เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 251 ลักเด็ก
“ไห่ยุ่น คุณอย่าใสซื่อเกินไปเลย เราก็ไม่ได้ว่าเล่อจยาแย่ขนาดนั้น แต่ว่าก่อนที่คุณจะมาเธอมักจะติดต่อกับประธานเกาบ่อยมาก”
ไห่ยุ่นปิดปาก แล้วหัวเราะ “ถึงแม้ว่าเธอจะคิดอะไรกับพี่ชายฉัน ฉันเป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องของเขา ฉันจะทำอะไรได้? ” พูดถึงตรงนี้ไห่ยุ่นก็ก้มหน้า ปิดบังความหดหู่ในแววตา
“อันที่จริงก็พูดแบบนี้ไม่ได้นะ ไห่ยุ่น เรามองออกว่าประธานเกาปฏิบัติต่อคุณดีมาก พวกคุณ……ก็ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ คุณก็สวยขนาดนี้ เรื่องบางเรื่อง ก็ไม่ใช่จะไม่สามารถเป็นไปได้? ” บางคนเลือกที่พูดออกมาอย่างชัดเจน
“ใช่สิ ฉันก็คิดแบบนี้ เล่อจยาคนนั้น ไม่ดูความสามารถของตนเลย คุณดูสิ รูปร่างก็ไม่ได้ดี หน้าตาก็ไม่ได้สวย คาดไม่ถึงยังจะกล้าหมายปองประธานเกา”
“ขอบคุณพวกพี่ๆ ที่ชอบไห่ยุ่น เพียงแต่ฉันรู้ว่า ฉันเป็นคนพิการคนหนึ่ง จะคู่ควรกับคนดีๆ แบบเขาได้อย่างไร”
เธอพูดประโยคนี้จบ ทุกๆ คนก็ถอนหายใจ
……
คำพูดของคนนั้นน่ากลัว เรื่องราวที่ไม่ได้มีอยู่จริง ถูกพูดกันมากๆ ก็กลายเป็นจริงขึ้นมา
ด้วยเหตุนี้ เล่อจยาจากไม่เป็นที่รู้จัก ก็เป็นที่รู้จักของคนในบริษัทภายในไม่กี่วัน
บางคนก็บอกว่า เธอเป็นพวกคางคกขึ้นวอ บางคนก็บอกว่า ที่เธอมาชวนไห่ยุ่นคุยก็เพื่ออยากจะคบกับเกาไห่ ต่างๆ นานา
สรุปได้ว่า เธอไม่ดีไปซะทุกๆ อย่าง ด้วยเหตุนี้ไห่ยุ่นจึงได้รับความชื่นชอบ ทุกๆ คนปฏิบัติดีต่อเธอ สงสาร สรรเสริญเยินยอ ให้ความช่วยเหลือ แต่กับเธอแล้ว นอกจากจะได้คำพูดที่ไม่น่าฟังแล้วก็ไม่มีอะไรอื่นอีก
ในตอนแรกเล่อจยาก็ไม่ได้สนใจ แต่นานๆ ไป เธอถูกคนเมินเฉยแบบนี้ ท้ายที่สุดก็ได้รับผลกระทบ
เกาไห่บอกให้เธอขึ้นไปทานอาหารเย็นตอนเที่ยง หลังจากเธอคิดๆ ดูแล้ว ก็พูดตรงๆ ว่า : “สองสามวันนี้ฉันจะไม่ขึ้นไปกินข้าวด้วยนะ คนในบริษัทพูดไม่ค่อยน่าฟังเลย คุณให้คนมาเข็นไห่ยุ่นขึ้นไปเถอะ ตอนเย็นฉันก็จะกลับบ้านเอง สองสามวันนี้ไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจน่าจะดีกว่า”
“คุณภรรยา เราเปิดเผยกันเลยเถอะ ฉันไม่อยากให้คนอื่นมาว่าคุณ” เกาไห่ตอบข้อความกลับอย่างรวดเร็ว
เล่อจยายิ้มมุมปาก “อืม อย่าเลย แค่สถานการณ์ในตอนนี้ ฉันเกรงว่าตอนเองจะจมน้ำลายตาย รอให้พวกเธอพูดจนพอแล้ว ก็เลิกพูดไปเองนั่นแหละ”
เพราะไม่สามารถไปทานข้าวที่โรงอาหารได้ เล่อจยาได้แค่ออกไปซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แม้ว่าเธอจะรับบัตรจากเกาไห่มา แต่ในใจ เธอยังรู้สึกละอายที่จะใช้เงินของเขา
