เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 201 จะแต่งงานกับผู้ชายมือสอง
เย่หลินตกใจ เมื่อวานเกาไห่ยังพูดอยู่เลยว่าไม่ต้องให้เธอช่วย แล้ววันนี้เกิดอะไรขึ้น?
“ก็มีแค่นี้ นอกจากนั้นไม่มีอะไรแล้ว”
หนิงเส่าเฉินพยักหน้า “ใช่ แล้วเธอคิดว่า”
เย่หลินหันหลังกลับ ใส่เสื้อ ลุกจากเตียงแล้วเข้าห้องน้ำไป ภายในใจรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
ถ้าสามารถพูดคุยกับหนิงเส่าเฉินนานเป็นชั่วโมง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะพูดถึงแต่เรื่องนี้ หนิงเส่าเฉินเป็นคนที่ไม่ค่อยเรื่องยาวถ้ามันเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าจะตกลงหรือหรือไม่ตกลงก็ตาม เป็นไปได้ที่จะพูดคุยกันนานเป็นชั่วโมงอย่างนี้
เป็นไปได้ว่าจะพูดถึงการแย่งชิงกลับของเกากรุ๊ปก็เป็นได้? เย่หลินเริ่มปวดหัว
หนิงเส่าเฉินเคยบอกเขาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับ เกาไห่ในช่วงหลายปีที่ศึกษาต่างประเทศ เขาเน้นการเรียนไปที่การจัดการ หลังจากกลับมาที่ประเทศพ่อของเขาก็ให้เขาไปที่เกากรุ๊ปเพื่อทำงานในตำแหน่งที่สูงกว่าคนเป็นหมื่นๆคน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น เขาทุ่มเทอย่างมากให้กับเกากรุ๊ป
แต่สิ่งที่เธอคิดไม่ออกก็คือ ทั้งๆที่รู้ว่าเกาไห่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อของเกา แล้วทำไมยังยืนกรานที่จะรับกลับเกากรุ๊ป?
หนิงเส่าเฉินเคยยกย่องเขาและเห็นว่าเกาไห่เป็นต้นกล้าที่ดีในด้านธุรกิจ แต่เขากลับถูกพ่อของเขานำทางไปทางที่ผิด
หากได้รับการยอมรับจากหนิงเส่าเฉิน เธอเชื่อว่าขอให้แค่เกาไห่มีใจสามารถปล่อยให้ หนิงเส่าเฉิน ลงทุนและสร้างสิ่งใหม่ๆได้ทั้งหมดอย่างสมบูรณ์และมีส่วนร่วมกับเกากรุ๊ปจริงๆมันก็ไม่ใช่งานที่ยาก
แต่…ทำไมเขาถึงต้องการเอาเกากรุ๊ปกลับมา?
อย่างไรก็ตาม พวกเขาปฏิเสธที่จะบอกเธอและก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจรอดูการเปลี่ยนแปลง
“จยาจยา แขกที่โต๊ะตรงนั้นขอให้คิดบิล กำลังคิดอะไรอยู่หรือ” พ่อเล่อ จ้องที่ เล่อจยาด้วยสายตาที่เศร้าของเขา
เป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วตั้งแต่ชายคนนั้นมาถึง และเล่อจยาก็อยู่ในสภาพที่สูญเสียจิตวิญญาณ
วันนี้เป็นโต๊ะสุดท้าย หลังจากคิดบิลเรียบร้อยแล้ว เล่อจยาและพ่อก็เริ่มปิดร้าน ในช่วงเวลานั้น เขาอดไม่ได้ที่จะมองดูถนนที่มันว่างเปล่า
อดขำตัวเองไม่ได้: “อ้วนจยาเอ้ย เธอโตมาแบบนี้แล้วยังหวังให้คนอื่นตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็นเหรอ”
ลองคิดดู หันกลับไปมองที่พ่อเล่อ”พ่อ คนที่ป้าพูดถึงครั้งก่อน เขาแต่งงานแล้วหรือยัง?”
