เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 344 เขาอยากทำร้ายเธอ
“เฉียวเอ๋อ เกิดอะไรขึ้นใช่ไหม? เกิดอะไรกับลูก ลูกต้องบอกพ่อกับแม่ พวกเรายืนอยู่ข้างลูกเสมอนะ” คำว่าเฉียวเอ๋อ ทำให้น้ำตาของมู่เฉียวล่วงลงมา
นี่แหละคือพ่อของเธอ คนที่ห่วงใยเธออย่างแท้จริง สิ่งแรกที่เขาคิดได้ ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายดีมากแค่ไหน แต่กลับคิดว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธอหรือเปล่า
“พ่อ หนูท้อง ท้องลูกของเขา”
“เพล้ง”เธอได้ยินเสียงอะไรสักอย่างตกพื้น มู่เฉียวพูดอย่างกังวล “พ่อ……”
อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เสียงของพ่อมู่จะดังขึ้นเบาๆ “เฉียวเอ๋อ พ่อเชื่อว่าลูกไม่ใช่คนเหลวไหลแบบนั้น ถ้าเป็นเพราะเด็กคนนี้ลูกถึงได้แต่งงาน เฉียวเอ๋อ ลูกกลับมา คลอดเด็กออกมาแล้ว พ่อกับแม่จะช่วยลูกเลี้ยง อย่าเอาชีวิตตัวเองเข้าไปพัวพันเลย”
มู่เฉียวร้องไห้จนตัวสั่นโยกไปหมด เรื่องนี้ ดูเหมือนง่าย แต่มันกลับยุ่งยากมาก เธอไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหน
“เฉียวเอ๋อ ตอนนี้ลูกอยู่ไหน พ่อกับแม่แล้วก็น้องชาย จะไปรับลูกตอนนี้ พวกเรากลับบ้านกัน” ท่าทีของพ่อมู่หนักแน่นมาก
“พ่อ หนูอยู่เมืองa”
“ส่งที่อยู่มา พวกเราจะไปตอนนี้แหละ”
“ไม่ค่ะ พ่อ เดี๋ยวหนูกลับไป หนูกลับไปตอนนี้”มู่เฉียวพูดไป ก็ลุกขึ้นนั่ง หยิบกระเป๋า เดินออกไปข้างนอก “พ่อ หนูวางก่อนนะคะ อื้ม ดึกๆคงถึง น่าจะทันได้กินมื้อค่ำ”พูดจบก็วางสายไป
เพิ่งออกจากห้องโถง ก็เจอคุณนายโม่ควงแขนย่าโม่เดินเข้ามาจากข้างนอก เห็นเธอสะพายกระเป๋า ขมวดคิ้วถาม“นี่เธอจะไปไหนน่ะ?”
มู่เฉียวพยักหน้าให้เธอ “คุณนายโม่ ฉันอยากกลับบ้านรอบหนึ่ง เรื่องงานแต่งของฉันกับโม่หาน ฉันอยากจะไปคุยกับพ่อแม่ก่อน”
เห็นสีหน้าคุณนายโม่นิ่งไป จึงพูดขึ้นอีกว่า“ คุณวางใจเถอะค่ะ วันพรุ่งฉันจะไปโรงแรมตรงเวลาแน่นอน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้คนขับรถไปส่งเธอ”เสียงของย่าโม่
“ไม่ต้องค่ะๆ ฉันนั่งรถไฟ เร็วกว่าค่ะ”
“เอาล่ะ ให้คนขับรถไปส่งเถอะ สถานะตอนนี้ของเธอไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ยังจะนั่งรถไฟอะไรอีก”
