เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 277 เข้าใจผิดใหญ่หลวง
เย่หลินหรี่ตามอง แล้วบอกกับหนิงเสี่ยวซีว่า : “เสี่ยวซี คุณเข้าไปก่อน บอกกับพ่อว่า อีกสักครู่ฉันจะไป”
วันนี้ลูกของหลิวซูกับหนิงเชี่ยนอายุได้หนึ่งเดือนแล้ว
พูดจบ แล้วดึงเล่อจยาไปที่ร้านน้ำชาที่ใกล้ที่สุด
หลังจากทั้งสองคนนั่งลง เย่หลินก็ดึงกระดาษทิชชูออกมา ส่งให้เล่อจยาเช็ดน้ำตา แล้วพูดว่า “พี่สะใภ้ คุณทะเลาะกับพี่ชายฉันใช่ไหม? ”
เล่อจยาส่ายหัว
เย่หลินจับมือของเธอ แล้วขมวดคิ้วเบาๆ “มือของคุณ ทำไมเย็นแบบนี้? หนาวเหรอ? ”
หนาว? ไม่หรอก เธอไม่ได้หนาว เพียงแต่หัวใจเธอค่อนข้างหนาวเหน็บก็เท่านั้น
“เย่หลิน ระหว่างคุณกับหนิงเส่าเฉิน ก็เคยมีมือที่สามใช่ไหม? ”
“มือที่สาม? พี่ชายฉัน……นอกใจเหรอ? ” เย่หลินพูดอย่างตกใจ
นอกใจ? เล่อจยาถอนหายใจ ชั่วขณะเธอก็ไม่รู้ว่าควรพูดเรื่องไห่ยุ่นกับเย่หลินไหม เธอกลัวว่า เย่หลินจะคิดกับเธอแบบนั้นเหมือนกันกับเกาไห่
“พี่สะใภ้ คุณบอกฉันมาเถอะ บางที ฉันอาจจะช่วยคุณได้” เย่หลินมองเล่อจยาอย่างสงสัย แล้วพูดโน้มน้าวอยู่ข้างๆ
เล่อจยาเงยหน้ามองเย่หลิน เตรียมที่จะพูด ทว่าก็เห็นภาพบุคคลที่คุ้นเคย ชั่วขณะคำพูดที่มาถึงปากก็กลืนลงไป เธอค่อยๆ ลุกขึ้นยืน มองชายคนนั้นที่เดินเข้ามา
“พี่” เย่หลินเอ่ยพูด
เกาไห่มองเธอ “คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ”
“ลูกของน้องสาวสามีอายุครบหนึ่งเดือน ก็เลยมาทานข้าวกัน แล้วก็เจอพี่สะใภ้เข้าพอดี” พูดจบ เธอก็ดึงเกาไห่มาข้างๆ “พี่ วันนี้พี่สะใภ้มางานแต่งลูกพี่ลูกน้อง คุณในฐานะสามีของเธอ จะยุ่งแค่ไหนก็ต้องมากับเธอ มิเช่นนั้น คนอื่นจะมองเธออย่างไรล่ะ? ”
แววตาเกาไห่หม่นหมองลง ชำเลืองมองเล่อจยา “พอดีวันนี้มีเรื่องด้วยนิดหน่อยนะ”
“เรื่องอะไรจะด่วนกว่าเรื่องนี้? เธอเพิ่งจะแต่งงานกับคุณ คุณก็ปล่อยให้เธอมาคนเดียวอย่างนี้ เมื่อกี้ตอนที่ฉันเจอพี่สะใภ้ เธอสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่ต้องพูดเลย แน่นอนว่าเธอต้องได้รับความไม่ยุติธรรมมาไม่น้อย พี่ เรื่องนี้ คุณทำผิดจริงๆ นะ” เย่หลินพูดจบ ก็ดึงเสื้อสูทเกาไห่จนยับเล็กน้อย
สายตาเกาไห่มองข้ามเย่หลินไปหยุดที่เล่อจยา ในแววตามีความเจ็บปวดใจ “โอเค ฉันรู้แล้ว คุณเข้าไปก่อนเถอะ ให้พวกเขารอนานๆ ก็จะไม่ดีนะ เรื่องของเรา ฉันจะจัดการเอง”