พ่อเลอรู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด “จยาจยา หมายถึงลูกจะไปนัดบอดหรือ”
เล่อจยาพยักหน้า ปีนี้เธออายุ 27 ปี และสาวๆ รอบตัวเธออายุประมาณนี้พวกเขามีลูกกันหลายคนถึงยังไม่มีลูกแต่อย่างน้อยก็ยังมีแฟน
ตัวเธอล่ะ? เป็นเวลาหลายปีที่เธอไม่เคยแตะต้องมือของผู้ชายเลย
เพื่อนสนิทขอให้เธอลดน้ำหนักก่อนไปนัดบอด โดยบอกว่าไม่ใช่ปัญหาหลังจากลดน้ำหนักและรูปร่างหน้าตาของเธอดูสวยสามารถดึงดูดฝ่ายตรงข้ามได้
พวกเขาจะเข้าใจได้อย่างไรว่าในปีนั้นเธอต้องทนทุกข์ทรมานจากการลดน้ำหนักมากแค่ไหน นอกจากนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เธอยังได้รู้อีกว่า ถ้าผู้ชายชอบเธอเพียงเพราะรูปร่างหน้าตาภายนอกของเธอ เธอก็ไม่ต้องการ
มัน
แค่หาคนที่จะต้องแต่งงานด้วย นั่นคือสิ่งที่เธอคิดในตอนนี้
ได้ยินจากป้าบอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นเจ้าของบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่ง และครอบครัวของเขาก็ค่อนข้างดี เขาเพิ่งหย่าร้างเพียงครั้งเดียว และไม่มีลูก
“เล่อจยา แม้ว่าเขาจะเคยหย่ามาก่อนมันก็แค่เป็นรอยนิดหน่อย เธอก็อย่าเรื่องมาก หายากนะที่จะมีคนพูดว่าชอบสาวอ้วนคิดว่าดีแค่ไหนแล้ว” คำพูดที่ป้าพูดยังคงก้องอยู่ในหู
ในเวลานั้น เธอรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่ไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน เธอกลับต้องแต่งงานกับผู้ชายมือสอง ในใจกลับรู้สึกเหมือนจะยอดรับไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ในใจเธอก็ยังมีแต่เกาไห่
ทุกวันนี้ใจเธอก็เหมือนตายไปแล้ว ไม่ว่าเขาจะอยู่สูงหรือต่ำแค่ไหนเขาก็ไม่เคยมองเธอ
เมื่อคิดถึงตอนตอนนี้ เธอมองพ่อของเธอ “พ่อคะ นัดกับเขามาเลยยิ่งเร็วยิ่งดี”
หลังจากนั้นหนิงเส่าเฉินก็เข้าซื้อหุ้นของเกากรุ๊ป 41% ในนามชื่อขอเกาไห่โดยอย่างง่ายดาย ภายในไม่ถึงครึ่งเดือนเกาไห่ขึ้นเป็น ประธานของเกากรุ๊ป
เมื่อ เย่หลินได้ยินข่าวนี้ เขาตกใจเป็นอย่างมาก รีบโทรหาหนิงเส่าเฉิน”เส่าเฉิน พี่ชายฉันได้เป็นประธานของเกากรุ๊ปจริงๆหรือ ครั้งสุดท้ายที่พูดถึงเรื่องนี้พึงจะหลายวันก่อนไม่ใช่หรือ?”
หนิงเส่าเฉิน”อืม” พูดตอบเธอ”มาที่บริษัทก่อนแล้วจะบอกรายละเอียดให้ฟัง”
เย่หลินไม่สงสัย คิดว่าน่าจะมีบางอย่างจากเบื้องใน และมาแบบอย่างรวดเร็ว
เมื่อเปิดประตู ก็ถูกหนิงเส่าเฉินดึงเข้าไปในอ้อมแขนของเขา “พูดซิ ทีเรื่องของคนอื่นคุณดูเดือนร้อนจัง? ทีขอให้คุณมา กลับมีข้อแก้ตัวอยู่ประจำ?”
