เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 377 ผู้ชายที่หน้าตาเหมือนโม่หาน
“แม่ เจ็บ”มู่เสี่ยวโยวเงยหน้ามองมู่เฉียว
มู่เฉียวคลายมือออก หันไปมองหน้าพ่อกับแม่ สีหน้าของพวกเขาก็ดูแย่มากเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า นี่ไม่ใช่ความฝัน ไม่ได้ตาฝาด เป็นเรื่องจริง
“พี่สาว คุณน้า คุณอา ขอแนะนำให้รู้จักนะคะ นี่คือพ่อกับแม่ของฉัน ส่วนนี่คือพี่สาวและพี่เขย”
มู่เฉียวลุกขึ้น ส่งมู่เสี่ยวโยวให้แม่ “ขอโทษนะคะ ฉัน……ไปห้องน้ำสักครู่”
มองดูในกระจก สีหน้าซีดแบบนั้น มู่เฉียวใช้ความพยายามอย่างมากในการเก็บความตื่นตกใจไว้ในใจ
คนคนนั้นเหมือนโม่หานอย่างกับแกะ เธออยากปลอบใจตัวเอง ว่าในโลกนี้อาจมีคนที่หน้าตาคล้ายกันอยู่ แต่ว่า กลับยังรู้สึกมีความหวังเล็กๆ โม่หาน คนนั้นใช่คุณหรือเปล่า? คุณยังไม่ตาย ใช่ไหม?
ตั้งนานแล้วเธอยังไม่ออกมา เซี่ยหยูไม่วางใจ จึงตามมาดู
พบว่ามู่เฉียวพิงอยู่ตรงผนัง หลับตาไว้ “พี่คะ คุณไม่สบายเหรอคะ?”
มู่เฉียวฝืนเก็บความไม่สบายใจเอาไว้ มองเซี่ยหยู ส่ายหน้า “ฉันไม่เป็นไร เพียงแต่……เมื่อกี้รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นฉันช่วยพยุงนะ?”เซี่ยหยูมอง แล้วเข้าใกล้ จับแขนมู่เฉียวไว้
“เสี่ยวหยู พี่เธอกับพี่เขยเธอ แต่งงานกันเมื่อไหร่?”
เซี่ยหยูขมวดคิ้ว ก้มหน้า หน้าแดงเล็กน้อย เธอลังเลสักพัก ก็เข้าไปกระซิบข้างหูมู่เฉียว “ที่จริง พี่สาวของฉันจ้างผู้ชายคนนั้นมา”
มู่เฉียวเบิกตากว้าง มองเซี่ยหยู เดินไปมองที่ประตูดูแล้วว่าข้างนอกไม่มีคน เธอจึงปิดประตู แล้วถามว่า“ที่ว่าจ้างมาคืออะไร?”
เซี่ยหยูถอนหายใจ “ก่อนหน้านี้พี่สาวฉันมีแฟนคนหนึ่ง โดนนอกใจ หลังจากนั้น พี่สาวฉันก็กลายเป็นคนประเภทที่แต่งงานไม่ได้ ไม่ว่าผู้ชายจะดีมากแค่ไหน พี่สาวฉันก็ไม่เชื่อ แล้วไม่นานมานี้พ่อกับแม่ก็บอกว่าฉันมีแฟนแล้ว เธอยังโสดอยู่มันดูไม่มีเหตุผลเลย ดังนั้น เพื่ออาหารมื้อนี้แล้ว พี่สาวฉันก็คิดว่าจะไปจ้างคนมาเป็นแฟน ผู้ชายคนนี้ ได้ยินมาจากพี่สาวว่า เขาเป็นแรงงาน ไปเจอตอนที่พี่สาวไปที่ไซต์ก่อสร้างของพ่อ พากลับมาแต่งตัว ก็พอดูดีขึ้นมา”
ความสนใจของมู่เฉียวทั้งหมดอยู่ที่คำว่า ‘แรงงาน’
เธอกลืนน้ำลาย ในใจรู้สึกยังไงอธิบายไม่ถูก
นี่ คงไม่ใช่โม่หานใช่ไหม?
