เทพบุตร ทวงแค้น / เทพศึกมังกรหวนคืน - บทที่ 142 อิ่นซินโวยวายโมโหเล็กน้อย
……
ฉินเฟิงเงียบขรึมแล้ว มองไปยังอิ่นซินเช่นนี้ ประมาณสามนาทีเต็มๆ ถึงจะค่อยๆเอ่ยปากพูดว่า : ใช่ หลังจากที่MR.Xฆ่ายกครัวตระกูลอู๋ ผมถึงมา ได้ช่วยคุณไว้พอดี
ฉันก็รู้อยู่แล้ว
มุมปากของอิ่นซินเผยการดูถูกตัวเองออกมาแล้ว ตัวเองมักจะคิดว่าฉินเฟิงเป็นฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีตำแหน่งสูงสุดอะไรแบบนี้ ช่างหน่อมแน้มมากซะจริงๆ
ในความเป็นจริง ฉินเฟิงเป็นเพียงแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตัวน้อยๆเท่านั้นแหละ แม้แต่สัญญาครึ่งปีหลังก็ทำไม่ได้
ตอนนี้เธอสามารถสัมผัสได้ว่าตัวเองค่อยๆตกหลุมรักฉินเฟิงแล้ว ถ้าหากอยู่ในสถานการณ์ปกติ นี่เป็นเรื่องดี คู่สามีภรรยาที่สมบูรณ์แบบ แต่ว่า นี่มันไม่เหมาะสมที่จะใช้กับคู่ของพวกเขา เพราะว่าเหลือเวลาแค่อีกห้าเดือน ฉินเฟิงไม่มีทางหาเงินสองล้านมาได้แน่
ถึงตอนนั้นก็ต้องหย่ากัน
ตอนนี้รักมากขึ้นเท่าไหร่ ถึงตอนนั้นในใจของเขาทั้งสองก็ยิ่งจะเจ็บปวด
เจ็บสั้นๆดีกว่าเจ็บยาวๆ เพียงแค่ ตอนนี้ไม่รักฉินเฟิง
บางที ถึงตอนนั้นอาจจะดีกับทั้งสองคน
โจ๊กถ้วยนี้ คุณเอาไปเถอะ ฉันไม่กิน ต่อไปคุณก็ไม่ต้องทำแล้ว ที่นอนนี่ คุณก็เก็บให้เรียบร้อย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณก็นอนที่โซฟาข้างนอก หากไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน ห้ามเข้ามาในห้อง
อิ่นซินหลับตาลงแล้ว พักครู่หนึ่ง สุดท้ายใบหน้าที่เยือกเย็น พูดกับฉินเฟิงออกมาประโยคหนึ่ง
โทนเสียงก็เยือกเย็นอย่างมาก
ที่รัก
เรียกฉันว่าอิ่นซิน ย้ายออกไป เดี๋ยวนี้ โดยทันที
โอเค
สุดท้ายแล้วฉินเฟิงก็ยินยอม กอดผ้าปูที่นอนบนพื้นข้างเตียง เดินออกไปยังโซฟาทางด้านนอก นอนหลับแล้ว โซฟาเป็นไม้ แข็งมาก แถมยังหนาวมากด้วย
เพียงแต่ว่า ฆาตกรที่วางแผนทำร้ายอิ่นซินในตอนนั้น ยังจับตัวไม่ได้
ไม่สามารถที่จะเปิดเผยตัวตนได้ขนาดนี้
นอนที่โซฟา ก็นอนที่โซฟานี่แหละ
และหลังจากที่ฉินเฟิงเดินออกไปแล้ว ใบหน้าที่เย็นชาของอิ่นซิน ก็ผ่อนคลายลงทันที เปลี่ยนเป็นเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก ทำอะไรไม่ถูกเลย สุดท้ายนอนลงบนเตียง ห่มผ้าห่มแล้ว
ขอโทษนะ
น้ำตาไหลลงอาบหน้าของอิ่นซินแล้ว กอดผ้าห่ม ปิดกั้นไม่ให้เสียงร้องไห้ของตัวเองแพร่กระจายออกมา ความเจ็บปวดถ่ายทอดออกมาจากหัวใจเป็นระลอกๆ
นี่ก็คือชอบเหรอ
เจ็บปวดจริงๆ
อิ่นซินคิดในใจ แต่ว่าไม่มีทางเลือกอื่น และอีกห้าเดือนหลังจากนี้ ต่อให้ในใจจะเจ็บปวด สู้ตัดสินใจแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วเฉียบขาดตอนนี้ดีกว่า นี่มันก็ดีกับทั้งสองคน
เช้าวันรุ่งขึ้น
ฉินเฟิงพบว่าอิ่นซิน ไม่เคยที่จะไม่ไปทำงานเลย อิ่นซินเป็นผู้หญิงแกร่ง แต่ไหนแต่ไรมาก็จะไปทำงานตรงเวลาเสมอ ไม่เคยมาสายเลย
แต่วันนี้ ไม่เพียงแค่ไม่ไปทำงาน แถมยังไม่ทานข้าวด้วย
ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ฉินเฟิงเคาะประตูของอิ่นซินแล้ว
ก๊อกๆๆ
แต่กลับว่าไม่มีเสียงตอบกลับมา ฉินเฟิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้ว ผลักประตูออกไปดู พบว่าอิ่นซินนอนหลับอยู่ เดินเข้าไปดู บนหมอนหนุน ยังมีคราบเปียกชื้นด้วย
ร้องไห้เหรอ?
