เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 415 โม่หาน แต่งงานกับฉันเถอะ
มู่เฉียวส่ายหัว หันไปจัดการของของตนเองก่อน
มองภาพด้านหลังของเธอ พี่เหมยหลับตา สูดลมหายใจเข้า “จริงแล้วเธอไม่ได้ทำผิดอะไร ครั้งนี้พ่อคุณทำเกินไปแล้วจริงๆ”
หานฉุนไม่พูดอะไร มีความกังวลลึกๆในแววตา
เมื่อมู่เฉียวกลับมาถึงเมืองB พอลงจากเครื่องก็เห็นตู้เสี่ยวซินอยู่ไกลๆ
“ทำไมคุณผอมไปขนาดนี้เลยล่ะ?” เธอเดินไปข้างหน้ามองตู้เสี่ยวซิน สีหน้าเธอดูอ่อนล้า ดูเหมือนว่าจะแน่เป็นพิเศษ อาจจะเกี่ยวกับว่าเธอไม่ได้แต่งหน้าด้วย
ตู้เสี่ยวซินเดินเข้าไปกอดเธอ “เฉียวเอ๋อ ไปกับฉันก่อน”
พูดจบก็ดึงมือมู่เฉียว รีบเดินไปข้างนอก ตู้เสี่ยวซินไม่ได้ขับรถมา จึงโบกรถกลับไป
เมื่อเห็นตรงหน้าเป็นโรงพยาบาล มู่เฉียวก็หันไปมองตู้เสี่ยวซิน แล้วหยุดฝีเท้า “มาที่นี่ทำไม?”
ตู้เสี่ยวซินหันไป แล้วเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น “เฉียวเอ๋อ คุณลุงเขา……”
มู่เฉียวตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นเมื่อได้สติกลับมา ก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมา เธอขมวดคิ้วถามว่า “พ่อฉันเขาเป็นอะไร?”
“เฉียวเอ๋อ……”
“สรุปพ่อฉันเป็นอะไร?” จู่ๆเสียงเธอก็ดังขึ้น
“โรคหัวใจคุณลุง……โรคหัวใจ……” ตู้เสี่ยวซินร้องไห้สะอึกสะอื้น มู่เฉียวเลยเดินผ่านเขาเข้าโรงพยาบาลไป
ตู้เสี่ยวซินเช็ดน้ำตา เดินตามหลังเธอไป
ในสมองมู่เฉียวยุ่งเหยิงไปหมด เธอไม่อยากจะร้อยเรียงหลายๆเรื่องเข้าด้วยกัน เธอกลัวว่าตนเองจะรับไม่ได้
แผนกหัวใจและหลอดเลือด
“ฉินเอ๋อ พ่อคุณเพิ่งจะทำการผ่าตัดไปเมื่อสักครู่นี้ กลัวว่าคุณจะกังวลใจ เลยไม่กล้าบอกคุณ” คำพูดของคุณลุงในตอนนั้นยังก้องอยู่ในหู
ครั้งนี้ล่ะ?
เข้าไปในห้องผู้ป่วย มู่หลิงกับแม่เฝ้าอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นมู่เฉียวเข้ามา ทั้งสองคนก็ลุกขึ้นยืน
“เฉียวเอ๋อ……”
เสียงแม่แหบพร่ากว่าก่อนหน้านี้มาก มู่เฉียวรู้สึกว่าตนเองอกตัญญูจริงๆเลย คาดไม่ถึงว่าเธอจะเชื่อว่าแม่กำลังโกรธอยู่
“แม่……” หลังจากที่เธอเรียกแล้ว ก็เดินเข้าไปข้างๆเตียงพ่อมู่
“ทำไมจู่ๆพ่อถึงได้หมดสติไป?”
“คุณก็ถามโม่หานสิ? คุณไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาไม่ใช่เหรอ?” น้ำเสียงมู่หลิงเย็นชาเล็กน้อย มู่เฉียวเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นความเกลียดชังในแววตาของน้องชาย
“เสี่ยวหลิง คุณอย่าพูดกับพี่คุณแบบนี้”
“แม่ พ่อหมดสติไปเพราะสาเหตุอะไร คุณยังคิดจะปกปิดกับเธออีกเหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนั้นเข้ามา พูดคำพูดที่ไม่น่าฟังแบบนั้น พ่อจะได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจเหรอ?” มู่หลิงน้ำตาไหล ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะไม่แหบพร่าเหมือนแม่ แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนล้า
“พี่ คุณรู้ว่าเขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว ทำไมคุณถึงยังไปยุ่งกับเขาอีก? ในเมื่อคุณมีความสามารถที่จะก่อเรื่องวุ่นวาย คุณก็ต้องมีความสามารถที่จะให้เขามาแต่งงานกับคุณด้วยสิ?”
