เทพบุตร ทวงแค้น / เทพศึกมังกรหวนคืน - บทที่ 126 ท่านยามแสดงอำนาจบารมี
มู่หรงเจียงเสว่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตาของเธอแฝงไปด้วยความรังเกียจ ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเกลียดกฎที่แฝงอยู่ในวงการบันเทิงมากที่สุด เธอเคยออกคำสั่งห้ามปรามครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าไม่อนุญาตให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในทีมงานของเธอ
แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะยังคงมีอยู่
มู่หรงเจียงเสว่ ผมเป็นผู้ช่วยผู้กำกับของทีมละครเรื่องนี้ ผู้ช่วยผู้กำกับ คุณต้องคิดให้ดี ผมทำเพื่อทีมละครนี้มามาก แต่ตอนนี้คุณกลับมาจับผม? คุณกล้าจับผมเหรอ?
เจียงหยุนพยายามโต้เถียงอย่างสุดกำลัง
ฮ่า จับคุณเหรอ? ฉันไม่เพียงแต่จะจับคุณเท่านั้น แต่ฉันยังจะเล่นงานคุณด้วย
ความโกรธปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมู่หรงเจียงเสว่ เธอขยิบตาให้บรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทันที
รับเงินมาแล้วก็ต้องสะสางปัญหาให้สำเร็จ
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านั้นเป็นมืออาชีพและเข้าใจในทันที หนึ่งในนั้นต่อยเจียงหยุนที่ท้อง ทำให้เขาตัวงอ ส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา
โอ๊ย!
เจียงหยุนน้ำตาแทบไหล มู่หรงเจียงเสว่ คุณ…
ยังมีแรงพูดอีกเหรอ? พูดต่อสิ
ความเยือกเย็นส่องประกายผ่านดวงตาของมู่หรงเจียงเสว่
การที่เธอสามารถมีสถานะอย่างในวันนี้ได้ แสดงให้เห็นว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่อ่อนโยน แต่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง ในฐานะผู้หญิงที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง เธอย่อมมีความสามารถอยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ฉินเฟิงยังอยู่ที่นี่
ตามที่หลิวหลินว่าไว้ ฉินเฟิงก็เป็นคนสำคัญเช่นกัน เธอไม่สนใจว่าคนคนนี้จะดีหรือไม่ แต่เธอไม่มีสำนึกในความเป็นธรรมโดยกำเนิดเหมือนอย่างหลิวหลิน เธอรู้แค่ว่า จะล่วงเกินฉินเฟิงไม่ได้
สิบนาทีต่อมา
เจียงหยุนล้มลงกับพื้น หายใจรวยริน เช่นเดียวกับเจียงจื่อจิ้นที่อยู่ข้างๆ
อีกะหรี่ กูจะไม่ปล่อยมึงไป
เจียงหยุนพูดในใจด้วยความเกลียดชัง
เขายังมีญาติมิตรเพื่อนฝูงจำนวนหนึ่งที่ถูกส่งตัวไปที่สถานีตำรวจด้วย มากสุดก็คงต้องจ่ายเงินก้อนหนึ่งเพื่อประกันตัวออกมา พอถึงตอนนั้น เขาจะต้องแก้แค้นมู่หรงเจียงเสว่อย่างสาสมอย่างแน่นอน
กล้าดีอย่างไรมาทำแบบนี้กับเขา!
จนกระทั่งเขาได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา หัวใจของเขาก็เย็นวาบ ทำไมถึงเป็นผู้หญิงคนนี้ บัดซบ ทำไมฉันถึงซวยแบบนี้?