ฉินเฟิงเห็นภาพฉากนี้ ในใจเจ็บปวด ยื่นมือออกไปข้างหนึ่ง ลูบๆผมของอิ่นซินแล้ว อิ่นซินที่อยู่ห้วงความฝันก็ถูๆไถแล้ว เหมือนกับแมวน้อยยังไงอย่างนั้น
เชื่อฟัง แค่นิดเดียว รอผมจับตัวฆาตกรคนนั้นออกมาได้ ผมจะบอกคุณทันที
นัยน์ตาของฉินเฟิงสาดส่องความอ่อนโยนออกมา
แต่ว่าในเวลานี้ โทรศัพท์ที่อยู่ข้างอิ่นซินก็ดังขึ้นแล้ว ฉินเฟิงเอียงศีรษะมองแวบหนึ่ง เป็นอ้ายเสี่ยวซี หยิบขึ้นมารับสายทันที : เสี่ยวซี มีอะไรเหรอ?
คุณฉิน ประธานล่ะ?เกิดเรื่องขึ้นที่บริษัทแล้ว ถูกล้อมไว้แล้ว คนเยอะมาก
ถูกล้อมไว้แล้ว?ใครกัน?
ฉินเฟิงขมวดคิ้วแล้ว
ไม่ทราบค่ะ พวกเขาชี้เจาะจงมาเลยว่าจะมาหาเถ้าแก่ของเรา คนเหล่านี้มีท่าทางที่โหดร้ายมาก น้ำเสียงของอ้ายเสี่ยวซี ค่อนข้างที่จะตื่นตระหนก ถึงอย่างไรก็เป็นแค่เด็กผู้หญิง
ฉันจัดการเอง ประธานของพวกคุณไม่ค่อยสบาย
หลังจากคุยจบแล้ว ฉินเฟิงก็วางโทรศัพท์ลง แล้วก็ทิ้งโพสต์ข้อความเล็ก ๆไว้ข้างๆจากนั้นก็ออกไปแล้ว เขากลับว่าอยากจะดูว่า เป็นไอ้คนไหน ที่มาก่อเรื่องอีกแล้ว
หลังจากที่มาถึงบริษัท กึ่งซานหยวน จำกัด ฉินเฟิงถึงได้ทราบว่าพวกคนที่อ้ายเสี่ยวซีพูดถึงคือใครกัน
กลุ่มคนสวมชุดดำ รูปร่างสูงใหญ่ มีรอยสักรูปสัตว์ประหลาดมากมายบนร่างกาย กำลังถือมีดผ่าแตงโมด้ามยาว ปอกแอปเปิล
มองดูแล้วทำให้คนตกใจอย่างมาก
และฉินเฟิงเห็นคนๆหนึ่งที่อยู่ในนั้น ก็คือหวงจง
โย่ อิ่นซินไม่มาแกกลับว่ามาแล้ว
หวงจงยืนอยู่ในกลุ่มคนนั้น เห็นฉินเฟิงที่อยู่ข้างหลัง แววตาเป็นประกายทันที ครั้งนี้ที่เขามาก็เพราะอยากจะมาหาเรื่องฉินเฟิงและอิ่นซินพอดี
ที่ร้านอาหารในครั้งก่อน เขาขายขี้หน้ามากจริงๆ
ยังคิดว่าฉินเฟิงจะเป็นคนใหญ่คนโตอะไร
แต่ภายหลังได้ไปสอบถามมา เพียงเพราะว่าเขามีน้องสาวภรรยาคนหนึ่ง จับตู้ต้วนเทียนได้ กลายมาเป็นภรรยาคนที่สองของตระกูลตู้แล้ว เพราะงั้นถือได้ยืมใช้อำนาจของตระกูลตู้
เพียงแค่ยืมใช้อำนาจก็เท่านั้นแหละ
และตอนนี้ ตระกูลตู้ทำเรื่องหลายเรื่องอย่างต่อเนื่อง และMR.Xก็ปรากฏตัวออกมาอีก ดึงดูดองกรค์ใหญ่เหล่านั้นเข้ามาจับกลุ่มกัน กำลังลงมือกับตระกูลตู้ ตระกูลตู้เองแม้แต่ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย ยังจะมาสนใจฉินเฟิงคนนี้?
