เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 206 โอบกอดแนบชิด
หนิงเส่าเฉินคว้าเธอไว้ “อย่าเพิ่งตื่นตูมไป เรื่องนี้เราควรปรึกษากันให้ดีก่อน แล้วคุณล่ะ? ดูสิว่าครั้งหน้าคุณยังจะกล้าส่งผู้หญิงคนไหนมาให้ฉันอย่างตามอำเภอใจอีกไหม”
เย่หลินประคองใบหน้าของหนิงเส่าเฉิน แล้วยิ้มอย่างภูมิใจ แต่ฉับพลันในใจก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
เช้าตรู่วันต่อมา
“อีอี คุณรีบทานข้าวนะ ทานเสร็จแล้ว ให้เส่าเฉินพาคุณไปที่บริษัทด้วย มิเช่นนั้น ที่นี่มันจะขึ้นรถไม่สะดวก” เย่หลินพูดพลาง วางเกี๊ยวครึ่งจานไว้ตรงหน้าเฉินอีอี
เกาไห่หยุดตะเกียบในมือค้างอยู่กลางอากาศ เขามองเย่หลิน “เย่หลิน ไม่ต้องรบกวนเส่าเฉินหรอก ให้อีอีเรียกรถไปเองก็ได้”
เฉินอีอีพยักหน้าคล้อยตาม “ใช่ ฉันนั่งรถไปเองได้ ไม่เป็นไร”
“รีบทานข้าวเถอะ ทานเสร็จแล้วฉันจะพาคุณไปด้วยกัน” ครั้งนี้ หนิงเส่าเฉินเป็นคนพูดเอง ทุกๆ คนก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
บนรถ “ประธานหนิง คุณปฏิบัติกับฉันดีแบบนี้ เย่หลิน จะไม่พอใจหรือเปล่า? ”
หนิงเส่าเฉินเม้มปาก “ไม่หรอก เมื่อกี้เธอให้ฉันพาคุณไปไม่ใช่เหรอ? ”
หลังจากถึงบริษัท หนิงเส่าเฉินก็ไม่หลีกเลี่ยงที่จะให้เฉินอีอีตามเขาเข้าบริษัทไปในเวลาเดียวกัน
อีกทั้งตลอดเส้นทาง ก็พูดคุยกันดีมาก
เฉินอีอีเห็นว่าหนิงเส่าเฉินคนนั้นถามอะไรก็ตอบหมด ก็ยิ่งลำพองใจ
ตอนที่จะแยกกัน หนิงเส่าเฉินก็ดึงเฉินอีอีมาข้างๆ “อีอี รบกวนคุณเรื่องหนึ่งได้ไหม อย่าให้เย่หลินรู้ว่าคุณคือน้องสาวของเฉินเป้ยอี”
“ห้ะ? อืม……โอเค ฉันเข้าใจแล้ว” เฉินอีอีมองตามหลังหนิงเส่าเฉินไป ก็ยกยิ้มขึ้นมา “หนิงเส่าเฉิน ในที่สุดคุณก็มีจุดออ่อนที่อยู่ในกำมือฉัน”
หลังจากเฉินอีอีกับหนิงเส่าเฉินออกไปแล้ว เย่หลินก็ดึงเกาไห่ไปที่ห้อง
ทั้งสองคุยกันอยู่ข้างในสองชั่วโมงกว่า จึงออกมา
“พี่ เธอไม่คู่ควรกับคุณเลย อย่าไปคิดอะไรมากกับเธอ”
เกาไห่ลูบหัวเย่หลิน “โอเค ฉันเข้าใจแล้ว คุณก็เช่นกัน ระวัง……สภาพจิตใจด้วย”
หลังจากเกาไห่ออกไปไม่นาน เย่หลินก็รับโทรศัพท์สายหนึ่ง “ฮัลโหล สวัสดีค่ะ ใครคะ? ”
“สวัสดีค่ะ คุณเย่ใช่ไหม? อืม เอ่อ ฉันเก็บกระเป๋าตังค์ได้ เป็นของคุณเกาไห่ ฉันเห็นว่าเขามีนามบัตรของคุณอยู่ในนั้น ดังนั้น ฉันก็เลยโทรมาถาม”
เย่หลินอึ้งไปเล็กน้อย กระเป๋าตังค์ของเกาไห่ “อ้อ เป็นเช่นนี้ใช่ไหม? คุณอยู่ที่ไหน ให้ฉันไปรับที่ร้านอาหารเล่อจยาเหรอ? ……คุณบอกว่าเขาไปทานที่ร้านอาหารนั้นของคุณแล้วทำกระเป๋าตังค์ตกไว้เหรอ? อ้อได้ เพียงแต่ว่า เขาเพิ่งออกจากบ้านไป อีกสักครู่ฉันจะโทรให้เขาไปรับนะ” นี่ทำให้เย่หลินรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย เกาไห่สามารถไปกินที่ร้านอาหารข้างทางได้ด้วยเหรอ?