คนที่เข้ามาคือหลิวหลิน
มู่หรงเจียงเสว่แจ้งความแล้ว
เจ้าหมอนี่สินะ ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะขุดคุ้ยประวัติเก่าของเขาออกมาเอง
หลังจากได้ฟังมู่หรงเจียงเสว่เล่าคร่าวๆ แล้ว หลิวหลินก็ตบหน้าอกรับประกัน
ว่าแต่ว่า คราวนี้ก็มีคุณอีกแล้วเหรอ
หลิวหลินจ้องมองฉินเฟิง
ยั่วยุ 10% ดูถูกเหยียดหยาม 30% ไม่ยินยอม 40% และน้อยเนื้อต่ำใจ 20% นี่คือความรู้สึกของหลิวหลินเมื่อเผชิญหน้ากับฉินเฟิงในตอนนี้
บังเอิญจัง
ฉินเฟิงตอบอย่างไม่ใส่ใจ
ฮึ ไม่ช้าก็เร็ว ฉันจะต้องจับคุณให้ได้
หลิวหลินพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา แล้วพาคนกลับไป
ขอโทษค่ะ ครั้งนี้เป็นความผิดพลาดของพวกเรา
มู่หรงเจียงเสว่กล่าวขอโทษอิ่นหนิงหยู่
อ้อ…ไม่เป็นไรค่ะ…ไม่เป็นไร
สิ่งนี้ทำให้อิ่นหนิงหยู่รู้สึกปลาบปลื้ม เธอคิดไม่ถึงเลยว่ามู่หรงเจียงเสว่ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจะกล่าวขอโทษตัวเอง เธอรีบโบกไม้โบกมือทันที
หลังจากที่มู่หรงเจียงเสว่ออกไปแล้ว อิ่นหนิงหยู่ก็พูดกับฉินเฟิงอย่างตื่นเต้นดีใจว่า ผู้กำกับมู่หรงอ่อนโยนมาก แถมยังตั้งใจมาขอโทษฉันด้วย เธอเป็นคนที่เข้าถึงได้ง่ายมาก
ก็อาจจะใช่
ฉินเฟิงเอามือลูบจมูกตัวเอง
เจ้าเด็กโง่ ถ้าวันนี้เขาไม่มา เธออาจจะถูกรังแกอีกก็ได้ นี่คือวงการบันเทิงที่ซับซ้อนมาก แต่ถ้าหากอิ่นหนิงหยู่ต้องการทำงานในวงการนี้ต่อไปจริงๆ เขาก็สามารถสนับสนุนเธอได้
เทพสงครามอันดับหนึ่งแห่งประเทศต้าหัว ร่มเงาที่คุ้มกะลาหัวนี้ พูดได้ว่าเพียงพอสำหรับเขาที่จะพลิกฟื้นวงการบันเทิงทั้งหมด
หลังจากสะสางเรื่องราวที่นี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉินเฟิงก็ไปที่บริษัท กึ่งซานหยวน จำกัด ถึงอย่างไรเขาก็คิดว่าคราวที่แล้วอิ่นป่ายเป็นคนวางแผนการ ดังนั้นจะไม่มีทางยอมแพ้ไปง่ายๆ
ต้องมีแผนอีกแน่นอน
ครั้งที่แล้วเป็นแผนสกปรก
ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเป็นแผนอะไร
เมื่อมาถึงบริษัท กึ่งซานหยวน จำกัด ฉินเฟิงก็พบว่าอิ่นซินไม่อยู่ที่นี่ เมื่ออ้ายเสี่ยวซีเห็นฉินเฟิงก็เดินเข้าไปหาทันทีแล้วพูดว่า คุณฉิน ท่านประธานออกไปทำธุระแล้ว วันนี้ไม่อยู่ที่บริษัท
งั้นเหรอ
ฉินเฟิงเอามือลูบคาง
จากนั้นเมื่อเขาพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ฉินเฟิงจึงตัดสินใจออกไปจากที่นี่ แต่ในขณะนั้นเอง ผู้คนจำนวนมากได้มาออกันที่ด้านนอก โดยมีแกนนำเป็นผู้ชายพุงพลุ้ยใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว
ดูท่าทางมีตำแหน่งใหญ่
ที่นี่สินะ
เมื่อคนกลุ่มนี้มาถึงหน้าประตู ชายพุงพลุ้ยก็มองดูป้ายนั้น ร่องรอยความเกลียดชังฉายผ่านดวงตาของเขา แต่ในขณะที่พวกเขากำลังจะเข้าไป ชายชราสองคนก็ก้าวออกมายืนหน้าประตู
สองคนนี้เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเชิงกลยุทธ์ของบริษัท
เฮ้ พวกคุณสองคนมาทำอะไรที่นี่? หลีกทางเดี๋ยวนี้
หวางเชียนขมวดคิ้ว มองดูชายชราทั้งสอง
พวกเราสองคนเป็นรปภ.ของบริษัท ในเมื่อเราได้รับเงินเดือนของบริษัท เราก็ต้องทำอะไรบางอย่าง วันนี้ พวกคุณไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป
แม้ว่าชายชราสองคนจะแก่ แต่ก็ยังมีเหตุผล พวกเขารู้ว่าตัวเองมาเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่นี่ ดังนั้นจึงปิดกั้นประตูทันที ไม่ยอมให้พวกหวางเชียนเข้าไป
ลำพังพวกคุณ คิดจะมาหยุดผมได้เหรอ?
