เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 405 นี่เป็นเรื่องบังเอิญเหรอ?
“มู่เฉียว คุณยังเหม่อลอยอะไรอยู่? เวลาของเจ้านายฉันนับเป็นเงินเป็นทองนะ คุณไม่รู้เลยเหรอ?” หานฉุนจ้องมองมู่เฉียว
มู่เฉียวถอนหายใจเล็กน้อย หรี่ตามองเขา พูดออกมาโดยจิตใต้สำนึก : “หานฉุน คุณขอร้องให้ฉันไปนะ ฉันไม่ได้ขอร้องคุณ ถ้าคุณมีทัศนคติอย่างนี้ เดือนต่อไปเราจะต้องเหนื่อยกันอย่างมาก”
“มู่เฉียว ปัญหานี้ เราค่อยมาคุยกันทีหลังได้ไหม ok?” มู่หานมองเวลา เดินไปข้างหน้าแล้วดึงมู่เฉียวมาไว้ข้างๆ จากนั้นก็เริ่มหยิบกระเป๋าเดินทางของเธอไปเก็บ
มู่เฉียวก้มหน้า ขมวดคิ้ว กัดริมฝีปากแดงๆมองเขาแป๊บหนึ่ง เอาเถอะ วันหลังค่อยว่ากัน
เมื่อทั้งสองมาถึงสนามบิน ผู้ช่วยของหานฉันก็มาถึงก่อนแล้ว เห็นพวกเขามาก็เข้าไปต้อนรับ
“สวัสดีค่ะ คุณมู่” ผู้จัดการของหานฉุนกล่าวทักทาย ชื่อพี่เหมย เธอยิ้มแย้มอย่างอ่อนโยน รับกระเป๋าเดินทางในมือมู่เฉียว “ครั้งนี้ต้องลำบากคุณเลย”
หานฉุนถลึงตาใส่เธออย่างอารมณ์เสีย “เธอลำบากอะไรเหรอ? จะเอาเงินของคนอื่น ก็ต้องทำงานให้ ก็สมควรแล้ว”
มู่เฉียวไม่อยากพูดกับคนคนนี้ วิธีการของคนทั้งสองก็คือการโจมตีและการถากถางกัน ถึงดีก็โจมตี ไม่ดีก็ไม่ปล่อยไปแน่นอน
เงียบสงัด
เวลานี้ฉับพลันก็ได้ยินเสียงประหลาดใจมาจากทางเข้า
ทั้งสองเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ทางเข้า เห็นผู้ช่วยของโม่หานลากกระเป๋าเดินทางมาสองสามใบ
มู่เฉียวสูดลมหายใจเข้า จากนั้นก็ขมุบขมิบปากบ่นพึมพำว่า : “ช่างเป็นโชคชะตาที่เลวร้ายจริงๆเลย”
“เฮ้ เจอกันอีกแล้ว” ท่าทีของหานฉุนนิ่งสงบ ยื่นมือออกไป จับเอวของมู่เฉียวแล้วทั้งสองคนก็เดินไปที่จุดตรวจความปลอดภัยด้วยกัน
“โม่หาน คนตรงหน้านั้น เหมือนภรรยาคุณเลย?” อู๋เหิงมองภาพด้านหลังของคนคนนั้น จึงเอ่ยเตือนโม่หาน
โม่หานมองเขาตาขวาง สีหน้าเคร่งขรึม “ฉันไม่ได้ตาบอด!”
