เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - บทที่ 447 คุณกำลังเล่นกับไฟ
เมื่อหลินซานออกมาจากห้องน้ำ ผู้ช่วยก็รีบรายงานข้างหูเธอทันทีว่า “ฉันไปแอบได้ยินมา ผู้หญิงคนนั้น เคยหย่าร้าง และยังมีลูกอีก”
“หย่าร้าง และยังมีลูกอีก ? อะไรจะบังเอิญเช่นนี้ ?”
“ใช่ ได้ยินมาว่าในอดีตเป็นหมอที่อยู่ในเมือง B ”
หมอ ? หลินซานพยักหน้า ถอดแว่นกันแดดออก สายตาดูเหยียดหยามเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าหน้าตาจะดูดี แต่มีภูมิหลังแบบนี้ ไม่น่าพูดถึงเลย
เมื่อออกมา โม่หานและคนอื่นๆก็เตรียมพร้อมขึ้นเครื่องบินแล้ว
เห็นได้ชัดว่า กำลังรอเธอ เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความรู้สึกที่เหนือกว่า ถอดแว่นกันแดดออก และวิ่งเหยาะๆสองก้าว และก็ไม่รู้ว่าเธอจงใจหรือเปล่า เมื่อเธอเข้าไปใกล้โม่หาน ขาของเธอก็พันกันสะดุดล้ม
มู่เฉียวเดินตามหลังทั้งสองคน ด้วยสายตาที่เฉียบคม เธอดึงเธอไว้ “ผู้อำนวยการหลิน ระวังค่ะ”
หลินซานมองไปที่มือที่จับแขนของเธอไว้ สีหน้าของเธอก็แย่ลง แต่เธอก็ลืมตาขึ้นหันมาทันที “ขอบคุณค่ะ”
มู่เฉียวรอให้เธอทรงตัวอยู่นิ่งแล้ว ถึงค่อยปล่อยมือ
ในขณะนี้โม่หานได้หยุดอยู่ข้างหน้าทั้งสองคนอยู่ประมาณสองสามเมตร เขาหันกลับมาและถามอย่างเป็นทางการว่า:“ เป็นอะไรรึเปล่า ?”
หลินซานส่ายศีรษะ
ผู้ช่วยของเธอดูหมิ่นมู่เฉียวอย่างรุนแรง ราวกับว่าคุณเป็นคนที่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นอย่างนั้น
มู่เฉียวอยากจะบอกว่า คุณหลอกล่อสามีเธออย่างเปิดเผย เธอไม่ยุ่ง แล้วใครจะยุ่ง ?
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่นั้นมา เธอก็เข้าใจจุดประสงค์ของหลินซานอย่างแท้จริงแล้ว ดูเหมือนว่าเสี่ยวโหรวจะพูดถูก ผู้หญิงคนนี้ มาที่นี่เพื่อแย่งชิงผู้ชายจากเธอ
เพียงแต่ มีความสงสัยเล็กน้อย หลินซานคนนี้ก็เป็นคนที่มีพรสวรรค์ แล้วทำไมเธอต้องยึดติดกับโม่หานด้วย ?
ยิ่งกว่านั้น ในเมื่อทั้งสองคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ทำไมเธอถึงไม่ทำตั้งแต่ก่อนหน้านี้ล่ะ ?
เป็นไปได้ไหมว่า มีการล่วงประเวณี ?
เธอจ้องโม่หานอย่างดุเดือดอีกครั้งเธอไม่เชื่อว่า ผู้ชายคนนี้จะไม่สามารถมองผ่านความคิดของผู้หญิงคนนี้ได้ ดูเหมือนว่า คืนนี้ จะต้องลองพยายามดูแล้ว
บนเครื่องบิน ที่พวกเขาซื้อคือชั้นเฟิร์สคลาส
มู่เฉียวและผู้ช่วยอีกสองสามคนนั่งห่างกันที่อยู่แถวเดียวกันบนชั้นประหยัด
ดังนั้น อู๋เหิง โม่หาน หลินซานทั้งสามคนจึงนั่งอยู่แถวเดียวกัน
แล้วดังที่เห็น ที่นั่งนี้จะเป็นการประกาศสถานะทันที
โม่หานมีความคิดเห็นบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เธอยืนกราน เป็นแค่นักแปลคนหนึ่ง จะให้ไปนั่งชั้นเฟิร์สคลาสราคาหลายหมื่นหยวน มันก็ไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้
อู๋เหงิและโม่หานที่นั่งอยู่ติดกัน และประมาณไม่กี่นาทีหลังจากที่เครื่องบินขึ้น ทันใดนั้นอู๋เหิงก็ลุกขึ้น และพูดกับมู่เฉียวว่า คุณมู่ พวกเรามาแลกที่นั่งกัน ตกลงไหม ?
