เทพบุตร ทวงแค้น / เทพศึกมังกรหวนคืน - บทที่ 41 ตามขึ้นมาแล้ว
บทที่ 41 ตามขึ้นมาแล้ว
ตามขึ้นมาแล้ว
เสียงตูมดังขึ้นมาหนึ่งครั้ง
สิ่งที่ใครก็คาดคิดไม่ถึงคือ ในระหว่างการหักเลี้ยว จู่ๆรถหวู่หลิงฮงกวงก็พุ่งเข้ามา ชนเข้ากับรถขันสุดท้าย ทำให้รถทั้งเจ็ดคันตกอยู่ในความโกลาหล
บ้าแล้ว มันต้องบ้าไปแล้วแน่นอน !
นักแข่งหมายเลข6เป็นรถที่อยู่คันสุดท้ายของรถแข่งทั้งเจ็ดคัน เมื่อรู้สึกถึงแรงกระแทกจากด้านหลัง เขาตะโกนด่าออกมาว่า อยากตายหรือไง นี่มันเป็นจุดหักเลี้ยว ยังกล้าชนเข้ามาอีก
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องรู้ ว่าช่วงโค้งมันต้องชะลอความเร็วลง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงช่วงหักเลี้ยว ขนาดหลิวซิวที่เป็นปีศาจนักชนยังไม่กล้าชนเลย แต่รถหวู่หลิงฮงกวงยังกล้าวิ่งเข้ามาชน
เมื่อนักแข่งหมายเลข 6 พยายามจนสามารถทรงตัวรถแข่งได้แล้ว
กลับได้ยินเสียง ตูมขึ้นมาหนึ่งครั้ง
รถหวู่หลิงฮงกวงกลับชนเข้าหาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเป็นถนนโค้งร่วม ทางหนึ่งโค้งไปทางด้านซ้าย อีกทางโค้งไปด้านขวา
นักแข่งเบอร์ 6: ยังจะชนอีก บ้าไปแล้ว ฉันไม่สามารถควบคุมตัวรถได้แล้ว!
รถของนักแข่งเบอร์6เลื่อนไถลออกไปอย่างกะทันหัน ชนเข้ากับรถแข่งอีกคัน
เสียงดังโครมครามขึ้นมาอีกครั้ง
รถคันด้านหน้าก็เสียการทรงตัวไม่สามารถควบคุมได้ เริ่มมีการชนประสานงานกัน
เพียงชั่วไม่กี่วินาที รถแข่งห้าหกคันก็ชนเข้าหากัน วุ่นวายกันไปหมด นักแข่งทั้งหลายต่างพากันตกใจเหงื่อออกเต็มหน้า ในมือจับพวงมาลัยอย่างแน่นหนา ในขณะนี้ เสียงของฉินเฟิงได้ดังขึ้นในชุดหูฟัง
รู้หรือไม่ว่ารถหวู่หลิงฮงกวงได้เปรียบตรงไหน รถทนต่อการชน เพราะฉะนั้น ถ้าไม่หลบหลีก ก็จะถูกข้าชนขยี้ออกไป
ความพูดนี้เต็มไปด้วยความยโส
แต่คำพูดนี้พูดได้ไม่ผิด รถหวู่หลิงฮงกวงไม่มีรูปลักษณ์ภายนอกที่คล่องตัวและความเร็ว แต่รถคันนี้กลับเป็นรถคันที่ใหญ่ที่สุดในบรรดารถแข่งทั้งหมด
รถสองคันรวมกันยังมีความสูงไม่เท่ารถหวู่หลิงฮงกวงหนึ่งคัน!
ถ้าพูดถึงเรื่องการชนแล้ว!
รถที่อยู่ในสนามแข่งทุกคันต้องยอมแพ้ให้รถหวู่หลิงฮงกวง
กล้าขู่พวกเราเหรอ
เมื่อนักแข่งเบอร์2ได้ยินคำพูดนั้น เขาก็รู้สึกโกรธมากๆ เขาเป็นนักแข่งรถที่เก่งมากๆในสายการแข่งนี้ จะเป็นรองก็แค่นักแข่งตู้ต้วนเทียนคนเดียว ถ้าการแข่งไหนที่ตู้ต้วนเทียนไม่ได้ลงแข่ง เขาจะเป็นผู้ชนะการแข่งนั้นๆเสมอ เขามีความยิ่งยโสในตัวมาก
การข่มขู่เขา ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองถูกหยามศักดิ์ศรี!
