เทพบุตร ทวงแค้น / เทพศึกมังกรหวนคืน - บทที่ 54 ตู้ต้วนเทียนมาแล้ว
สองคนนี้เย่อหยิ่งเกินไปแล้ว ยังไม่ทันได้อธิบายอะไรก็ไปแล้ว คราวนี้บริษัทฟางซื่อกรุ๊ปก่อการกบฏ ตัวการสำคัญคือพวกเขาสองคน โดยเฉพาะฉินเฟิง
ฉินเฟิงนั่นกล้ามอมคุณชายฟางจนเข้าโรงพยาบาล ช่างกล้าเหลือเกิน
คนในห้องทำงานต่างวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนใหญ่เป็นการตำหนิอิ่นซินและฉินเฟิง
ส่วนอิ่นป่ายก็ยิ้มเยาะ จะสู้กับฉันเหรอ? พวกเธอยังอ่อนหัดเกินไปหน่อย
พอกลับมาถึงบ้านตระกูลอิ่น ฉินเฟิงพบว่า จางลี่และอิ่นหยวนอยู่ในห้องนั่งเล่น อิ่นหยวนกำลังนั่งอยู่บนโซฟา อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งด้วยสีหน้าซับซ้อน จางลี่เอามือกอดอก มองเขาด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร
ฉินเฟิง คุณกล้ามากนะ
พอเห็นฉินเฟิงกลับมา จางลี่ก็ตำหนิเขาทันที
แม่คะ
อิ่นซินเข้ามายืนอยู่หน้าฉินเฟิง บังเขาไว้
ฮ่า ฉินเฟิง คุณเป็นแค่คนไม่เอาถ่าน เกิดอะไรขึ้นก็คอยหลบหลังผู้หญิง เป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า ก้าวออกมาข้างหน้า วันนี้เราต้องเคลียร์เรื่องนี้ให้จบ
จางลี่เอามือกอดอก ทำท่าขู่
อิ่นซินยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ฉินเฟิงคว้าหัวไหล่ของเธอไว้แล้วพูดเบาๆ ว่า ผมจัดการเอง จะปล่อยให้คุณเผชิญหน้าคนเดียวไม่ได้หรอก
จากนั้น ฉินเฟิงก็ก้าวไปข้างหน้า ดวงตาของเขาก็ดำทะมึนเหมือนน้ำหมึก คุณอยากจะพูดอะไร?
ฮ่า พูดอะไรน่ะเหรอ คุณเพิ่งเข้ามาในครอบครัวของเราไม่กี่วัน คุณดูสิว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับครอบครัวของเราบ้าง นอกจากนี้คุณยังทำให้บริษัทฟางซื่อกรุ๊ปขุ่นเคือง พวกเขาประกาศออกมาแล้วว่าจะแบนบริษัทซานหยวนกรุ๊ป พอถึงตอนนั้นพวกเราจะสูญเสียทุกอย่าง คุณดูตัวคุณสิ อย่าว่าแต่ตู้ต้วนเทียนหรือฟางเย้นเลย เงื่อนไขของพวกเขาดีกว่าคุณมาก ถึงครั้งนั้นจะมีมลทินบ้างก็เถอะ ก็แค่คุณชายฟางไม่ทันได้สังเกตเห็น เลยถูกคนอื่นหลอกลวงเท่านั้น
แล้วมาดูคุณสิ คุณมีอะไรบ้าง คุณยากจน ไม่มีอะไรสักอย่าง คุณจะเอาอะไรมาทำให้ลูกสาวของฉันมีความสุข หากคุณหวังดีกับลูกสาวของฉันจริงๆ มะรืนนี้ก็ยอมไปที่บริษัทแต่โดยดี โขกศีรษะคำนับหลายๆ ครั้ง เช่นนี้ทุกคนก็จะมีความสุข
จางลี่พูดจาเฉียบแหลม ก่อนจะมองไปที่ฉินเฟิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ จากนั้นก็พูดต่ออีก อันที่จริง คุณก็เกิดมาเป็นขอทานอยู่แล้ว ตอนนัน้นคุณก็คงคุกเข่าโขกศีรษะคำนับมาไม่น้อย ฉันเห็นคุณโขกศีรษะคำนับให้เราตอนนั้นอย่างคล่องแคล่ว
