เทพบุตร ทวงแค้น / เทพศึกมังกรหวนคืน - บทที่ 152 เริ่มเก็บกู้กับดัก(2)
ดวงตาสีแอปริคอทของอิ่นซิน เผยให้เห็นถึงความเจ็บปวด เธออยากจะโอบกอดฉินเฟิง แต่สุดท้ายอิ่นซินก็หยุด แล้วพูดเสียงเบาว่า ใส่ซะเถอะ
ฉินเฟิงนำเสื้อสูทสีดำแบรนด์ดังมาสวม เดิมทีรูปร่างตรงสง่าอยู่แล้ว เมื่อสวมมันไปอีก ทำให้ดูหล่อเหลามากยิ่งขึ้น นัยน์ตาดุจดวงดาว ลักษณะดูพิเศษน่าดึงดูด
ดูดีกว่าที่ฉันคิดไว้
อิ่นซินกวาดตามอง ใบหน้าเฉยเมย แต่กลับแอบชื่นชมในใจ
ผมไปรอคุณข้างนอกนะ
เพราะต่อไปถึงคราวอิ่นซินเปลี่ยนชุด ฉินเฟิงจึงไม่เหมาะที่อยู่ตรงนี้ ดังนั้นจึงเดินออกไปข้างนอก เพียงแต่ตอนที่เดินออกไป มีสายลมพัดผ่านเหมือนเสียงเสือคำราม มีลักษณะบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก
อิ่นซินมองดูแผ่นหลังของฉินเฟิงเดินจากไป ดวงตาเป็นประกาย เธอค้นพบว่าฉินเฟิงเหมือนคนใหญ่คนโตท่านหนึ่ง ท่วงท่าเยื้องย่างกรีดกราย ให้ความรู้สึกเหมือนเสือออกจากถ้ำ
อีกทั้งเขาเหมือนราชาแห่งสัตว์ร้ายที่มีทหารนับพันหมื่นชีวิต ทำให้หัวใจเต้นรัว รู้สึกกดดัน!
ความจริงฉันอยากคบกับคุณมากนะคะ
นัยน์ตาของอิ่นซินมีความเจ็บปวดแวบผ่านเข้ามา แต่เธอเป็นผู้หญิงแกร่งคนหนึ่ง คำที่พูดออกไปแล้วจะไม่มีวันกลับใจเด็ดขาด หลังจากที่จัดการกับอารมณ์ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกจากห้องไป
พวกเขาทั้งสองคน เดินทางไปยังตระกูลอิ่น
หลังจากที่มาถึงตระกูลอิ่น ยังคงเป็นคฤหาสน์หลังนั้น ตลอดทางที่ขับรถมาที่นี่ หลังจากลงรถ ฉินเฟิงก็สังเกตเห็น รูขนาดใหญ่ยังคงอยู่ที่เดิม
รูกัดกร่อนมันใหญ่มาก ไม่อาจซ่อมแซมได้ง่ายๆ
แต่บริเวณห้องโถงได้เปลี่ยนสถานที่แล้ว มันไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์หลังนั้น
ทำไมหรอ?
อิ่นซินมองไป เธอก็สังเกตเห็นรูขนาดใหญ่สองรูนั้นเช่นกัน อิ่นเสี้ยงเสว่เดินมาต้อนรับเธอ แล้วถามขึ้นว่า นี่เกิดอะไรน่ะ?
อิ่นเสี้ยงเสว่สีหน้าแข็งทื่อ
เกิดอะไรขึ้น?
จะเกิดอะไรขึ้นได้ล่ะ ก็ผู้ชายข้างๆหล่อนไงยะ ขับรถทหารที่ยืมมา ขับตรงเข้ามาพุ่งชน จนทำให้เราตกอกตกใจกันหมด
ตอนนี้หล่อนกลับยังถามว่าเกิดอะไรขึ้น?
