เทพบุตร ทวงแค้น / เทพศึกมังกรหวนคืน - บทที่ 104 คนรักของหลิวลานเมิ่ง
หลังจากที่รอให้หลิวลานเมิ่งและอิ่นซินออกมาจากห้องน้ำแล้ว พบว่าคนที่ห้องโถงเปียโนก็แยกย้ายกันไปหมดแล้ว
ทำไมถึงได้แยกย้ายไปกันหมดแล้วล่ะ?
หลิวลานเมิ่งค่อนข้างรู้สึกเสียดาย เธอยังคิดว่าหลังจากที่ออกมาแล้วค่อยไปดูนะ คนรายล้อมมากมายขนาดนี้ จะต้องมีเรื่องอะไรแน่นอน คนต้าหัวล้วนชอบเข้าไปมีส่วนร่วมเรื่องที่ครึกครื้นทั้งนั้น
แยกย้ายแล้วก็แยกย้ายกันเถอะ
อิ่นซินพูดปลอบใจเธอแล้ว
หลังจากนั้นทั้งสองกลับบ้านแล้ว
รอจนกระทั่งวันที่สอง ตอนเช้าอิ่นซินก็ถูกเสียงโทรศัพท์ปลุกให้ตื่นแล้ว รีบจับโทรศัพท์พร้อมพูดว่า : ลานเมิ่ง นี่มันเพิ่งจะหกโมงเองนะ เช้าตรู่ขนาดนี้ มีอะไร?
ท้องฟ้าเพิ่งจะสว่าง
แกรู้ไหมว่าวันนี้ตอนเช้าฉันตื่นขึ้นมา แล้วเห็นอะไร ก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานที่ห้องโถงเปียโน มีเจ้าชายแห่งเปียโนปรากฏตัวขึ้นแล้วจริงๆ ได้ยินมาว่าเป็นระดับ 10 มือทั้งสองข้าง นั่นคือความสง่างาม ความเพราะพริ้ง ฉันได้ฟังมารอบหนึ่ง หลงใหลอย่างสิ้นเชิง อ๊ะอ๊ะอ๊ะ เมื่อวานพวกเราพลาดไปแล้ว
แต่ว่าไม่เป็นไร ฉันจะต้องตามล่าเจ้าชายแห่งเปียโนคนนี้ให้ได้ ฉันชอบเขาแล้ว สักวันหนึ่งเขาต้องเป็นแฟนของฉัน ผู้ชายที่มีความสามารถเช่นนี้ ถึงจะคู่ควรกับผู้หญิงอย่างฉัน จริงสิ วิดีโอได้ส่งให้แกดูแล้วนะ ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่มีหน้าตรง มีเพียงแผ่นหลังเท่านั้น น่าเสียดายจัง แต่ว่า ฉันจะต้องหาตัวเขาเจอได้แน่
พูดแล้ว หลิวลานเมิ่งก็ส่งคลิปวิดีโอมาแล้ว
อิ่นซินเปิดดู สิ่งที่ปรากฏออกมาจากคลิปก็คือมีคนๆหนึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าเปียโน มือทั้งสองข้างกำลังเล่นเปียโนอย่างสง่างาม เสียงพยางค์ค่อยๆกระจายออกมาทีละตัวๆแล้ว
ผ่านไปไม่นาน ก็หลงใหลแล้ว
หลังจากนั้นสามนาที เปียโนก็สิ้นสุดลง ในใจของอิ่นซินค่อนข้างรู้สึกทึ่งมาก คนๆนี้มีความสามารถเสียจริงๆ เสียงเปียโนนี้ นำพาเธอให้จมเข้าไปในนั้นเลย
แต่ว่า หลังจากที่ดูจบแล้ว อิ่นซินก็ค่อนข้างสงสัยแล้ว
เงาแผ่นหลังนี้……ทำไมถึงได้เหมือน……
อิ่นซินมองไปที่ฉินเฟิงที่กำลังทำความสะอาดอยู่ตรงตามทางเดิน นี่เป็นข้อเรียกร้องของจางลี่ บอกว่าเป็นการทำงานแลกเปลี่ยนที่อยู่บ้านของพวกเขา เธอพูดแล้ว ก็ไม่มีวิธีอื่น
แต่ว่าในเวลานี้ เธอมองทางซ้าย แล้วก็มองทางขวา พบว่าเงาแผ่นหลังนี้ เหมือนกับฉินเฟิงมาก
บังเอิญ?
หรือว่าคนๆนี้ เจ้าชายแห่งวงการเปียโนที่อาจจะมีระดับ 10 ก็คือฉินเฟิง?
อิ่นซินกวัดมือให้กับฉินเฟิงที่อยู่ด้านนอก
มีอะไรเหรอ?