พี่น้องทั้งหลาย หยุดมันไว้ ปิดทางมันไว้ ข้าจะให้พวกเจ้าคนละหนึ่งแสน
นักแข่งเบอร์2พูดกับนักแข่งคนอื่นๆผ่านทางชุดหูฟัง
ได้
นักแข่งคนอื่นตอบรับทันที ไม่ต้องพูดถึงการที่โดนรถหวู่หลิงฮงกวงแซงหน้า มันเป็นเรื่องที่น่าอับอาย แค่ที่เฉินป๋อให้สามแสน และยังมีนักแข่งเบอร์2ให้อีกหนึ่งแสน รวมๆกันก็สี่แสนแล้ว
ต้องหยุดรถแข่งหวู่หลิงฮงกวงให้ได้
ปิดทางมันให้หมด!
นักแข่งเบอร์24 ถ้าแน่จริงเจ้าก็ชนเข้ามาเลย!
เสียงพูดออกมาจากชุดหูฟัง และค่อยๆเงียบหายไป รถแข่งทุกคันได้ปิดทางไว้หมดแล้ว ไม่เหลือแม้แต่ช่องว่างให้ฉินเฟิงเลย
พี่เขย ทำยังไงดี?
อิ่นหนิงหยู่ถามขึ้นมาทันที เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้
เจ้าไม่ได้ยินเหรอ?
ฉินเฟิงจับพวงมาลัยอย่างแน่น เหยียบไปที่คันเร่ง : ถ้าพวกเขาต้องการให้พวกเราชนขึ้นไป ฉันก็จะจัดให้ตามคำขอ
จับไว้แน่นๆ!
อิ่นหนิงหยู่รีบจับเบาะนั่งไว้แน่นๆทันที
เวลาต่อมา รถหวู่หลิงฮงกวงเร่งความเร็วขึ้นมาทันที
หวู่หลิงฮงกวงเพิ่มความเร็วขึ้นอีกครั้ง และกำลังจะชนอีกแล้ว แต่รถด้านหน้าได้จัดเป็นขบวน เพื่อรอรถคันนี้ ไม่รู้ว่ารถหวู่หลิงฮงกวงพุ่งเข้าชนได้ราบรื่นไหม จะสามารถฝ่าวงล้อมของรถแข่งอื่นๆได้ไหม……ชนแล้ว ……ชนแล้ว การชนครั้งนี้ได้เพิ่มแรงม้าเพื่อเข้าปะทะ และถนนข้างหน้าเป็นทางเลี้ยวอันตราย ทีมรถข้างหน้าก็ยังคงควบคุมรถได้ มาอีกแล้ว ครั้งนี้เป็นทางโค้งร่วม มันชนเข้าอีกแล้ว คราวนี้!
ทุกคนจับจ้องมองไปที่จอมอนิเตอร์อันใหญ่ ตามเสียงของคนพากย์
บนหน้าจอมอนิเตอร์อันใหญ่ รถหวู่หลิงฮงกวงเบียดรถคันสุดท้ายของขบวน ทำให้รถขันสุดท้ายไม่สามารถควบคุมตัวรถได้ และพุ่งชนรถคันด้านหน้า
ตามมาด้วย
ทางโค้งอันใหญ่
รถเบียดกันอีกแล้ว!
รถแข่งเบอร์2ที่อยู่ด้านหน้าสุดพูดคำนี้ออกมา ตอนนี้รถแข่งที่อยู่ด้านหน้าห้าคันรวมตัวกัน แล้วขวางถนนทันที ในเวลานี้มีเสียงตูมๆดังขึ้นสองครั้ง ด้านหลังได้มีรถแข่งสองคันเสียการควบคุมไปแล้ว
ชนเข้ากับกำแพงภูเขา และรถก็หยุดนิ่ง
เครื่องยนต์มีควันดำโพยพุ่งออกมา เห็นชัดเลยว่าไม่สามารถวิ่งต่อได้ และเขาก็ถอนตัวออกจากการแข่งขัน
ทุกคน นับเลขสามสองหนึ่งแล้ว หยุดรถ แล้วพวกเราพุ่งชนมัน!
นักแข่งเบอร์2เห็นรถสองคันด้านหลังขาดการติดต่อ เขาจึงขมวดคิ้ว แววตาเผยความโหดเหี้ยม เมื่อกี้มีรถเจ็ดคันมันมากเกินไปที่จะชนปะทะ ตอนนี้เหลือแค่ห้าคันพอดี สามารถพุ่งชนรถหวู่หลิงฮงกวงได้เลย
ก่อนหน้านี้ คุณชนพวกเราตลอด ตอนนี้ถึงตาพวกเราแล้ว เฮ้อๆ สาม สอง หนึ่ง หยุด !
