เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 396 ทำร้าย
“เฉียวเอ๋อ……” จากนั้นเสียงของแม่ก็ดังมาจากหน้าประตู
มู่เฉียวตกตะลึงมือไม้อ่อน เธอไม่กล้าจินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าแม่รู้ว่าเธอถูกโม่หานทำร้ายอย่างนี้?
โม่หานเห็นความตื่นตระหนกของเธอ จึงก้มลงไปจูบหน้าผากของเธอ “เดี๋ยวฉันค่อยกลับมาดูคุณนะ”
มู่เฉียวมองโม่หาน ความเหยียดหยามประกายในแววตา ส่ายหัว แสดงออกอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
เมื่อโม่หานออกไป ประตูก็ถูกเปิดออก
“เฉียวเอ๋อ?”
แม่มองๆในห้อง “เมื่อกี้ใครอยู่ที่นี่เหรอ?”
มู่เฉียวขมวดคิ้ว “ไม่มีใครนี่?หมอ เขาเพิ่งออกไปเมื่อกี้” พูดจบ ก็ละสายตาไปทางอื่นอย่างขาดความมั่นใจ
แม่ดึงเก้าอี้มาลงนั่งข้างๆเตียง “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?ทั้งคืนก็ไม่ได้กลับไป ทำไมตอนเช้าถึงได้มาอยู่ที่โรงพยาบาลได้?”
มู่เฉียวส่ายหัว ไม่ยอมพูด
“มู่เฉียว……” แม่ไม่สบายใจเล็กน้อย
“แม่ เขาจะแต่งงานแล้ว ในที่สุดฉันก็ยอมแพ้ได้แล้ว” มู่เฉียวยิ้มแต่น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมา รอยยิ้มที่ทำให้คนตัวสั่นเทา : “แม่ ฉันต้องขอโทษคุณกับพ่อด้วย รู้ดีว่าเป็นเพราะตระกูลโม่ที่ทำน้าครอบครัวเราจนกลายเป็นอย่างนี้ แต่ฉันก็ยังอดไม่ได้ที่จะอยากอยู่ด้วยกันกับเขา ฉันมันไม่ได้เรื่องเลย”
แม่ขมวดคิ้วแน่น เห็นมู่เฉียวร้องไห้ปานจะขาดใจ ก็เงียบไปชั่วขณะ หลังจากนั้นก็ค่อยๆพูดว่า : “ลูกมันคือพรหมลิขิต”
“พรหมลิขิต พรหมลิขิตเรามันช่างเลวร้ายเหลือเกิน” มู่เฉียวยิ้มอย่างเย็นชาด้วยน้ำตาที่นองหน้า ก้มหน้าจากนั้นก็พูดอย่างช้าๆ : “ช่างเถอะ แม่หาคนมาแต่งงานกับฉันเถอะ ฉันเหนื่อย!”
“แต่แล้วไม่ดี จะไม่ยิ่งเหนื่อยเหรอ?ในเมื่อชอบก็รอหน่อยเถอะ ยังไม่ถึงตอนจบ จะยอมแพ้ได้อย่างไร?”
มู่เฉียวลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจ มองแม่อย่างไม่อยากจะเชื่อ ถามทั้งน้ำตา : “แม่ทำไมคุณยังสนับสนุนฉันอยู่ล่ะ?คุณไม่เกลียดครอบครัวของเขาเหรอ?”
“ความสุขของคุณสำคัญกว่าความเกลียดชังนะ” ดวงตาของแม่มองมู่เฉียวอย่างอ่อนโยน “ขอเพียงแค่คุณมีความสุข พ่อกับแม่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น”
“แต่ว่าฉันต้องขอโทษพวกคุณด้วยจริงๆ!” อารมณ์ของมู่เฉียวหมดอาลัยตายอยาก น้ำตาไหลออกมาราวกับน้ำหลาก ไหลออกมาอย่างบ้าคลั่ง
เพราะความสุขของเธอคนเดียว ก็เอาความสุขของพ่อแม่มาเป็นข้อแลกเปลี่ยน จู่ๆเธอรู้สึกว่าในฐานะที่เป็นลูก เธอเห็นแก่ตัวเกินไปจริงๆ
เธอสูดหายใจเข้าจากนั้นก็ร้องออกมาอย่างหนักหน่วง
แม่นั่งอยู่สักพัก เมื่อเหลือบไปมองนาฬิกาข้อมือบนโต๊ะ เธอก็ก้มหน้าถอนหายใจเล็กน้อย ลุกขึ้นยืน “เฉียวเอ๋อ พ่อของคุณทำการผ่าตัดหัวใจ ฉันไม่วางใจ เขาอยู่บ้านคนเดียว ฉันต้องกลับไปก่อนนะ เดี๋ยวจะให้มู่หลิงมาอยู่เฝ้า”
“แม่ ฉันเพียงแค่ไม่สบายนิดหน่อย คุณจะให้มู่หลิงมาทำไม?ฉันไม่ได้เป็นอะไร นอนที่นี่แป๊บเดียว ตอนบ่ายก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว”
“โอเค อย่างนั้นแม่ไปก่อนนะ คุณก็ดูแลตัวเองด้วย”
หลังจากที่แม่ออกไป อีกสักพักโม่หานก็เข้ามา ถืออาหารเช้าในมือ
“กินอะไรก่อนนะ”
มองหีบห่อที่คุ้นเคยที่วางอยู่บนโต๊ะ มู่เฉียวก็ใจลอยไปในชั่วพริบตา บังเอิญเหรอ?ที่โม่หานซื้อมาคืออาหารที่ปกติเธอชอบทานมากที่สุด
“โม่หาน คุณปล่อยฉันไป ได้ไหม?” พูดจบ ก็เงยหน้ามองโม่หาน น้ำตาเอ่อคลอเบ้า “คุณก็รู้ว่า ฉันเป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ฉันแค่อยากมีชีวิตที่เรียบง่าย”
โม่หานหยิบนาฬิกาจากบนโต๊ะขึ้นมา สวมใส่ที่ข้อมือ หมุนไปมา เงียบไม่พูดจาอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเงยหน้ามองมู่เฉียว “เรื่องนั้นเมื่อคืนวาน หรือว่าฉันมีความสุขเพียงคนเดียว?คนที่เสียเปรียบคือฉันเหรอ?ถึงอย่างไร ฉันก็ต้องชดใช้”
“คุณ….” มู่เฉียวโมโห ชี้โม่หาน แต่พูดอะไรไม่ออกสักคำเดียว
“มู่เฉียว ห้ามคุณชอบผู้ชายคนอื่น”
มู่เฉียวงุนงง “หมายความว่าอะไร?”
