เทพบุตร ทวงแค้น / เทพศึกมังกรหวนคืน - บทที่ 50 บริษัทหยวนฟาง
ในวันถัดมา ฉินเฟิงและอิ่นซินก็ไปที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
หลังจากเดินเข้ามาแล้ว ฉินเฟิงกวาดสายตามองก็เห็นผู้ชายค่อนข้างอ้วนนั่งอยู่บนเก้าอี้ สวมแว่นกันแดด มีบอดี้การ์ดชุดดำสองคนอยู่ข้างหลังเขา
บอสหลี่ ฉันมาสายไปหน่อย
อิ่นซินกล่าวทักทาย
ท่านนี้คือ?
บอสหลี่เหลือบมองฉินเฟิง
นี่คือสามีของฉันเอง ฉินเฟิง
อิ่นซินแนะนำตัวอย่างสง่าผ่าเผย จากนั้นทั้งสองก็นั่งลง อิ่นซินแนะนำให้ฉินเฟิงรู้จัก นี่คือหลี่หย่วน บอสหลี่ เจ้าของอสังหาริมทรัพย์หยวนฟาง และเป็นหุ้นส่วนของเราด้วย
สวัสดีครับ
ฉินเฟิงทักทายด้วยน้ำเสียงเมินเฉย
ฉินเฟิง ผมเคยได้ยิน
หลี่หย่วนยิ้มมุมปาก เขาเคยได้ยินเรื่องนั้นมาก่อน ผู้ชายคนนี้มีฐานะเป็นยาจก ผู้ชายคนนี้เอาชนะใจอิ่นซิน ผู้ที่ถูกยกย่องให้เป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองเจียงเฉิงในตอนนั้นภายในระยะเวลาสั้นๆ
เป็นที่โจษจันกันไปทั่วเมืองเจียงเฉิงในเวลาอันสั้น
แต่ผู้ชายคนนี้เป็นเพียงยาจกคนหนึ่งเท่านั้น ได้ข่าวว่าเขากลับมาแล้ว แต่ดูเหมือนจะมาเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรืออะไรสักอย่าง เขาก็เหมือนเดิม เป็นพวกไม่เอาถ่าน
หลี่หย่วนมองไปทางฉินเฟิงด้วยความรังเกียจ
ในเวลานี้ อิ่นซินได้หยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋าของเธอแล้วยื่นให้หลี่หย่วน นี่คือจำนวนเงินที่พวกคุณต้องจ่ายให้กับเราสำหรับโครงการนี้ แต่ละบัญชีได้คำนวณเอาไว้อย่างชัดเจน ทั้งหมดรวมเป็นสิบสองล้าน
ภารกิจของเธอในวันนี้คือการมาวางบิล
หลี่หย่วนรับมันมาพลางมองดูครู่หนึ่ง ก่อนจะวางลงแล้วพูดว่า รายการถูกต้อง
ดีค่ะ
อิ่นซินดีใจมาก แล้วพูดต่อว่า ถ้าอย่างนั้นก็รีบส่งมอบเถอะ
เดี๋ยวก่อน ผมยังพูดไม่จบ การส่งมอบไม่มีปัญหา ปัญหาคือบริษัทของเราตอนนี้ไม่มีเงิน บริษัทของเรามีสองโครงการในมือที่สร้างไม่สำเร็จ ขายไม่ออก ยิ่งไปกว่านั้นยังมีข้อพิพาทเรื่องหนี้สิน ทำให้เงินทุนไม่สามารถหมุนเวียนได้
หลี่หย่วนเคาะโต๊ะแล้วดันเอกสารกลับไป ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง เงินค่าโครงการนี้ พวกคุณต้องรอก่อน
ยังต้องรออีกเหรอ? บอสหลี่ เงินค่าโครงการนี้พวกคุณควรจ่ายตั้งแต่เดือนที่แล้วด้วยซ้ำ แต่นี่มันล่าช้าไปหนึ่งเดือนแล้ว คุณยังจะให้พวกเรารออะไรอีก
สีหน้าของอิ่นซินค่อนข้างแย่
โครงการนี้ บริษัทของหลี่หย่วนไม่จ่ายเงินเสียที สิบสองล้านหยวน ถ้าเอาฝากไว้ในธนาคารหรือเอาไปลงทุนอย่างอื่น ถึงตอนนี้ก็น่าจะทำกำไรได้สองสามแสนแล้ว อีกอย่างนี่ก็เป็นครั้งที่สามแล้วที่เธอมาทวงถาม
คุณอิ่น มันไม่ใช่ความผิดของผม บริษัทกำลังประสบปัญหาอยู่จริงๆ และมีปัญหาไม่ใช่น้อยๆ เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าบริษัทของพวกคุณให้เรายืมอีกสิบล้าน พอขายทั้งสองโครงการนั้นได้แล้ว พวกเราจะคืนให้พวกคุณทันที ว่าไงล่ะ?
