เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 372 ฝันร้ายตลอดหนึ่งปี
เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ชนเข้ากับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของโม่หาน เธอนำมือถือซ่อนไว้ข้างหลัง โดดลงมาจากเคาน์เตอร์ แต่ลืมไปว่าสวมส้นสูงอยู่ ร่างกายจึงซวนเซเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของโม่หาน
ต่อจากนั้นมีเสียงเข้ามาจากด้านนอก “ไม่เหมือนกับตอนวัยรุ่นแล้วจริงๆ ตอนนี้มีฝีมือชำนาญอย่างมาก”
มู่เฉียวสูดลมหายใจเข้า กกหูแดงไปหมด
เธอประคองเคาน์เตอร์ล้างหน้ายืนให้มั่นคง “ขอบคุณนะ”
“ไม่ชินเหรอ?
“ก็พอได้”
“อย่างนั้นก็ไปกันเถอะ พวกญาติๆยังคิดว่าคุณหนีไปแล้วหรือเปล่า?”
มู่เฉียวขมวดคิ้ว โม่หานวันนี้ดูไม่เหมือนเดิม ดูอ่อนโยนอย่างมาก ในขณะนี้มันดูอ่อนโยนอย่างมาก จนเธอถึงกับคิดว่า ถ้าเป็นอย่างนี้ตลอดไป ก็เป็นความคิดที่ไม่เลว อย่างน้อยเสี่ยวโยวก็สามารถมีบ้านที่สมบูรณ์แบบได้
เมื่อทั้งสองคนกลับไป งานเลี้ยงก็เกือบจะเลิกแล้ว ตระกูลใหญ่ก็เหลือกลุ่มเล็กๆ ทั้งคุยเล่นกัน ทั้งทักทายกัน
ฉันคิดว่า ณ จุดนี้ ภารกิจของวันนี้น่าจะเสร็จสิ้นแล้ว
ใครจะรู้ ว่าจู่ๆนายท่านโม่จะหยิบไมโครโฟนมาประกาศ ว่าจะโอนหุ้นครึ่งหนึ่งในมือของโม่หานไปอยู่ภายใต้ชื่อของมู่เฉียว
หุ้นครึ่งหนึ่งในมือของโม่หานหมายความว่าอย่างไร ทุกคนทำเสียงอื้ออึง พอพวกเขาทั้งหมดได้รู้ ก็คาดไม่ถึงว่าตระกูลโม่จะให้ความสำคัญกับลูกสะใภ้คนนี้อย่างมาก ก็อดไม่ได้ที่จะมองมู่เฉียวอย่างเคารพ
มู่เฉียวหันไปมองโม่หาน เขาเหมือนจะรู้มาก่อนแล้ว เลยไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ
“คุณปู่ไม่รู้เหรอว่าเราต้องหย่ากัน?”
หลังจากที่ชายคนนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง ก็กล่าวด้วยเสียงทุ้ม : “หย่าแล้ว คุณก็เอาไปด้วย”
“ฉันไม่ต้องการ”
“มู่เฉียว ไม่ต้องคิดมากหรอก เพียงแต่เป็นค่าแทนคำขอบคุณ ต่อไปเสี่ยวโยวกับคุณจะได้ไม่ลำบาก”
มู่เฉียวมองเขา ทำไมรู้สึกว่าฟังคำพูดนี้แล้ว ราวกับคำบรรยายในงานศพ ทันทีหลังจากนั้นเธอก็รู้สึกไม่พอใจ
“ฉันมีความสามารถที่จะเลี้ยงดูเสี่ยวโยวได้”
ชายคนนั้นไม่ได้พูดอะไร เพียงหลุบตามองเธอ
จู่ๆเขาก็ยื่นมือออกมาลูบๆหัวของมู่เฉียว “ต่อไป อย่าใจดีมีเมตตาจนเกินไป บนโลกนี้ไม่ได้มีแต่คนดี ยังมีคนไม่ดีด้วย”
การกระทำที่ฉับพลันกะทันหันนี้ของเขา มู่เฉียวก็ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมองโม่หาน แต่พบว่าในแววตาของเขามีน้ำตาคลออยู่
เธอเม้มๆปาก “คุณ ไม่สบายเหรอ?”
