เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 259 ยั่วยุ
ขณะที่นั่งอยู่บนรถบัสเดินทางกลับ เล่อจยารู้สึกผิดหวังมาก เธอเอนหลังพิงเก้าอี้ หันตัว มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย และขณะที่เธอกำลังจะละสายตา เธอก็เห็นร่างที่คุ้นเคยของใครบางคน
เล่อเหวิน?
ดูเวลา ลงจากรถตอนนี้ยังคงมีเวลา จึงลุกขึ้น รีบลงจากรถ แต่พอลงจากรถแล้ว ก็ไม่เห็นเงาของเล่อเหวินเลย เธอวิตก จึงร้องขึ้นเสียงดัง “เล่อเหวิน นายอยู่ไหน?”
สิ่งที่ตอบกลับมามีเพียงอากาศ
เธอก้าวถอยหลังอย่างหมดสภาพ เอนตัวพิงรถบัส ทรุดตัวลงช้าๆ นั่งยองๆกับพื้น กุมศีรษะไว้ด้วยความหงุดหงิด
ทันใดนั้นเงาของร่างเพรียวบางก็บังเธอไว้
เธอเงยหน้าโดยอัตโนมัติ ลุกขึ้นยืน “เล่อเหวิน……”
เล่อเหวินมองเธอ แล้วมองไปที่รถบัสข้างหลังเธอ สายตาเยาะเย้ย เม้มปาก เดินวนรอบเธอสีหน้าเฉยๆ นั่งลงบนขอบแปลงดอกไม้ด้านหลัง หยิบบุหรี่ออกมาจุด ทันใดนั้นก็เต็มไปด้วยควันหุ้มล้อมใบหน้าที่หล่อเหลาสมบูรณ์แบบของเขา
“ไม่ใช่ว่าแต่งให้กับเศรษฐีเหรอ? ทำไมถึงมานั่งรถบัสกระเซอะกระเซิงแบบนี้ล่ะ? ให้เขานั่งรถหรู……”
“เพี๊ยะ”เล่อเหวินยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนตบหน้าไปหนึ่งที
“เล่อเหวิน นายรู้ไหม พ่อตายเพราะนาย?”เสียงเธอเย็นมาก สองมือกำหมัด
เล่อเหวินยกมือขึ้นจับหน้า ปล่อยออก เงยหน้าขึ้นมองเล่อจยาแล้วพูดว่า
“พี่ อย่ามาพูดมั่วแบบนี้นะ พ่อตายเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ต่างหาก” เล่อจยาพูด แล้วเข้าไปใกล้ และลากเขา “นายกลับบ้านเกิดกับฉัน ไปคุกเข่ายอมรับผิดต่อหน้าคุณปู่คุณย่า”
พูดไป ก็ดึงเล่อเหวินไปที่ตู้ขายตั๋วเพื่อซื้อตั๋ว
เล่อเหวินดิ้นเพื่อให้หลุดจากการควบคุมของเล่อจยา ตัวเขาสูง กินแรงเล่อจยาไปมาก
เธอตัดสินใจ หันตัวกลับไป จ้องเขา “ฉันขอบอกนายไว้ก่อนนะ นายมีทางเลือกแค่สองทาง คือ กลับไปกับฉัน หรือไม่อย่างนั้น วันนี้ฉันจะหักขานายทิ้ง”
แววตาของเธอมีความมุ่งมั่น เล่อเหวินรู้ว่าพี่สาวคนนี้เก่ง และรู้ด้วยว่าพี่สาวคนนี้ไม่ได้พูดเล่น ตั้งแต่เด็กพ่อกับแม่ไม่กล้าตีเขาเลย แต่เขากลับโดนผู้หญิงคนนี้ทุบตีมาไม่น้อย เขาจึงหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
“ไปซื้อตั๋วเอง”
“ฉันไม่มีตังค์ ตอนนี้แค่กินข้าวก็เป็นปัญหาแล้ว”
“ใช่เหรอ? แล้วเมื่อกี้มาทำอะไรที่นี่? นายเตรียมตัวจะไปไหน?”