อู๋เหิงลูบๆจมูก เงยหน้าขึ้นมองเพดาน สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ถอนหายใจในใจ ผู้ชายที่ตกอยู่ในห้วงความรักอย่างนี้ ปรนนิบัติรับใช้ยากเหลือเกิน
“สรุปแล้วความสัมพันธ์ของคุณกับโม่หานคืออะไร?” ตลอดจนถึงขึ้นเครื่อง หานฉุนแกล้งถามอย่างสบายๆ
“คุณก้าวก่ายเกินไปแล้วหรือเปล่า?” มู่เฉียวหลับตาไม่มองเขา
“เขามาแล้ว!” จู่ๆหานฉุนก็พูดประโยคนี้
ตอนแรกมู่เฉียวก็ไม่เข้าใจ พอเข้าใจอย่างชัดเจนก็อ้าปากค้าง ค่อยๆเงยหน้าขึ้น เห็นโม่หานกอดอก มองเธอด้วยสีหน้าสบายใจ
“คุณ……คุณ……คุณก็ไปแอฟริกาใต้เหรอ?” เที่ยวบินนี้บินตรงไปยังแอฟริกาใต้
โม่หานนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเธอ จากนั้นริมฝีปากบางๆก็ยกยิ้มขึ้น พูดออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน : “ไปปฏิบัติงานนอกสถานที่”
ใบหน้าที่สงบนิ่งนั้น ดูเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มีแค่มู่เฉียวเท่านั้นที่รู้ โม่หานทำอย่างนี้ มันน่ากลัวที่สุดเลย
“มู่เฉียว ไม่ได้เจอกันนานเลย” เสียงตะโกนเรียกจู่ๆก็ดังขึ้นจากด้านหลังของมู่เฉียว จึงหันกลับไปเห็นเป็นอู๋เหิง มู่เฉียวยิ้มหันไปทางเขา นั่งตัวตรงทันที ยิ้มแล้วพูดว่า “อู๋เหิง?” เมื่อกี้อยู่ที่สนามบิน อู๋เหิงยืนอยู่ด้านหลังของโม่หาน เธอจึงไม่เห็น
ในตอนนั้นที่คนตระกูลโม่พุ่งเป้ามาที่เธอ ระหว่างนั้นอู๋เหิงก็ช่วยเธอไว้ได้มาก เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ค่อนข้างอบอุ่น
อีกทั้งนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่อู๋เหิงบอกกับตู้เสี่ยวซิน เห็นได้ชัดว่าเขาอยากจะช่วยตน
เห็นข้างๆของเขาว่าง เธอก็ยืดตัว ปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วไปนั่งข้างๆอู๋เหิง
สายตาทั้งคู่มุ่งตรงมายังเขา อู๋เหิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ไม่เจอกันนานเลย”
“อู๋เหิง สองสามปีมานี้ ฉันโทรไปหาคุณตั้งหลายครั้ง คุณเปลี่ยนเบอร์มือถือเหรอ?”
“ใช่ เปลี่ยนเบอร์แล้ว” พูดพลาง หยิบมือถือออกมา
“อะแฮ่ม” ชายคนหนึ่งกระแอมเบาๆ อู๋เหิงเม้มริมฝีปาก ชี้ไปที่ด้านบนของเครื่องบิน “ลืมไป เครื่องบินจะเริ่มบินแล้ว”
มู่เฉียวยิ้มเล็กน้อย “ตอนนี้คุณยังอยู่คนเดียวอยู่ไหม?”