ชายคนนั้ส่ายหัว “มู่เฉียว เรื่องที่ฉันเคยทำร้ายคุณก่อนหน้านี้ หรือว่าพูดจาทำร้ายจิตใจ ก็ขอโทษด้วยนะ”
มู่เฉียวขมวดคิ้ว โม่หานทำอย่างนี้ เธอรู้สึกเศร้าสลด จึงพูดว่า : “คุณโหดเหี้ยมเหมือนเดิม ฉันจะเคยชินกว่านะ”
โม่หานยิ้มนิดๆ ทว่าไม่ได้พูดอะไร
คุณนายโม่มีปฏิกิริยาต่อเรื่องหุ้นอย่างมาก แต่ติดที่ว่าคนเยอะ ท้ายที่สุดก็ได้แค่ถลึงตาใส่เธอเท่านั้น
ระหว่างกลับบ้าน
จู่ๆโม่หานก็หมดสติไป
เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนี้ทำให้ทุกคนลืมเรื่องสิทธิ์การถือหุ้นไป
หมอบอกว่า ต้องเตรียมตัวการผ่าตัดปลูกถ่ายไขกระดูกทันที
เมื่อถึงโรงพยาบาล ประมาณ 2 ชั่วโมง สักพักโม่หานฟื้นขึ้นมา เขาพูดคุยกับคู่สามีภรรยาตระกูลโม่ก่อน จากนั้นก็เรียกคุณนายโม่เข้าไป ไม่นานเสียงร้องไห้ก็ดังออกมาจากด้านใน
มู่เฉียวกับชายคนนี้ ไม่มีความรักความผูกพันกันมากนัก แต่เวลานี้เธอยังคงรู้สึกเศร้าใจอย่างมาก
เมื่อคุณนายโม่ออกมา สีหน้าซีดเผือด แววตาเหม่อลอย เธอมองมู่เฉียวอย่างลึกซึ้ง “คุณเข้าไปเถอะ”
มู่เฉียวตกตะลึง รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
โม่หานนั่งพิงอยู่บนเตียง มองมู่หาน “หุ้นส่วนก่อนที่เสี่ยวโยวจะบรรลุนิติภาวะ อย่าโอนให้คนอื่นนะ จะมีการจ่ายเงินปันผลในบัตรของคุณทุกๆปี ถ้าคุณวางใจก็ให้ลูกอยู่ที่ตระกูลโม่ก็ได้ คุณสามารถมาหาเธอเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าคุณไม่วางใจก็เอาเธอไปด้วยเถอะ”
ในห้องที่เงียบสงบ มู่เฉียวคิดอยากจะพูดอะไรสักหน่อย แต่รู้สึกว่ามันไม่เหมาะสมที่จะพูดอะไร
บอกเขาว่าไม่เป็นไร แต่ความเสี่ยงในการทำการผ่าตัดครั้งนี้ พวกเขาต่างก็รู้ดี บอกเขาว่าอย่ามองโลกในแง่ร้ายเกินไป โรคอยู่ที่ตัวเขา เขารู้ได้อย่างซาบซึ้งโดยไม่มีทางเลี่ยง
“เรื่องที่ท้อง มู่หยิงเป็นคนทำ ฉันรู้ว่าคุณไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไร ฉันต้องขอโทษอย่างมาก เพราะฉัน ที่ทำลายชีวิตของคุณ”
มู่เฉียวเบิกตาโพลง มองโม่หานอย่างคาดไม่ถึง “คุณ คุณรู้ได้อย่างไร?”
ชายหนุ่มยื่นมือออกมา นิ้วมือที่เรียวยาวเลื่อนไปที่แก้มของเธอแล้วลูบเบาๆ
“นี่ คุณจะสัมผัสอะไร?” หญิงสาวตกใจจนหลับตาปี๋ มีการตอบสนองค่อนข้างมาก
เป็นเวลานานยังไม่ได้คำตอบ จึงลืมตา ก็เห็นโม่หานหลับตาไปแล้ว มือที่อยู่บนใบหน้า ก็ค่อยๆหล่นลงไป แต่รู้ว่าเขายังมีสติอยู่ เพราะเห็นลูกกระเดือกที่กลิ้งขึ้นลงอย่างรวดเร็วของเขา
“มู่เฉียว ถ้าชีวิตยังมีชีวิตกลับมาได้อีกครั้ง ฉันหวังจริงๆว่า จะสามารถใช้ทุกวิธี เพื่อทำความรู้จักกับคุณใหม่อีกครั้ง” น้ำเสียงของเขาเรียบเฉยอย่างมาก มู่เฉียวนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย นี่คือ ท่านประธานโม่กำลังสารภาพความรู้สึกอยู่เหรอ?