สายตาของเล่อเหลินวูบวาบ “เธอไม่ต้องยุ่ง……”
“ฉันก็ไม่ได้อยากจะยุ่ง”ตั้งแต่เด็กความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนก็ไม่ค่อยจะดี เล่อเหวินถูกที่บ้านตามใจ จึงเห็นแก่ตัวมาตั้งแต่เด็ก ความรู้สึกที่เล่อจยามีต่อเล่อเหวิน มันหายไปตั้งแต่วินาทีที่พ่อเขาเสียแล้ว
“อีกอย่าง ฉันถามหน่อย แม่เป็นบ้าได้ยังไง?”
เล่อเหวินตัวกระตุกไปที ปิดหูไว้ “ฉันไม่รู้ เธอไม่ต้องมาถามฉัน”
“ฉันไม่ถามนาย แล้วจะให้ฉันไปถามใคร? นายอยู่กับเธอตลอด เธอบ้าได้ยังไง นายไม่รู้เหรอ?”
เล่อเหวินเอามือลง หลับตา ไม่ได้พูดอะไร มีท่าทางแบบอยากทำอะไรก็เชิญ
เมื่อพวกเขามาถึงในเมือง ทั้งสองก็ลงจากรถทีละคน และยืนอยู่หน้าป้ายรอรถเพื่อรอรถบัส หมู่บ้านของพวกเขา อยู่แถวตีนดอย มีรอบรถน้อยมาก
บนป้ายรอรถไม่มีที่นั่ง เล่อจยาพิงอยู่บนป้าย ขณะที่เล่อเหวินนั่งยองๆอยู่บนพื้น สูบบุหรี่ไปทีละม้วน
“ขอพูดหน่อยเหอะ พี่ เธอแต่งงานกับคนรวยไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงไม่มีรถพิเศษให้เธอล่ะ? นี่ต้องรอไปถึงเมื่อไหร่?”
เล่อจยามองเขา “ใครบอกนาย ว่าฉันแต่งงานกับคนรวย?”เรื่องระหว่างเธอกับเกาไห่ เพราะความดึงดันของเธอ จึงเป็นความลับมาตลอด
“วันสุดท้ายของงานศพพ่อ ฉันแอบตามไปดู ถามคนงานแถวนั้น ว่าใครเป็นคนจัดงานศพ เขาบอกเป็นลูกเขย ฉันยังถามทีหลังอีกว่าสุสานของพ่อมีราคาตั้งหลายแสนแหนะ ค่ารักษาพยาบาลของแม่ ได้ยินว่าเขาก็จ่ายให้หนึ่งปี นี่ก็ต้องใช้หลายแสนเลยเหมือนกัน ถ้าไม่มีเงิน จะช่วยแบบฟุ่มเฟือยขนาดนี้เหรอ? ”
ฟังเขาพูดจบ เล่อจยาก็ขมวดคิ้ว ที่แท้เกาไห่ช่วยเธอทำธุระหลายอย่างเลย เธอเคยคิดว่าค่าใช้จ่ายพวกนี้ต้องไม่น้อยแน่ๆ แต่กลับคิดไม่ถึง ว่าจะแพงขนาดนี้ แล้วก็โล่งใจ ดูเหมือนว่า เล่อเหวินจะยังไม่รู้จักเกาไห่
ทันใดนั้นก็คิดถึงแผนของเขาที่จะเพิ่งเธอ “อ๋อ นายหมายถึงผู้ชายคนนั้นเหรอ เราเลิกกันแล้ว”
เธอสังเกตว่าในสายตาของเล่อเหวินผิดหวังเล็กน้อย ทันใดนั้นใจก็เย็นชื้นขึ้นมา
“คนอื่นเขาเล่นเธอจนเบื่อแล้ว? เพราะอย่างนั้น ถึงไม่เอาแล้ว?”เล่อเหวินพูดจบ ในตาก็แฝงไปด้วยความเหยียดหยาม
เล่อจยาตบเข้าแรงๆที่หัวของเขา “ถ้ายังพูดไปเรื่อยอีก ฉันฉีกปากนายทิ้งแน่”
ตอนนี้เอง รถบัสก็มาพอดี
เมื่อเราไปถึงปากทางเข้าหมู่บ้านของเธอ ก็เป็นเวลาบ่ายโมงแล้ว ในตอนเช้าเธออารมณ์ไม่ดี และเล่อจยาไม่ได้กินอะไรมามาก ตอนนี้จึงหิวจนท้องร้อง
บ้านของคุณย่าอยู่กลางหมู่บ้าน เดินเข้าไปข้างในไม่กี่ก้าว เล่อจยาก็ได้ยินมีคนเรียกตัวเอง “จยาจยา?”