“อืม โอเค ขอบคุณค่ะ! ”
วางสายไปแล้ว เย่หลินก็โทรหาเกาไห่
“ได้ ฉันรู้แล้ว ตอนเย็นฉันจะไปรับเอง” มุมปากของเกาไห่ก็ยกยิ้มขึ้นอย่างสวยงาม กระเป๋าตังค์ใบนั้น ไม่มีอะไร มีเพียงเงินไม่กี่พันและนามบัตรของเย่หลิน และรูปที่เขาถ่ายร่วมกับเย่หลินหนิงเสี่ยวซีแล้วก็เย่เสี่ยวโม่หนึ่งใบ
ไม่ได้รับโทรศัพท์ของเธอตลอดทั้งคืน เขายังคิดว่า เธอไม่สามารถโทรเข้ามาได้
เย่หลินนิ่งอึ้งไป เมื่อคืนวานเกาไห่กลับมา แล้วตอนเช้าก็ออกไป สภาพจิตใจไม่ดี แต่น้ำเสียงในโทรศัพท์เมื่อกี้นี้ ชัดเจนว่าดีขึ้นมาก
อดไม่ได้ที่จะไม่สบายใจ ตกลงในโทรศัพท์นี้คือใครกัน?
เล่อจยายิ้ม เมื่อวานเธอจึงตัดสินใจที่จะไม่ติดต่อเขา แต่ตอนที่เก็บโต๊ะ เห็นกระเป๋าสตางค์ของเขา อาการกระสับกระส่ายภายในใจ ก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง
เพียงแต่ เมื่อเห็นรูปภาพใบนั้น ในใจของเธอก็หมดหวัง เด็กผู้หญิงคนนั้นจูงแขนของเขา เด็กชายหญิงที่อยู่ตรงหน้า ชัดเจนว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน
ดูจากน้ำเสียงของผู้หญิงคนนั้นที่พูดแล้ว พวกเขาอยู่ด้วยกัน ใจของเธอ ก็ตายไปโดยสิ้นเชิงแล้วจริงๆ
“ซูหย่า คืนนี้ ฉันไม่ค่อยสบาย คุณมาดูร้านให้หน่อยได้ไหม? ”
“โอเค กินข้าวแล้วฉันจะเข้าไป”
พอเกาไห่เลิกงานตอนเย็น ก็ไม่ได้ไปงานเลี้ยงส่วนตัว มุ่งตรงไปยังร้านอาหาร
“เอ่อ เมื่อคืนวานฉันลืมกระเป๋าสตางค์เอาไว้ที่นี่ครับ วันนี้….”