ฉินเฟิงเดินเข้ามาแล้ว
คุณหมุนตัว หันหลังให้ฉัน
อิ่นซินกยื่นมือออกไป บอกใบ้ครู่หนึ่ง
ครับ
ฉินเฟิงหันหลังไป หลังจากนั้นอิ่นซินหยิบโทรศัพท์มาเปรียบเทียบ สุดท้ายพบว่ายิ่งเปรียบเทียบยิ่งเหมือน เหมือนอย่างกับแกะสลักออกมาจากแม่พิมพ์เลยยังไงอย่างนั้น หรือพูดได้ว่า เจ้าชายแห่งเปียโนนี้ เปียโนระดับ 10 ก็คือฉินเฟิง
คุณคือ……
อิ่นซินเงยหน้าขึ้นแล้ว คิดอยากจะถามฉินเฟิง
แต่ในเวลานี้ ในโทรศัพท์ก็มีข้อความส่งมาแล้ว อิ่นซินหยิบเอามาดู หลิวลานเมิ่งเป็นคนส่งข้อความมา : ฉันสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าชายแห่งเปียโนนั่นได้แล้วนิดหน่อย ได้ยินมาว่าเป็นแฟนของนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเจียงเฉิงคนหนึ่ง แต่ว่ารายละเอียดว่าเป็นใครนั้น ตอนนี้ยังหาสืบหาไม่เจอนะ
แฟนของนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเจียงเฉิงคนหนึ่ง?
อิ่นซินเลิกๆคิ้วแล้ว
ที่รัก เป็นอะไรไป?
ไม่มีอะไรแล้ว คุณไปปลุกกั่วกั่วเถอะ อีกเดี๋ยวไปโรงเรียนแล้ว
โอเค
หลังจากที่พูดคุยกับฉินเฟิงสองสามประโยคแล้ว อิ่นซินก็ลูบๆหน้าผาก : เจ้าชายแห่งเปียโนนี้มาจากมหาวิทยาลัยเจียงเฉิง ไม่ใช่ฉินเฟิง สมองของฉันนี่ ตั้งแต่เช้าจรดกลางคืนมัวแต่คิดอะไรอยู่เนี่ย?แบกรับไว้ไม่ไหวแล้วเหรอ เริ่มเห็นภาพหลอนว่า ฉินเฟิงเป็นบุคคลที่สุดยอดมากคนหนึ่ง โธ่เอ๋ย
เธอถอนหายใจแล้ว
เธอมีความเข้าใจในตัวของฉินเฟิงบ้างเล็กน้อย คนแบบนี้ ไม่มีทางที่จะเป็นเจ้าชายแห่งเปียโนได้
อีกอย่างหลิวลานเมิ่งก็พูดแล้ว เป็นแฟนของนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเจียงเฉิงคนหนึ่ง ไม่ว่าจะพูดยังไง เธอก็รู้สึกว่าฉินเฟิงก็ไม่มีทางนอกใจตัวเองแน่
ไม่มีทางที่จะไปหาแฟนที่มหาวิทยาลัยเจียงเฉิงอีก
และก็ไม่มีใคร ชอบเขาด้วย
ส่วนที่ว่าแผ่นหลังคล้ายกัน นั่นก็เป็นเพียงแค่ความบังเอิญก็เท่านั้นเอง อืม ความบังเอิญ แม้ว่าอิ่นซินมักจะรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ แต่เรื่องนี้ก็ทำได้เพียงประเมินว่าเป็นความบังเอิญแล้ว
และในเวลานี้ หลิวลานเมิ่งก็โทรศัพท์เข้ามาอีก
อิ่นซินรับสายแล้ว
อิ่นซิน ทำไมฉันถึงได้น่าเวทนาเช่นนี้ ผู้ชายที่เพิ่งชอบไป จู่ๆคนเขาก็มีแฟนแล้ว นี่ฉันเพิ่งจะเริ่มมีความรักนะ ก็อกหักแล้ว จะทำยังไงดีล่ะ……
เมื่อกดรับสายโทรศัพท์ หลิวลานเมิ่งก็พูดความทุกข์ในใจของตัวเองออกมาแล้ว
พอแล้ว ไม่ต้องดึงดันแล้ว ถ้าไม่ใช่ของๆแก สุดท้ายก็ไม่ใช่ของแก
ไม่แน่นะ คนเขาก็แค่คบหากัน ไม่ได้แต่งงานสักหน่อย ไม่แน่สักวันก็อาจจะเลิกกันแล้ว ไม่ง่ายเลยนะกว่าที่ฉันจะเจอคนที่ฉันชอบได้ ฉันไม่มีทางยอมแพ้แน่นอน ไม่มีทางแน่นอน
หลิวลานเมิ่งพูดกล่าวสาบาน
จริงสิ อิ่นซิน แกรู้สึกบ้างไหมว่า แผ่นหลังนั้นคล้ายกับฉินเฟิงนิดหน่อย
รู้สึกนะ
ใช่ มีความคล้ายนิดหน่อย แต่ว่าไม่ใช่แน่นอน ถึงอย่างไรเจ้าชายแห่งเปียโนของฉัน มือที่สง่างามนั่น จะเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นได้อย่างไรกัน ฉันขอแนะนำแกนะ รีบสลัดทิ้งเขาไปซะนะ
ฉินเฟิงเป็นสามีของฉัน
หลังจากที่ทั้งสองคนพูดคุยกันสักพัก อิ่นซินก็ไปทำงานแล้ว
และฉินเฟิงก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง รีบไปยังโรงเล่นไพ่นกกระจอกนั่นแล้ว
ในห้องทำงานที่อยู่ด้านบน
ทำไม คิดดีแล้วเหรอ?
