เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 410 หวานชื่น
มู่เฉียวมองหานฉุนแล้วขมวดคิ้ว ในใจก็ค่อยๆเข้าใจอะไรได้ การถูกลดค่าตัวเกี่ยวข้องกับโม่หานเหรอ
เธอหยิบมือถือออกมาทันที กดโทรไปหาโม่หาน
โทรศัพท์ถูกรับสาย
“โม่หาน เป็นกลอุบายของคุณใช่ไหม ที่ทำให้หานฉุนโดนลดค่าตัว?” เธอไม่ได้สนใจน้ำเสียงของเธอในตอนนี้ มีทั้งความโมโหแล้วก็ความสงสัย
“ฉันทำธุระอยู่ ตอนเย็นจะติดต่อคุณไปอีกที” ฉับพลันโทรศัพท์ก็ถูกวางสายไป
จนถึงสี่ทุ่มโม่หานก็ไม่ได้ติดต่อกลับมา ในใจมู่เฉียวมีแต่เรื่องนี้ จึงนอนไม่หลับพลิกไปพลิกมา
ถึงแม้ว่าหานฉุนจะไม่ค่อยพอใจนัก แต่การแสดงเป็นอาชีพของเขา เช่นเดียวกับการเป็นล่ามของตน ไม่ได้เอาเงินมาเป็นตัวพิจารณา ฉะนั้น เธอจึงไม่อยากรบกวนการทำงานของเขาด้วยเหตุผลของเธอเอง
คิดๆแล้วเธอยังคงอดไม่ได้ที่จะไปหยิบมือถือจากโต๊ะข้างๆ แล้วโทรออกไปยังหมายเลขที่คุ้นเคย เพียงแต่……คนที่รับสายเป็นอู๋เหิง “ฮัลโหล……!”
ปลายสายมีเสียงเพลงดังหนวกหู มู่เฉียวขมวดคิ้ว “โม่หานล่ะ? พวกคุณอยู่ที่ไหนกัน?” คิดแล้วเธอก็ถามออกมา
“ฮัลโหล……ฮัลโหล คุณพูดอะไรนะ ไม่ได้ยินเลย……” น้ำเสียงของอู๋เหิงดูค่อนข้างลำบาก
“พวกคุณอยู่ที่ไหน?” มู่เฉียวนำลำโพงมาข้างๆปาก แล้วพูดเสียงดังอีกครั้ง
อู๋เหิงตกตะลึง จากนั้นก็หยิบมือถือมาดู มู่เฉียว……
ในฉับพลันก็กลืนน้ำลาย หันไปมองในมุมนั้นมีผู้หญิงห้อมล้อมอยู่หลายคน แต่โม่หานกลับมีสีหน้าเย็นชา เขาก้าวถอยหลังไปสองก้าว โบกมือให้โม่หาน บอกใบ้ว่าให้เขามารับโทรศัพท์
“ประธานโม่ วันนี้แค่ออกมาคุยเรื่องส่วนตัวนะ ไม่ได้คุยงาน!”
เสียงผู้หญิงที่มีเสน่ห์พูดภาษาอังกฤษได้คล่อง ดังมาจากลำโพงของตน มู่เฉียวกัดริมฝีปาก อยากจะทุบมือถือทิ้งเลย
“ปีศาจจิ้งจอก”ของความรักนี่มีอยู่ทั่วโลกเลยใช่ไหม? ที่ไหนๆก็มี!
เธอกดวางสายไปอย่างรุนแรง จากนั้น……สูดลมหายใจเข้า ปิดเครื่อง ใส่ไว้ในลิ้นชักข้างเตียง
แล้วบอกว่าเป็นครั้งแรก ผีนะสิที่จะเชื่อ “เล่น”ในประเทศไม่พอใช่ไหม? ยังเล่นข้ามชาติด้วย?
ยิ่งคิดยิ่งโมโห
“โทรศัพท์ของใคร?” หลังจากโม่หานผลักผู้หญิงข้างๆออกไปแล้ว ก็เงยหน้าถามอู๋เหิง
อู๋เหิงตอบกลับอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว : “ของมู่เฉียว!”