เธอหันกลับไป ก็เห็นผู้หญิงที่แต่งตัวดีคนหนึ่ง เดินมาทางเธอ นี่เป็นภรรยาน้องชายคนที่สองของพ่อเล่อ หรือก็คืออาสะใภ้รอง
เล่อจยาดึงริมฝีปาก เรียกแบบหน้ายิ้มใจไม่ยิ้มว่า“อาสะใภ้รอง”
“อาสะใภ้รอง ยังสาวยังสวยเลยนะเนี่ย”เสียงเล่อเหวินดังขึ้นข้างหลังเล่อจยา
เล่อจยามองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเธอ อายุประมาณห้าสิบปี เอวถังน้ำ ขาช้าง หน้าค่อนข้างอ้วน ใบหน้าของเธอดูเป็นก้อนกลมๆ เหมือนจะทาแป้งหนาๆไว้ด้วย ยังสาว? ยังสวย?
เล่อเหวินนี่ลืมตาพูดคำบอดเก่งจริง
“อ้าว นี่ไม่ใช่เสี่ยวเหวินเหวินของเราเหรอ? ปากหวานตั้งแต่เด็ก พูดดี รูปร่างหน้าตาแบบนี้ ได้ข้อดีของพ่อกับแม่มาหมดเลยนะเนี่ย หล่อจริงๆ”เธอจับมือเล่อเหวิน ชมเขาจนแทบจะขึ้นสวรรค์
เล่อจยาขี้เกียจทนดูความเสแสร้งของพวกเขา หันตัวเดินไปทิศทางที่อยู่ของคุณปู่กับคุณย่า
“จยาจยา เธอมีแฟนหรือยัง?”
เล่อจยานึกถึงเกาไห่ อยากจะพยักหน้า แต่นึกได้ว่าเล่อเหวินอยู่ข้างๆ เธอจึงส่ายหน้า
“อ๋อ ยังไม่มีเหรอ? แต่เธอโตกว่าเสี่ยวอวี๋สามปีใช่ไหม?”เสี่ยวอวี๋ เล่อเสี่ยวอวี๋ ลูกพี่ลูกน้องของเล่อจยา ลูกสาวของอาสะใภ้รอง เด็กที่ทำตัวแรด ร่านตั้งแต่เด็ก เล่อจยาเม้มปาก พยักหน้า
“เธออ่ะนะ จะแต่งงานแล้ว แต่งวันที่แปดเดือนหน้า ที่จริงสองสามวันนี้ว่าจะโทรหาพ่อเธอ เธอกลับมาแล้ว ฉันก็ไม่โทรละ ฝากเธอกลับไปบอกที”
แต่งวันที่แปดเดือนหน้า? วันนี้ก็วันที่ยี่สิบห้าของเดือนนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็อีกแค่สิบวันไม่ใช่เหรอ?
เล่อจยาไม่มีอะไรจะพูด นี่แสดงว่าเธอตั้งใจจะดูถูกคน ตามธรรมเนียมของพวกเขา ถ้าวันที่ถูกกำหนดมาแล้ว บางคนจะส่งคำเชิญไปยังญาติและเพื่อนล่วงหน้าหกเดือน อีกอย่างส่วนมากจะไปเชิญด้วยตัวเอง เธอนี่ดีเลย ทำแค่ให้เธอฝากกลับไปบอก นี่มันช่าง……
“อ๋อ แบบนี้เองเหรอ? แต่ พ่อฉันไม่อยู่แล้ว เขาอาจจะดื่มเหล้ามงคลของลูกสาวคุณไม่ได้แล้ว” เธอไม่อยากพูดถึงพ่อของเธอตอนที่พวกเธอกำลังพูดถึงเรื่องงานแต่งงาน แต่เธอนึกถึงการที่เธอไม่เคารพพ่อของเธอ จึงไม่ได้คิดอะไรมาก
จากนั้น เธอก็เห็นสีหน้าของอาสะใภ้รองเปลี่ยนไป “เธอพูดว่าอะไรนะ ไม่อยู่แล้ว?”