เกาไห่มองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นเล่อจยา จึงทำได้เพียงกล่าวถามซูหย่า เพียงแต่ยังพูดไม่ทันจบ ซูหย่าก็ตัดบทคำพูดของเขา หยิบกระเป๋าสตางค์ใบหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าใต้โต๊ะ “คุณหมายถึง อันนี้ใช่ไหม อย่างนั้นก็คืนให้คุณ”
คิดๆแล้ว ก็พูดเพิ่มอีกประโยคหนึ่งว่า “เมื่อวาน ฉันเก็บโต๊ะแล้วเห็น ด้านในมีเงินเยอะมาก ครั้งหน้าก็เก็บให้ดีๆ หน่อย! ”
ในใจเกาไห่หดหู่เล็กน้อย แต่ก็ยังยิ้มแล้วกล่าวว่า: “อ้อ อย่างนั้นก็รบกวนคุณแล้ว”
เห็นเกาไห่จะจากไป ซูหย่าก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากว่า: “คุณผู้ชาย เอ่อ คือ…..เด็กสองคนนั้น น่ารักมากเลย”
นึกถึงหนิงเสี่ยวซีและเย่เสี่ยวโม่ เกาไห่ก็นิ่งอึ้งไป แล้วจึงพยักหน้า “ครับ น่ารักมาก”
เกาไห่คาดไม่ถึงว่าคนที่เก็บกระเป๋าได้จะเป็นซูหย่า ในใจก็ผิดหวังเล็กน้อย แล้วก็หงุดหงิดเล็กน้อย
เมื่อกลับถึงบ้าน ก็เห็นเฉินอีอีอยู่ไกลๆ พูดคุยอย่างสนุกสนานกับหนิงเส่าเฉิน สีหน้าก็ยิ่งเคร่งขรึมอย่างมาก
หลังจากหนิงเส่าเฉินเข้าบ้านมา ก็ไม่ได้เข้าห้องหนังสือไปเหมือนเมื่อก่อนแต่นั่งบนโซฟาด้านนอก ดูทีวีอยู่ครู่หนึ่ง คนสามคนนั่งอยู่บนโซฟา เฉินอีอีนั่งอยู่ด้านซ้าย หนิงเส่าเฉินนั่งอยู่ด้านขวา
เมื่อเย่หลินเดินออกมาจากในห้อง ก็เห็นฉากนี้พอดี สายตาก็เปลี่ยนไป พูดเสียงดังว่า: “เส่าเฉิน คุณมาช่วยดูตรงนี้หน่อย”
หนิงเส่าเฉินลุกขึ้น แต่ชั่วพริบตาสายตาก็หยุดอยู่ที่บนใบหน้าของเฉินอีอี
เฉินอีอี หน้าแดงระเรื่อ ก้มหน้าลง แต่ฉากนี้ตกอยู่ในสายตาของเกาไห่พอดี
จึงดึงเฉินอีอีกลับห้อง “อีอี หรือพวกเราจะย้ายออกไปดี ตอนนี้ฉันมีเงินแล้ว พวกเราออกไปข้างนอก……”
“อืม เอ่อ รอให้บริษัทของคุณมั่นคงอีกสักหน่อยเถอะ ฉันเห็นว่า คุณเพิ่งจะได้รับช่วงต่อเกากรุ๊ป อีกอย่าง เส่า….คุณชายหนิงจ่ายเงินเพื่อคุณไปมากขนาดนี้ พอมีเงิน เราก็ควรจะมัธยัสถ์สักหน่อยก่อน อยู่ที่นี่ไปก่อนเถอะ? รอให้เงินของคุณชายหนิงได้พอสมควรแล้ว พวกเราค่อยออกไปเช่าบ้านข้างนอกอยู่” เฉินอีอีอธิบายอย่างสะเปะสะปะเล็กน้อย เกาไห่มองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า แต่แปลกใจมาก คาดไม่ถึงว่าภายในใจจะไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดเลย
พยักหน้า “โอเค ตามใจคุณ”
“อย่างนั้น คุณไม่มีธุระแล้ว ก็กลับห้องของคุณไปเถอะ ฉัน…..ทำงานมาค่อนข้างเหนื่อย ฉันอยากพักผ่อนสักหน่อย” เฉินอีอีรีบไล่เขา เกาไห่ดึงมือของเธอ อยากจูบสักเล็กน้อย แต่ถูกเฉินอีอีดันกลับไปอย่างรังเกียจ “เอ่อ ฉันไม่สบาย ฉันต้องการนอนเร็วหน่อย”
“อ้อ ดีๆ อย่างนั้นคุณก็นอนเร็วหน่อยนะ” เกาไห่พูดพลางเดินถอยออกไปนอกประตู เมื่อประตูปิด รอยยิ้มบนใบหน้าของเขา ก็ค่อยๆ จางหายไป