ฉินเฟิงนั่งอยู่บนโซฟา มองไปที่ต้าตาวที่อยู่ตรงข้าม
อืม เมื่อคืนฉันคิดมาทั้งคืนแล้ว ฉันถึงได้คิดออก ฉันรับปากคุณแล้ว ยอมที่จะต่อสู้ ไม่แน่ก็อาจจะต่อสู้จนมีอนาคตได้ รถจักรยานกลายเป็นมอเตอร์ไซค์
ต้าตาวพูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง
เขาคิดพิจารณามาสองวันเต็มแล้ว นี่เป็นวันที่สาม เขาคิดถึงบางเรื่องได้แล้ว ในเส้นทางนี้ไม่เปรียบเทียบกับอย่างอื่น สิ่งที่เปรียบเทียบก็คือการลงมือที่ ‘โหดเหี้ยม’
เขาเป็นทายาทเศรษฐี พ่อแม่ในบ้านเสียชีวิตไปเร็ว ทิ้งทรัพย์สินไว้ให้เขากว่าสิบล้านและถนนธุรกิจเส้นนี้ แต่เพราะว่าอายุน้อยเกินไป ไม่รู้ว่ามีกว่ากี่คนที่กำลังจับจ้องมรดกที่อยู่ในมือของเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขามีความโหดเหี้ยมมากพอ เข้ามาคลุกคลีอยู่บนเส้นทางนี้ ทำให้ตัวเองมีตำแหน่งในกลุ่มนักเลงแล้ว คนเหล่านั้นที่เรียกว่าญาติสนิท เอาเงินของเขา ไปแบ่งกันจนเกลี้ยงตั้งนานแล้ว แบ่งกันเสร็จก็ไม่สนใจอะไรก็ไปแล้ว ไม่แน่ก็อาจจะทำท่าทีที่หวังดีสำหรับเขา
และถ้าหากตอนนี้สูญเสียคำว่า ‘โหดเหี้ยม’คำนี้ไป แม้ว่าตอนนี้ไม่ได้ล่วงเกินใคร งั้นสักวันหนึ่ง ตัวเองก็อาจจะพังพินาศ สู้ทำให้ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งตอนนี้ดีกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น เขาสำหรับฉินเฟิงแล้วค่อนข้างเชื่อถือ สถานะน่ายำเกรง
งั้นก็ได้ มากับฉันหน่อย ผับแฟนตาซี
ครับ พี่ใหญ่
ฉินเฟิงยิ้มอยู่ในใจ ไอ้หมอนี่ ค่อนข้างตระหนักถึงตำแหน่งของตัวเองอย่างชัดเจน เขาต้องการต้าตาวคนนี้ เพียงแค่เพื่อมาช่วยจัดการกับเรื่องงานที่มีเยอะมากจนเขาคนเดียวทำไม่เสร็จ
แต่ว่า ถ้าไอ้หมอนี่ เข้าใจกฎ เขาก็ไม่ถือสาที่จะมอบโอกาสให้กับเขาจริงๆ
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง
คนกลุ่มหนึ่ง มาถึงยังพผับแฟนตาซีนั่นอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร มีประมาณสามสิบกว่าคน ทั้งหมดล้วนเป็นลูกน้องฝีมือดีของต้าตาว มองจากตรงนี้ก็มอง ท่าทีของเขาออกได้
ผับนิพพาน แถมยังเปลี่ยนชื่อแล้วด้วย
ฉินเฟิงเงยหน้ามอง เปลี่ยนชื่อใหม่แล้ว
ฉันเป็นคนเปลี่ยนเอง ถึงอย่างไรก็เป็นการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะฉัน กลายมาเป็นเจ้าของอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่แล้ว มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งแผ่ซ่านออกมาจากด้านในแล้ว
ตามมาด้วย ผู้หญิงเดินออกมาแล้ว
ก็คือเสี่ยวเสี่ยว ตอนนี้เธอไม่ได้สวมใส่กี่เพ้าเหมือนครั้งก่อนแล้ว และก็ไม่ได้โชว์ความเซ็กซี่ และเปลี่ยนเป็น ชุดเดรสสีขาวลายดอกที่เรียบง่าย ดูสะอาดสะอ้าน ไม่แต่งหน้าจัดจ้านแล้ว เพียงแค่แต่งหน้าเบาๆเท่านั้น
ดูแล้วเหมือนนักศึกษาผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ค่อนข้างอ่อนวัยอย่างไม่สามารถอธิบายได้