มู่เฉียวขมวดคิ้ว นี่มันหมายความว่ายังไง ?
“เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า ?”
“ผมก็แค่ไม่อยากนอนเอง ? เขามักจะดูถูกผมและนอนกรน ดังนั้น พวกเรามาเปลี่ยนที่กันเถอะ”
ถึงแม้ว่ามู่เฉียวจะรู้ว่านี่เป็นความตั้งใจของอู๋เหิง แต่เธอก็ยังรู้สึกผิดเล็กน้อย
“ถ้างั้นคุณกับเปลี่ยนกับผู้อำนวยการหลินก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ ? ”ผู้ช่วยของผู้อำนวยการหลินกระซิบ
อู๋เหิงชำเลืองมองเธอ และดึงเนกไทของตัวเองออก “หรือว่านั่งตรงที่เธอนั่นแล้วกรน คิดว่าประธานโม่จะไม่ได้ยิน ?”
หลินซานเหลือบมองโม่หาน เขาหลับตา และไม่ได้ตั้งใจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
มู่เฉียวไม่ขยับ อู๋เหิงยืนอยู่ข้างเธอ “คุณมู่ ช่วยหน่อยเถอะ พอดีเลย คุณไปนี่ก็เพื่อแปลภาษา คุณก็ต้องทำความคุ้นเคยกับประธานโม่หน่อยไม่ใช่เหรอ ?”
เมื่อพูดถึงเรื่องสถานะ มู่เฉียวจะพูดอะไรได้ จึงทำได้เพียงลุกขึ้นและไปนั่งที่นั่งข้างข้างโม่หาน นี่เป็นห้องหรูหราประมาณ3ตารางเมตร เธอมองไปที่คำแนะนำการใช้งานที่ด้านข้างเก้าอี้ เธอถึงรู้ว่าเมื่อปรับเก้าอี้ตัวนี้จะกลางเป็นเตียงขนาดสองเมตร ทันใดนั้นเธอมองกลับไปที่อู๋เหิงด้วยความรู้สึกผิดบางอย่าง “เอ่อ ประธานอู๋ คุณนี่ ดูเหมือนจะนอนสบายยิ่งขึ้นแล้วสินะ ?”
อู๋เหิงกระแอมเล็กน้อย เขาไม่ได้โง่ แน่นอนว่าเขารู้ว่าที่ตรงนั้นนอนสบายกว่า แต่ใครบอกให้คนเป็นคนจงรักภักดีกันล่ะ ? ช่างเถอะ เห็นแก่ที่โม่หานเพิ่งแก้ปัญหาใหญ่ให้เขา เขาเลยจะทำดีตอบแทน
“ไม่เป็นไร ทะเลาะกับประธานโม่ผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเรามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่”
มู่เฉียวหัวเราะออกมาสองครั้ง และก็ไม่พูดอะไรอีก
เพราะว่าเที่ยวบินนี้ใช้เวลาสิบชั่วโมง และพวกเขาก็ขึ้นเครื่องกันประมาณสี่โมงเย็น ไม่นานหลังจากเครื่องบินทรงตัวแล้ว ก็มีคนมาเสิร์ฟอาหาร
หลังจากที่ดูอาหารของเธอที่แตกต่างกับประธานโม่โดยสิ้นเชิง มู่เฉียวก็บุ้ยปาก เพราะว่านี่เป็นห้องส่วนตัว ที่มีด้านหลังกว้างจึงมีพนักพิงใหญ่ที่สามารถบังสายตาผู้คนได้
มู่เฉียวยื่นตะเกียบออกไปเพื่อใส่เนื้อชิ้นเล็กชึ้นหนึ่งลงในถ้วยของหาน และกะพริบตาไปทางเขา
จากนั้น กล่องอาหารข้างหน้าของตัวเองก็ถูกยกขึ้น และเปลี่ยนเป็นอีกกล่องหนึ่งมาวางข้างหน้าเธอแทน
“ขอบคุณค่ะประธานโม่”
เธอเข้าใกล้เขา และกระซิบเบาๆที่ข้างหูของเขา
ชายหนุ่มเอื้อมมือออกและบีบหน้าเธอเบาๆ ด้วยใบหน้าที่นุ่ม