มู่เฉียวไม่พูดอะไร ไม่อยากที่จะอธิบาย เธอเม้มปากมองไปที่แม่ “แม่ หมอว่าอย่างไรบ้าง?”
แม่ถอนหายใจ “หมอบอกว่า กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเลยหมดสติไป หลายวันมาแล้วก็ยังไม่ฟื้นเลย”
มู่เฉียวมองพ่อ เธอตำหนิตนเองในใจ ไม่สามารถใช้คำพูดมาอธิบายได้ เธอไม่คิดว่าจะทำให้พ่อเธอเจ็บปวดอีกครั้ง
“แม่ คุณกับมู่หลิงกลับไปก่อนเถอะ ฉันจะเฝ้าพ่ออยู่ที่นี่” เห็นท่าทีของพวกเขา คาดว่าหลายวันมานี้ คงไม่ได้หลับได้นอน
แม่ส่ายหน้า “เฉียวเอ๋อ คุณนั่งเครื่องบินมาเหนื่อยล้า คุณกลับไปเถอะ อีกเดี๋ยวเสี่ยวโยวก็น่าจะเลิกเรียนแล้ว ช่วงนี้เสี่ยวซินต้องไปรับเธอ”
มู่เฉียวมองตู้เสี่ยวซิน ฉีกยิ้มเล็กน้อย ระหว่างพวกเธอ พูดคำว่าขอบคุณ ก็จะดูห่างเหินเกินไป
แต่เธอยืนกราน ตู้เสี่ยวซินจึงต้องพาแม่และมู่หลิงไปส่ง
ในห้องผู้ป่วยเหลือเพียงเธอกับพ่อที่ไม่ได้สติ
เมื่อปิดประตู มู่เฉียวก็เริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น “พ่อขอโทษนะ ขอโทษ”
เธอไม่รู้ว่าตนเองร้องไห้ไปนานแค่ไหน รู้สึกว่าน้ำตาเริ่มแห้งแล้ว คนก็ร้องไห้จนเหนื่อยแล้ว จึงค่อยๆหยุดลง
เธอหยิบสำลีก้าน มาชุบน้ำ ช่วยให้ริมฝีปากของพ่อชุ่มชื้น
ตอนเด็ก ก็ยุ่งอยู่กับการอ่านหนังสือ ตอนโต ก็ยุ่งอยู่กับการทำงาน หลายปีมานี้ มู่เฉียวไม่เคยได้อยู่ด้วยกันกับพ่ออย่างสงบเงียบแบบนี้เลย
เธอกุมมือของพ่อ พูดถึงอดีตและปัจจุบันข้างหูของพ่อ
“พ่อ คุณจำได้ไหมว่าตอนเด็กๆ มีครั้งหนึ่งฉันป่วย แม่บอกว่า คุณแบกฉันไปหาหมอ แล้วตกลงไปในทะเลสาบน้ำแข็ง?”
“แล้วก็อีกครั้งหนึ่ง มีฝนตกหนัก เพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ ล้วนไม่มีคนมารับ แต่คุณยืนถือร่มกลางฝนที่ตกหนัก เพื่อรอฉัน”
“ตอนเข้ามหาวิทยาลัย คุณไปส่งฉันที่มหาวิทยาลัย ซื้อของใช้ราคาแพงๆให้ฉัน แต่แม่บอกว่า เมื่อคุณกลับบ้าน ก็หิวจนเลือดออกในกระเพาะ”
“พ่อ ฉันชอบโม่หานจริงๆ ฉันไม่รู้ว่ามันจะเป็นการทำร้ายคุณ”
“พ่อ คุณจะต้องไม่เป็นไรนะ…..”