“เพล้ง”! เสียงแก้วตกลงบนพื้น
อู๋เหิงเงยหน้าขึ้น เห็นโม่หานลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วเดินเข้ามาหาเขา
“เมื่อกี้เห็นคุณกำลังมีความสุขอยู่กับพวกเขาไม่ใช่เหรอ? ฉันเรียกคุณแล้ว แต่คุณไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ เธอก็เลยวางสายไป!”
ก่อนที่โม่หานจะเอ่ย อู๋เหิงก็รีบพูดออกมา
โม่หานสีหน้าเคร่งขรึม หยิบมือถือจากในมืออู๋เหิง “ตาข้างไหนของคุณที่เห็นว่าฉันมีความสุข? ต่อไปโอกาสประเภทนี้ คุณก็จัดการเองเถอะ”
กดโทรกลับไป ให้ตายเถอะ ทำไมผู้หญิงคนนี้ชอบปิดเครื่องนะ?
“เตรียมรถ” เขาพูดประโยคนี้ทิ้งไว้ แล้วก็เดินออกไป
มู่เฉียวกำลังหลับอยู่ ในความสะลึมสะลือก็ได้ยินเสียงกริ่งประตู
“ติ๊งต่อง!”
เมื่อแน่ใจว่าได้ยินไม่ผิด เธอก็ตกตะลึง มองนาฬิกาข้อมือ ดึกดื่นขนาดนี้ ใครจะยังมาหาเธออีกนะ?
เมื่อดึงประตูเปิดเธอยังไม่ทันได้ยืนอย่างมั่นคง ก็ตกเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดและกลิ่นอายที่คุ้นเคย
โม่หานโน้มตัวลง มือใหญ่ๆคล้องที่คอของเธอ จูบลงไปที่ริมของเธออย่างโหดเหี้ยม ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ดึงปิดประตูด้านหลัง
เพิ่งไม่ได้เจอกันไม่นานเท่าไร คาดไม่ถึงว่าเขาจะคิดถึงเธอจนเจ็บปวดใจ
จากนั้น ก็ไม่แน่ใจว่าใครเริ่มก่อน ตามเหตุผลแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นก็เคยเกิดขึ้นมาไม่น้อยแล้ว
หลังจากผ่านไปรอบหนึ่งแล้ว มู่เฉียวก็คิดอยากที่จะถามว่าทำไมจู่ๆโม่หานถึงมาที่นี่
แต่ด้วยความอ่อนเพลียที่ยากจะขัดขวาง ดังนั้น จึงเลือกที่จะละทิ้งไปในที่สุด
เช้าตรู่
ห้องที่เงียบสงัด ตำแหน่งข้างกายที่เย็นลงแล้ว ชัดเจนว่าเขาออกไปนานแล้ว มู่เฉียวสูดลมหายใจเข้า แต่ในใจหดหู่อย่างบอกไม่ถูก
ในทันใดโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เธอหยิบขึ้นมา มองดู คือโม่หาน!
กดรับ “มีธุระอะไร?” น้ำเสียงของเธอไม่ค่อยร่าเริงเล็กน้อย แม้กระทั่งตัวเธอเองก็ฟังออก
“ทำให้คุณตื่นเหรอ?” น้ำเสียงของเขาไม่สะทกสะท้าน
“วิ่งมาตั้งไกลขนาดนั้น นอนคืนเดียวก็ไป ประธานโม่ช่างมีกะจิตกะใจจริงๆ” หลังจากพูดจบ เธอก็รู้สึกว่าเวลานี้ตนเองเหมือนกับผู้หญิงขี้งอน
โทรศัพท์ของฝ่ายตรงข้ามเงียบไปชั่วขณะ หลังจากนั้นก็มีเสียงหัวเราะเบาๆดังเข้ามา “คุณดูซิว่ากี่โมงแล้ว?”
มู่เฉียวขมวดคิ้ว นำมือถือออกมาดู สิบเอ็ดโมงกว่าแล้ว?