พอนักแข่งเบอร์2พูดจบ รถทั้งห้าคันก็หยุดลง
โอ้โห ทุกคนเห็นหรือยัง รถด้านหน้าห้าคันหยุดกะทันหัน กำลังจะชนเข้ากับรถหวู่หลิงฮงกวง รถห้าคันนี้พอที่จะทำให้รถหวู่หลิงฮงกวงเสียหลักออกจากสนามได้เลย จะชนกันแล้ว จะชนแล้ว……อะไร……นี้มัน……มันเกิดอะไรขึ้น!
เสียงของพิธีกรดังขึ้น ทำให้ทุกคนตกตะลึง
เพราะเห็นรถหวู่หลิงฮงกวงขับไปยังทางด้านซ้ายที่เป็นกำแพงภูเขา เพราะเส้นทางนี้เป็นทางภูเขา และทางด้านซ้ายเอียงอยู่นิดหน่อย ทำให้รถหวู่หลิงฮงกวงขับขึ้นไปได้
เพราะกำแพงภูเขาที่เอียงอยู่ ทำให้รถบินไปข้างหน้า!
ใช่แล้ว
มันบินขึ้นไปแล้ว!
โอ้พระเจ้า รถหวู่หลิงฮงกวงบินขึ้นไปแล้ว ฉัน……ลงจอดบนรถแข่งหมายเลข8 ยางของล้อรถเสียดสีจนเกิดประกายไฟ แล้วรถก็พุ่งออกไป และตอนนี้รถคันข้างหน้าต่างพากันหยุดลง เพื่อให้รถหวู่หลิงฮงกวงขับไปข้างหน้า เพื่อร่อนลงบนหลังคาของรถแข่งหมายเลข2 เร่งเครื่องอีกครั้ง แซงหน้ารถแข่งหมายเลข2 ลงจอดบนถนนแล้ว โอ้พระเจ้า ลงจอดบนถนนแล้ว แซงไปแล้ว แซงไปแล้ว !
พิธีกรกรีดร้องเสียงดังออกมา ด้วยน้ำเสียงที่แหบเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงกรีดร้องออกด้วยความตกตะลึง เหมือนเขาต้องการอธิบายว่านี้เป็นเทคนิคที่น่าทึ่งที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ
ด้วยความเอียงของกำแพงภูเขาเพียงเล็กน้อย ทำให้รถสามารถวิ่งขึ้นไปได้ บวกกับด้วยความเร็วของรถ ทำให้รถบินขึ้นไป และบังเอิญรถที่อยู่ด้านหน้าทั้งหมดได้หยุดนิ่ง ทำให้รถหวู่หลิงฮงกวงมีพื้นที่สามารถกระโดด
แค่นี้แหละ เขาแซงไปแล้ว
อย่างนี้ก็ได้ด้วยเหรอ
นักแข่งเบอร์2มองไปที่หน้ารถตัวเอง ที่ที่มีรอยยุบลงไป ทันใดนั้นเขาก็ตกตะลึง ทำอย่างนี้ได้ด้วยเหรอ ไม่มีลู่วิ่งที่จะแซง ก็เลยใช้รถแข่งของคนอื่นๆเป็นลู่วิ่งให้กับรถตัวเอง
นักแข่งเบอร์2ไม่ยอมแพ้ แต่ว่าเขารู้แน่แล้วว่าเขาแพ้แน่นอน
รีบโทรหาเฉินป๋อ พูดว่า: คุณชายเฉิน พวกเราไม่สามารถหยุดรถหวู่หลิงฮงกวง เขาวิ่งตรงไปยังคุณ เขาจะไล่ตามคุณทันในอีกไม่ช้า คุณต้องหาทางเอาเอง
หลังจากที่เฉินป๋อได้ยิน ในแววตาแสดงออกถึงความเหลือเชื่อ ตะคอกออกมาว่า: พวกเจ้าทั้งเจ็ดคัน ยังไม่สามารถหยุดรถหวู่หลิงฮงกวงได้ เอาพวกเจ้าไว้ทำไม ไร้ประโยชน์ พวกเจ้ามันช่างไร้ประโยชน์ !
เสียงตู๊ดดังขึ้นหนึ่งครั้ง
รถแข่งหมายเลข2 ได้ปิดการติดต่อไป
มันว่างสายไปแล้ว! ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล ตอนนี้ฉันถึงช่วงถนนที่ยี่สิบสามแล้ว เหลืออีกเก้าช่วงถนนก็จะถึงเส้นชัย และถนนด้านหลังที่เหลือมีแต่ทางโค้ง เขาแซงฉันไม่ได้หรอก
มองไปที่หน้าจอจีพีเอส เฉินป๋อเบาใจไปหน่อย แต่ผ่านไปชั่ววินาทีเดียว เขาเหลือบมองไปที่กระจกมองหลัง สีหน้าตกใจแน่นิ่งไปชั่วครู่
ตามมาทันแล้ว