“เพราะว่า ฉันไม่ชอบ ให้ของที่ฉันเคยใช้แล้ว ไปให้คนอื่นใช้” น้ำเสียงของโม่หานไม่สะทกสะท้าน
มู่เฉียวยกมือขึ้น ปิดหน้าอก เหลือบตาไปจ้องมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ครู่หนึ่ง เธอจึงเลิกคิ้ว พูดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจว่า: “อย่างนั้นพวกเราก็คืนดีกันเหมือนเดิม ได้ไหม?”
โม่หานช็อกด้วยความคาดไม่ถึง เบิกตาจ้องมองมู่เฉียว ผ่านไปหลายวินาที เขาจึงพูดด้วยเสียงที่เยือกเย็นว่า: “ไม่ได้ชั่วคราว”
“โม่หาน นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ อย่างนั้นตกลงคุณจะให้ฉันคิดอย่างไร?” มู่เฉียวเกลียดท่าทีแบบนี้ของโม่หานเป็นที่สุด เงยหน้าขึ้นและตะโกนด้วยความขุ่นเคือง อันที่จริงพอเธอพูดประโยคนั้นออกมา เธอก็เริ่มรู้สึกเสียใจ แทบอยากจะกัดลิ้นของตนเอง แต่คำพูดที่พูดออกไปก็ราวกับน้ำที่สาดออกไป จะเก็บกลับมาก็สายเกินไปแล้ว
“คิดอย่างไร ไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันรู้เพียงว่า ขณะนี้ ฉันไม่ได้วางแผนที่จะคืนดี!” สีหน้าของโม่หานราวกับความเยือกเย็นในช่วงฤดูหนาว ยืดตัวขึ้นแล้วจะเดินจากไป
มู่เฉียวหลับตา อยากจะตบหน้าของตัวเอง
“อย่างนั้นคุณบอกฉันมาสิว่า ที่คุณต้องการให้ฉันรอคุณ คือรออะไร?” มู่เฉียวคิดๆแล้ว จึงเอ่ยปากในทันที
มู่เฉียวพูดคำนี้ออกมา โม่หานก็ตกตะลึงทันที เพียงแต่ ขณะที่เขาไม่รู้ว่าจะตอบกลับมู่เฉียวอย่างไร
สายตาก็เหลือบไปมองด้านนอกหน้าต่างของประตู ปรากฏสายตาคู่หนึ่งที่ทำให้เขาแสดงสายตาที่หวาดกลัว
โม่หานตัวแข็งทื่อ ขมวดคิ้ว เบิกตาโตจ้องมองไปยังข้างหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ เมื่อกี้เธอเหมือนกับเห็น……พ่อ พ่อที่ตายไปหลายปีแล้ว
หัวใจ เต้นตุบๆ ถึงแม้จะจากกันมาหลายปีแล้ว ถึงแม้ดวงตาคู่นั้น จะเต็มไปด้วยการผ่านโลกมาอย่างโชกโชน แต่เขาก็ยังจำได้ว่า นั่นคือพ่อ
เพียงแต่ ทำไมเขาถึงยังไม่ตาย?
โม่หานขมวดคิ้วเล็กน้อย
“โม่หาน!”
มู่เฉียวส่งเสียงเรียกเบาๆด้วยความสงสัย โม่หานที่สุขุมเยือกเย็นมาโดยตลอด มีเรื่องอะไรที่ทำให้เขาแสดงออกถึงความหวาดกลัวเช่นนี้ได้?
แต่โม่หานเหมือนกับว่าไม่ได้ยิน จู่ๆคนก็เหมือนกับยืนแข็งทื่อไป
ทำไม่พ่อถึงยังไม่ตาย?ถึงแม่ว่าในตอนนั้นที่พวกเขาไป กองทัพจะได้เผาศพไปแล้ว แต่กองทัพก็ไม่มีเหตุผลที่จะโกหกพวกเขา
ในทันที เขาก็ตัวสั่นเล็กน้อย
เรื่องราวในปีนั้น ตกลงมันเกิดความผิดพลาดอะไรกัน หรือว่ามีเรื่องอะไรที่ถูกพวกเขาประมาทเลินเล่อไป?
เดินเข้าไปสองสามก้าว เปิดประตู เห็นระเบียงทางเดินที่ว่างเปล่า เขาสูดลมหายใจเข้า หลับตา สงบความตื่นเต้นภายในจิตใจ หยิบโทรศัพท์มือถือออกจากในกระเป๋าตนเองอย่างรวดเร็ว นิ้วมือที่เรียวยาวกดบนหน้าจอแล้วส่งข้อความไปอย่างรวดเร็ว