คุณพระ คาดไม่ถึงว่าเธอจะนอนจนถึงตอนนี้
“ได้ยินอู๋เหิงบอกว่า เมื่อวานคุณโทรเข้ามาหาฉัน!” น้ำเสียงของโม่หานนุ่มนวลอ่อนโยน พยายามสุดความสามารถที่จะระงับความคิดที่อธิบายไม่ได้ภายในใจ พูดคุยอย่างเรียบเฉย ชัดเจนว่าเพิ่งจะแยกจากกัน
“อื้ม!” มู่เฉียวสูดลมหายใจเข้า เม้มปาก ลูบผมที่ข้างๆหู ตอบด้วยเสียงเบาๆ
พูดจบก็คิดๆ จึงกล่าวเสริมในทันที: “ฉันอยากจะถามคุณเรื่องที่หานฉุนถูกลดค่าตอบแทน คุณเป็นคนทำใช่ไหม?”
ได้ยินมู่เฉียวที่อยู่ในโทรศัพท์ถามถึงชายคนอื่น โม่หานก็รู้สึกไม่พอใจในทันที ขมวดคิ้วแน่นแล้วก็เบ้ปาก “คุณโทรมาเพื่อจะถามเรื่องนี้อย่างนั้นเหรอ?” น้ำเสียงของโม่หานฟังดูไม่ดีเลยแม้แต่น้อย เขายังคิดว่า เธอโทรมาเพราะ…..เพราะว่า…..
“ฉันไม่อยากให้เป็นเพราะฉัน จึงต้องไปรบกวนงานของคนอื่น” มู่เฉียวเอ่ยปากอธิบายด้วยจิตสำนึก พอพูดจบ ก็กระซิบถามด้วยเสียงเบาๆว่า: “ใช่คุณไหม?”
“ฉันไม่สบายใจ…..” โม่หานที่ปลายสายพูดด้วยเสียงที่เศร้าเสียใจถึงขีดสุด ขณะที่มู่เฉียวขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ก็กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า: “ฉันคิดว่าเมื่อวานที่คุณโทรมาหาฉัน คือคิดถึงฉัน ฉันอุตส่าห์ลำบาก ดึกดื่นค่อนคืนต้องขับรถมาตั้งหลายชั่วโมง”
“…..ห๊ะ?” มู่เฉียวนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย กัดริมฝีปากเบาๆ ไม่รู้จะพูดอะไร
สมองก็หวนกลับไปคิดถึงเรื่องราวเมื่อคืน ทันใดก็เขินอายขึ้นมา
ขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณยังทำอะไรอยู่? อยู่กับกิ๊กเหรอ”
“ไม่มีกิ๊กที่ไหน อยู่ห่างกันไกล เป็นงานเลี้ยงส่วนตัว ถ้าคุณไม่ชอบ ต่อไปก็จะไม่ไปแล้ว” โม่หานเอ่ยปาก พูดอย่างแฝงไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง
“……”มู่เฉียวขมวดคิ้วเล็กน้อย ภายในใจหวานชื่น
โม่หานรออยู่ครู่หนึ่งเห็นเธอไม่พูดจา อดไม่ได้ที่จะกระตุ้นถามอย่างร้อนใจเล็กน้อยว่า “มู่เฉียว คุณยังอยู่ในสายไหม?”
“อืม!” มู่เฉียวดึงสติกลับมาทันที ภายในใจมีความกังวลเล็กน้อย เลียริมฝีปากสีแดงระเรื่อ แล้วกล่าวตอบกลับเบาๆ
บรรยากาศหยุดชะงักลงมาอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับไม่มีหัวข้อสนทนาระหว่างคู่สาย โม่หานเงียบไปหลายวินาที แล้วกล่าวอย่างคลุมเครือถึงขีดสุดว่า: “ตอนนี้คุณ ยังอยู่บนเตียงเหรอ?”
“ใช่แล้ว” มู่เฉียวตอบกลับอย่างไม่ได้หวาดระแวงแม้แต่น้อย เมื่อได้สติกลับมา ใบหน้าก็แดงระเรื่อ
เขินอาย ภายในใจก็รู้สึกมีรสชาติเล็กน้อย
“มู่เฉียว……”
จู่ๆน้ำเสียงของโม่หานก็แปลกไป ภายในใจของมู่เฉียวตื่นเต้นขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก น้ำเสียงเคร่งขรึมเล็กน้อยโดยไม่ได้ตั้งใจ ภายในใจรู้สึกไม่สงบเล็กน้อย “มีเรื่องอะไรเหรอ?”