สิบนาทีที่แล้ว ครอบครัวได้บอกพวกเธอถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ ถ้ามะรืนนี้ฉินเฟิงไม่ไปคุกเข่าที่บริษัท บริษัทซานหยวนกรุ๊ปก็จะถึงจุดจบ
บริษัทเล็กๆ ที่มีมูลค่าในตลาดเพียงไม่กี่สิบล้านจะสู้กับบริษัทใหญ่ได้อย่างไร
จาง…
เมื่อตอนแรกที่อิ่นหยวนได้ยินเรื่องนี้ ก็ยิ่งพูดเกินเลยไปไกล เขาอยากจะเอ่ยปากห้ามไว้ แต่ทันใดนั้นก็นึกถึงคำกำชับของครอบครัวได้ จำเป็นต้องให้ฉินเฟิงคุกเข่าให้ฟางเย้น
นี่คือคำพูดของคุณท่านอิ่น
สุดท้ายเขาก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา
แม่คะ
อิ่นซินต้องการก้าวออกมา แต่ฉินเฟิงเอื้อมมือออกไปแล้วโอบกอดเธอไว้ จากนั้นก็พูดกับจางลี่ว่า คุณป้าครับ เรื่องนี้ ผมจะรับผิดชอบเอง
คุณจะรับผิดชอบยังไง คุณเป็นแค่ยาจกคนหนึ่ง เป็นคนเกาะเมียกิน คุณกล้าพูดแบบนี้ คุณจะเอาอะไรมารับผิดชอบ! คุณรับผิดชอบไหวเหรอ?
จางลี่เอามือกอดอก สีหน้าไร้ความเมตตาใดๆ
ฉินเฟิงบีบมือแน่น ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะไม่มีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้ เขาเป็นนายพลที่ไม่เป็นสองรองใครในรุ่น มือเปื้อนเลือดศัตรูนับแสน เป็นเทพสงครามที่ปกปักรักษาประเทศอย่างแท้จริง ต่อให้อีกฝ่ายเป็นหัวหน้า เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ยังไม่กล้าหายใจแรง
แต่ทว่า
อิ่นซินคว้าหัวไหล่ของเขาไว้แล้วก้าวออกมาข้างหน้า แม่คะ ฉันไม่สนหรอกว่าแม่จะคิดยังไง เขาเป็นสามีของฉัน เป็นครอบครัวของฉัน เรื่องนี้ฉันจะคิดหาทางออกเอง
จากนั้นก็ดึงฉินเฟิงไป ไป กลับห้องของเรากันเถอะ
ตกลง
ฉินเฟิงเห็นท่าทีปกป้องของอิ่นซิน ก็รู้สึกอบอุ่นในใจ ความซึมเศร้าก่อนหน้านี้หายไปแล้ว ภรรยาแบบนี้ถือเป็นโชคดีที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ขณะที่กำลังขึ้นไปชั้นบน อิ่นหยวนที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ก็พูดขึ้นมาว่า ผมเคยพูดเสมอว่า ลูกสาวของผมจะไม่อยู่กับคนไม่เอาถ่าน ถ้าคุณยังมีความรักให้เธออยู่บ้าง ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้ว่าต้องทำยังไง แต่คุณวางใจได้ ผมจะไม่ปล่อยให้ฟางเย้นและเสี่ยวซินได้อยู่ด้วยกัน เรื่องนี้ผมรับประกันให้คุณได้
เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการให้ฉินเฟิงไปขอโทษฟางเย้นในวันพรุ่งนี้
คุกเข่าลง
โขกศีรษะคำนับกับพื้น
พ่อ พ่อก็เป็นไปด้วย
อิ่นหยวนจ้องเขม็งใส่อิ่นหยวน แล้วรีบดึงฉินเฟิงให้เข้าไปในห้องแล้วล็อกประตู อิ่นหยวนเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจ ตอนแรกไม่ควรปล่อยคุณไว้เลย ตอนนี้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่แล้ว