เพราะงั้น โอกาสที่เขาจะแก้แค้นก็มาถึงแล้ว เรียกเพื่อนสนิทของเขาจางว่านมาเลย และให้เงินรางวัลหนึ่งล้าน นี่ถึงได้เรียกคนมาเยอะแยะขนาดนี้ สามารถทำให้ฉินเฟิงตกใจแทบตายได้
ฉินเฟิงกลับว่าไม่ได้สนใจหวงจงคนนี้เลย แถมยังเดินเข้าไปหาโดยตรงแล้ว
ไอ้เด็กน้อย แกยังอยากเข้าไปอีก?
มีชายฉกรรจ์คนหนึ่งอยู่บนถนนอยากจะลงมือ
เพียงแต่ว่า ผู้ชายที่รูปร่างค่อนข้างผอมที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น : หยุด
พี่ว่าน?
ชายฉกรรจ์คนนั้นมองไปยังจางว่าน
พวกเราก็ต้องมีมารยาทนิดหน่อย อย่าเอะอะอะไรก็ฆ่าคน ให้คนเขาเข้าไป พูดเจรจากันอย่างสุภาพ หากคุยกันไม่ได้ผลถึงค่อยใช้ไม้แข็ง เข้าใจไหม ? จางว่านพูดกล่าวราวกับว่าค่อนข้างถ่อมตัว
จางว่านต่างจากพวกกุ๊ยทั่วไป สวมใส่เสื้อคลุมเสื้อดำ รูปร่างค่อนข้างผอม ใส่แว่นตา มองดูแวบแรก กลับว่าเหมือนคนที่มีวัฒนธรรม เพียงแต่มุมตากลับว่าสาดส่องความร้ายกาจออกมาแล้ว
ครับ พี่ว่าน
ชายฉกรรจ์คนนั้นสั่นสะท้านไปทั้งตัว ไม่กล้าคัดค้าน
ต่างจากพี่ใหญ่คนอื่นๆ ล่วงเกินพวกเขาแล้ว เขาก็อาจจะถูกต่อยยกหนึ่ง แต่ว่าล่วงเกินจางว่านคนนี้ งั้นเขาก็จะมีวิธีมาทรมานเขา
นี่เป็นงูพิษที่เลือดเย็น
ฉินเฟิงมองไปที่จางว่านแวบหนึ่ง ก็ไม่ได้มองอะไรอีก ตอนนั้นต่อให้เป็นคนที่ร้ายกาจแค่ไหน ก็ตายในเงื้อมมือของเขาแล้ว สามารถกลายมาเป็นผู้บังคับบัญชาของทหารกว่าสามหมื่นนายได้ สิ่งที่ต้องมีไม่เพียงแต่กำลังอาวุธเท่านั้น
ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?
ฉินเฟิงเดินมาถึงหน้าประตูบริษัท เห็นอ้ายเสี่ยวซีที่ใบหน้าหวาดกลัวอย่างมาก เบ้าตาค่อนข้างเปียกชื้น ถามอย่างเป็นห่วง
ไม่เหมือนกับผู้ชาย อ้ายเสี่ยวซีหวาดกลัวเรื่องนี้มาก
ไม่เป็นอะไรค่ะ
อ้ายเสี่ยวซีส่ายๆหน้าแล้ว พยายามบังคับให้จิตใจสงบแล้ว
หลังจากนั้น ฉินเฟิงก็มองไปแวบหนึ่ง เห็นว่าลุงยามสองคนนั่นที่รับเงินหนึ่งล้านเมื่อครั้งที่แล้วนั้นยังอยู่อีก
เถ้าแก่ คุณวางใจได้ พวกเราไม่ใช่คนแบบนั้น ในเมื่อพวกเรามาสมัครงานแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะไปโดยไม่สนใจ คุณวางใจได้ พวกเราจะขัดขวางพวกเขาเอาไว้
ลุงแก่สองคนที่ใกล้จะเข้าโลงแล้ว ฟันหน้าพักไปไม่น้อยแล้ว ตบหน้าอกพร้อมพูดรับรอง
ก็ถือว่าเหมาะสมกับตำแหน่ง
เพียงแต่ว่าฉินเฟิงอยากจะพูดว่า คุณลุง คุณเบาๆหน่อย ผมกลัวว่าคุณตบๆเข้าจะตบจนตัวเองตายไปเลย