เทพบุตร ทวงแค้น / เทพศึกมังกรหวนคืน - บทที่ 121 ผู้อยู่เบื้องหลัง
ในอดีต ฉินเฟิงก็เคยเป็นขอทานเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ถึงขึ้นแย่ขนาดนั้น ตรงกันข้ามเขาขอทานเป็นอาชีพ แล้วยังทำงานอย่างหนัก อาศัยการเก็บขวด เก็บเศษผ้า หาเงินจำนวนหนึ่งมาเลี้ยงตัวเอง
ส่วนเสื้อผ้ามีเพียงสองชุด ชุดหนึ่งเป็นของตัวเอง อีกชุดหนึ่งเก็บมา เขาสวมมันมาหลายปีแล้ว แม้ว่ามันจะขาดรุ่งริ่ง แต่อย่างน้อยมันก็สะอาดมาก
ส่วนพวกขอทานเหล่านี้ เหมือนจะไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเลยเป็นเวลาหลายร้อยวัน แถมยังไม่เคยอาบน้ำอีกด้วย พวกเขาหิวโหย หน้าตาเหลืองซูบ ผอมแห้ง นอนอยู่บนพื้น เหม่อมองไปบนฟ้าอย่างว่างเปล่า
เหมือนซากศพที่เดินได้
ฉินเฟิงไม่ได้ตั้งใจจะช่วยพวกเขา ด้านหนึ่งเขาไม่ได้มีเวลาว่างมากนัก อีกด้านหนึ่ง คนเหล่านี้ยอมแพ้ตัวเองแล้ว มีมือมีเท้า อายุก็โตพอแล้ว ต่อให้ต้องไปแบกอิฐก็ไม่อดตายหรอก
คนเหล่านี้ ไม่สมควรได้รับความเห็นใจ
ในเวลานี้ ฉินเฟิงทุ่มชายที่เป็นหัวหน้าลงไปที่พื้นด้วยมือเดียว เดิมทีเขาก็เวียนหัวเพราะสองหมัดนั้นของฉินเฟิงอยู่แล้ว และเขาก็ต้องร้องโหยหวนออกมาอีกครั้งเมื่อร่วงลงมาเช่นนี้
หยุดร้องได้แล้ว ใครใช้ให้พวกคุณมาที่นี่?
ฉินเฟิงหยิบบุหรี่ออกมาม้วนหนึ่ง แล้วเริ่มสูบ
เปลวไฟเล็กน้อยมองเห็นได้ชัดเจนในค่ำคืนอันมืดมิด แต่ตอนนี้ขอทานเหล่านั้นไม่กล้าเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ถ้าไม่มีหัวหน้า พวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไร
นี่คือประสบการณ์ที่ฉินเฟิงสั่งสมมาตอนที่เป็นขอทานในตอนนั้น
สาเหตุที่วันนี้อิ่นซินใช้มาตรการนี้ รวมถึงใช้เงินหนึ่งหมื่นมาล่อ ไม่ยอมปล่อยใครไปสักคน ก็เพราะว่าหัวหน้าไม่เห็นด้วย
เมื่อมีคนมารับเงินไป ผลที่ตามมาก็คือ คนคนนี้จะถูกตีตายทั้งเป็นถ้าเขายังต้องการอยู่ในเมืองเจียงเฉิง นี่คือกฎของขอทาน
ดังนั้นวิธีการของอิ่นซินจึงผิด เธอควรพุ่งเป้าไปที่หัวหน้าคนนี้
ไม่มีใครใช้ให้พวกเรามา พวกเรามาที่นี่เอง
หัวหน้ากัดฟัน ไม่ง่ายเลยกว่าจะหยุดร้องโหยหวนลงได้ ในที่สุดก็หอบหายใจพูดขึ้น
เพียงแต่ว่า
ในวินาทีถัดมา
ฉินเฟิงใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบลงไปที่นิ้วมือของเขา แถมยังออกแรงอีกด้วย สิบนิ้วเชื่อมต่อสู่หัวใจ หัวหน้าคนนั้นร้องโหยหวนขึ้นมาอีกครั้ง โอ๊ย…ผมบอก…ผมบอกแล้ว…
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นขอทาน แค่ความเจ็บปวดนิดเดียวก็ทนไม่ได้แล้ว
เพียงแต่ว่า ดูเหมือนฉินเฟิงจะไม่ได้ยินที่เขาพูด เขาสูบบุหรี่ ยกเท้าขึ้นมา แล้วเหยียบลงไปที่อีกนิ้วหนึ่ง เสียงร้อยโหยหวนดังขึ้นมาทันที
โอ๊ย!