อู๋เหิงพยักหน้า จากนั้น ก็ส่ายหน้าทันที “สองคน สองคน”
“คุณร้อนมากเลยเหรอ? ทำไมเหงื่อออกเต็มหน้าผากเลยล่ะ?” มู่เฉียวพูดพลาง หยิบทิชชูจากในกระเป๋าออกมาให้อู๋เหิง
อู๋เหิงอยากจะบอกว่า ไม่ร้อน แต่กดดันมากเกินไป
ปีศาจร้ายสองตัวด้านหน้าจ้องมองอยู่ไหม? คุณนั่งแบบนี้ต่อไป เกรงว่าเขายังไม่ทันถึงที่นั่น ก็จะต้องโรคหัวใจกำเริบแน่
“ไอ๋หยา นั่งตรงนี้ ฉันรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย ฉันไปนั่งด้านหน้านะ” จู่ๆอู๋เหิงก็ลุกขึ้นยืน เดินไปยังเก้าอี้ว่างอีกที่หนึ่ง หลังจากนั้นที่นั่งข้างๆมู่เฉียว ก็มีโม่หานมานั่งลง
บรรยากาศเป็นไปอย่างอึดอัดวางตัวไม่ถูกเล็กน้อย
“มู่เฉียว นี่พวกคุณจะไปเมืองไหนของแอฟริกาใต้เหรอ?” เพื่อปิดบังเรื่องเมื่อกี้ อู๋เหิงจึงหาเรื่องมาพูด
มู่เฉียวชี้ไปยังหานฉุนที่อยู่ด้านหน้า “คุณลองถามคุณหานดูเถอะ ฉันก็ไม่ค่อยรู้แน่ชัด”
หานฉุนได้ยิน ก็มองมู่เฉียวอย่างไม่เข้าใจ “ไปเมืองC”
เมืองC? มู่เฉียวเหมือนจะจำได้ว่าเป็นเมืองAนะ ทำไมถึงกลายเป็นเมืองCไปได้ล่ะ?
“อ้อ อย่างนั้นก็บังเอิญจริงๆ พวกเราก็จะไปที่นั่น อาจจะต้องอยู่สักครึ่งเดือน พอถึงแล้ว ไม่แน่อาจจะรวมตัวกันสังสรรค์!” อู๋เหิงมองไปยังมู่เฉียวอย่างสุภาพ แต่ถือโอกาสที่โน้มตัวไปหยิบหนังสือพิมพ์ขยิบตาให้กับมู่เฉียว แล้วเชยคางไปยังโม่หาน
มู่เฉียวเข้าใจ จากนั้นก็กล่าวว่า: “ประธานโม่ อย่างนั้น…..รอให้คุณทำงานเสร็จแล้ว มีเวลาพวกเราค่อยนัดสังสรรค์กันนะ!”
โม่หานเงยหน้า มองมู่เฉียวแล้วยิ้มอย่างไม่เต็มใจ หยิบหนังสือพิมพ์ที่อยู่ข้างตัวขึ้นมา ปิดบังใบหน้า ครู่ใหญ่ๆจึงกล่าวว่า: “ฉันยุ่งมาก!”
มู่เฉียวขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอรู้ว่าโม่หานกำลังโกรธเธออยู่แน่นอน โกรธเรื่องที่เธอหนีไปวันนั้น แต่ถ้าเธอไม่หนี เธอจะสามารถไปได้เหรอ?
คิดๆแล้ว จู่ๆเขาต้องออกไปทำงานนอกสถานที่ที่แอฟริกาใต้ มู่เฉียวเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แต่ในใจก็หวานชื่น เธอจะคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไปไหม ว่าคนบางคนไปเพื่อเธอ
เวลานี้อีกคนชื่นชมอีกคนเพิกเฉย ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน เธอคงจะไม่สนใจอย่างแน่นอน แต่หลังจากได้ฟังคำพูดเหล่านั้นของตู้เสี่ยวซินแล้ว ไม่รู้ทำไม? เวลานี้ เธอถึงรู้สึกผิดอย่างมาก
จากนั้น ก็นิ่งเงียบไม่พูดจา มู่เฉียวหันหน้ามองไปนอกหน้าต่าง แล้วคิดว่าเวลาสิบกว่าชั่วโมงหากเป็นแบบนี้ต่อไป เธอคิดว่าจะต้องเป็นบ้าอย่างแน่นอน
“ฉัน…..จะไปห้องน้ำหน่อย!” ขืนอึดอัดแบบนี้ต่อไป เธอไม่บ้าก็คงจะแปลก!
หลังจากมู่เฉียวเดินไปได้ราวๆหนึ่งนาที
โม่หานจึงวางหนังสือพิมพ์ในมือ ก็ลุกตามไปอย่างรวดเร็ว ผู้หญิงคนนี้ ไม่แสดงความร้ายกาจให้เธอเห็นสักหน่อย ดูท่าจะไม่ได้!