ในตอนนั้น เขาใจอ่อนไปชั่วขณะ ปล่อยฉินเฟิงไว้ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะไปยั่วยุบริษัทฟางซื่อกรุ๊ปอันใหญ่โต ทั้งตระกูลกำลังจะพินาศ
ฉันเคยบอกคุณแล้ว คนไม่เอาถ่านแบบนี้จะคู่ควรกับลูกสาวของฉันได้ยังไง ฉันจะเลือกให้เสี่ยวซินใหม่ ต้องเป็นผู้ชายที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าตู้ต้วนเทียน
จางลี่หยิบโทรศัพท์ออกมาทันที ค้นหาชายหนุ่มโสดที่โดดเด่น
เธอแน่ใจว่าวันมะรืนนี้ หลังจากที่ฉินเฟิงคุกเข่าลงโขกศีรษะคำนับแล้ว เขาจะต้องอับอายจนไม่เหลือศักดิ์ศรีอย่างแน่นอน ในเวลานั้นเขาจะไม่มีหน้าทนอยู่ที่นี่ได้อย่างแน่นอน
พอถึงตอนนั้นอิ่นซินจะกลายเป็นโสดอีกครั้ง คราวนี้เธอจะต้องจับเขยเต่าทองคำให้ได้ เศษสวะอย่างฉินเฟิงจะไม่สามารถปรากฏตัวได้อีก เศษสวะคนนี้จะคู่ควรกับลูกสาวของเธอได้อย่างไร
หลังจากกลับมาที่ห้องแล้ว อิ่นซินก็นั่งบนเตียงด้วยใบหน้าเศร้า เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี แต่ก็ยังบอกกับฉินเฟิงว่า ไม่ต้องกังวล
ในเวลานี้ ฉินเฟิงเอามือลูบไล้แก้มของอิ่นซิน ยิ้มหน่อยสิ เวลาคุณยิ้มสวยมากเลย
อุ๊บ
อิ่นซินมองท่าทางของฉินเฟิงแล้วหัวเราะออกมา เวลานี้คุณยังมีอารมณ์มาเล่นมุกตลกแบบนี้อีก จริงสิ ยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมง คุณต้องไปรับกั่วกั่วแล้ว
ครับผม ภรรยาผู้ยิ่งใหญ่
ฉินเฟิงทำความเคารพแบบทหาร
บนโลกนี้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ฉินเฟิงทำวันทยหัตถ์ให้ได้
พูดมาก รีบไปเถอะ
อิ่นซินยกขาเตะฉินเฟิง ตั้งแต่เธอเริ่มยอมรับฉินเฟิง ทั้งสองก็เริ่มหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน หลังจากหยอกล้อกันได้ไม่นาน ฉินเฟิง ก็ออกจากบ้านตระกูลอิ่นเพื่อไปรับกั่วกั่ว
ขณะที่อิ่นซินยังคงอยู่ในห้องนอนของตนเอง กำลังคิดหาทางแก้ปัญหา โอ๊ย…ทำไมบริษัทฟางซื่อกรุ๊ปถึงเลวขนาดนี้…ต้องคุกเข่า…ต้องโขกศีรษะคำนับ…น่าเกลียดเกินไป…ทำไมพวกคุณไม่ล้มละลายไปเลยนะ…
ในเวลานี้ ฉินเฟิงที่เดินออกจากบ้านตระกูลอิ่นและขึ้นรถประจำทางแล้วได้โทรศัพท์ออกไป ตู้ต้วนเทียน มาหาผมที่โรงเรียนอนุบาล เลขที่ 26 ถนนตงเจีย เมืองเจียงเฉิง ให้ถึงภายในยี่สิบนาที ไม่อนุญาตให้มาสาย พ่อของคุณน่าจะเคยสอนคุณมาก่อน
ครับผม
ปลายสายโทรศัพท์ มีคำตอบรับว่า ‘ครับผม’ จากตู้ต้วนเทียนเหมือนเป็นทหารคนหนึ่ง
พ่อของเขาเป็นทหารผ่านศึก ดังนั้นเขาจึงรู้จักคำว่า ห้ามอย่างเด็ดขาด สี่คำนี้มาตั้งแต่เด็ก