สีหน้าของหัวหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากเนื่องจากความเจ็บปวด เต็มไปด้วยเหงื่ออันเย็นเฉียบ พลางคร่ำครวญและอ้อนวอนขอความเมตตา ผมผิดไปแล้ว…ผมจะบอก…ผมบอกแล้ว
แต่น่าเสียดาย
ฉินเฟิงไม่สนใจคำพูดของเขา พลันยกเท้าขึ้น แล้วเหยียบลงไปที่นิ้วอื่นอีกครั้ง
โอ๊ย!
คราวนี้เสียงโหยหวนได้แผ่ขยายออกไปถึงยังสถานที่ก่อสร้างด้านนอก ซึ่งทำให้ ขอทานที่อยู่ตรงนั้นตกใจ ในดวงตาเต็มไปด้วยความกลัว
แต่ก็เพราะเหตุนี้ พวกเขาจึงไม่กล้าเข้าไปดู
หักนิ้วคุณไปแล้วสามนิ้ว เพื่อเป็นการลงโทษสำหรับการทำให้งานของภรรยาของผมล่าช้า ตอนนี้บอกมาซิว่าใครเป็นคนส่งคุณมา พูดให้ชัดเจนนะ เพราะคุณยังมีอีกเจ็ดนิ้ว
ฉินเฟิงนั่งยองๆ ลงแล้วเอ่ยขึ้น
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเฟิง ร่างกายก็สั่นสะท้าน ความหวาดกลัวปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา แม่งเอ๊ย คนคนนี้เป็นปีศาจจริงๆ ไม่ใช่สิ เป็นปีศาจในปีศาจ
สามนิ้วของเขาเต็มไปด้วยเลือด น่าจะถูกหักหมดแล้ว
แล้วยังจะหักอีกเจ็ดนิ้วที่เหลือของเขาด้วย
ทันใดนั้น เขาก็ไม่กล้าที่จะโต้แย้ง รวมทั้งไม่กล้าโกหกแม้แต่ประโยคเดียว เขาคร่ำครวญว่า ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เขาให้ผมไปรายงานเรื่องนี้กับเขาในวันพรุ่งนี้ มันเป็นคฤหาสน์ขนาดเล็ก ปกติเขาอาศัยอยู่ที่นั่น
ไม่รู้ว่าเป็นใคร…พรุ่งนี้
ฉินเฟิงเอามือลูบคางแล้วเอ่ยขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นใคร ถึงอย่างไรคนคนนี้ก็พุ่งเป้ามาที่อิ่นซินอยู่ดี คนที่พุ่งเป้าไปที่ภรรยาของเขาล้วนเป็นศัตรู เขานับว่าเป็นจอมปกป้องภรรยาคนหนึ่ง
เขาให้พวกคุณมาเท่าไหร่? ฉินเฟิงถามขึ้นอีก
ถ้าขอทานพวกนี้ต้องการให้พวกเขาทำอะไรก็ต้องมีเงิน
ห้า…ห้าหมื่น…
หัวหน้าทำสัญลักษณ์มืออย่างระมัดระวัง
ความจริงเขากลัวฉินเฟิงมากจนถึงขีดสุด เขาเป็นปีศาจจริงๆ
ห้าหมื่น? เอาล่ะ ผมจะมอบหมายภารกิจให้คุณ ให้คุณหนึ่งแสน แต่คุณต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จให้ได้ ไม่เช่นนั้น คุณจะไม่สามารถรักษาเจ็ดนิ้วที่เหลือไว้ได้
มือข้างหนึ่งถือกระบองใหญ่ อีกข้างหนึ่งถือแครอท
นี่คือวิธีการที่มักใช้ในกลยุทธ์
ตอนแรกเมื่อได้ยินคำว่าหนึ่งแสน ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย แต่เมื่อได้ยินคำว่าเจ็ดนิ้วในเวลาต่อมา ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านอีกครั้ง ตอนนี้เขาไม่ได้เรียกร้องเงินหนึ่งแสน เขาแค่อยากจะรักษานิ้วของตัวเองไว้
แน่นอน คุณจะปฏิเสธก็ได้ แต่ถ้าปฏิเสธ…
ฉินเฟิงยังพูดไม่ทันจบ หัวหน้าก็พยักหน้าซ้ำๆ พี่ พี่ชาย ผมตกลง ผมตกลงจริงๆ ได้โปรด ให้ผมทำภารกิจนี้ให้สำเร็จเถอะ