แต่ทำไมความรู้สึกของเธอ เหมือนจะร้องไห้ล่ะ?แสบจมูกเล็กน้อย รอบตาแดงก่ำ
เธอมองโม่หาน ก้มหน้าเล็กน้อย “อันที่จริง คุณก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น”
ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก ขนตาขยับเล็กน้อย ชัดเจนว่า เขาอยากจะลืมตา แต่ในที่สุดก็ลืมไม่ขึ้น
มู่เฉียวลุกขึ้นยืน สูดลมหายใจเข้า เรียกเขา ไม่มีการตอบสนอง เธอร้อนใจ รีบพูดว่า: “โม่หาน ถ้าคุณหายดีแล้ว พวกเราก็ไม่ต้องหย่ากัน แล้วเป็นครอบครัวที่อบอุ่นให้เสี่ยวโยว โอเคไหม?”
หางตาของชายหนุ่มมีน้ำตาไหลออกมา
มู่เฉียวรู้สึกเพียงว่าใจหวิวขึ้นมาอย่างฉับพลัน จากนั้น ก็จนปัญญาที่จะระงับความเจ็บปวดใจและความหวาดกลัว
“โม่หาร….คุณตื่นสิ”
“โม่หาน…..คุณตื่นขึ้นมา ได้ไหม?โม่หาน….”
ประตูถูกเปิดออก คนกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาห้อมล้อม เธอถูกพยาบาลดึงออกไป หลังจากนั้นดวงตาของเธอก็เห็นโม่หานถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัดไป
เธอนึกถึงฉากนี้นับครั้งไม่ถ้วน เธอคิดว่า ด้วยความเลวของผู้ชายคนนี้ เธอจะต้องยิ้มเมื่อเห็นเขาเข้าไป เธอคิดว่า เธอไม่สามารถที่จะเสียน้ำตาเพื่อผู้ชายแบบนี้ได้ เขาชั่วร้ายขนาดนั้น ยโสโอหังขนาดนั้น แต่น้ำตาที่หลั่งไหลอาบใบหน้าไม่หยุดมันคืออะไรกัน?
มู่เฉียว ทำไมคุณถึงหลอกง่ายแบบนี้?
เขาพูดดีด้วยไม่กี่คำ คุณก็ลืมแล้ว แล้วเรื่องชั่วร้ายเหล่านั้นที่เขาเคยทำล่ะ?
เธอนั่งลงบนเก้าอี้ เม้มปาก ส่งสายตามองห้องผ่าตัด น้ำตาไหลออกมาอย่างเงียบๆ
โม่หาน ถึงแม้คุณจะไม่รับปาก ถึงแม้จะไม่ได้เป็นสามีภรรยากันอีก ถึงแม้ประโยคนั้นที่คุณพูดจะเป็นการหลอกลวงฉัน ถึงอย่างนั้นคุณก็ต้องหาย โอเคไหม?
หนึ่งปีต่อมา
หน้าหลุมศพที่ชานเมือง
หญิงสาวคนหนึ่งจูงเด็กคนหนึ่งมายืนด้านหน้าหลุมศพ
“แม่ นั่นใคร?” เด็กน้อยพูดยังไม่ค่อยชัดเจน พูดได้เพียงแค่สองสามคำ มือน้อยๆที่อ่อนนุ่มของเธอชี้ไปที่ป้ายศิลาสีขาวดำ
หญิงสาวตอบกลับด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงออก “พ่อของคุณ”
“แม่ ต้องการพ่อ”
หญิงสาวไม่พูดจา จูงเด็กน้อย ไปนั่งลงที่ขึ้นบันไดหน้าหลุมศพ
มิงใบหน้าที่หล่อเหลาบนรูปภาพขาวดำนั้นแล้ว เธอก็หลับตา
โม่หาน ฉันกับพ่อแม่ต้องย้ายไปอีกเมืองหนึ่ง ต่อไป คงไม่สามารถมาหาคุณได้บ่อยๆแล้วนะ
เมื่อออกจากสุสาน มู่เฉียวก็อุ้มโม่เสี่ยวโยว ดึงขอบหมวกให้ต่ำลง โบกรถคันหนึ่ง กลับไปยังบ้านพ่อแม่
“แม่ ฉันกลับมาแล้ว”
“คุณไปไหนมา?ออกไปแต่เช้า ตอนนี้เพิ่งกลับมา”
มู่เฉียวอุ้มเด็กอยู่ เม้มปากเล็กน้อย
“พ่อ” เสี่ยวโยวที่อยู่ในอ้อมกอดจู่ๆก็เอ่ยปากออกมา
สีหน้าของแม่เคร่งขรึมลงไปในทันที “คุณไปหาเขามาเหรอ?” นำผ้าที่อยู่ในมือโยนลงบนโต๊ะ น้ำที่อยู่บนผ้า กระเซ็นมายังบนมือของมู่เฉียว เย็นยะเยือก