หวางเชียนยิ้มเย้ยหยัน
สองคนที่ยืนโงนเงน ขาข้างหนึ่งก้าวเข้าไปในโลงศพแล้ว ยังกล้ามาบอกว่าจะขัดขวางพวกเขา?
ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี
ไม่รู้ว่าอิ่นซินเอาอะไรมาคิดให้จ้างชายชราสองคนมาเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย อย่าบอกนะว่าบริษัทนั้นขัดสนจนถึงขั้นนี้แล้ว
พวกนายรีบพาตาเฒ่าสองคนนี้ออกไปให้พ้นทางที
หวางเชียนออกคำสั่ง
ผู้ชายที่อยู่ข้างหลังหลายคนบิดคอไปมา แล้วก้าวไปข้างหน้า เตรียมพร้อมลงมือ
แต่ว่าเมื่อตอนที่พวกเขาเพิ่งชนกับชายชราสองคนนั้น พวกเขาก็ล้มลงกับพื้น กุมแขนตัวเองแล้วร้องไห้อย่างเจ็บปวด พวกคุณไม่ใช่คน กล้ามารังแกคนแก่อย่างผม แขนของผม แขนของผมหักแล้ว หักแล้ว ผมอายุแปดสิบแล้ว ผมจะบอกพวกคุณให้นะ ที่ประตูของเรามีกล้องวงจรปิดอยู่ วันนี้ผมจะไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอย่างละเอียด
ส่วนอีกคนก็ร้องไห้เช่นกัน โอ๊ย ต้นขาของผมเจ็บมาก เจ็บมากเลย วันนี้ถ้าไม่ได้หนึ่งล้าน เรื่องนี้ไม่จบแน่ โอ๊ย…รังแกคนแก่
…
หวางเชียนและพวกตกตะลึงงัน
เล่นแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?
พวกเขาเงยหน้าขึ้นและมองขึ้นไป เมื่อพบว่ามีกล้องวงจรปิดอยู่จริง สีหน้าของพวกเขาก็ขรึมลงทันที ประเด็นสำคัญคือถ้าพวกเขากล้าตีก็กล้ารับ แต่ว่า พวกเขาแค่กระแทกนิดหน่อยเท่านั้น
โดยเฉพาะคนที่บอกว่าขาเจ็บ พวกเขาไม่ได้แตะต้องขาของเขาเลย
นี่คือการแบล็กเมล์ แบล็กเมล์ชัดๆ!
หวางเชียนโกรธจนหน้าแดง สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วชี้ไปที่ชายชราสองคนด้วยมือข้างหนึ่ง
พออ้าปากก็บอกหนึ่งล้าน
โอ๊ย เจ็บมาก ไม่ไหวแล้ว ผมจะตายแล้ว ผมตายแล้ว พวกคุณทุกคนเป็นฆาตกร เป็นฆาตกร พวกคุณต้องชดใช้ชีวิตผม
ชายชราคนหนึ่งลงไปเกลือกกลิ้งกับพื้น
ชายชราอีกคนกุมต้นขาแล้วร้องไห้คร่ำครวญออกมา พวกคุณมันขยะสังคม ทำร้ายคนแก่ยังไม่ยอมรับผิด ผมจะปล่อยคลิปกล้องวงจรปิดออกไป เพื่อทำลายชื่อเสียงของพวกคุณ
หวางเชียนโกรธจนตัวสั่น มองดูทั้งสองคนนี้ สุดท้ายก็พูดออกมาเพียงสองคำ หน้าด้าน!