“แม่คะ เธอยังไม่ได้เป็นคุณนายรองตระกูลโม่นะคะ คุณตามใจเธอมากเกินไปแล้ว” คุณนายโม่ได้ยินคำพูดของย่าโม่ที่ว่าสถานะไม่เหมือนเดิม สีหน้าก็ดูแย่ลงทันที
มู่เฉียวได้ยินแบบนั้น สูดหายใจเข้า “ไม่เป็นไรค่ะ อีกหน่อยถึงจะเป็นคุณนายรองตระกูลโม่ ฉันก็เป็นแค่มู่เฉียว คนธรรมดาคนหนึ่งแค่นั้น”พูดจบ มู่เฉียวหยิบกระเป๋า ออกบ้านแบบไม่พูดอะไร
แต่ว่า คฤหาสน์โม่เป็นพื้นที่ของคฤหาสน์ หาแท็กซี่ไม่เจอด้วยซ้ำ อย่าพูดถึงว่าจะกลับบ้านเลย แค่จะไปสถานีรถไฟยังเป็นปัญหา
คนตระกูลโม่เองก็คงอยากให้เธอลำบาก เธอรอมาครึ่งวันแล้ว ก็ไม่เห็นมีคนมาดู เห็นได้ชัด พวกเขารู้อยู่แล้วว่าที่นี่หารถไม่ได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่มีใครเตือนเธอเลย
คิดถึงตรงนี้ ใจเธอก็เย็นขึ้นมา
แต่ว่า จะกลับไปให้พวกเขาไปส่งตอนนี้ ก็รู้สึกเกรงใจเกินไป
คิดๆแล้ว ก็เดินต่อไปอีกช่วงถนน
อาจเป็นเพราะเดินนานไป ขาเริ่มชา คิดแล้วเธอก็เตรียมจะถอยไปนั่งเก้าอี้ที่ริมถนน
เพียงแต่ เพิ่งจะเดินไปได้แค่ก้าวเดียว คนทั้งคนก็ล้มลงตรงข้างถนน
หินแหลมคมแทงเข้าที่ฝ่ามือ ความเจ็บปวดแถวกระดูกสันหลังก็ตามมาติดๆ เธอกัดริมฝีปากและขมวดคิ้วเข้าหากัน
ในเวลาเดียวกัน รถสปอร์ตสีขาวหยุดอยู่ข้างหลังเธอพร้อมกับเสียงบีบแตรรถ ในขณะที่เธอตกใจจนถอยหลังไปแบบไม่รู้ตัว เสียงที่อ่อนโยนมีความดึงดูดก็ดังขึ้นข้างหู——
“คุณผู้หญิง คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
มู่เฉียวเงยหน้าขึ้นด้วยความตื่นตระหนก ก็สบตาเข้ากับดวงตาสีดำสนิทที่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม เธออึ้งไปเล็กน้อย ทำไมถึงเป็นประธานเฮ่อ รู้สึกประหลาดใจ จากนั้นดึงริมฝีปากที่แข็งทื่อ ฝืนยิ้มออกมา พูดเสียงต่ำ “อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ……”
เฮ่อเทียน เจ้านายของเธอ แต่ว่า เป็นเพียงแค่หนึ่งในผู้ถือหุ้น เธอรู้จักเขา แต่เขาไม่รู้จักเธอ
เธอเคยเห็นเฮ่อเทียนสองครั้ง แต่ ที่น่าแปลกใจคือ เธอเจอกับเขาที่นี่ ดูเหมือนว่า เขาก็คงจะอาศัยอยู่ทางด้านบนเหมือนกัน
“เตรียมจอดรถจะโทรศัพท์ ไม่คิดว่าจะชนคุณเข้า!”เฮ่อเทียนพูดไปก็รีบลงจากรถ แล้วพยุงเธอขึ้นมา
มู่เฉียวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย กับความกระตือรือร้นที่อธิบายไม่ถูกของเฮ่อเทียน อย่างไรก็ตาม มีข่าวลือในบริษัทว่าเฮ่อเทียนไม่เคยสนใจผู้หญิง แล้วทำไมถึง?