หลี่หย่วนเคาะโต๊ะด้วยสีหน้าจริงจัง
…
อิ่นซินพูดไม่ออก ถ้าให้พวกเขายืมอีกสิบล้าน ก็เหมือนโยนก้อนเนื้อให้สุนัข ไม่มีทางได้คืน ต่อให้สุดท้ายต้องขึ้นศาล แต่ด้วยขนาดของทั้งสองบริษัท ก็ต้องสู้คดีกันถึงครึ่งปี
บอสหลี่ ฉันจำได้ว่าอสังหาริมทรัพย์หยวนฟางของพวกคุณไม่มีข้อพิพาททางด้านเงินทุน บริษัทยังเปิดทำการตามปกติ กรุณาอย่ามาล้อเล่นกับฉัน ในรายการมีเขียนเอาไว้อย่างชัดเจน
อิ่นซินหน้านิ่วคิ้วขมวด ชี้ไปที่สัญญาฉบับนั้น
ผมรู้
หลี่หย่วนนั่งอยู่บนเก้าอี้ ยื่นมือออกมา ทำท่าทางเหมือนลูกหนี้คือพระเจ้า แต่ตอนนี้ผมไม่มีเงินคืนพวกคุณจริงๆ อีกอย่างบริษัทฟางซื่อกรุ๊ปได้แจ้งล่วงหน้าแล้ว คุณเข้าใจไหม?
บริษัทฟางซื่อกรุ๊ปอีกแล้ว
อิ่นซินลุกขึ้นทันที สีหน้าบูดบึ้งด้วยความโกรธ งานเหล่านี้ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับบริษัทฟางซื่อกรุ๊ป เห็นได้ชัดว่าบริษัทฟางซื่อกรุ๊ปกำลังทำให้เธอลำบาก อิ่นซินกัดฟันกรอด ขอโทษนะคะ ขอตัวไปห้องน้ำหน่อย
อิ่นซินเดินไปทางห้องน้ำ
และในเวลานี้ หลี่หย่วนได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง อะไรนะ? ดาราชั้นสอง? ราคาห้าแสนต่อคืน ทำไมแพงแบบนี้ ผมมีเงินอยู่ เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมจะไปเดี๋ยวนี้
หลังจากวางสาย หลี่หย่วนก็หยิบของขึ้นมา กำลังจะเดินออกไป
ไม่ได้สนใจฉินเฟิงและอิ่นซินเลย
เพียงแต่ว่า ในเวลานี้ฉินเฟิงได้นั่งลงบนที่นั่งแล้วลืมตาขึ้น ผมปล่อยคุณไปแล้วเหรอ?
คุณกำลังพูดกับผมหรือเปล่า?
หลี่หย่วนนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะมองไปที่บอดี้การ์ดทั้งสองของตนเอง พวกเขาพากันพยักหน้า บอกว่าฉินเฟิงกำลังพูดถึงอยู่
ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มมุมปากเยาะเย้ย แล้วกลับไปยังที่นั่ง เอามือเท้าโต๊ะ มองไปที่ฉินเฟิง สายตาเต็มไปด้วยการยั่วเย้า คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังพูดกับใครอยู่? ไอ้ขอทาน
ขอทาน
ฉินเฟิงยิ้มเยาะ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยิน มีคนกล้าพูดคำสองคำนี้ต่อหน้าผม
ทำไมเหรอ ไอ้ขอทาน คุณโกรธเหรอ? น่าเสียดายนะ คุณโกรธไปก็ไม่มีประโยชน์ คุณมันก็แค่เศษสวะคนหนึ่ง ถ้าตอนนั้นคุณไม่โชคดี คุณจะได้นอนกับอิ่นซินเหรอ? ชั่วชีวิตคุณน่าจะรู้จักพอ ดังนั้นอย่ามาหาเรื่องเลย
หลี่หย่วนหัวเราะเยาะครู่หนึ่ง ก่อนจะเตรียมตัวออกไปอีกครั้ง
แต่เสียงของฉินเฟิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง ผมบอกแล้วไง อนุญาตให้คุณไปแล้วเหรอ?