ชายหนุ่มที่ยืนพิงอยู่ด้านนอกประตูกลืนน้ำลายลงคอ เขาเห็นผู้หญิงที่ร้องไห้อยู่ด้านใน ใจก็เหมือนกับโดนมีดเฉือน เขาไม่อยากทำร้ายเธอ แต่ก็ทำร้ายเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
เปิดประตูเข้าไป เขายืนอยู่ด้านหลังมู่เฉียว
กลิ่นกายที่คุ้นเคยลอยเข้ามาในจมูก มู่เฉียวตัวสั่น เช็ดน้ำตา แต่ไม่ได้หันกลับมา มองเงาดำที่สะท้อนบนผ้าห่มสีขาวหมดจด
เธอก้มหน้าลง ในใจสับสนถึงที่สุด
“มู่เฉียว ฉันขอโทษ เรื่องราวจะกลับกลายเป็นเช่นนี้ ฉันไม่นึกเลยว่า เธอจะไปหาคุณลุง”
มุมปากของมู่เฉียวฉีกยิ้มอย่างไม่น่าดู เธอหันหน้ากลับมา เงยหน้าขึ้น มองโม่หาน “โม่หาน คุณรักฉันไหม?”
โม่หานดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด พยักหน้า “รักสิ”
“อย่างนั้น ก็แต่งงานกับฉัน พวกเราแต่งงานกัน โอเคไหม? พ่อฉันคิดว่าฉันไปเป็นเมียน้อยคนอื่น เขาจึงโมโหจนกลายเป็นแบบนี้ ถ้าพวกเราแต่งงานกัน บางทีพ่อของฉันอาจจะดีใจ แล้วฟื้นขึ้นมา โม่หาน โอเคไหม?” เสียงช่วงสุดท้ายที่เธอพูดคล้ายกับการอ้อนวอน บนใบหน้าที่ขาวหมดจด ด้วยความตื่นเต้น จึงปรากฏสีแดงจางๆขึ้นมา
เธอรู้สึกว่าร่างกายของโม่หาน สั่นเล็กน้อย จึงผลักเขาออกเบาๆ แล้วก้มหน้า เธอไม่มีความกล้าแม้กระทั่งจะมองตาของโม่หาน
โม่หานโน้มตัวลงอย่างช้าๆ ยื่นมือเข้าไปเช็ดน้ำตาของเธอ “รอฉันอีกหน่อยนะ รอหน่อย…..”
มู่เฉียวนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จึงเม้มปาก ซื้ดจมูก แล้วเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว มองโม่หาน เธอเม้มริมฝีปาก หัวเราะเยาะตัวเอง จากนั้น ก็ดึงมือทั้งคู่ออก ความเจ็บปวดในสายตา ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน เธอกลืนน้ำลายเล็กน้อย แล้วเอ่ยปากอย่างช้าๆว่า: “รออีกแล้ว รอคุณมีชื่อเสียงเงินทอง แล้วค่อยแต่งงานกับฉัน? หรือว่ารอคุณหาเงินให้พอก่อน แล้วค่อยมาแต่งงานกับฉัน? ฉันไม่อยากรอแล้ว ฉันอยากแต่งงานตอนนี้ คุณต้องการอำนาจ หรือคุณต้องการฉัน คุณบอกมาสิ”
เธอบีบบังคับเขา
โม่หานคาดไม่ถึงว่ามู่เฉียวจะเอ่ยถึงข้อเรียกร้องนี้ และก็ยิ่งไม่คาดคิดว่าการตอบสนองของเธอจะมีแรงกระตุ้นขนาดนี้ เขาขมวดคิ้ว หลับตา แล้วลืมตาอีกครั้ง “มู่เฉียว คุณฟังฉันนะ ตอนนี้ฉันไม่สามารถแต่งงานกับคุณได้ ฉันมีความลำบากใจ แต่คุณต้องเชื่อฉัน รอฉัน…..”
“ไปให้พ้น”
“มู่เฉียว…..”
“ไป! ออกไป!” มู่เฉียวชี้นิ้วไปยังประตูที่อยู่ด้านหลัง เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย น้ำตาไหลลงมาเป็นสาย ลำบากใจ? เธอคาดไม่ถึงว่า นอกจากผลประโยชน์แล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่ทำให้โม่หานลำบากใจอีก พูดตรงๆ เธอคิดออกเพียงเท่านี้