รอหลังจากเธอกลับมา บรรยากาศที่บริษัทก็เปลี่ยนไปมาก เดิมทีคนที่ชี้นิ้วใส่เธอ ก็ไม่มีแล้ว ทุกๆ คนเห็นเธอ ก็กลายเป็นมิตรมากขึ้น บางคนถึงกับเริ่มทักทายเธอ
เมื่อถึงสำนักงาน ก็เป็นเช่นนี้ ในที่สุดเธอก็อดไม่ได้ที่จะถามเพื่อนร่วมงานข้างๆ
“เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ประธานเกาไล่คนสองคนที่เคยส่งอีเมลมาโจมตีคุณก่อนหน้านี้ออกไปแล้ว”
เล่อจยาขมวดคิ้ว ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
ประธานเกาปกป้องอย่างเปิดเผยเช่นนี้ แม้ว่าทุกคนจะมีความคิดเห็นอยู่ในใจ ก็ไม่มีใครเต็มใจที่จะตกงานเพื่อคำนินทาหรอก
รู้สึกอบอุ่นในใจ เลยส่งข้อความไปให้เกาไห่ “ขอบคุณเจ้านาย”
“เช่นนั้นตอนเย็นได้โปรดเป็นเกียรติ ให้ฉันเลี้ยงข้าวคุณด้วย ได้ไหม? ”
“อย่างนั้น น้องสาวคุณล่ะ? ”
“ฉันจะให้เสี่ยวตงส่งเธอกลับไป”
“โอเค”
ผลักเปิดประตูหนักๆ ของร้านอาหารออก เบื้องหน้าคือพื้นที่กว้างขวางหรูหรา โคมไฟระย้าคริสทัลอันงดงามบนเพดาน สะท้อนแสงทุกๆ มุมด้วยสีสันสดใสราวกับความฝัน
โต๊ะและเก้าอี้สไตล์ยุโรป เคาน์เตอร์บาร์ขนาดเล็กที่งดงาม ล้วนทาด้วยสีขาวล้วน ทำให้ทุกหนทุกแห่งส่งกลิ่นอายของความเป็นผู้ดี
มองดูร้านอาหารระดับไฮเอนด์ที่ตกแต่งอย่างหรูหราตรงหน้า เล่อจยาก็หันกลับไปมองเกาไห่ “ระดับสูงขนาดนี้ แพงมากเลยใช่ไหม? ”
เกาไห่เอียงหน้าเล็กน้อย กระซิบข้างหูของเธอ “กลางวันทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปแล้ว ตอนเย็น ชดเชยหน่อยไม่ได้เหรอ? ”
“คุณ รู้ได้อย่างไร? ” เล่อจยามองเกาไห่อย่างประหลาดใจ
เกาไห่เพียงแค่ยิ้มๆ ไม่พูดจา จูงมือของเธอ เดินเข้าไปยังด้านหน้า เสื้อสูทรองเท้าหนัง ภาพด้านหนังที่สูงสง่าหุ่นดี เล่อจยามองนิ้วมือที่จับเอาไว้แน่น เวลานี้ เธอรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก
ดังนั้น จึงเป็นภาพที่ดึงดูดสายตาของผู้คนในห้องอาหาร
ชายที่รูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลา เสื้อสูทที่สั่งทำเองกับมือ เสื้อเชิ้ตสีขาว รองเท้าหนังทำด้วยมือ บุคลิกดีเลิศ แต่ผู้หญิง ไม่ค่อยสูงเท่าไร รูปร่างก็ไม่ค่อยดี หน้าตาก็ไม่ค่อยโดดเด่น สวมเสื้อกันหนาวมีฮู้ด กางเกงยีนสีซีดๆ คนทั้งสองมองอย่างไรก็ไม่เหมาะสมกัน
ถ้าต้องบอกว่าจุดไหนที่หญิงสาวโดดเด่น ก็คาดว่าจะเป็นรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ กับแก้มลูกสาลี่นั้น
บริกรเข้ามาต้อนรับ “คุณเกา เชิญตามมาได้เลยครับ”