เย่หลินหันกลับมา ดึงมือใหญ่ที่เขาวางไว้ในอ้อมแขนออก หันกลับมาและหยิกใบหน้าของเขา “หนิงเส่าเฉิน ในใจคุณรู้ดี เรียกฉันมา มีธุระจริงหรือ? ”
หนิงเส่าเฉินพูดไม่ออก ไอเล็กน้อย และระงับความปรารถนาเล็กน้อยในดวงตาของเขา หยิบกระดาษบนโต๊ะแล้วกางออกต่อหน้าเย่หลิน
“มา ยื่นมือมา”
ก่อนที่เย่หลินจะตอบสนอง หนิงเส่าเฉินก็ปั้มลายนิ้วมือของเย่หลินลงในกระดาษบนแฟ้มหลายชุดติดต่อกัน
“เรียบร้อยแล้วครับ หากคุณนายไม่อยากอยู่ที่นี้กับผมก็ไปได้เลยครับ”
เย่หลินตะลึง “หนิงเส่าเฉิน ในกระดาษแฟ้มเมื่อกี้มีข้อความอะไรบ้าง? ช่วยแสดงให้ดูหน่อยได้ไหม?”
หนิงเส่าเฉินเก็บแฟ้ม จับมือใหญ่ไว้ด้านหลังศีรษะของเธอ และจูบมันจนเย่หลินหายใจไม่ออกก่อนจะปล่อยเธอ
“อย่ากังวลไป มันไม่ใช่หนังสือสัญญาซื้อขายคุณ คุณมีลูกสองคนแล้ว ไม่มีใครเอาแล้ว?” เมื่อเห็นเย่หลินขมวดคิ้ว เขาเสริมว่า “ยกเว้นสำหรับฉัน มันเป็นสมบัติล้ำค่า”
เย่หลินทุบตีเขาสองครั้งและทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “เส่าเฉิน คุณคิดว่าให้อีอีมาทำงานที่หนิงกรุ๊ปได้ไหม”
หนิงเส่าเฉินเลิกคิ้วและมองไปที่ เย่หลิน”คุณคงจะไม่บอกว่าวิชาเอกของเธอคือเลขาอาวุโสจากนั้นมาทำงานที่ห้องเลขา”
เย่หลินผงะและลุกขึ้นนั่งตัวตรง “คุณรู้ได้อย่างไร เกาไห่พูดให่คุณฟังหรือ ยังแปลกใจที่เห็นเธอเป็นคนเก็บตัว แต่เธอก็ยังได้เรียนรู้วิชาเอกนี้ อย่างไรก็ตาม ดูบริษัทใหญ่ๆ ในเมืองC มีเพียงไม่กี่บ้านเท่านั้น สภาพของเธอเองไม่ค่อยดีนักและเธอไม่มีประสบการณ์มากนัก หรือ คุณจะให้เธอมาทดลองงานฝึกงานเป็นเวลา 1 เดือน ก่อนถ้าไม่ผ่านค่อยว่ากันอีกที
หนิงเส่าเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขา อารมณ์คนเปลี่ยนง่ายแต่นิสัยเปลี่ยนยาก เมื่อกี้ยังดูเหมือนเสียเปรียบและตอนนี้เขาเริ่มกลับมาเป็นคนดีอีกครั้งแล้ว
โอเค เขาไม่ว่าอะไรปล่อยให้เธอเสียเปรียบอีกครั้งและถูกหลอกอีกครั้ง เพื่อบางทีในอนาคตเธอจะจำความหมายของคำว่า คนเราไม่อาจตัดสินกันด้วยหน้าตาได้