิดในตระกูลเกา แต่ไม่เหมือนกับคนตระกูลเกา
“พี่ คุณ…..ได้กลับตระกูลเกาไหม? ”
เกาไห่นิ่งอึ้งเล็กน้อย ในสายตาปรากฏอารมณ์ที่สับสน “เคยไปดู บ้านขายไปแล้ว ยังมีตระกูลกู้ที่ไหนกันเล่า ได้ยินมาว่าเขาและเกาเหวินได้หายตัวไป เออใช่ เย่หลิน คุณรู้ไหมว่าแม่เลี้ยงของฉันไปไหน? ฉันถามพี่เลี้ยงสองสามคนที่เคยอยู่ตระกูลเกาก่อนหน้านั้น ต่างก็ไม่ยอมบอก
เน่หลินนิ่งอึ้งไป ชัดเจนว่าแปลกใจเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าเกาไห่จะไม่รู้เรื่องของแม่เกา
คิดๆแล้ว เธอก็ดึงเขาเดินไปข้างกำแพง สีหน้าเคร่งขรึม พูดกระซิบว่า: “ปีนั้น หลังจากเรื่องนั้นของคุณ มีผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่า แม่เกาคือคนที่ผลักคุณตกหน้าผา ดังนั้น หลังจากเกิดเรื่อง เธอก็ถูกตำรวจจับไป ต่อจากนั้นไม่กี่วัน ก็ฆ่าตัวตายในคุก ฉันคิดว่า คุณจะรู้เรื่องนี้ซะอีก? ”
เกาไห่ตัวสั่นเล็กน้อย หลังจากนั้น ก็เดินเซถอยหลังไปหลายก้าว แล้วจึงไปพิงกับกำแพง จากนั้นก็เลื่อนตัวลงนั่งกับพื้น หายใจติดขัด
เย่หลินเดินเข้าไปอย่างเป็นกังวลเล็กน้อย ดึงมือของเขา “พี่ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ”
ก่อนหน้านี้เธอคิดมาตลอดว่า เกาเหวินจะต้องบอกเกาไห่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้น จึงไม่ได้พูดมาก แต่ไม่นึกเลยว่า เขาจะไม่รู้
เห็นเกาไห่ไม่ตอบสนอง เธอก็ถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่ง แล้วคุกเข่าลงข้างๆ เขา “พี่ เธอปฏิบัติต่อคุณไม่ดีเลยใช่ไหม? ทำไมถึงโหดเหี้ยมอำมหิตขนาดนี้? ผลักคุณลงมาจากสถานที่ที่สูงขนาดนั้นได้ยังไง? ”
เกาไห่หัวเราะเยาะเล็กน้อย หลับตาแล้วก็ลืมตา มองเย่หลินแล้วก็ส่ายหน้า พูดบ่นพึมพำว่า “ฉันมันโง่ ฉันมันโง่เง่า”
ต่อจากนั้น ก็ลุกขึ้นยืน ตัวสั่นเล็กน้อยเดินไปยังข้างสระว่ายน้ำ ไม่ได้ถอดเสื้อ กระโดดลงไปโดยตรง
เย่หลินเห็นเขา ค่อยๆ จมดิ่งลงไปยังก้นสระ เป็นเวลานานไม่ยอมขึ้นมา ในใจก็กระวนกระวาย กำลังเตรียมจะถอดเสื้อผ้า ต้องการจะไปดึงเขาขึ้นมา แต่จู่ๆ เกาไห่ก็ขึ้นมาจากก้นสระ
ขึ้นมาจากสระ มองเย่หลิน เขาฉีกมุมปาก ฝืนยิ้มเล็กน้อย “คุณไปก่อนเถอะ ฉัน….ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน อีกสักครู่ ฉันค่อยไปเอง”
พูดจบ ก็หันเข้าไปในบ้าน
เย่หลินเห็นท่าทีเขาผิดปกติ แต่ตอนเช้ามีงานด่วน คิดๆแล้ว ก็วางแผนว่าตอนเย็นกลับมาค่อยปลอบโยนเขา
แต่เมื่อกลับมาตอนเย็น หนิงเสี่ยวซีก็มารอเธอที่หน้าประตู บอกว่าเกาไห่ไม่ได้กลับมาเลยทั้งวัน
เย่หลินนิ่งอึ้งไป เดินเข้าไปในบ้าน เห็นเฉินอีอีนั่งอยู่บนโซฟาดูการ์ตูนกับเย่เสี่ยวโม่ ไม่รู้ว่าเห็นอะไร จึงปิดปากหัวเราะหัวเราะต่อกระซิก
ในใจรู้สึกกลัดกลุ้มเล็กน้อย เกาไห่ไม่กลับมาทั้งวัน ในฐานะที่เป็นแฟนสาว เวลานี้ก็ไม่ควรจะต้องเป็นกังวลเหรอ?