ตามบริกรไป พวกเขาเข้าไปยังห้องวีไอพีที่งดงามห้องหนึ่ง ไวน์แดง เทียนหอม ดอกไม้สด….เล่อจยามองเกาไห่ ในสายตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ยิ้มอะไร? ไม่พอใจเหรอ? ”
เล่อจยาส่ายหน้า “แค่รู้สึกว่า มันเกินความเป็นจริง กลัวว่าจะฝันไป แล้วก็ตื่นขึ้นมา” เสียงของเธอยิ่งพูดก็ยิ่งเบาลง
เมื่อตอนอายุ21ปี ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคือเทพบุตรในฝันของเธอ ไกลเกินจะเอื้อมถึง
เธอไม่กล้าหวังแม้แต่จะได้ทานข้าวด้วยกันกับเขา ไม่ต้องพูดถึงดินเนอร์ใต้แสงเทียนสุดโรแมนติกเลย
“เล่อจยา บางที่ที่คุณรักอาจจะเป็นเพียงภายนอกของฉัน แต่คุณรู้ไหม? ถึงรูปร่างหน้าตาที่ดีหายไป ความรักความผูกพันที่แท้จริงจะไม่จางหาย ภายในจิตใจ แล้วความรักของฉัน ล้วนเป็นคุณที่อยู่ข้างใน” เขามองเธออย่างลึกซึ้ง พูดคำพลอดรักที่มีเพียงคนสองคนที่สามารถได้ยินได้
เล่อจยานิ่งอึ้งไป ความรักของเธอ เป็นเพียงแค่ภายนอกของเกาไห่เหรอ?
ตอนอายุ21ปี บางทีก็อาจจะใช่? ถึงอย่างไร เวลานั้นเธอก็ไม่มีโอกาสที่จะได้รู้จักภายในใจของเขา
ตอนเธออายุ28ปี ตกลงเธอรักภายในจิตใจของเขาหรือไม่ เธอก็จำไม่ได้
การแสดงออกของเธอหักหลังภายในจิตใจของเธอ ในสายตาเกาไห่ ปรากฏความหดหู่เล็กน้อย
เล่อจยาที่เติบโตมาท่ามกลางเด็กผู้ชาย ดังนั้น กับความสงบเสงี่ยมและสง่างามของเด็กผู้หญิง เธอไม่ค่อยถนัด ดังนั้น มื้ออาหารนี้ จึงกลายเป็นมื้อที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตของเธอ
ที่อบอุ่นใจก็คือ การรู้ใจของเกาไห่ ที่ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดและเก้อเขิน
เมื่อคนทั้งสองออกมาจากภัตตาคาร ภายใต้โคมไฟที่วาววับจับตา ในเมืองที่งดงาม ตึกที่สูงเสียดฟ้า เล่อจยามองผู้ชายที่อยู่ข้างๆ ทันทีก็รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นพิเศษ
เมืองที่คึกคักแบบนี้ แต่เธอกลับรู้สึกว่าชีวิตโดดเดี่ยวเดียวดาย
ซูหย่าบอกว่า หลังจากพ่อและแม่หย่าร้าง พ่อก็หายไป ไม่รู้ว่าไปไหน? แม่ก็พาน้องชายไปด้วย….
เธอไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้สองสามปี เธอผ่านอะไรมา แต่ซูหย่าคงไม่โกหกเธอ คิดแล้ว คาดไม่ถึงว่าเธอจะกลายเป็นเด็กคนหนึ่งที่ถูกทอดทิ้ง หลายวันมานี้ เธอพยายามที่จะไม่คิดถึงปัญหานี้ แต่เวลานี้ เธอก็อดขอบตาตาแดงไม่ได้
ยังดีที่ สวรรค์ไม่ใจจืดกับเธอ ส่งให้เกาไห่มาอยู่ข้างๆ เธอ เพียงแต่ ไม่รู้ว่าเกาไห่ดีเลิศจนเกินไปหรือเปล่า จึงทำให้เธอหาความรู้สึกที่ปลอดภัยจากเขาไม่ได้เลยสักนิด
“จับเขาไว้….มีคนลักเด็กไป…” จู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนเสียงดังจากใครบางคนที่อยู่ด้านหลัง