ไม่อยากบอกก็ช่างเถอะ
อิ่นซินเห็นอิ่นเสี้ยงเสว่ไม่อยากบอก จึงไม่ฝืนบังคับอะไร แล้วยอมแพ้ไป
ไปกันเถอะ
ทุกคนเดินตามกันเข้ามา อิ่นซินกวาดตามองห้องโถง เห็นคนคุ้นเคยพวกนั้น และคุณท่านอิ่น นัยน์ตามีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่าง คุณปู่คะ วันนี้ไม่ใช่วันเกิดครบรอบแปดสิบปีอะไรของคุณปู่ หนูไม่ได้อกตัญญูอะไรขนาดนั้น วันเกิดคุณปู่ยังเหลือเวลาอีกสามเดือนกับอีกห้าวัน ตอนนี้ยังเร็วไป
ใบหน้าเป็นมิตรของคุณท่านอิ่นในตอนแรกถึงกับชะงักไป เดิมทีวันนี้เป็นศึกใหญ่ เขาได้ปรึกษากับอิ่นป่ายแล้วว่า จะต้องทำให้บริษัท กึ่งซานหยวน จำกัดล้มละลายให้ได้ แล้วกำจัดคู่ต่อสู้ของอิ่นป่านให้สิ้นซาก
แต่ทว่า เขากลับคิดไม่ถึงว่าอิ่นซินจะเปิดโปง และยังจำวันเกิดเขาได้อีกด้วย
ต้องรู้ว่า คนสูงวัยจะจัดวันเกิดเฉพาะปีที่สิบ ดังนั้นวันเกิดของเขาครั้งก่อนคือเมื่อเก้าปีที่แล้ว ความทรงจำค่อนข้างนานแล้ว แต่อิ่นซินกลับจำมันได้แม่น
คือฉัน……
นายท่านอิ่นกลืนน้ำลายดังเอือก แล้วมองไปที่อิ่นซิน หญิงสาวรูปร่างหน้าตาสะสวยคนนี้ สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
ไม้ได้กลายเป็นเรือไปแล้ว
น้องสาว ความโกรธแค้นคับข้องใจของเราที่มีมานาน ให้มันสิ้นสุดวันนี้เถอะ เธอน่าจะรู้ว่านี่มันคือเกม แต่เธอยังดึงดันเข้าไปเล่น เธอมั่นใจในอะไร?
ฉันประกาศออกไปว่ายืมเงินมาสองร้อยล้าน อันที่จริงฉันยืมมาสามร้อยล้าน เพื่อใช้ในยามจำเป็น
ครั้งนี้อิ่นซินเล่นค่อนข้างใหญ่
เธอก็รู้ว่านี้คือกับดัก แต่เธอต้องเข้าเล่น เพราะบริษัทซานหยวนกรุ๊ปเป็นของเธอ แต่เธอยังคงเหลือทางหนีทีไล่ให้ตัวเอง เธอไม่เพียงแต่เอาหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัทซานหยวนกรุ๊ปไปค้ำ ยังเอาบริษัท กึ่งซานหยวน จำกัดไปค้ำไว้ด้วย
ขอแค่เธอแพ้ ทุกอย่างก็จะจบเห่ แต่เธอไม่มีทางเลือก
สามร้อยล้านงั้นหรอ?
ฉินเฟิงพูดพึมพำข้างๆ น่าเสียดาย แค่นั้นมันยังไม่พอ
อิ่นซิน เงินของเธอไม่น้อยจริงๆ สามร้อยล้านพอที่จะซื้อบริษัทซานหยวนกรุ๊ปสามบริษัทแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เธอยังถือหุ้นสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัทซานหยวนกรุ๊ป แต่ว่า เธอคงไม่คิดไม่ฝันว่า ฉันได้เอาบริษัทซานหยวนกรุ๊ปรวมเข้ากับหวงซื่อกรุ๊ป กลายเป็นบริษัทลูกไปเรียบร้อยแล้ว
ว่าไงนะ?
อิ่นซินประหลาดใจ เดิมทีเธอรู้แผนการของอิ่นป่าย แต่เธอคาดคิดไม่ถึงว่าจะทำได้ถึงขนาดนี้ ว่าจะเอาบริษัทซานหยวนกรุ๊ปเข้าร่วมกับหวงซื่อกรุ๊ป
นี่หมายความว่ายังไง นี่มันหมายความว่าบริษัทซานหยวนกรุ๊ปนับตั้งแต่นี้ไปจะเป็นของหวงซื่อกรุ๊ป ถึงจะได้ตำแหน่งของบริษัทซานหยวนกรุ๊ปมา เธอก็ต้องทำงานให้กับหวงซื่อกรุ๊ปอยู่ดี
อีกทั้งหุ้นที่เหลือของบริษัทซานหยวนกรุ๊ปจะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นไม่ได้รับการอนุญาตจากหวงซื่อกรุ๊ป เธอไม่ทางซื้อได้แน่
วิธีเดียวก็คือ การกว้านซื้อหวงซื่อกรุ๊ปมาให้ได้
แต่ว่า
อิ่นซิน ครั้งนี้เธอทำอะไรไม่ได้แล้วสินะ เธออยากจะซื้อบริษัทซานหยวนกรุ๊ปก็ต้องซื้อหวงซื่อกรุ๊ปของฉัน ตอนนี้หวงซื่อกรุ๊ปใช้เงินจำนวนมากกว้านซื้อบริษัทซานหยวนกรุ๊ป ตอนนี้เป็นช่วงโกลาหล เหมาะที่เธอจะซื้อพอดีเลยนะ
หวงจงเดินเข้ามาจากอีกด้าน แล้วหัวเราะเสียงดัง
นี่เป็นแผนการที่พวกเขาวางไว้ เป็นเกมที่ใช้เงินจำนวนวางแผน เขาไม่เชื่อว่าอิ่นซินจะสามารถหนีรอดจากสถานการณ์แบบนี้ได้
หวงซื่อกรุ๊ปของพวกคุณ มีมูลค่าในตลาดเจ็ดร้อยล้าน แต่ถ้าจะซื้อในราคาสูง อย่างน้อยก็ต้องหนึ่งพันล้าน วิธีของพวกนายมันชั่วจริงๆ อีกอย่าง อิ่นป่าย นายวางใจขนาดนั้นเลยหรอ ที่เอาบริษัทซานหยวนกรุ๊ปส่งต่อให้ไอ้หมอนี้น่ะ?