เย่หลินรู้ดีว่าคนนอกยากที่จะตัดสินเรื่องในบ้านได้ เธอจึงพยักหน้ากับเล่อจยา “พี่สะใภ้ เช่นนั้นฉันไปก่อนนะ คุณมีธุระอะไรก็โทรหาฉัน”
เล่อจยาตอบกลับ “อืม”
เห็นเย่หลินเดินเข้ามุมไปแล้ว เล่อจยาก้มหน้าลงบิดๆ นิ้ว ทำให้จิตใจสงบลง จึงพูดว่า : “การผ่าตัดสำเร็จไหม? ”
เกาไห่ตอบกลับ “อืม”
“ฉันจะส่งคุณกลับบ้าน”
เล่อจยาไม่พูดอะไร เธอไม่มีอารมณ์จะให้เกาไห่ขึ้นไปทักทาย เพราะคนดูสภาพก็ไม่ค่อยดีอย่างมาก
เมื่อถึงบ้าน เกาไห่ก็ไม่ได้ลงจากรถ
เล่อจยามองเขา “คุณ ไม่กลับบ้านเหรอ? ”
“อืม” สักพักจึงพูดเสริมว่า : “ฉันยังต้องไปโรงพยาบาล เธออยู่ในนั้น ขาดคนไม่ได้”
เล่อจยาตอบกลับว่า”อ๋อ” ดึงประตูเปิด ลงจากรถ ปิดประตู เดินไปที่ลิฟต์ ตลอดทางไม่ได้หยุดหันมามองเลย
ตลอดจนเสียงรถค่อยๆ ห่างออกไป เธอจึงเดินออกมาจากมุมกำแพง มองที่จอดรถนั้น แล้วเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่
ตลอดคืนนี้ เกาไห่ไม่ได้กลับบ้าน ตลอดคืนนี้ เล่อจยาไม่ได้หลับตาลงเลย
วันต่อมา เล่อจยาตื่นเช้ามาก เพื่อไปตลาดสด ไปซื้อกระดูกหมูมาต้มซุป
เมื่อวานเธอดูวิดีโอนั่นของเล่อเสี่ยวอวี๋ ก็เห็นโรงพยาบาลเขียนว่าแผนกโรคกระดูก
เมื่อไปถึงที่นั่น เธอก็แค่สอบถามเล็กน้อย ก็รู้ห้องผู้ป่วยของไห่ยุ่น ยืนอยู่นอกห้องผู้ป่วย เธอมองเข้าไปข้างใน
มือใหญ่ๆ ของเกาไห่วางลงบนหน้าผากของไห่ยุ่น คล้ายกับลองตรวจสอบอุณหภูมิของร่างกาย
หลังจากนั้น เกาไห่ก็พูดอะไรเล็กน้อย คนทั้งสองก็สบตาแล้วยิ้มให้กัน
“คุณผู้หญิง คุณมาเยี่ยมคนไข้เหรอ? ทำไมถึงไม่เข้าไปล่ะ? ” คุณป้าวัยสี่ห้าสิบคนหนึ่งถือกล่องข้าวมายืนอยู่หน้าประตู
“คุณ….มาดูแลเธอเหรอ? ”
คุณป้ามองไปยังด้านใน ยิ้มมุมปาก “คุณเกาช่างละเอียดรอบคอบจริงๆ คาดว่าคงจะไม่ได้นอนทั้งคืน”
เสียงที่ดูซาบซึ้งใจของเธอ ทำให้บาดแผลที่หัวใจของเล่อจยาฉีกขาดอีกครั้ง
“มา เข้ามาเถอะ” คุณป้าเปิดประตู แล้วเรียกให้เล่อจยาเข้ามา
เล่อจยานิ่งอึ้งไปเล็กน้อย แล้วจึงก้าวเท้าเดินเข้าไปด้านใน เกาไห่และไห่ยุ่นเห็นเธอเข้ามา ก็ประหลาดใจเล็กน้อย
เกาไห่เดินเข้ามา “จยาจยา คุณมาได้อย่างไร? ”
ซูยุ่นก็เอ่ยปาก: “พี่สะใภ้ คุณมาแล้ว เอ่อ เอ่ออาไห่ คุณเอาเก้าอี้มาให้พี่สะใภ้นั่งสิ”
เธอเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ แต่เรียกเกาไห่ว่าอาไห่ หากคนนอกได้ยิน ก็ต้องคิดว่า เธอเป็นพี่สะใภ้ของพวกเขาทั้งสองใช่ไหม?