เขากลัวว่าถ้าไม่ตอบตกลง ก็จะหักนิ้วที่เหลืออีกเจ็ดนิ้ว
เช่นนี้ จะต้องเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
ดีมาก
ฉินเฟิงยิ้มๆ หลังจากให้บัตรธนาคารกับเขาใบหนึ่งก็กลับไป
ส่วนหัวหน้าที่ถือบัตรธนาคารอยู่ในมือ เมื่อนึกถึงภารกิจที่ฉินเฟิงมอบหมายให้เขาก่อนหน้านี้ ก็เดินกะโผลกกะเผลกกลับไปที่กลุ่มขอทานทันที
ภารกิจของพวกเรามีการเปลี่ยนแปลง มีคนให้เงินพวกเราห้าหมื่นเพื่อไปหาบ้านอื่น หัวหน้ากล่าว
แม้ในเวลานี้ เขาก็ยังต้องการหักเงินห้าหมื่น ภารกิจคราวก่อน เขาก็บอกว่าสามหมื่น หักไว้สองหมื่น ครั้งนี้เขาต้องการหักไว้ห้าหมื่น
บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้เอง เขาถึงได้เป็นหัวหน้า
ครับ
เสียงอันอ่อนระโหยโรยแรงดังมาจากกลุ่มขอทาน
แต่หัวหน้าก็ไม่สนใจ คนพวกนี้เป็นแบบนี้มาตลอด จากนั้นเขาก็พาขอทานกลุ่มนี้ออกจากสถานที่ก่อสร้าง เพื่อไปยังคฤหาสน์หลังหนึ่ง
ส่วนในคฤหาสน์หลังนั้น
ในห้องนั่งเล่น อิ่นป่ายและอิ่นเสี้ยงสวี่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา อิ่นเสี้ยงสวี่ยกแก้วไวน์ที่มีไวน์แดงอยู่ขึ้นมา แล้วส่งสัญญาณบอกอิ่นป่ายว่า น้องชาย นายมีแผนการเจ้าเล่ห์แบบนี้ ยังกล้ามาเรียกขอทานไป ฮ่าฮ่า ฉันเดาว่าตอนนี้อิ่นซินคงกำลังสับสนอยู่สินะ
ก็อาจจะ
อิ่นป่ายจิบไวน์แดงคำหนึ่งด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
ไม่กี่วันก่อน อิ่นเสี้ยงสวี่มาหาเขา เล่าสถานการณ์ของอิ่นซินให้เขาฟัง ได้รู้ว่าตอนนี้ บริษัท กึ่งซานหยวน จำกัด อยากได้คนก็ได้ อยากได้เงินก็ได้ สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
ในเวลานั้น เขารู้ว่าตัวเองไม่สามารถนั่งรอความตายเฉยๆ ได้
เมื่อ บริษัท กึ่งซานหยวน จำกัด ของอิ่นซินประสบความสำเร็จจริงๆ เธอก็จะได้นั่งตำแหน่งประธานของ บริษัท กึ่งซานหยวน จำกัด อย่างแน่นอน เมื่อได้ตำแหน่งแน่นอน ก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาอีกแล้ว
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาวางแผนมาหลายวัน จนได้แผนการที่เจ้าเล่ห์เช่นนี้ออกมา
ใช้ขอทานไปสร้างความวุ่นวายที่นั่น อันที่จริงเงินก็ไม่ได้มาก แค่ห้าหมื่นหยวนเท่านั้น แต่มันก็เพียงพอที่จะสั่งให้ขอทานโง่ๆ พวกนั้นให้ไปสร้างปัญหาให้กับอิ่นซิน ทำให้ระยะเวลาการก่อสร้างของเธอล่าช้าออกไป
เมื่อล่าช้าออกไป ระยะเวลาการก่อสร้างโครงการของอิ่นซินก็จะไม่ทันการณ์ หากไม่สามารถดำเนินโครงการให้เสร็จสิ้นทันเวลาได้ ตำแหน่งประธานกรรมการนี้ก็ต้องถูกถอดออก
พอถึงเวลานั้น ตำแหน่งประธานก็จะกลับมาเป็นของเขา