เมื่อทั้งสองคนกลับไปที่โต๊ะ สีหน้าพ่อกับแม่สงบลงมาบ้างแล้ว พ่อเซี่ยแม่เซี่ย ดูเป็นคนสบายๆ ทำให้มู่เฉียวนึกถึง ย่าโม่
“คุณพ่อของมู่หลิง ต่อไป พวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เสี่ยวหยูโดนพวกเราตามใจจนเคยชินแล้ว อีกหน่อยไปอยู่บ้านคุณ เธอทำไม่ถูกตรงไหน คุณด่าได้เลย”มองออกเลย ว่าพ่อเซี่ยเป็นคนตรงไปตรงมา
“พ่อ พูดอะไรน่ะ? คุณน้ากับคุณอาเป็นครูมาหลายปีแล้ว จะด่าคนเป็นได้ยังไงกัน?”
พ่อมู่ยิ้มบางๆ “เสี่ยวหยู อ่อนโยนและใจดีแบบนี้ ผมกับแม่ของลูก หวงแหนมากกว่า ด่าไม่ลงหรอก”
พูดคำนี้จบ มู่เฉียวรู้สึกว่าพ่อแม่ของเธอโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด
จากนั้น มู่หลิงกลับลุกขึ้นยืนทันที มองพี่สาวของเซี่ยหยู “พี่ครับ คุณไม่แนะนำพี่เขยหน่อยเหรอ? เพิ่งเจอกันครั้งแรก”
มู่เฉียวเม้มปาก รู้สึกประหม่าเล็กน้อย มือของเธอที่วางอยู่ใต้โต๊ะ ประสานเข้าด้วยกัน อดไม่ได้ที่จะออกแรงมากขึ้น เธอรู้ ว่ามู่หลิงถามแทนเธอ
เห็นเพียงแค่พี่สาวเซี่ยลุกขึ้น “มู่หลิง ขอโทษด้วยจริงๆนะ เขา ช่วงนี้คอของเขาอักเสบ พูดไม่ได้น่ะ”
มู่เฉียวเงยหน้าไปมอง ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า อวบและผิวคล้ำกว่าโม่หานนิดหน่อย แต่โม่หานมีรอยแผลเป็นบนดวงตา คนคนนี้กลับไม่มี
สายตาเธอลดลง ตรงข้อมือของโม่หาน มีรอยลวก ย่าโม่บอกว่า ตอนเด็กเขาซน เล่นประทัดแล้วโดน แต่ นอกจากผิวที่หยาบกร้านแล้วที่ตรงนั้นไม่มีอะไรเลย มองไม่เห็นว่ามีรอยแผลเป็น ไม่มีอะไรเลย
ดวงตาของเธอนิ่งลงไป
รู้สึกว่าตัวเองไร้สาระขึ้นมาทันที เธอเป็นคนฝังขี้เถ้าของโม่หานเองกับมือ ในโรงพยาบาล เธอเห็นกับตาว่าชีวิตของโม่หานตกอยู่ในอันตราย หมอบอกว่า เขาเสียแล้ว แต่ปู่โม่ยังไม่ยอมแพ้ จะส่งเขาไปลองรักษาที่เมืองนอก
ตอนฝังโม่หาน คุณนายโม่กับย่าโม่ร้องไห้จนสลบไปหลายรอบ
แต่ว่า ตอนนี้ เธอยังคงฝันลมๆแล้งๆ ว่าโม่หานยังไม่ตาย
ใช่สิ ถ้าโม่หานไม่ตาย จะมองเธอกับมู่เสี่ยวโยวด้วยสายตาสงบแบบนี้ได้ยังไง ไม่มีทางอยู่แล้ว
มู่เฉียว เธอตายใจเถอะ!