อิ่นซิ่นกัดฟันกรอด ใบหน้าไม่ยอมแพ้
มอบให้หวงจง อย่างน้อยมันก็ดีกว่าให้เธอแล้วกัน
อิ่นป่ายรู้ดีว่าบริษัท กึ่งซานหยวน จำกัดของเธอค่อยๆเติบโตขึ้นมาแล้ว จากความสามารถของผู้หญิงคนนี้ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องทำมันให้เติบโตได้อย่างแน่นอน ถ้าอย่างนั้นสู้ให้มันพังพินาศไปพร้อมกันดีกว่า
อย่างน้อยหวงจงก็ให้เงินก้อนใหญ่กับเขามา
อิ่นซิน ยอมแพ้ซะเถอะ ครั้งนี้เธอแพ้แน่ๆ เธอมีเงินหนึ่งพันล้านไหม?ถ้าไม่มี คนที่มีเงินหนึ่งพันล้านในเจียงเฉิงมีไม่มากหรอกนะ สู้มานานขนาดนี้ ในที่สุดเราก็ชนะอยู่ดี อิ่นเสี้ยงเสว่พูดเยาะเย้ยอยู่ข้างๆ
สู้มาตั้งแต่เล็กจนโต สุดท้ายเธอก็ชนะอยู่ดี
เพียงแต่ว่า ในเวลานี้ ที่ด้านนอกประตูมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา บนตัวสวมชุดสาวออฟฟิศ รูปร่างสูงเพรียว ใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่ท่าทีกลับมีความแข็งกร้าว
มาแล้วหรอ?
ฉินเฟิงเอามือไพล่หลัง มองไปที่ผู้หญิงคนนี้
คุณคือ?
ทุกคนถามขึ้นมา
ฉันคือผู้ช่วยของMr.Xค่ะ Mr.Xให้ฉันเอาเงินอัดฉีดมาให้คุณอิ่นซิน Mr.Xให้คุณค่ะ ทั้งหมดมีหนึ่งพันล้าน
โหวเมิ่งหยาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง แต่เธอยังลงอดที่จะเหลือบตามองฉินเฟิงไม่ได้ ในใจเกิดความหวาดกลัว บุคคลที่มีตัวตนน่าทึ่งแบบนี้ ลงมือทีละหนึ่งพันล้าน แต่กลับมาเป็นเขยแต่งเข้าบ้านคนอื่น
จนถึงตอนนี้เธอก็ยังคิดไม่ตก
ผมกลับก่อนนะ ฉินเฟิงขยับเข้าไปพูดกับอิ่นซิน
ค่ะ
อิ่นซินยังคงตกตะลึง เหมือนกับคนในตระกูลอิ่น ถึงMr.Xผู้นี้ และอีกหนึ่งพันล้าน สำหรับการกล่าวลาของฉินเฟิง เธอเพียงแค่ตอบรับอย่างเคยชิน
และเวลานี้ฉินเฟิงก็ได้เดินออกมา พอดีกับข้างนอกมีรถแลนด์โรเวอร์สำหรับทหารที่รอเขาอยู่ ทะเบียนรถคือเจียง8888
ฉินเฟิงขึ้นไปนั่ง ข้างๆคือฉีหยุน
ท่านนายพลครับ บริษัทซานหยวนกรุ๊ปกำลังจะล้มละลายอย่างเป็นทางการ ราคาหุ้นเป็นศูนย์ทั้งหมดแล้วครับ ฉีหยุนกล่าวรายงาน
จับตาอิ่นป่ายไว้ คืนนี้ควรจะคิดบัญชีได้แล้ว
แววตาของฉินเฟิงฉายให้เห็นถึงความเยือกเย็น
ทนมานานขนาดนี้ ควรจะจัดการได้แล้ว