จากนั้น น้ำผลไม้คั้นสดและของว่างก็กลายเป็นของมู่เฉียว
โม่หานไม่ชอบดื่มเครื่องดื่มใดๆ เขาดื่มเฉพาะน้ำเปล่า โม่หานไม่ชอบขนม เธอก็รู้
“ฉันกำลังช่วยคุณ”
หญิงสาวทำหน้าบูดบึ้งใส่ชายหนุ่ม โม่หานไม่พูดอะไร ได้แต่ถอนหายใจ
หลังจากทานอาหารไปครึ่งชั่วโมง ไฟในห้องผู้โดยสารก็ดับลง
ม่านข้างๆของแต่ละคนถูกดึงขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ระหว่างเธอและโม่หานยังมีม่านกั้นอยู่ โดยทีที่ทั้งสองไม่ได้ดึงขึ้นมาเอง
ชายหนุ่มลุกขึ้น ช่วยเธอปรับตำแหน่งที่นั่งให้เข้ากับเตียง และก็ปรับของตัวเอง ระหว่างเตียงทั้งสอง มีที่วางแขนกั้นอยู่ แต่กลับไม่ได้ป้องกันไม่ใช่ชายหนุ่มเอื้อมมือมากอดเธอ
“เดี๋ยวจะถูกคนเห็นเอา” มู่เฉียวผลักเขา
แต่ชายหนุ่มกลับไม่ได้ดึงแขนออก
จู่ๆ มู่เฉียวเริ่มสนใจที่จะเล่น เธอหันกลับไปมองโม่หาน นิ้วที่เรียวยาวของเธอค่อยค่อยเลื่อนไปบนใบหน้าเขา “คุณว่า ผิวของคุณทำไมถึงดีขนาดนี้นะ ? ฉันไม่เคยเห็นคุณเช็ดอะไรเลย”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “นอนหลับ อย่าวุ่นวาย”
เธอกำลังวุ่นวายอยู่เหรอ ? มู่เฉียวใช้สายตาหลอกล่อเขา
มู่เฉียวมองไปที่โม่หาน และขยับศีรษะโน้มลงไปแตะที่ริมฝีปากของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
เธอได้ยินเสียงหายใจของชายหนุ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ
เธออดไม่ได้ที่จะพูดติดตลกว่า “คุณคงไม่ได้จะควบคุมตัวเองไม่อยู่ใช่ไหม ?”
ชายหนุ่มใช้มือข้างหนึ่งหนุนศีรษะ และมองมู่เฉียวด้วยสีหน้าจริงจัง “มู่เฉียว คุณกำลังเล่นกับไฟ”
มู่เฉียวหรี่ตาและหัวเราะเบาๆ เธอพบว่า บางครั้งการล้อเลียนโม่หานและดูเขาไร้หนทาง ก็เป็นความสุขอีกอย่างหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังคงมีสติสัมปชัญญะ
ในคืนนี้ เธอนอนไม่ค่อยหลับ เพราะว่ามีโม่หานอยู่ด้วย ดังนั้น ในคืนนี้ หัวใจของเธอจึงหวานมาก
เมื่อทุกคนมาถึง ที่ฝรั่งเศสก็เป็นกลางคืนพอดี
แม้ว่าตลอดทางเธอจะหลับอย่างเดียว แต่มู่เฉียวก็ยังรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย
เนื่องด้วยสถานะที่พิเศษของเธอ แน่นอนว่าเธอไม่สามารถอยู่กับโม่หานได้
เมื่อเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง เธอก็อาบน้ำแล้วนอนลงบนเตียง จากนั้นก็ได้รับข้อความจากโม่หาน
“ขึ้นมา รอคุณอยู่ที่ห้อง”
ไม่เอานะ ? มันจะโอ้อวดเกินไปรึเปล่า ?
“ถ้างั้นผมลงไป หรือไม่ก็เปิดเผยต่อสาธารณะ”