“แม่ เขาคือพ่อหรือเปล่า?”ทันใดนั้น มู่เสี่ยวโยวชี้ไปที่โม่หาน พูดคำพูดน่าตกใจออกมา
สายตาของทุกคนไปตกอยู่บนตัวของชายคนนั้นทันที
มู่เฉียวตื่นตระหนก กลืนน้ำลาย เธอลืมไป ในมือถือ เธอให้มู่เสี่ยวโยวดูรูปของโม่หานบ่อยๆ พูดขึ้นช้าๆว่า “เสี่ยวโยว เขาไม่ใช่พ่อ คุณพ่อ ไปอยู่บนสวรรค์แล้ว นี่คือคุณอา”
เธอบอกมู่เสี่ยวโยว และบอกกับตัวเองด้วย
มู่เสี่ยวโยวหยิบช้อนตักข้าวเข้าปาก “แม่ พ่อไปสวรรค์แล้ว เมื่อไหร่พ่อจะกลับมา?”
“เอาล่ะ เสี่ยวโยว กินข้าวก่อน”แม่เห็นว่าสีหน้าของมู่เฉียวแย่ รีบพูดเบี่ยงประเด็นขึ้น
“แม่ พ่อไม่ต้องการเราแล้วเหรอ? เขาไปสวรรค์ โทรหาเราไม่ได้เหรอ?”แต่นิสัยเสี่ยวโยวเหมือนมู่เฉียว ดื้อรั้น
“คุณหนูมู่ ฉันขอเสียมารยาทถามสักหน่อย พ่อของเสี่ยวโยว เหมือนโม่หานมากเลยเหรอคะ?”
ตะเกียบในมือมู่เฉียวตกลงบนพื้น และเธอก็ยืนขึ้นอย่างตื่นเต้น “พี่คะ คุณ……คุณเรียกเขาว่าอะไรนะ?”
ชายคนนั้นไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง ก้มหน้ากินอย่างเดียว
แต่เห็นได้ชัดว่าพี่สาวเซี่ยมีท่าทีสนใจ พูดอย่างไม่เร่งรีบว่า “เขา ชื่อโม่หาน”
ชายเสื้อของมู่เฉียวถูกแม่ดึงแรงๆ เธอถึงได้สติกลับมา
จริงด้วย วันนี้เป็นงานใหญ่ของเซี่ยหยูกับมู่หลิง จะทำลายมื้ออาหารมื้อนี้เพราะเรื่องของตัวเองไม่ได้
เธอพยายามปรับอารมณ์ตัวเอง ก่อนจะพูดว่า “อ๋อ ไม่มีอะไรค่ะ เมื่อก่อน รู้จักผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อนี้เหมือนกัน”
พี่สาวเซี่ยพยักหน้า หัวข้อนี้ก็ถือว่าผ่านไปแล้ว
มื้ออาหารนี้ มู่เฉียวรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนกองไฟ ในที่สุดก็ทานกันเสร็จ หลังจากมองพ่อเซี่ยแม่เซี่ยนั่งรถจากไป
เธอก็โล่งใจ
หันกลับไปก็ไม่เห็นผู้ชายคนนั้นแล้ว ก็ร้อนรนขึ้น “พี่คะ ผู้ชายคนนั้นล่ะ?”
พี่สาวเซี่ยดูเป็นคนประณีต เธอหยิบโน้ตออกจากกระเป๋า ในนั้นเขียนที่อยู่ยื่นให้มู่เฉียว “นี่คือที่ที่ฉันไปรับเขาวันนี้ ฉัน ไม่รู้จักเขาจริงๆ แต่ เห็นบอกว่า เขาเป็นแรงงาน คุณหนูมู่ ได้ยินว่าพ่อของเสี่ยวโยวเสียแล้ว ขอโทษจริงๆค่ะ ที่วันนี้ทำให้คุณนึกถึงเขา”
มู่เฉียวพยักหน้าให้เธอ ได้ยินคำว่าแรงงานอีกครั้ง ใจของมู่เฉียว ก็ทรุดนิ่งลงไปอีก