เธอกัดปาก และครุ่นคิด ถ้าเป็นคนอื่น ตอนนี้เธอคงไม่สนใจ เธอเกลียดที่ต้องพูดคุยกับผู้ชายแปลกหน้า เกลียดการทักทายแบบนี้ และที่สำคัญกว่านั้น แม้ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของเธอกับโม่หานยังไม่มีความชัดเจน แต่……เธอก็ยังจำได้ว่าตัวเองท้องลูกของเขาอยู่
อย่างไรก็ตาม เธออยากกลับบ้านจริงๆ อยากเจอพ่อกับแม่ เธอดึงริมฝีปาก ยิ้มน้อยๆ แล้วตอบว่า “คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ คุณไม่ได้ชนฉัน ฉันล้มไปเองไม่ทันได้ระวัง!”
“อ๋อ ฮ่าๆ!แล้ว นี่คุณกำลังรอใครอยู่หรือเปล่า?” เฮ่อเทียนยิ้มแล้วพูดถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
มู่เฉียวกลืนน้ำลาย เงยหน้า “ฉันอยากไปสถานีรถไฟ แถวนี้ เหมือนจะไม่มีรถ”
“อย่างนั้นเหรอ……”เฮ่อเทียนเม้มริมฝีปากอย่างสง่างาม เหมือนว่ากำลังคิดอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นไม่กี่วิ เขาก็ยิ้มและมองขึ้นไปที่มู่เฉียวด้วยใบหน้านิ่งๆ แล้วพูดว่า “ผมกำลังจะไปแถวนั้นพอดี ถ้าไม่กลัวว่าผมจะลักพาตัวคน ก็ไปด้วยกันไหม?”
มู่เฉียวเผยริมฝีปากของเธอเล็กน้อย และในที่สุดก็ยิ้มอย่างใจกว้าง “ถ้าอย่างนั้น รบกวนคุณแล้ว” คิดๆแล้วก็เดินไปยังที่นั่งรอง เปิดประตูรถ รอเฮ่อเทียนขึ้นรถแล้ว เธอก็พูดขึ้นยิ้มๆ “ขอบคุณคุณจริงๆ!”
เฮ่อเทียนหันไป มองเธออย่างมีความหมายลึกซึ้ง แต่ไม่ได้พูดอะไร ขับเคลื่อนรถไปอย่างชำนาญ
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง รถของเฮ่อเทียนจอดอยู่หน้าสถานีรถไฟ
“บ้านคุณอาศัยอยู่ทางนั้นเหรอ?” เขาถามขณะช่วยเธอปลดเข็มขัดนิรภัย ดูเหมือนไม่ใส่ใจ
“ฉัน……ไปทำธุระน่ะ”มู่เฉียวไม่ค่อยพูดโกหก ดังนั้น จึงพูดติดอ่างเล็กน้อย เธอพยักหน้า ขอบคุณเขา แล้วลงรถไป
เฮ่อเทียนมองแผ่นหลังของเธอ คิดว่า เธออาย จึงส่ายหน้า แล้วตามลงไป
“คุณชื่ออะไร?”จู่ๆเขาก็ถามขึ้น
มู่เฉียวชะงัก ก้มมองดูตัวเอง เสื้อฮู้ด กางเกงยีน รองเท้าผ้าใบ พูดตามตรง ด้วยสภาพตอนนี้ของเธอ เธอไม่มีความมั่นใจเลยจริงๆ ว่าสามารถทำให้ผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายที่ดูไม่เลวคนหนึ่ง พูดแบบนี้กับเธอ เธอหันไป มองเฮ่อเทียน ยิ้มเฉยๆ “อืม ต้องมีสักวันที่จะได้รู้!”จากนั้นเธอก็เดินตรงไปที่สถานีรถไฟ
คฤหาสน์โม่
“เธอขึ้นรถของเฮ่อเทียน”
“หึ น่าทึ่งจริงๆ!”โม่หานเล่นหมากรุกในมือ “นายสั่งคนตามเธอไป ดูว่ามีโอกาสลงมือไหม”
ฉินเส้าขมวดคิ้ว “คุณชาย ถ้านายท่านโม่รู้ว่าคุณทำแบบนี้ ท่านจะโกรธมาก”