เพียงแต่ สีหน้าของเล่อจยาไม่ได้แสดงออกมา “ไห่ยุ่น ฉันตุ๋นซุปกระดูกหมูมาให้คุณ เดี๋ยวจะเย็นหมด คุณรีบทานสิ”
พูดจบ ก็นำซุปในมือส่งให้คุณป้า “อย่างนั้น ไห่ยุ่น คุณก็พักผ่อนเถอะนะ ฉัน ฉันต้องไปทำงานแล้ว ไปก่อนนะ”
พยักหน้ากับเกาไห่เล็กน้อย แล้วเล่อจยาก็หันตัวออกไปจากห้องผู้ป่วย
เมื่อเล่อจยามาถึงชั้นล่าง เกาไห่ก็ตามลงมา
เขาดึงเล่อจยา “ลำบากคุณแล้ว ต้องตื่นมาตุ๋นซุปให้เธอแต่เช้าแบบนี้”
สายตามองไปบนมือของเขา ในใจของเล่อจยาขมขื่นเล็กน้อย รู้สึกน้อยใจเล็กน้อย เงยหน้ามองเกาไห่ “คำพูดเมื่อวานของฉัน ต้องขอโทษด้วย ฉันไม่ควรสงสัยเธอโดยไม่มีหลักฐาน”
เกาไห่ยิ้มมุมปาก หยิกใบหน้าของเล่อจยาเบาๆ “ฉันรู้อยู่แล้วว่าเล่อจยาของฉัน เอาใจใส่คนเป็นพิเศษ เป็นผู้หญิงที่มีจิตใจที่ดีงามคนหนึ่ง” พูดจบ ก็โน้มตัวไป จูบที่หน้าผากของเธอเล็กน้อย
จิตใจดีงาม? ความหมายก็คือ เมื่อวานเธอจิตใจไม่ดีงาม? คือความหมายนี้ใช่ไหม?
ข้างหน้าต่างชั้นสาม
“คุณไห่ยุ่น คุณหมอบอกว่า ขาของคุณตอนนี้ยังไม่เหมาะที่ลงจากเตียงมาเดิน คุณรีบขึ้นไปนอนบนเตียงเถอะ……”
ไห่ยุ่นดึงสายตากลับจากคู่ชายหญิงคู่นั้นที่อยู่ชั้นล่างนอกหน้าต่าง เธอมองไปยังซุปที่อยู่บนโต๊ะนั้น
“คุณป้า คุณไปที่เคาท์เตอร์พยาบาล ช่วยบอกให้ฉันทีว่า เปลี่ยนผ้าปูเตียงให้หน่อย ด้านบนมันเลอะเล็กน้อย”
“อ้อ โอเค คุณไห่ยุ่น”
ชั้นล่าง
“คุณไม่นอนมาทั้งคืน ตอนกลางวันคุณป้าอยู่ คุณกลับไปพักผ่อนสักหน่อยสิ” เล่อจยาลูบหน้าของเกาไห่ ที่คางมีหนวดเคราเล็กน้อย
“รอหมอมาตรวจแล้ว ฉันก็จะไปบริษัท นอนกลางวันสักครู่ ก็พอแล้ว”
“อย่างนั้น ฉันไปก่อนนะ ไปบริษัท บ๊ายบาย” เล่อจยาพยายามยิ้ม เห็นลักยิ้มได้ไม่ชัดเจน
เกาไห่รู้สึกว่าอารมณ์ของเล่อจยาคล้ายกับผิดปกติเล็กน้อย แต่ก็บอกไม่ถูกว่า ผิดปกติอย่างไร
ออกจากโรงพยาบาล เล่อจยาก็ไม่ได้นั่งรถสาธารณะ เธอกลัวว่า พอขึ้นรถสาธารณะ เธอจะเหม่อลอยแล้วขึ้นรถต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อเธอไปถึงบริษัท ก็พยายามทำภาพการออกแบบนั้นในมือให้เสร็จโดยเร็วที่สุด พยายามทำโดยเร็วที่สุด……
เวลาเกือบสิบโมง มือถือก็ดังขึ้น เล่อจยามองไป คือเกาไห่ ยิ้มมุมปากโดยไม่รู้ตัว ถึงแม้เขาจะไม่เชื่อใจเธออย่างไร ถึงแม้เขาจะทำร้ายเธออย่างไร ในใจของเล่อจยาก็ไม่เคยคิดที่จะทำร้ายเขาเลย แม้แต่คำพูดที่ทำร้ายจิตใจสักประโยค เธอก็ทำเขาไม่ลง
กดรับสาย…..
“เล่อจยา ตกลงคุณเอาอะไรให้ไห่ยุ่นกิน? ” เสียงคำรามจากอีกด้านของมือถือดังเข้ามาในหู
เป็นเสียงของเกาไห่ แต่ความโกรธแบบนั้นดูไม่คุ้นเคยเลย