เจ้าหนุ่มน้อย กล้ายั่วยุผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า คุณคิดว่าคุณเป็นใคร คุณมันก็แค่ลูกเขยแต่งเข้าบ้านคนอื่นเท่านั้น กล้าดียังไงมาตะคอกใส่ผม จัดการทีซิ!
หลี่หย่วนหันกลับมา ชี้ไปที่ฉินเฟิงด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ครับผม
บอดี้การ์ดสองคนที่อยู่ข้างหลังขานรับ พวกเขามักจะทำเรื่องเหล่านี้เป็นประจำ มีความคล่องแคล่วชำนาญ
ส่วนหลี่หย่วนนั้นถอยออกไปสองก้าว เพื่อเปิดพื้นที่ให้พวกเขา ดวงตามีแววล้อเลียน คนประเภทนี้ ถ้าไม่สั่งสอนบทเรียนเสียบ้าง เกรงว่าเขาอาจจะไม่รู้จริงๆ ว่าตนเองเป็นใคร
บอดี้การ์ดทั้งสองสบสายตากันแล้วยิ้มมุมปาก จากนั้นพวกเขาก็เคลื่อนที่ไปข้างหน้าขนาบซ้ายขวา พร้อมที่จะเข้าจับตัวฉินเฟิง
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีมือใหญ่เข้ามาคว้าจับทางด้านซ้าย ฉินเฟิงก็ยื่นมือออกมา คว้าตัวบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านซ้ายมือไว้
ไอ้โง่
บอดี้การ์ดคนนั้นยิ้ม คิดว่าฉินเฟิงต้องสมองไม่ปกติแน่ๆ ถึงใส่พานถวายมาแบบนี้ จากนั้นกล้ามเนื้อบนร่างกายของเขาก็ปูดโปนขึ้น กำลังจะบีบฝ่ามือของฉินเฟิง
แต่เมื่อเขาออกแรง สีหน้าของเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป กลายเป็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
สนุกไหม?
ฉินเฟิงพูดเบาๆ
บอดี้การ์ดคนนั้นเส้นเลือดเขียวปูดโปน ใบหน้าบวมแดง บนเสื้อผ้ามีคราบเหงื่อเปียกชุ่ม
คุณรนหาที่ตายเอง
บอดี้การ์ดอีกคนเห็นดังนั้น ก็เตะเข้าที่ศีรษะของฉินเฟิงด้วยลูกเตะพายุหมุน มีเสียงแตกหักเบาๆ ดังขึ้น การเคลื่อนไหวรวดเร็วและแม่นยำ แล้วยังใช้กำลังทั้งหมดอย่างเต็มที่ ถ้าเตะถูกล่ะก็ ศีรษะของเขาจะต้องระเบิดอย่างแน่นอน
ผมว่าคุณนั่นแหละที่รนหาที่ตาย
ฉินเฟิงเห็นเขาจนมุม ลำแสงหนาวเหน็บฉายผ่านดวงตาของเขา เขาไม่เกรงใจอีกต่อไป คว้าขาที่เขาส่งลูกเตะพายุหมุนอันทรงพลังเข้ามา จากนั้นก็ออกแรงหัก เสียงกระดูกแตกหักดังขึ้นในร้านกาแฟแห่งนี้
จากนั้นก็จับโยนออกจากร้านอาหาร ขวางอยู่บนถนน
จากนั้นเธอก็ปล่อยบอดี้การ์ดอีกคนหนึ่งแล้วลุกขึ้นยืน
อา!
บอดี้การ์ดกุมฝ่ามือตัวเอง ร้องครวญครางอย่างสุดชีวิต
ฝ่ามือข้างหนึ่งของเขาตำแหน่งที่ถูกฉินเฟิงจับไว้ มีเพียงข้อต่อเดียว ถูกฉินเฟิงบีบมารวมกัน กระดูกภายในแตกละเอียด
ผู้คนที่มุงดูรอบๆ พอเห็นความรุนแรงเช่นนั้น ก็วิ่งหนีไปทันที
นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น!
หลี่หย่วนที่เหลือตัวคนเดียว ในเวลากลับมองดูบอดี้การ์ดทั้งสองที่นอนอยู่บนพื้นด้วยความงุนงง บอดี้การ์ดสองคนของเขาปลดประจำการมาจากกองกำลังพิเศษ อยู่รอดในการต่อสู้หนึ่งต่อสิบ ไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง
ส่วนฉินเฟิงคนนั้น ไหนบอกว่าเป็นพวกคนไม่เอาถ่าน เป็นคนเกาะเมียกินไง!
เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ได้
นี่มัน คนไม่เอาถ่านแน่เหรอ?
หรือว่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากล